หัลงจากนั้น—
“ยินดีต้อนรับนะ เคเนลริค! ที่นี่คือคฤหาสน์ของฉันล่ะ!”
“ก็เคยมาหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน…”
“ไอ้เด็กเปรต!”
ฉันอุตส่าห์ช่วย เคเนลริคไว้ทั้งที
ควรจะซาบซึ้งในพระเมตตาของท่านหญิงเรย์เต้จนร้องไห้ตาบวมไปเลยนะ~~~!
“ท่านหญิงเลเตจะใจดีกับญาติพี่น้องเท่านั้นนะ รู้สึกโชคดีบ้างไหมล่ะ ที่เกิดมาเป็นญาติกับฉันน่ะ?”
“…อา… มีหลายอย่างอยากพูด แต่ตอนนี้ฉันมีแค่คำขอบคุณเท่านั้น… จากใจจริงเลย”
แล้วหมอนั่นก็เล่นใหญ่ คุกเข่าข้างหนึ่งเหมือนเจ้าชายขี้เก๊ก
…หึ อย่ามาทำตัวสุภาพแบบไม่เข้ากับนิสัยเลยน่า
“ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยดูแลแม่ของฉันไว้… อยู่กับพ่อนาน ๆ แม่อ่อนแรงไปเยอะเลย”
แม่ของหมอนี่ฉันให้ไปพักอยู่ที่เรือนรับรอง
ดูท่าจะป่วยหนักอยู่เหมือนกัน… แต่คงไม่เป็นไรหรอก
“ฉันจัดเมดไว้ให้ดูแลเต็มไปหมดเลยนะ ส่วนใหญ่เป็นแม่หม้ายทั้งนั้น แก้เหงาได้ดีล่ะพวกนั้น คนเคยลำบากเหมือนกันคุยกันง่ายจะตาย”
“งั้นเหรอ… ขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอจริง ๆ…”
“ก็—บอก—แล้ว—ไง!”
ฉันเลยเตะหน้าแข้งไอ้เด็กเปรตไปหนึ่งที! ท่าไม้ตายของคุณหนูสุดโหด!
“โอ๊ยย!? เตะทำไมเนี่ย เรย์เต้!”
“หยุดทำหน้าอมทุกข์ได้แล้ว! รีบกลับไปเป็นไอ้ขี้เก๊กเหมือนเดิมซะ!”
มันเสียฟอร์มหมดเลยนะยะ! เคเนลริคที่ฉันรู้จักต้องเป็นพวกขี้โวยวายสิถึงจะถูก!
“หรือหิวอยู่? เอาคุกกี้ไหม? ฉันแอบใส่ไว้ในแขนเสื้อน่ะ”
“มันไม่ชื้นเหรอ… แล้วก็เปล่า ไม่ได้หิว”
งั้นทำไมทำหน้าเศร้าอยู่ล่ะ?
“เรื่องทั้งหมดนี่… ก็เพราะฉันกลัวพ่อ—บลูริค… ฉันมันขี้ขลาด น่าอับอายจริง ๆ”
ไอ้ขี้เก๊กพูดทั้งที่เบือนหน้าไปอีกทาง
ตาแดงๆอยู่นั่นแหละ… แต่ท่านหญิงเรย์เต้จะทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน
“ตอนที่เขาสั่งให้ฉันขโมยเทคโนโลยีจากดินแดนของเธอ…ฉันควรจะปฏิเสธอย่างลูกผู้ชายไปตรงนั้นเลย”
“งั้นแม่ของนายก็จะถูกลงโทษใช่ไหมล่ะ?”
“ฉันควรจัดการพ่อให้เรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว! …แต่ฉันก็มัวแต่กลัว จนกลายเป็นแบบนี้ แถมยังปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายแก้ทุกอย่างให้หมดอีก…”
เขาพูดต่อทั้งน้ำตาคลอ—
“คนในอาณาเขตออร์ไบรท์… กำลังย้ายออกกันเป็นจำนวนมาก… ทั้งหมดก็เพราะฉัน…”
เคเนลริคหันไปมองเนินเขาที่ทอดยาวไปสู่อาณาเขตของฉัน
ตรงนั้น—กลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินตรงมาทางนี้
พวกนั้นคือชาวออร์ไบรท์ ทั้งหลายร้อย บางทีอาจถึงหลักพัน ที่พอได้ยินข่าวเรื่องสิทธิพิเศษในการย้ายถิ่นจากฉัน ก็รีบเก็บข้าวของย้ายกันในวันนั้นเลย
“คงเป็นภาพที่เจ็บปวดสินะ สำหรับเธอ พรุ่งนี้อาจจะมีคนมาอีกเยอะเลยล่ะ”
“…ก็สมควรแล้วล่ะ ดินแดนออร์ไบรต์น่ะ ไม่ได้ดูแลประชาชนดีเท่าไหร่หรอก…”
“ก็จริง”
—แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นเมดคนหนึ่งที่กำลังเดินไปทางเรือนรับรอง
“อ๊ะ! คุณหนูเรย์เต้!”
รอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ฉัน—ก็อาจจะยิ้มเพราะอยากได้เงินก็เถอะ แต่ก็ดูสดใสอยู่ดีล่ะนะ
แต่พอหันไปทางเคเนลริค—
“อะ…แล้วก็…คุณชายเคเนลริค…”
พอเมดมองไปที่เคเนลริค สีหน้าก็พลันหม่นลงทันที ทำเอาคเนลริคขมวดคิ้วสงสัย
“อ-อะไรน่ะ เมด? ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ?”
“…ไม่ค่ะ คุณชายไม่ได้ทำอะไร แต่ตอนที่สามีของฉันตายจากการต่อสู้กับปีศาจ ท่านเจ้าของดินแดน—พ่อของคุณ กลับไม่ให้การชดเชยอะไรเลยแม้แต่น้อย”
“อะไรนะ!?”
ฟังแล้วนึกถึงเรื่องเก่าเลย ตอนพาไวซ์เดินดูรอบ ๆ เขตนี่แหละ ฉันเจอเธอคนนั้นที่หนีมาจากเรื่องแบบนี้พอดี
“ก็ใช่ค่ะ สามีของฉันไม่ได้ถูกมอนสเตอร์ฆ่าโดยตรง…เขาเสียจากอาการติดเชื้อหลังจากนั้น แต่ท่านพ่อของคุณกลับพูดอย่างเลือดเย็นว่า ‘ก็เพราะรักษาตัวเองไม่ดี เป็นความผิดของเขาเอง’ …!”
“พอได้แล้วล่ะ เคเนลิชไม่ใช่คนผิด”
“…ขอโทษค่ะ…! ขออนุญาต…”
เมดคนนั้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมองแผ่นหลังของเธอ เคเนลริคก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่จนมันไหลลงมา
“ให้ตายสิ…แบบนี้ใครจะไปอยากอยู่ต่อกันเล่า…!”
“รู้สึกผิดเหรอ? แต่นายก็เป็นแค่ทายาทไม่ใช่เหรอ ตัวต้นเรื่องน่ะคือเบอร์ลิคไม่ใช่หรือไง”
“ถึงจะเป็นแค่ทายาทก็เถอะ…แต่มันก็ต้องมีอะไรที่ฉันน่าจะทำได้มากกว่านี้…”
โอ้โห ดูจะมีความรับผิดชอบจังเลยนะ
ในขณะที่ฉันแกล้งชาวเมืองเล่นๆไปวันๆเอง
“แล้วนายจะทำไงต่อ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เพื่อนสมัยเด็กของฉันเช็ดน้ำตา แล้วหันไปมองแผ่นหลังของเมดที่จากไป กับกลุ่มคนที่กำลังเดินข้ามเนินมา—คนที่ทิ้งบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อมายังดินแดนของฉัน—แล้วเขาก็พูดขึ้น
“เรย์เต้ ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ฉันจะฝึกให้หนัก ศึกษาให้มาก แล้วกลายเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นผู้นำแคว้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้ได้!”
“หืม? ยิ่งใหญ่กว่าฉันเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว! แล้วฉันจะสร้างแผ่นดินที่ดีที่สุดขึ้นมา แล้วก็ทวงชาวแคว้นที่เธอขโมยไปคืนมาทั้งหมด!”
เขาชี้นิ้วใส่ฉันอย่างมั่นใจ พร้อมประกาศลั่น
ปากดีจริงนะ แต่เอาเถอะ แบบนี้ดีกว่ามานั่งจมอยู่กับความรู้สึกไร้ค่าเป็นล้านเท่า
“กลับมาเป็นตัวเองได้แล้วสินะ เคเนลริค งั้นฉันขอรับคำท้าของนายไว้ก็แล้วกัน!”
“แน่นอน! แล้ว…เอ่อ เรย์เต้ ถ้าเกิดฉันชนะล่ะก็ ฉัน…ฉันอยากให้เธอ…แต่งงานกับฉัน…”
“หืม?”
แล้วตอนที่เขาทำท่าจะพูดอะไรต่อ เสียงสะอื้นปนซึ้งก็ดังมาจากเงามืดว่า “ช่างซาบซึ้งใจจริงๆ…!”
เสียงนี่มัน…
“มองอะไรของแกน่ะ แอชลีย์”
“อ๊ะ! โดนจับได้แล้วหรอ!”
พ่อบ้านแว่นจิตหลุดของฉันเอง ทำไมถึงมายืนปาดน้ำตาพร้อมผ้าเช็ดหน้าอยู่แบบนั้นเนี่ย
“ร้องไห้อะไรของนายเนี่ย?”
“ผมแพ้ทางบทซึ้งแบบนี้จริงๆ ครับ…!”
“บทซึ้งแบบไหน?”
“เรื่องราวมิตรภาพของเด็กน้อยสองคนขอรับ”
““พวกเราไม่ใช่เด็กซะหน่อย!!””
แล้วฉันกับเคเนลริค—ที่อายุสิบหกแต่สูงไม่ถึง 150 ซม.ทั้งคู่—ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนสวนกลับไปพร้อมกัน
MANGA DISCUSSION