“ไรโตะคุง กลับบ้านด้วยกันนะ?”
หลังจากโฮมรูมจบลงในช่วงเย็น มิซากิก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มสดใสขณะที่สะพายกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
ทันใดนั้นเอง สายตาอาฆาตของทั้งห้องเรียนก็พุ่งตรงมาทางผม
พวกเขาไม่เคยเข็ดกันเลยสินะ
“ไม่กลับกับซูซุมิเนะซังเหรอ?”
“เฮียวกะจังน่ะต้องไปเรียนพิเศษในเมือง ทางนั้นคนละทางกับเราน่ะ”
“อ๋อ… งั้นที่ว่าเคยกลับด้วยกันประจำก็แค่ถึงสถานีแล้วแยกทางกันสินะ”
ถ้าเป้าหมายขากลับต่างกันอยู่แล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องฝืนกลับด้วยกันให้ลำบากหรอก
“งั้นก็ไปกันเลยไหม?”
ถึงผมจะต้องไปรับโคโคอะต่อหลังลงรถไฟก็เถอะ แต่ระหว่างทางก่อนถึงตรงนั้น ผมก็ยังพอมีเวลาจะเดินกลับกับเธอได้
ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ใครหลายคนยังลังเลว่าพวกเราคบกันจริงหรือเปล่า การที่มีคนเห็นเรากลับบ้านด้วยกันก็คงช่วยเสริมความเชื่อมั่นขึ้นไม่น้อย
ถึงจะว่าแบบนั้นก็เถอะ แต่คนที่ลงมือทำอะไรจริงจังน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นมิซากิทั้งนั้น
ยังไงซะ ผมก็ตั้งใจทำทั้งหมดนี้เพื่อเธอ เพราะงั้นจะให้คิดอะไรมากก็คงไม่ใช่เรื่อง อีกอย่าง ผมก็ไม่ใช่ประเภทที่จะเอ่ยชวนใครก่อนอยู่แล้ว ถ้าผมเป็นฝ่ายเริ่มล่ะก็ คนรอบข้างคงยิ่งรู้สึกแปลกเข้าไปใหญ่
เราสองคนเดินมาถึงหน้าชั้นวางรองเท้าแล้วก็พบกับ
“…”
ซูซุมิเนะซังยืนรออยู่ตรงนั้นเงียบๆ ด้วยท่าทีเรียบเฉยแถมยังเท้าเอวเล็กน้อยแล้วก็กำลังกอดอก
อ่า… ไม่เห็นจะเหมือนที่บอกกันไว้เลย
“มิซากิ?”
“เอ๋…? ฉันไม่ได้นัดเธอไว้นะ…”
ผมลองถามให้แน่ใจ แล้วดูเหมือนมิซากิเองก็ไม่ได้ตั้งใจนัดเธอมาเช่นกัน
คงไม่ใช่ว่าเธอลืมนัดอะไรหรอก เพราะท่าทางเธอเงียบผิดปกติเหมือนตั้งใจรอมาตั้งแต่แรกมากกว่า
“จะกลับด้วยกันเหรอ?”
“มีปัญหาเหรอ?”
ผมหันไปถามซูซุมิเนะซังบ้าง แต่เธอกลับเอียงคอแบบไม่ค่อยพอใจนักเหมือนกำลังถามกลับว่า ‘ทำไมต้องถามด้วย’
ไม่ต้องทำหน้าดุนักก็ได้นี่นา
“ก็ไม่ได้มีปัญหาหรอก แค่งงว่านายมีอะไรที่อยากจะพูดกับฉันหรือเปล่า?”
“ต้องมีเรื่องจะพูดก่อนเหรอถึงจะกลับบ้านกับมิซากิได้?”
อืม… แบบนี้นี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกคุยกับเธอแล้วเหนื่อยใจทุกที
ไม่รู้ว่าผมก็เป็นแบบนี้ในสายตาคนอื่นรึเปล่านะ แต่ถ้าจะให้เทียบกันตรงๆ แล้ว ผมคงยังไม่ถึงขั้นเย็นชาขนาดนี้หรอกมั้ง
“อ-เอ๋… อะ-อะ…”
พอผมกับซูซุมิเนะซังเริ่มมีบรรยากาศไม่ค่อยชอบมาพากลกันขึ้นมา มิซากิก็เริ่มลนลานอย่างเห็นได้ชัด เธอเองก็ลำบากใจใช่เล่นเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอสองคนก็สนิทกันอยู่แล้วนี่ ฉันเองก็ไม่ใช่พวกแฟนขี้หวงที่จะมาห้ามไม่ให้กลับบ้านกันตามลำพังกับเพื่อนสนิทหรอกนะ”
ซูซุมิเนะซังเองก็คงไม่ได้อยากกลับด้วยกันเฉยๆ แน่ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรในใจ
เธอคงแค่อยากพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สะดวกจะพูดต่อหน้าคนอื่น เพราะงั้นก็เลยมารอแบบนี้
“งั้นก็ดีเลย ขอบใจนะ มิซากิ เธอก็ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
“อ-อื้ม… ไม่เป็นไรจ้ะ…”
ซูซุมิเนะซังหันมาถาม มิซากิก็พยักหน้าตอบเบาๆ แม้จะดูลังเลเล็กน้อย
เธอคงไม่รู้หรอกว่าซูซุมิเนะซังต้องการอะไร แต่ตัวมิซากิก็คงไม่ได้รังเกียจที่จะเดินกลับด้วยกันหรอก
พวกเราทั้งสามคนจึงเริ่มออกเดินกลับบ้านท่ามกลางบรรยากาศที่เรียกได้ว่าอึดอัดชนิดที่แทบไม่มีใครกล้าหายใจแรง
ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกว่าความเงียบมันช่างน่าอึดอัดขนาดนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะมีวันที่ทนความกระอักกระอ่วนไม่ไหวเหมือนกัน และคนที่ทำลายความเงียบนี้ลงได้ก็คือ-
“ว่าแต่… พวกเธอสองคนมีแผนอะไรช่วงปิดเทอมหน้าร้อนหรือยัง?”
-ซูซุมิเนะซังนั่นเอง
พวกเรากำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสถานี แน่นอนว่ายังมีนักเรียนคนอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะมากนัก
นักเรียนส่วนใหญ่ยังติดซ้อมชมรมกันอยู่ ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบ ไม่มีใครเดินใกล้พอจะได้ยินบทสนทนาระหว่างเรา คงเพราะแบบนั้น เธอถึงเริ่มเอ่ยปากถามขึ้นมา
“แผนช่วงปิดเทอมงั้นเหรอ… ยังไม่ได้วางแผนไว้เลยแฮะ”
ก่อนที่มิซากิจะเผลอพูดอะไรที่ผมคาดไม่ถึง ผมเลยรีบตอบไปก่อน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีตารางนัดเที่ยวที่ผมไม่รู้ตัวโผล่มาอีก
“ปิดเทอมใกล้เข้ามาแล้วแท้ๆ ยังไม่มีแผนเลยเหรอ?”
“เข้าใจที่เธอจะสื่อนะ แต่ฉันว่าค่อยวางแผนหลังปิดเทอมก็ไม่สายหรอก วันหยุดก็มีตั้งเยอะ”
“………”
สายตาของเธอที่มองมาทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนประโยค ‘ไอ้ผู้ชายแบบนี้ไม่มีทางมีแฟนหรอก’ แทงมาแบบเงียบๆ
เธอดูไม่ปลื้มเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เถอะ ผมไม่ได้คิดจะเดทหรือเที่ยวอะไรเยอะอยู่แล้วนี่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าฉันอยากไปเที่ยวเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันก็ชวนเองนั่นแหละ”
มิซากิช่วยรับลูกให้พร้อมรอยยิ้มสดใสราวกับจะบอกว่า ‘ฉันชินแล้วล่ะ’
ที่จริงก็ตรงตามความเป็นจริงแหละ ทุกครั้งที่เราจะไปเที่ยวด้วยกันก็มักเป็นเธอที่ชวนก่อนเสมอ
“ก็ได้… เอาอย่างนั้นแหละ”
“นั่นฟังดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ”
ชัดเจนเลยว่าซูซุมิเนะซังไม่พอใจ เธอก็คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมกับมิซากิไม่ได้คบกันจริงๆ
แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเธอถึงต้องแสดงอาการไม่พอใจออกมาชัดเจนขนาดนี้ด้วย
“มิซากิ เธอแลกเบอร์กับหมอนี่ไว้แล้วใช่ไหม?”
“หือ? แน่นอนสิ เราแลกกันตั้งแต่แรกแล้ว”
มิซากิพยักหน้าเบาๆ พลางทำหน้าสงสัยว่าอีกฝ่ายถามอะไรแบบนี้ขึ้นมาทำไม ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่
ระหว่างที่เราสองคนยังงุนงงอยู่นั้น ซูซุมิเนะซังก็แสดงคำตอบออกมาด้วยการกระทำแทนคำพูด
“งั้นฉันก็ขอแลกเบอร์กับเขาไว้เหมือนกันแล้วกัน”
พูดจบ เธอก็ยื่นสมาร์ตโฟนตรงมาทางผมอย่างไม่ลังเล
“ด-ดะ เดี๋ยวสิ เฮียวกะจัง!? นี่ไรโตะคุงเป็นแฟนฉันอยู่นะ!?”
“อืม รู้แล้ว”
“แล้วเธอจะมาขอเบอร์แฟนของเพื่อนแบบโจ่งแจ้งแบบนี้เนี่ยนะ!? ยิ่งกว่านั้นอีกนะ เขาเป็นแฟนของเพื่อนสมัยเด็กของเธอด้วยนะ!?”
ดูเหมือนว่าซูซุมิเนะซังจะจุดระเบิดอะไรบางอย่างในใจมิซากิเข้าให้แล้ว
เธอพยายามสุดชีวิตที่จะขวางการแลกเบอร์ของเราสองคน ซึ่งก็ถือว่าเป็นปฏิกิริยาที่เหมาะสมกับสถานะแฟนนั่นแหละ
ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ก็ตาม แต่ก็คงเป็นการแสดงออกเพื่อไม่ให้ใครสงสัยสินะ
“ก็ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมิซากิ ฉันจะได้ติดต่อไรโตะคุงไงล่ะ”
ต่างจากมิซากิที่กำลังลนลาน ซูซุมิเนะซังก็ยังคงนิ่งและเยือกเย็นอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ดูเหมือนว่าเธอจะคาดการณ์ปฏิกิริยานี้ของมิซากิไว้แล้วด้วยซ้ำ
“แต่ก็ยัง…”
“ไม่หรอก ที่เธอพูดก็มีเหตุผลนะ แลกเบอร์กันไว้ก็ดีเหมือนกัน”
ผมตัดสินใจพูดแทรกขึ้นเบาๆ แม้จะทำให้มิซากิดูจะยิ่งเป็นกังวลก็เถอะ แต่พูดตามตรง ผมเองก็ไม่อยากเจอซูซุมิเนะซังโดยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้า อย่างน้อยก็อยากมีช่องทางที่จะพูดกันแบบตรงไปตรงมาบ้าง และในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเสนอมาเองแบบนี้ ก็แสดงว่าเธอมีอะไรที่อยากจะสื่อถึงผมอยู่เหมือนกันแน่นอน
“ทั้งที่ฉันเป็นแฟนของนายแท้ๆ แทนที่จะเป็นฉัน…”
แต่เพราะไม่รู้เจตนาของผม มิซากิเลยพองแก้มเล็กๆ อย่างงอนๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ปลอมๆ แต่การที่แฟนของตัวเองไปแลกเบอร์กับผู้หญิงคนอื่น มันก็คงทำให้เธอรู้สึกไม่ดีขึ้นมาจริงๆ นั่นแหละ
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาไม่มีวันนอกใจเธอแน่นอน ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวให้ดูแชทระหว่างฉันกับเขาตอนที่เธอขอก็ได้นะ”
ซูซุมิเนะซังพูดพลางยิ้มบางๆ ราวกับพยายามปลอบใจมิซากิที่กำลังน้อยใจอยู่
ตามที่คาดไว้ เวลาอยู่นอกโรงเรียนและไม่มีนักเรียนคนอื่นอยู่ใกล้ๆ เธอสามารถยิ้มออกมาขณะที่ผมกำลังยืนอยู่ตรงนี้ได้ด้วยสินะ
“ถ้าเป็นแบบนั้น… ก็คงได้อยู่หรอก”
มิซากิยอมพยักหน้าในที่สุดแม้จะดูไม่เต็มใจเท่าไหร่ก็เถอะ เหมือนจะยอมรับแล้วนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่แอบจับตาดูเราสองคนต่อไป
ถึงเธอจะไม่พูด แต่สายตาของเธอนี่พร้อมจะตรวจสอบแชทระหว่างผมกับซูซุมิเนะซังแน่นอน
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ ฉันต้องรีบไปขึ้นรถไฟน่ะ”
พอแลกเบอร์กันเสร็จ ซูซุมิเนะซังก็พูดสั้นๆ แล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินจากไปทันที
น่าจะเป็นเพราะรถไฟขบวนที่เธอต้องขึ้นกำลังจะมา แล้วระหว่างที่เราคุยกันก็เลยเกือบไม่ทันเวลา
“…”
“เดี๋ยวสิ… มองแบบนั้นมันเกินไปแล้วนะ”
พอซูซุมิเนะซังไปแล้ว มิซากิก็หันมามองผมแบบที่สื่ออารมณ์ค่อนข้างชัด
สายตาของเธอกำลังบอกว่าเธอไม่พอใจมากๆ
ดูท่าว่าเรื่องเมื่อกี้จะกระทบจิตใจเธอกว่าที่ผมคิดอีกแฮะ
“ฉันไม่ได้คิดจะนอกใจหรืออะไรทั้งนั้นนะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าเราไม่ได้คบกันจริงๆ ซะหน่อย เพราะงั้นไม่ต้องทำหน้าบึ้งขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”
“แต่ก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ดีนี่นา… แถมพอเห็นนายแลกเบอร์กับเฮียวกะจังแบบง่ายๆ แบบนั้น ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่านายอาจจะชอบเธอจริงๆ ก็ได้…”
“เดี๋ยวก่อนนะ ตอนเธอเป็นคนชวนฉันแลกเบอร์ ฉันก็ตอบตกลงทันทีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
ผมจำได้ว่าไม่ได้ปฏิเสธอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ
“แต่ตอนนั้นนายทำหน้ารำคาญนิดๆ นะ”
อ้อ… เรื่องนี้นี่เองที่ยังเป็นสาเหตุที่ยังคงฝังใจเธออยู่
“ก็แค่ตกใจน่ะ ไม่ได้ไม่อยากแลกซะหน่อย”
“หืมมม….”
ดูเหมือนมิซากิจะยังไม่เชื่อผมอยู่ดี เธอส่งสายตาแบบครึ่งงอนครึ่งจับผิดมาให้ผม
ถึงเธอจะไม่พูดอะไรตรงๆ แต่ก็จ้องผมอยู่นั่นแหละ ราวกับเธอกำลังพยายามจะเจาะทะลุหัวใจกันให้ได้
ก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะโดนจับตามองขนาดนี้ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดอยู่แล้วนี่นา
สุดท้ายกว่ารถไฟจะมา มิซากิก็ยังมองผมด้วยสายตาแบบนั้นอยู่ดี แต่แล้วในระหว่างที่เรากำลังยืนรอรถไฟอยู่ ข้อความแรกจากซูซุมิเนะซังก็ถูกส่งเข้ามา
『ไปเที่ยวทะเลกันไหม?』
ดูเหมือนว่าเธอจะอยากรู้ว่าเราสองคนมีแผนจะไปทะเลด้วยกันรึเปล่า
ตามที่มิซากิเคยเล่าให้ฟัง ซูซุมิเนะซังเป็นคนที่ชอบทะเลมาก แต่เพราะกลัวโดนหนุ่มๆ เข้ามาจีบเลยไม่ได้ไปอีกเลยตั้งแต่สมัยม.ต้น
เพราะแบบนี้เองสินะ เธอถึงได้ถามถึงเรื่องแผนกานช่วงปิดเทอมตั้งแต่ตอนนั้น
MANGA DISCUSSION