“—อะ…”
ระหว่างที่เรากำลังเดินกลับห้องเรียน พวกเราก็เจอกับซูซุมิเนะซังที่เดินสวนมาทางตรงกันข้ามพอดี
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เราคงเดินผ่านกันไปโดยไม่เอ่ยอะไรเลยสักคำ
แต่ตอนนี้มิซากิอยู่ด้วย เพราะสองคนนี้สนิทกัน อาจจะมีบทสนทนาเล็กๆ เกิดขึ้นก็ได้
“ให้ฉันกลับห้องไปก่อนดีไหม?”
ผมเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง เผื่อว่าเธอสองคนอยากจะคุยอะไรกันตามประสาผู้หญิง
“อืม ไม่เป็นไรหรอก แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆ น่ะ”
“ใช่แล้ว ถ้ามีเรื่องจะคุยกันจริงๆ ฉันแวะไปคุยที่บ้านมิซากิก็ได้เพราะบ้านอยู่ติดกัน”
ดูเหมือนว่าผมจะใส่ใจเกินความจำเป็นแฮะ
งั้นก็กลับห้องกันเถอะ— ว่าแต่ ก่อนหน้านั้นผมมีเรื่องที่ควรจะพูดให้เรียบร้อยก่อน
“ขอโทษเรื่องเมื่อเช้าด้วยนะ ตอนแรกเธอเดินทางมาโรงเรียนกับมิซากิใช่ไหม?”
“อืม ใช่ แล้วไงเหรอ?”
พอผมพูดถึงเรื่องเช้านี้ ซูซุมิเนะซังก็ปรายตามองมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
ไม่ใช่เพราะรำคาญหัวข้อสนทนา แต่ดูแล้วเหมือนเธอไม่อยากพูดกับผมเสียมากกว่า
“คือปกติฉันต้องพาโคโคอะไปส่งที่เนอสเซอรี่ก่อนถึงค่อยมาขึ้นรถไฟ ก็เลยขอให้มิซากิลงที่สถานีนั้นแทน เธอสองคนดูแล้วน่าจะไปโรงเรียนด้วยกันตลอด เลยกลัวว่าจะกลายเป็นว่าฉันเข้าไปแทรกกลางโดยไม่ตั้งใจน่ะ”
อย่างน้อยก็ช่วยยืนยันให้เธอเชื่อว่ามิซากิไม่ได้โกหกอะไร แม้ว่าสุดท้ายเธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตามเถอะ…
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราไม่ได้สัญญาว่าจะไปด้วยกันซะหน่อย สถานการณ์แค่กลายเป็นแบบนั้นเองมากกว่า”
มิซากิก็พูดแบบเดียวกัน
ในเมื่อทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหา งั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้วล่ะ โชคดีที่ซูซุมิเนะซังเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย
“ว่าแต่ฉันขอร้องอย่างนึงได้ไหม? ช่วยอย่ามาพูดกับฉันในโรงเรียนจะได้ไหม ฉันไม่อยากคุยกับผู้ชาย”
“…”
ขอถอนคำพูด… เธอเย็นชาสุดขั้ว เย็นจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งขั้วโลก… ทำไมผมต้องโดนปฏิบัติแบบนี้ด้วยเนี่ย?
“ม-ไม่เอาน่า แบบนี้ไรโตะคุงดูน่าสงสารจะตายไป…!”
มิซากิทนดูไม่ไหวจนต้องรีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกันนั้น เสียงฮือฮาของพวกที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็เริ่มดังขึ้นเหมือนเริ่มจะมีคนจับสังเกตบรรยากาศตึงๆ ได้แล้ว
“อะไรกันน่ะ?”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ดูท่าแล้วเรื่องนี้คงจะไม่จบลงง่ายๆ แล้วล่ะ
“เธอก็รู้นี่มิซากิ ว่าฉันไม่ชอบผู้ชายน่ะ”
“แต่ไรโตะคุงเขา…”
“ไม่เกี่ยว ต่อให้นายคนนั้นจะเป็นแฟนของเธอ ฉันก็ไม่สามารถให้สิทธิพิเศษอะไรกับเขาได้หรอก”
…เดี๋ยวนะ?
ทำไมคำว่า ‘สิทธิพิเศษ’ ถึงดูเน้นเป็นพิเศษกันล่ะ? หรือว่าการที่เธอทำท่าทีห่างเหินกับผมในโรงเรียนแต่กลับไม่ทำอย่างนั้นตอนอยู่นอกโรงเรียนจะมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่?
ถ้าเป็นแบบนั้น อย่างน้อยผมก็คงพอจะวางใจได้ว่าเธอไม่ได้โกรธเพราะผมลืมเรื่องอะไรสำคัญๆ ไป
โอเค ถือว่าขจัดชนวนวุ่นวายไปได้หนึ่งเรื่อง แต่ปัญหาตรงหน้าตอนนี้ยังไม่หายไปไหนเลยสักนิด…
“ต่อให้เป็นเฮียวกะจัง… ถ้าจะพูดกับไรโตะคุงแรงขนาดนั้นล่ะก็ ฉันไม่ยอมแน่”
“…หืม?”
อยู่ๆ สองสาวก็เริ่มปะทะสายตากันแบบมีแววไฟแลบโดยที่ผมถูกลืมไปอย่างสมบูรณ์
เดี๋ยวก่อนนะ? พวกเธอไม่ใช่เพื่อนสนิทกันเหรอ!?
“เดี๋ยวก่อนๆ ทำไมจู่ๆ ถึงดูเหมือนจะมีเรื่องกันขึ้นมาล่ะ?”
ถ้าคู่นี้ทะเลาะกันเพราะผมเมื่อไหร่ล่ะก็… ไม่ต้องสืบเลยว่าโรงเรียนนี้จะมีข่าวลืออะไรใหม่บ้าง
คนจะพูดกันว่า ‘มิซากิโดนผมหลอกให้ตีตัวออกห่างจากซูซุมิเนะซัง’ บ้างล่ะ หรือไม่ก็ ‘ซูซุมิเนะซังสุดจะทนกับความเฮงซวยของผมเลยระเบิดอารมณ์ใส่’ อะไรแบบนั้นแน่ๆ ทั้งที่ตอนนี้ผมก็ถูกมองไม่ดีอยู่แล้ว ถ้าอะไรแย่ไปกว่านี้ คงมีคนเริ่มล้ำเส้นจากแค่คำพูดมาเป็นการกระทำจริงๆ แน่นอน
“เราไม่ได้ทะเลาะกันนะ?”
“ใช่แล้ว พวกเราแค่คุยกันเฉยๆ เอง”
ทั้งคู่ทำหน้าใสซื่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บรรยากาศเมื่อกี้มันชัดเจนจะตายไปนะ!?
“มิซากิ ฉันขออย่างหนึ่งนะ อย่าทะเลาะกับคนอื่นเพราะเรื่องของฉันเลย แบบนั้นมันไม่เป็นผลดีกับเธอเองหรอก”
จากที่เห็น ถ้ามีใครพูดไม่ดีเกี่ยวกับผม เธอก็คงพร้อมจะลุกขึ้นมาเถียงให้ทุกครั้ง แต่ถ้าเธอทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ มันไม่มีทางจบแน่ แล้วผลที่ตามมาก็จะกลายเป็นคนรอบข้างเริ่มมองว่าเธอเป็นคนที่ชอบหาเรื่องแล้วก็กลายเป็นวัฏจักรเลวร้ายแบบไม่รู้จบ
ผมไม่อยากให้เธอต้องเจออะไรแบบนั้นเลย
“ก็แค่ได้ยินคนที่ไม่รู้อะไรเลยมาพูดไม่ดีเกี่ยวกับไรโตะคุง ฉันก็ไม่ชอบแล้วนี่นา…”
แต่ถึงอย่างนั้นมิซากิก็ไม่ยอมพยักหน้าตามที่ผมหวัง ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้คิดที่จะหยุดปกป้องผมเลย
“การที่แฟนลุกขึ้นมาปกป้องแฟนของตัวเองมันผิดตรงไหนกันล่ะ? ถ้าจะปล่อยให้ใครมาว่าคนรักตัวเองโดยที่ไม่ว่าอะไรกลับไป แบบนั้นต่างหากที่เรียกว่าหมดสิทธิ์เป็นแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
คนที่พูดเสริมให้มิซากิกลับกลายเป็นซูซุมิเนะซังซึ่งน่าประหลาดใจไม่น้อย
ผมเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ และในแง่หนึ่งมันก็ถูกต้องนั่นแหละ แต่ทำไมกันนะ ผมถึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เมื่อกี้คนที่เหมือนจะมีปากเสียงกันคือสองคนนี้ ส่วนผมก็แค่พยายามห้ามไม่ให้เรื่องมันบานปลายแท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ที่ดูเหมือนผมกำลังโดนสองคนรุมตอกกลับล่ะ?
แน่นอนว่าซูซุมิเนะซังคงไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น เธอแค่มองว่าสิ่งที่มิซากิพูดมันสมเหตุสมผลก็เท่านั้น
“แต่ยังไงการทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก จริงไหม?”
“นั่นก็ใช่ เพราะงั้นถ้านายไม่อยากให้ใครว่า นายก็ควรจะจัดการให้ดีตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ?”
ซูซุมิเนะซังหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
คำพูดของเธอมีเหตุผล และสุดท้ายต้นเหตุก็เริ่มจากพฤติกรรมของผมเอง แต่ก็เถอะ…
“แล้วถ้าซูซุมิเนะซังโดนคนรอบข้างบอกให้ใจดีกับผู้ชายบ้าง เธอจะทำตามไหมล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
“นั่นแหละ ฉันก็เหมือนกัน ไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ใครพอใจหรอก”
เธอคงรู้อยู่แล้วว่าผมจะตอบแบบนี้แต่ก็ยังเลือกจะพูดขึ้นมา อาจจะเพราะอยากให้ผมลองคิดดูอีกสักหน่อยก็ได้
“เพราะฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าไรโตะคุงน่ะเป็นคนแบบไหน… เพราะงั้นนายไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้นะ”
เสียงของมิซากิฟังดูอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ และเพียงแค่นั้น ความวุ่นวายในใจผมก็ค่อยๆ คลี่คลายลงอย่างเงียบงัน
ดูเหมือนมิซากิจะคิดว่าการกระทำของผมมีความหมายลึกซึ้งอะไรสักอย่าง เธอเลยเข้าข้างผมในที่สุด
แม้จะรู้สึกขอบคุณที่เธอเข้าใจผมแบบนั้นก็เถอะ แต่ที่จริงแล้วเหตุผลที่ผมเลือกจะผลักไสคนอื่นออกไปมันก็เพราะผมคิดว่าความสัมพันธ์แบบครึ่งๆ กลางๆ นั่นแหละที่สร้างปัญหาที่สุดก็เท่านั้นเอง ไม่มีเหตุผลยิ่งใหญ่หรือซับซ้อนอะไร
สักวันหนึ่งผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังตรงๆ ก็แล้วกัน
“โอ๊ยๆ พอกันที อย่ามาหวานกันต่อหน้าคนอื่นได้ไหมเนี่ย”
“—หา!? ม-ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ…”
ซูซุมิเนะซังส่ายหน้าไปมาเหมือนคนหมดแรงจะรับมือ ขณะที่มิซากิหน้าแดงแปร๊ดจนแทบจะเดือดแล้วรีบแก้ตัวพัลวัน
โดนแกล้งเข้าแล้วล่ะสิ
“ยังไงก็เห็นกันอยู่โต้งๆ ว่าหวานใส่กันชัดๆ เลยนี่นา”
“ไม่ใช่จริงๆ นะ!”
“ทั้งที่กำลังตามใจแฟนตัวเองแบบนั้นน่ะเหรอ?”
“เรื่องนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย…!”
บรรยากาศตึงๆ ก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว
ตอนนี้กลายเป็นโซนของบทสนทนาเฉพาะตัวของผู้หญิงที่ผมรู้สึกว่าควรถอยออกมาจะเป็นการดีที่สุด
ดูเหมือนตอนนี้ผมจะเริ่มเป็นตัวเกะกะในสายตาพวกเธอแล้วด้วยแหละ
พอคิดได้แบบนั้น ผมเลยตัดสินใจปล่อยให้สองสาวที่สนิทกันคุยกันต่อไปแล้วเดินกลับเข้าห้องเรียนเพียงลำพัง
แน่นอนว่าหลังจากนั้น ผมก็โดนมิซากิบ่นใส่แบบงอนๆ
MANGA DISCUSSION