““…………””
เพราะโคโคอะกำลังหลับอยู่ บรรยากาศระหว่างเราสองคนก็เลยเงียบกริบและดูอึดอัดอย่างช่วยไม่ได้
ผมไม่ใช่คนที่พูดเก่งนัก ส่วนมิซากิเองก็คงเกร็งอยู่ไม่น้อยเพราะนี่เป็นบ้านของผู้ชาย
บางทีน่าจะหาเรื่องคุยสักหน่อย แต่พอนึกถึงหน้าโคโคอะที่กำลังหลับสบายแบบนี้ ผมก็อยากปล่อยให้ความเงียบแบบนี้อยู่ต่อไปอีกนิด
“เอ่อ…”
ดูเหมือนมิซากิจะคิดไม่เหมือนกับผม
เธอเปิดปากขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน พอผมหันไปมองก็เห็นว่าเธอกำลังหลบตาอย่างลังเล
“ขะ–ขอเข้าไปดูในห้องของไรโตะคุงได้ไหม…?”
“…………”
แล้วอยู่ๆ เธอก็พูดอะไรที่ทำให้ผมไปไม่เป็นขึ้นมาซะงั้น
ไม่รู้ทำไม… แต่คนที่อยู่ตรงหน้าถึงชอบกดดันคนอื่นจังเลย…
“ม–ไม่มีความหมายอะไรหรอกนะ…!”
“สถานการณ์นี้ต่อให้พูดยังไงก็มีความหมายหมดนั่นแหละ…”
ยังไงก็ดูไม่น่าใช่ว่าแค่อยากดูห้องเฉยๆ แน่
“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรแปลกๆ หรือลามกๆ นะ…!”
ดูเหมือนเธอจะคิดว่าผมกำลังเข้าใจผิดก็เลยหน้าแดงเถือกแล้วรีบแก้ตัวเสียงสั่น
ถ้าอายขนาดนี้ก็ไม่ต้องพยายามฝืนพูดออกมาก็ได้แท้ๆ เธอนี่มันจริงจังกับทุกเรื่องเกินไปจริงๆ
“ฉันพอเดาได้หรอกน่า เธอแค่กลัวว่าถ้ามีใครถามขึ้นมาแล้วจะตอบเรื่องห้องฉันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
ที่จริงแล้วก็เพื่อรับมือกับคนแบบซูซุมิเนะซังนั่นแหละ ถ้าอีกฝ่ายซักถามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ต้องตอบให้เนียนๆ ได้ด้วย
“เข้าใจดีจังเลยนะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่เรื่องแบบนั้ ก็คงมีเหตุผลเดียวแหละน่า…”
“………!!!!”
แม้ผมจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ดูเหมือนมิซากิจะนึกภาพออกเองไปแล้ว
หน้าของเธอแดงจัดขึ้นไปอีก ก่อนจะเริ่มดิ้นเบาๆ ด้วยความเขินอย่างสุดชีวิต
จากที่เห็นคงชัดเจนแล้วว่าเธอไม่มีภูมิต้านทานเรื่องแบบนี้เอาซะเลย ถ้างั้นเธอก็อย่าเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองแต่แรกสิ…
“ถ้าให้เธอไปคนเดียวฉันก็ไม่สบายใจหรอกนะ เพราะงั้นฉันคงต้องตามขึ้นไปด้วย… เธอจะโอเคแน่เหรอ?”
แม้ว่าผมจะเข้าใจเหตุผลที่มิซากิอยากเข้าไปดูห้อง แต่ยังไงการเข้าไปในห้องของผู้ชายที่ไม่ได้เป็นแฟนกันก็มีความเสี่ยงอยู่ดี และผมก็ไม่เชื่อว่ามิซากิจะไม่เข้าใจเรื่องนั้น
“ถ้าเป็นไรโตะคุงล่ะก็ฉันมั่นใจว่าจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
“เดี๋ยวก่อนนะ เธอนี่คิดไปเองเกินไปแล้ว ฉันก็เป็นผู้ชายนะ? มันมีโอกาสที่จะเกิดเรื่องผิดพลาดได้เหมือนกัน”
การที่เธอไว้วางใจเกินไปแบบนี้ก็ลำบากใจเหมือนกัน ผมเองไม่มีความคิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แต่นั่นมันเป็นเพราะนี่คือผม
ถึงจะมีผู้ชายที่ดูนิสัยเหมือนผมอีกสักกี่คนก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าข้างในจะคิดตรงกัน
บางทีอีกฝ่ายอาจจะแค่แกล้งทำตัวเป็นคนดีเพื่อเข้าหาเธอก็ได้
ถ้ามิซากิเอาประสบการณ์จากผมไปใช้ตัดสินใจในครั้งต่อไปอย่างไม่ระวัง… มันอาจจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้นจริงๆ เพราะงั้นผมอยากให้เธอเริ่มระวังไว้ตั้งแต่ตอนนี้
“ไรโตะคุงนี่พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเลยนะ…”
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดแบบอ้อมค้อมซักเท่าไหร่หรอก”
ก็ใช่… เป็นเพราะนิสัยแบบนี้แหละที่ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ถ้าไม่พูดออกไปตรงๆ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
“…แต่นิสัยแบบนี้ฉันว่าก็ดีนะ”
ดูเหมือนมิซากิยังคงมีอารมณ์เขินหลงเหลืออยู่
เธอพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเขินๆ พร้อมกับแก้มที่ยังแดงระเรื่อไม่ยอมหาย
เห็นแบบนั้นแล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่า…
“เธอนี่แปลกจริงๆ นะ”
ผมพูดสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ แต่—
“พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะ!”
ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะไม่ยอมปล่อยผ่าน
มิซากิทำหน้างอนทันทีที่ได้ยิน
“ไรโตะคุงน่ะ ถึงจะพูดไม่ค่อยน่าฟังอยู่บ้าง แต่สิ่งที่พูดออกมาน่ะมันเต็มไปด้วยความหวังดีไง… ฉันก็เลยบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี…”
มิซากิอธิบายพลางค่อยๆ สื่อถ้อยคำอย่างละเอียดเพื่อกันไม่ให้ผมตีความผิดไป
นี่เธอไม่เหนื่อยบ้างรึไง?
“ว่าแต่ตอนแรกเธอไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
ก็ตอนนั้นเราคุยกันเรื่องความตรงไปตรงมาอยู่ไม่ใช่เหรอ
“อย่ามาเล่นจับผิดได้ไหม…! ยังไงซะฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดีจริงๆ นั่นแหละ…!”
ดูเหมือนครั้งนี้มิซากิจะไม่อยากขยายความต่อ
เธอเลยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมแล้วดันบทสรุปนี้มาแบบดื้อๆ
ยิ่งได้พูดคุยกันแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าภาพลักษณ์ที่เธอเคยแสดงที่โรงเรียนมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น ความประทับใจที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่ามิซากิในแบบที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ออกจะน่ารักกว่าแบบที่ดูสง่างามไร้ที่ติเยอะเลย
“ขอโทษนะที่ชอบแหย่เธอ”
พอเห็นเธอเริ่มงอน ผมก็รีบยอมขอโทษอย่างจริงใจ ถ้ายังดื้อดึงอยู่คงได้โดนเรียกว่าคนขี้แกล้งอีกแน่ๆ
“ไรโตะคุงเนี่ยเป็นพวกชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบหรือเปล่า?”
ดูเหมือนมิซากิจะยังไม่ยอมปล่อยผ่านง่ายๆ
เธอหรี่ตามองผมแบบจ้องจับผิด
ถ้าเพื่อนผู้ชายคนอื่นมาเห็นเข้าคงอิจฉากันตาร้อนแน่ๆ ที่ได้เห็นมิซากิทำหน้าท่าทางแบบนี้ใส่
“รู้ตัวไหมว่าการพูดแบบนั้นมันเหมือนกับกำลังบอกว่าฉันชอบเธออยู่น่ะ?”
เธอคงไม่ได้คิดถึงความหมายแฝงตอนพูดออกมาแน่ๆ ผมเลยอดไม่ได้ที่จะหยอกกลับไปบ้าง แต่ยังไงซะคราวนี้ผมก็โทษเธอได้นะ
“…….คนขี้แกล้ง”
สุดท้าย มิซากิก็ทำแก้มป่องใส่อีกรอบ
…พอดูแบบนี้แล้ว ผมก็พอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมซูซูมิเนะซังถึงชอบแหย่เธอขนาดนั้น
“นิสัยฉันไม่ได้ดีหรอก เธอก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่ แล้วก็ฉันไม่ได้แกล้งเพราะชอบอะไรแบบนั้นหรอก เพราะงั้นไม่ต้องคิดมาก”
“ฉันไม่คิดว่านิสัยไรโตะคุงจะแย่ซักหน่อย…”
“…………”
…ขนาดโดนแหย่ไปขนาดนั้น เธอยังพูดออกมาได้เต็มปากอยู่อีกเหรอ
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามิซากินี่ใจดีเกินไปจริงๆ
สำหรับเธอแล้วการแกล้งกับนิสัยไม่ดีคงเป็นคนละเรื่องกันสินะ
“ว่าแต่… ไหนๆ ก็จะเข้าไปดูห้องแล้วนี่นะ น่าจะดีเหมือนกันที่ฉันจะได้พาโคโคะอะไปนอนบนเตียงด้วย”
แม้ผมจะชอบที่โคโคอะนอนหลับบนตักแบบนี้ แต่การที่เธอนอนท่าเดิมนานๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกเริ่มที่จะหนักไม่น้อยเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเธอจะตื่นขึ้นมาตอนไหนด้วย การวางไว้บนเตียงให้นอนสบายๆ ไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด
ก็แน่นอนล่ะว่าถ้าโคโคอะตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนตักพี่ชายล่ะก็คงมีงอนบ้างอย่างแน่นอน
MANGA DISCUSSION