“—พี่จ๋า~!”
หลังเลิกเรียน พอผมมาถึงหน้าเนิร์สเซอรีที่น้องสาวเรียนอยู่ ก็มีเด็กผู้หญิงตัวน้อยผมสั้นผูกแกละสองข้างวิ่งพุ่งตรงมาหาผม
เธอคือน้องสาวแสนน่ารักของผมที่เพิ่งอายุครบสี่ขวบไปไม่นาน โคโคอะ
“โคโคอะ พี่มารับแล้วนะ”
“อื้อ!”
ผมย่อตัวลงพร้อมอ้าแขนรอรับ แล้วโคโคอะก็กระโดดเข้ามาในอ้อมแขนอย่างไม่ลังเล เธอยังเอาแก้มมาแนบแก้มผมแล้วถูไปถูมาอีกต่างหาก
…เด็กน้อยขี้อ้อนคนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ว่าแต่…
“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียก ‘พี่ชาย’ ไม่ใช่ ‘พี่จ๋า’ น่ะ?”
“ม่ายย~! พี่จ๋า!”
โคโคอะพองแก้มแน่นแล้วส่ายหัวดิ๊กๆ ด้วยท่าทางขัดใจสุดๆ
ถึงจะพยายามสอนให้เรียกใหม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะติดใจคำว่า ‘พี่จ๋า’ เข้าให้แล้ว ก็เข้าใจอยู่ว่ามันพูดง่ายสำหรับเด็กและน่าจะสะดวกสำหรับเธอ
เอาเถอะ… พอโตขึ้นคงเปลี่ยนไปเองแหละ ปล่อยให้เรียกตามสบายดีกว่า
“สวัสดีค่ะ คุณชิราอิ”
“อ๊ะ! คุณครู~!”
ระหว่างที่ผมกำลังอุ้มโคโคอะอยู่ ก็มีคุณครูสาวหน้าตาใจดีวัยยี่สิบต้นๆ เดินเข้ามาทัก
เธอคือ คุณครูซาซางาวะ มิโซระ ครูประจำชั้นของโคโคอะ
เธอทั้งสวยและอ่อนโยนมาก แถมยังมีรอยยิ้มอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา
…แต่น่าเสียดายที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอนั้นมีแหวนอยู่ หมายความว่าเธอมีคนในใจแล้วเรียบร้อย
“สวัสดีครับคุณครูซาซางาวะ ขอบคุณที่ดูแลโคโคอะเสมอมานะครับ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ โคโคอะจังเป็นเด็กว่าง่ายแถมยังเข้าใจอะไรง่ายด้วย ครูเองก็สบายใจมากเลยล่ะค่ะ”
“อื้อ! โคโคอะเป็นเด็กดี!”
โคโคอะที่รู้ว่าตัวเองถูกชมก็ตอบรับด้วยท่าทางภาคภูมิใจสุดๆ เธอพยักหน้าแรงๆ พร้อมทำหน้า ‘เย้~’ แบบเต็มที่
น่ารักจริงๆ… ยัยตัวเล็กคนนี้
“เตรียมตัวกลับเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“อื้อ!”
“โคโคอะจังเธอรู้ตัวเองเลยนะคะว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว เธอจัดแจงเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านเองเลยค่ะ จริงไหมคะ~?”
คุณครูซาซางาวะลูบหัวโคโคอะเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
โคโคอะเองก็ดูจะชอบมาก เธอหัวเราะคิกๆ แล้วตอบด้วยรอยยิ้มสดใสว่า ‘เอะเฮะ~!’
“—ถ้างั้น พวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ โคโคอะจัง แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“บ๊ายบายยย~!”
ผมรับกระเป๋าน้องมาไว้แล้วเราสองคนก็ออกจากเนิร์สเซอรีพร้อมกัน
ระหว่างที่เดินกลับบ้าน…
“พี่จ๋า~”
โคโคอะก็เริ่มดึงชายเสื้อผมเบาๆ พร้อมเรียกเสียงใส
“หืม? มีอะไรเหรอ?”
“อยากไปงานเทศกาล~!”
…งานเทศกาล?
อ้อ…!
“หมายถึงเทศกาลที่จัดในตัวเมืองวันเสาร์นี้ใช่ไหม?”
“อื้อ!”
โคโคอะแสดงท่าทางดีใจพร้อมพยักหน้าแรงๆ แบบสุดกำลัง
จริงๆ แล้วเทศกาลที่ว่าจัดอยู่ในเมือง ไม่ใช่แถวบ้านเรา เพราะงั้นผมเลยไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้โคโคอะฟังเลยสักครั้ง ถ้าเธอรู้ ก็แสดงว่าคงได้ยินมาจากเพื่อนที่เนิร์สเซอรี่นั่นแหละ
ถ้าเธออยากไปขนาดนั้น ไม่พาไปก็คงใจร้ายเกินไปหน่อย
“เดี๋ยวพี่ลองถามแม่ดูก่อนก็แล้วกัน… แต่คิดว่าน่าจะได้นะ”
“อื้อ!”
ดูเหมือนเธออยากไปจริงๆ โคโคอะพยักหน้าไม่หยุดราวกับจะบอกว่า ‘ขอร้องล่ะนะ~!’
ช่วงนี้ผมก็แทบไม่ได้พาเธอออกไปเล่นที่ไหนเลย บางทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็คงดี ถ้าแค่ไปเดินงานเทศกาลละก็แม่คงไม่ว่าอะไรหรอก
และด้วยเหตุนี้ พวกเราก็วางแผนกันว่าจะไปเดินเล่นงานเทศกาลในเย็นวันเสาร์นี้
แล้ววันเสาร์ก็มาถึงในที่สุด — ช่วงยามเย็นของวันงาน
“พี่จ๋า~! เร็วเข้า~!”
โคโคอะในชุดยูกาตะตัวจิ๋วกระโดดดึ๋งๆ อย่างตื่นเต้นไม่หยุด
เธอคงรอวันนี้มานานจนแทบจะทนไม่ไหว
งานเทศกาลเริ่มตั้งแต่ตอนกลางวันก็จริง แต่ผมเลือกจะพาไปตอนเย็นเพราะถ้าไปเร็วกว่านี้คงเปลืองเงินเกินไปแน่ๆ
“ไม่ต้องรีบหรอกน่า งานเทศกาลน่ะมันไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย”
“ไม่เอา~ อยากไปตอนนี้เลย~!”
“จ้าๆ ไปกันเลยก็ได้เนอะ”
ตอนนี้ผมเองก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ตรวจดูของทุกอย่างก็ไม่มีอะไรตกหล่น คงพร้อมออกเดินทางได้แล้วล่ะ
แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวออกจากบ้าน—
“อื้ออ~!”
โคโคอะหมุนตัวมาด้านหน้าแล้วกางแขนออกตรงหน้าผม
“อืมม…”
จะให้พูดก็พูดได้ล่ะนะ ว่าผมเดาออกว่าเธอกำลังต้องการอะไร… แต่วันนี้มันเป็นวันงานเทศกาลนะ
“อุ้มหน่อย~!”
พอผมยังลังเลไม่ขยับตัว โคโคอะก็เริ่มดึงชายเสื้อผมเบาๆ ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ดูเหมือนว่าเธอจะอยากให้ผมอุ้มจริงๆ แฮะ
“ไปถึงงานแล้วต้องเดินเองนะรู้ไหม?”
ถ้าเป็นบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านก็ยังพออุ้มได้ แต่ถ้าเข้าไปในโซนที่คนแน่นมากๆ การอุ้มเด็กไว้ก็จะกลายเป็นการเกะกะคนอื่นขึ้นมาทันที
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเด็กตัวเล็กอย่างโคโคอะจะถูกคลื่นฝูงชนเบียดจนล้มไหมถ้าต้องเดินเองในสถานการณ์แบบนั้น สุดท้ายคงต้องประเมินตามสถานการณ์เอาตามความเหมาะสมอีกที
“งานเทศกาล♪ งานเทศกาล♪”
ทันทีที่ผมยกเธอขึ้นมาอุ้ม โคโคอะก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางแกว่งตัวไปมาอย่างสนุกสนาน
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อยจากเมื่อก่อนทำให้เริ่มหนักอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นท่าทางน่ารักของเธอแล้วก็ไม่กล้าบอกให้หยุดเลยจริงๆ
“มีอะไรอยากกินไหม?”
“อืม~ แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล!”
“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลให้นะ”
“อื้อ!”
เราคุยกันไปเรื่อยๆ แบบนั้นระหว่างเดินมุ่งหน้าไปยังสถานีเพื่อไปยังงานเทศกาลในตัวเมือง และพอไปถึงสถานที่จัดงาน—
“—หยุดนะคะ!! ได้โปรดหยุดเถอะ!!”
เสียงตะโกนที่เกือบจะใกล้เคียงกับเสียงร้องไห้ดังขึ้น
แน่นอนว่างานเทศกาลที่มีคนเยอะๆ แบบนี้ก็ต้องมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นบ้าง แต่เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่เหมือนจะเป็นเสียงที่คุ้นหูอย่างน่าประหลาด
ต้นเสียงนั้นมาจากจุดที่คนมุงอยู่แน่นไปหมด แถมดูจะเกิดเรื่องวุ่นวายอยู่แน่ๆ
“พี่จ๋า…?”
โคโคอะเองก็มองขึ้นมาหาผมด้วยแววตากังวล
แน่นอนว่าผมไม่อยากพาเด็กเล็กเข้าไปยุ่งกับปัญหา แต่ถ้าคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นคนรู้จักจริงๆ ก็คงปล่อยผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้
“ถ้าเป็นคนรู้จักจริงๆ นี่คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ…”
ถ้าเป็นคนแปลกหน้าก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการไปเถอะ แต่ถ้าเกิดเป็นใครสักคนที่ผมรู้จักแล้วเกิดปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็คงรู้สึกผิดไปอีกนาน…
คิดได้แบบนั้น ผมก็เริ่มแหวกฝูงคนแล้วเดินลึกเข้าไปยังต้นตอของเสียง
MANGA DISCUSSION