“พี่สาว~!”
ทันทีที่เห็นคนที่มารออยู่ตรงหน้าทางเข้าสถานี โคโคอะก็โบกไม้โบกมือแรงๆ ด้วยความดีใจ
อีกฝ่ายที่กำลังรออยู่ก็คือมิซากิ พอเห็นพวกเราก็หันมายิ้มอย่างอ่อนโยนทันที
“สวัสดีจ้ะโคโคอะจัง”
“สวัสดีค่า~!”
พอถูกทักทาย โคโคอะก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใสเต็มแก้ม ตั้งแต่เช้าเธอก็ดูตื่นเต้นไม่หยุด คงเฝ้ารอที่จะได้เจอกันมาตลอดแน่ๆ
“เธอมารับพี่ถึงที่เลยเหรอ?”
“อื้ม…!”
โคโคอะพยักหน้าหงึกๆ อย่างมั่นใจ ตอบคำถามของมิซากิด้วยท่าทีภูมิใจสุดๆ
ครั้งนี้ผมมารับเธอด้วยตัวเองเพราะมิซากิยังไม่เคยไปบ้านผมมาก่อน ว่าไปแล้วซูซุมิเนะซังรู้จักบ้านผมได้ยังไงนะ? ไม่น่าจะมีใครในโรงเรียนที่รู้มากนักแท้ๆ…
“พี่จ๋าๆ~”
ระหว่างที่กำลังจะเริ่มคิดเรื่องนั้น โคโคอะก็ดึงชายเสื้อผมเบาๆ
“มีอะไรเหรอ?”
“ขออุ้ม…!”
ผมย่อตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับเธอ
โคโคอะกางแขนออกกว้างอย่างไม่ลังเล ผมคิดว่าเธอจะอ้อนให้มิซากิอุ้มเสียอีก เพราะเธอก็ชอบพี่สาวคนนั้นไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าคนที่เธออยากให้อุ้มจะยังเป็นผมอยู่เหมือนเดิม
แค่ได้เห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีจนเผลอยิ้มออกมา
“—เอ้า มาเลย”
ผมค่อยๆ ประคองตัวโคโคอะให้แน่นหนาแล้วก็ยกเธอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
พอได้อยู่ในอ้อมแขน โคโคอะก็แนบแก้มเข้ามาเหมือนจะบอกว่า ‘ตรงนี้นี่แหละที่ของฉัน’
“ฟุฟุ… ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
มิซากิมองเราสองคนด้วยสายตาอบอุ่นก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
พูดตามตรง ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเราเป็นพี่น้องที่สนิทกันที่สุดในโลก
“ยังไม่ได้ทักทายกันเลย สวัสดีนะ”
“—เอ๊ะ!?”
พอผมพูดทักทาย มิซากิก็ชะงักแล้วทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหันมาจ้องหน้าผมราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง ดูเหมือนจะมีอะไรอยากพูดอยู่ในใจ…
“มิซากิ?”
“อะ–เอ่อ… สวัสดีนะ…”
มิซากิอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นการยิ้มฝืนๆ… เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่นะ?
“มีอะไรติดใจรึเปล่า?”
“ป–เปล่านะ?”
อืม… แน่เลยว่ามี เป็นคนที่อ่านง่ายชะมัด
“ไม่ต้องกลัวหรอก บอกมาเถอะ ฉันไม่โกรธหรอกน่า”
ผมพูดพลางสบตาเธอ
มิซากิเองก็มองหน้าผมกลับอย่างลังเลเหมือนกำลังชั่งใจอยู่ว่าผมจะไม่โกรธจริงๆ ใช่ไหม
“ก็แค่… พอไรโตะคุงเป็นฝ่ายทักฉันก่อน มันเลยตกใจน่ะ…”
พูดจบเธอก็เบือนหน้าหนีแล้วเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชนกันไปมาอย่างเก้อเขิน
“เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย…”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่จริงๆ ผมก็พอจะเข้าใจได้ล่ะ
ถ้ามองย้อนกลับไปจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีช่วงที่ผมเป็นฝ่ายทักใครก่อนเลยในโรงเรียน เพราะส่วนใหญ่พอผมพูดอะไรไป คนก็ชอบทำหน้าเหมือนไม่อยากคุยด้วยซะมากกว่า แต่กับมิซากิ… ผมว่าผมก็ทักเธอเป็นปกตินะ?
“ก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างให้โคโคอะเห็นไงล่ะ”
สุดท้ายผมก็เลือกที่จะตอบแบบกระชับให้เข้าใจง่าย
“อ๋อ~ อย่างนี้นี่เอง~”
พอได้ยินแบบนั้น มิซากิก็พยักหน้าเข้าใจทันทีแถมพยักหน้าหงึกๆ อยู่หลายทีเลยด้วย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกคาใจนิดๆ ก็ไม่รู้…
“ทักทายกัน… สำคัญ…!”
ไม่แน่ใจว่าเธอฟังเข้าใจมากแค่ไหน แต่โคโคอะก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีภูมิใจสุดๆ
ถือเป็นผลลัพธ์จากการอบรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำเป็นประจำ
“ใช่เลย โคโคอะต้องทักทายกับทุกคนให้ได้นะ”
“อื้ม… ทำแล้ว…!”
“เก่งมากๆ”
ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะโคโคะอะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ขณะที่เธอก็พยักหน้าด้วยท่าทางมั่นใจสุดๆ
“เอะเฮะเฮะ~”
แค่เรื่องเล็กๆ แบบนี้ก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
โคโคอะนี่เป็นนางฟ้าชัดๆ
“โคโคอะจังน่ารักจริงๆ เลยนะ”
“ก็เพราะเป็นนางฟ้าน่ะสิ”
“ฟุฟุ… จ้าๆ”
ดูเหมือนจะโดนตัดบทซะแล้ว… เธอเริ่มชินกับมุกพวกนี้ของผมแล้วล่ะมั้ง
“ว่าแต่…ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะมีวันที่ฉันได้ไปบ้านของผู้ชายคนหนึ่งน่ะ…”
ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปทางบ้านผม มิซากิก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กๆ
“ถ้าอยากไปจริงๆ เธอไปได้ทุกบ้านอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?”
แค่เธอแสดงท่าทางนิดเดียวว่ากำลังสนใจ คนรอบข้างก็คงแห่ชวนเธอกันเต็มไปหมด อย่างน้อยถ้าเธอบอกว่าอยากไปล่ะก็ มีหวังผู้ชายเกือบทั้งหมดพร้อมจะพาเธอเข้าบ้านแน่นอน
“พูดแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ เลยนะ…”
เธอหรี่ตาใส่อย่างไม่พอใจ ดูท่าว่าจะคิดว่าผมกำลังล้อเล่นใส่
“พี่ชายห้ามแกล้งนะ”
แล้วก็ยังโดนโคโคอะที่จับใจความได้แค่บางคำหันมาเตือนอีกคน
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าถ้าผมทะเลาะกับมิซากิเมื่อไหร่ คนที่โคโคอะเข้าข้างต้องไม่ใช่ผมแน่นอน
“ไม่ได้แกล้งซะหน่อย…”
ผมรีบเอามือลูบหัวโคโคอะเพื่อเบี่ยงประเด็น
แล้วโคโคอะก็หลับตาพริ้มพร้อมเอาหัวมาถูฝ่ามือผมเหมือนลูกแมว ก็ง่ายแบบนี้แหละถึงได้น่ารักไง…
“ถึงบ้านฉันจะไม่ได้ดูเหมือนบ้านเธอแต่ก็ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า โคโคอะก็อยู่ด้วย ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนหรอก”
แม้จะดูไม่ค่อยเหมือนว่ามิซากิจะรู้สึกประหม่าอะไร แต่ผมก็พูดไว้ก่อนเผื่อเธอจะเป็นพวกเก็บอาการเก่ง
ถ้ามีแค่พวกเราสองคนก็อาจจะรู้สึกกลัวหรือไม่แน่ใจ แต่ถ้าโคโคอะอยู่ด้วย ยังไงก็ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรเกินเลยแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่ามิซากิก็น่าจะรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว
“ขอบคุณนะที่คิดเผื่อฉันขนาดนี้”
“ไม่ต้องถึงขนาดขอบคุณหรอก แล้วก็อีกอย่าง… แบบนี้โอเคแน่นะ?”
“หืม?”
พอผมถามเพื่อย้ำอีกครั้ง มิซากิก็เอียงคอด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย ดูเหมือนจะยังจับใจความคำพูดของผมไม่ทัน
“หมายถึงเรื่องมื้อกลางวันน่ะ… เธอจะทำอาหารให้พวกเราใช่ไหม?”
เป็นสิ่งที่มิซากิเสนอตอนที่ผมชวนมาบ้าน ก็เข้าใจว่าเธอคิดว่ามันต่อเนื่องจากการทำข้าวกล่องให้ทุกวันอยู่แล้วก็ได้
“อ้อ หมายถึงเรื่องนั้นสินะ แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เป็นไรเลย เพราะฉันก็อยากให้โคโคอะจังได้กินข้าวฝีมือฉันนี่นา”
เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมกินแต่ทำให้โคโคอะ… ก็เข้าใจได้แหละนะ
“วันนี้ไม่ใช่ข้าวฝีมือพี่หรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ วันนี้มิซากิจะเป็นคนทำให้เรากินนะ”
“…………”
โคโคอะเงียบไปแล้วจ้องหน้ามิซากินิ่งๆ
ท่าทางแบบนี้แปลว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่
“อื้ม…!”
พอคิดจนตกผลึกแล้ว โคโคอะก็พยักหน้ารับแรงๆ หนึ่งที
คงกำลังคิดว่าถึงจะไม่ใช่พี่ชายทำให้กินเหมือนทุกวัน แต่ถ้าเป็นมิซากิล่ะก็ไว้ใจได้แน่นอน อะไรแบบนั้นละมั้ง
“ผ่านแล้วสินะ?”
“น่าจะใช่นะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องทำให้เต็มที่ จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”
ดูเหมือนมิซากิจะมีแรงฮึดขึ้นมาแล้ว แบบนี้ก็คงดีเหมือนกันแหละ
ช่วงนี้ผู้แปลอาจจะแปลช้านะครับ ผมมีเรียนซัมเมอร์กับเตรียมจัดกิจกรรมรับน้อง แล้วก็คิดจะหางานพิเศษทำ เลยอาจจะไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นเหมือนเมื่อก่อนครับ
MANGA DISCUSSION