“คุณหนูเรย์เต้ ท่านควรกินข้าวให้มากกว่านี้นะครับ ข้าเป็นห่วงจริง ๆ…”
“ฉันก็กินเยอะอยู่นะยะ!”
เฮ้อ หมอนี่เสียมารยาทชะมัด
ทั้งที่ในเมืองหลวงเค้าว่าเป็น “เจ้าชายน้ำแข็ง” สุขุมเยือกเย็นแท้ ๆ
แต่พอได้ยินว่าฉันอายุสิบหก ก็แหกปาก “สิบหกเรอะ!?” ลั่นขึ้นมาเลยนะ!
“ให้ตายสิ… นายกำลังดูถูกราชินีแห่งความชั่วร้ายอย่างฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
“ราชินีชั่วร้ายงั้นเรอะ…!?”
ไวซ์ทำหน้าตึงทันที หันซ้ายหันขวาเหมือนโดนปล่อยบอสกลางเมือง
เขาวางมือบนดาบที่คาดเอวไว้—ดาบที่ฉันมอบให้เขาในฐานะบอดี้การ์ด—
“ราชินีชั่วร้ายอยู่ที่ไหนกัน!? อยู่ไหน!?”
“ก็ฉันไงล่ะ! ฉันเอง! ฉันคือราชินีแห่งความชั่วร้าย!!”
“…ห้ะ?”
“ห้ะ” บ้านนายสิ!! หมอนี่มันอะไรกันเนี่ย!? ล้อฉันเล่นอยู่เหรอ!?
“เดี๋ยวแม่โกรธจริงๆแล้วนะ!”
“ไม่สิ ขอโทษจริง ๆ ….ก็ใช่ ตอนแรกเธอดูเหมือนจงใจแสดงตัวเป็นตัวร้าย…แต่ยังไงข้าก็ไม่คิดว่าเธอเป็นคนเลวร้ายอะไรเลย…”
เห้ออ…
“ให้ตายสิ ไวซ์คุงนี่ช่างสิ้นหวังจริง ๆ”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันมันไวซ์ผู้สิ้นหวัง ที่แพ้การปฏิวัติและถูกปลดจากการสืบราชบัลลัง”
“อย่าพูดประชดตัวเองขนาดนั้นสิ!”
…เฮ้อ เอาล่ะ ได้เวลาให้บทเรียนหมอนี่สักหน่อยแล้วล่ะ
จะได้รู้เสียทีว่า “เรย์เต้ผู้ชั่วร้าย” น่ะ… ชั่วร้ายได้ขนาดไหน!
ฉันลุกขึ้นยืน แย้มยิ้มอย่างสง่างามพลางจ้องไวซ์เขม็ง
“ฉันจะให้เธอได้เห็น! หนึ่งวันอันแสนสง่างามของเรย์เต้ ฮังกาเรีย จ้าวแห่งความชั่วร้ายเอง!”
“เอ๊ะ ไม่ใช่ราชินีหรอกเหรอ?”
“เงียบไปเลย!”
และแล้วเราก็มาถึง—เมืองฮังกาเรีย!
นรกบนดินที่ถูกปกครองโดยเลดี้จอมโหด เรย์เต้ซามะผู้นี้!
“โอ้โฮะโฮะโฮะ! เหล่าชาวบ้านทั้งหลาย ทำงานกันดีอยู่รึเปล่า!?”
“อุหวาาาา! ท่านเรย์เต้นี่นาาาา!”
เหล่าชาวเมืองต่างแสดงรอยยิ้มประจบสอพลอใส่ฉัน
หุหุหุ พวกนี้โดนฉันฝึกจนเชื่องหมดแล้วล่ะ
ความจริงลึก ๆ ก็คงอยากจะด่าฉันว่าเจ้าสัตว์นรกไร้มนุษธรรม
แต่เพราะไม่รู้ว่าถ้าพูดแบบนั้นจะโดนลงโทษยังไง
เลยได้แต่ซ่อนความแค้นกับศักดิ์ศรีไว้ใต้รอยยิ้มจอมปลอม
อา~ ช่างรู้สึกดีจริง ๆ!
เป็นไงบ้างล่ะ ไวซ์คุง!?
“ท่านเรย์เต้นี่เป็นที่รักของชาวเมืองจริง ๆ เลยนะครับ”
“ตาบอดหรือไงยะ!!”
โอ้ยย หมอนี่มันดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะไอ้หนู
ดูไม่ออกเหรอ? ว่าข้างในใจพวกชาวบ้านน่ะมีแต่ความหวาดกลัวต่อฉัน ผู้เป็นความชั่วร้ายสูงสุด!
หรือไม่ก็เป็นความโลภแบบน่าเวทนา ที่หวังจะได้เศษเสี้ยวผลประโยชน์จากการประจบพลอน่ารังเกียจทั้งนั้นแหละ!
“นายมันซื่อบื้อจริง ๆ เลยนะ ไวซ์คุง”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันนั่นแหละไวซ์ผู้ซื่อบื้อไม่รู้เท่าทันน้องชายตัวเอง จนปล่อยให้การปฏิวัติทำลายอาณาจักรลง”
“อย่าพูดเหยียดตัวเองใหญ่โตแบบนั้นได้มั้ย!”
…เฮ้อ ดูท่า ถ้าจะให้ไวซ์ยอมรับว่าฉันคือนางร้ายจริง ๆ คงต้องโชว์ฉากที่โหดกว่านี้ซะแล้วล่ะ
“ตามฉันมา ไวซ์คุง เพื่อให้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของฉัน วันนี้ฉันจะแสดงฉากทรมานคนในเมืองให้ดู!”
แล้ว ฉันก็พาเจ้าหมอนี่เดินออกไปสู่ทัวร์แห่งความชั่วร้าย!
เป้าหมายแรกของฉันคือเด็กสามคนที่กำลังเล่นกันอยู่ตรงตรอกข้างถนน
“เจ้าพวกเด็กน้อยผู้อ่อนแอทั้งหลาย~!”
“อ๊ะ! ท่านเรย์เต้มาแล้ว!”
เด็กทั้งสามกรูกันเข้ามาเหมือนลูกหมา
น่าขำจริง ๆ ปกติเด็กในวัยนี้ไม่ควรจะรู้จักคำว่า “ความชั่วร้าย” ด้วยซ้ำ แต่นี่กลับยอมศิโรราบให้ฉันหมดแล้ว
กับเด็กน้อยไร้เดียงสาพวกนี้… ฉันจะสั่งอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ปรานีเลยล่ะ!
“เรย์เต้ ฮังกาเรีย ผู้นี้ขอสั่ง! ไปซื้อขนมปังจากร้านตรงนั้นมาให้ฉันสองก้อน เดี๋ยวนี้!”
“รับทราบครับ/ค่ะ!”
เด็กพวกนั้นรีบวิ่งพรวดออกไปทันที
แหม~ ช่างเหมือนหมาน้อยเชื่อง ๆ เสียนี่กระไร การใช้แรงงานเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ…
ช่างเป็นความชั่วร้ายอันหอมหวานของฉันจริง ๆ
“คุณหนูเรย์เต้…นั่นมัน…”
แม้แต่ไวซ์ยังอดขมวดคิ้วกับความเลวของฉันไม่ได้
และจังหวะที่เขากำลังจะเริ่มพูดอะไรไร้สาระประมาณ “ใช้เด็กเป็นคนวิ่งซื้อของมันไม่ดีหรือเปล่า…”
แต่ก่อนจะพูดจบ เด็กน้อยที่ถูกฝึกมาจนเชื่องก็กลับมาพร้อมขนมปังในมือ เรียบร้อย!
“เก่งมากจ้ะเด็ก ๆ นี่ ค่าขนมปัง เอาไปใช้ตามสบายเลยนะ~”
“เย่~!!”
ฉันขว้างแบงก์หมื่นให้พวกทาสตัวน้อย
เอาล่ะไวซ์คุง ไปทรมานชาวบ้านกันต่อ พร้อมขนมกินเล่นระหว่างเดิน~
“เดี๋ยวสิ ท่านเรย์เต้… นอกจากจ่ายค่าขนมปังตามราคาปกติแล้ว ยังให้เด็ก ๆหมื่นทองอีกเหรอ? มันเยอะไปหน่อยไหม….?”
“หือ? พูดไร้สาระอะไรของนายยะ?”
ให้ตายสิ… นายกำลังบอกให้ฉัน—เรย์เต้ ตัวแทนแห่งความชั่วร้าย— ผู้นี้
ต้องทำตัวงก ๆ จ่ายแค่ราคาพอดี หรือไม่ก็เบี้ยวเงินชาวบ้านเนี่ยนะ!?
“ฉันเป็นผู้ปกครองดินแดนนี้นะยะ จะโปรยเงินเล็กน้อยเพื่อแสดงอำนาจมันผิดตรงไหน!”
อีกอย่าง….,
“เด็กพวกนั้นน่ะ—เจฟฟรีย์เสียพ่อไป, เอ็ดเกนเป็นเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์, ส่วนลูคัสก็อยู่ในครอบครัวที่มีพี่น้องเก้าคน ได้เงินค่าขนมแค่หยิบมือ
ระบายความคับข้องใจแบบนี้ยังดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นเด็กเกเรไม่ใช่เหรอ?”
“หา!?”
อ๊ะ ไวซ์คุงมีสีหน้าแปลกใจด้วยแหละ
อะไรล่ะนั่น—อ๋อ คงตกใจสินะที่ฉันระบายอารมณ์ใส่พวกเด็ก ๆ จะได้ไม่ไปทำเรื่องแย่ ๆ ทีหลังไง
แถมยังช่วยรักษาความสงบในเมืองฉันอีกต่างหาก
ก็ใช่ มันดูไม่ค่อย “ชั่วร้าย” สักเท่าไหร่ในสายตาคนนอกล่ะนะ
“ฟังนะไวซ์ ในฐานะตัวร้าย ฉันก็ต้องการรายได้ภาษีที่มั่นคง
เพราะงั้นพวกอาชญากรหน้าใหม่—ที่ไม่ใช่ฉัน—มันก็เป็นแค่ก้างขวางคอ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ…”
หา? แล้วที่ตกใจเมื่อกี้นี่มันเรื่องอะไรล่ะคะ?
“คุณหนูเรย์เต้… อย่าบอกนะว่า…คุณจำได้หมด? ทั้งชื่อ หน้าตา กับเรื่องราวของชาวเมืองทุกคนในเขตปกครองได้หมดเลย?”
ห้ะ? บ้าเหรอ ใครจะไปทำได้เล่า
“รู้แค่ประมาณ ‘เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์’ เองจ้ะ ถึงฉันจะสุดยอดแค่ไหน ก็จำข้อมูลของ ‘ประชากรทั้งหมด 103,728 คน’ ไม่หมดหรอกนะ”
“!?”
จริง ๆ ถ้าทำได้ ฉันก็อยากจะรู้ค่าสถานะกับความสามารถของเจ้าพวกไพร่ทุกคนให้หมดเหมือนกันล่ะ
“ที่นี่เศรษฐกิจมันดีน่ะสิ คงเพราะแบบนั้น คนใหม่ๆเลยแห่มากันเยอะ ทั้งที่ข่าวลือว่า “เจ้าเมืองสุดชั่ว” แพร่กระจายกันขนาดนั้นแท้ ๆ คนก็ยังแห่มา—สงสัยเพราะเงินล่ะมั้ง?“
“…อืม… ไม่อยากคิดเลยว่าข่าวลือมันต้องชั่วร้ายขนาดไหน…”
ไวซ์พยักหน้าเบา ๆ อย่างเงียบงัน
เอาล่ะ! หลังจากโชว์วีรกรรมชั่วร้ายอย่างหนึ่งไปแล้ว งั้นได้เวลาลุยขั้นต่อไปล่ะ!
MANGA DISCUSSION