“ประชาชนทั้งหลาย~! จากนี้จะทำการประหารไอ้หนูเคเนลริคแล้วนะจ๊ะ~!”
““โอ๊วววววววววววววววววววววววววววววววววววว―――!!!””
“เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนน!”
“ไม่รอจ้า~”
แค่ตบมือสองที ฝูงชนเป็นหมื่นก็แห่กันมาสร้างแท่นแขวนคอเสร็จในพริบตา
ชื่นใจจริงๆ ที่ฝึกกันมาดีแบบนี้
“เฮ้ เรย์เต้! กล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ!? ฉันเป็นญาติ เป็นขุนนาง เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอเชียวนะ เคเนลริคไง!”
“ไม่เกี่ยวหรอก ก็แกแอบลอบเข้ามาในเขตพัฒนาแล้วพยายามขโมยเทคโนโลยีนี่”
“หะ…ไม่ใช่…คือว่า…เอ่อ…”
…อุ๊ย ท่าทางสำนึกผิดขึ้นมาทันทีเลยนะ
นึกว่าจะโวยวายว่า “เข้าใจผิดแล้ว!” ซะอีก ที่ไหนได้—ไอ้นี่มันทำจริง!?
ไม่ใช่ว่าเดินหลงเข้ามา แต่ตั้งใจจริง ๆ เรอะ!?
“…งั้นก็ผิดตั้งแต่ต้นล่ะสิ แล้วอีกอย่าง—นายทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่พยายามจับนายใช่มั้ย?”
เจ้าชายชาคีลแห่งทะเลทรายก้าวออกมาพร้อมกองกำลังอดีตทหารจากแคว้นเก่า
ตามตัวมีรอยฟกช้ำและถลอกเต็มไปหมด ถึงจะไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ใช่—เจ้านี่มันเล่นแรงจริง
“เฮ้ เรย์เต้! แต่เดี๋ยวก่อน—คนจากแคว้นแร็กไทม์มาโผล่ที่นี่ได้ไง!?”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก”
อืมมม… ดูท่าจะยังไม่เข้าใจสินะ งั้นจะบอกให้ตรงนี้เลย
“ฉัน—โคตรโมโหเลยตอนนี้”
“อึก!?”
อย่างแรกเลย—ฉันเกลียดขโมย
“พวกโจร พวกหัวขโมย พวกที่ไม่ทำอะไรแต่ดันจะคว้าผลลัพธ์จากความพยายามของคนอื่นน่ะ แค่เห็นหน้าก็อยากกระทืบให้จมดินแล้ว!!”
อย่างที่สอง—ฉันเกลียดความรุนแรง
“พวกที่ใช้พลังในการทำลายแทนการสร้าง พวกที่ทำร้ายคนอื่นเพื่อแย่งชิงแทนที่จะปกป้อง—พวกนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียว มีแต่โทษล้วนๆ…ต้องลบทิ้ง—”
“ดะ เดี๋ยวก่อน! เรย์เต้—เธอน่ะอ้างตัวว่าเป็นคนชั่วไม่ใช่เหรอ!? แล้วจะมาโกรธเรื่องเลว ๆ ทำไมกัน!?”
“อ้อ ถ้าเป็นความชั่วที่ ฉัน เป็นคนทำล่ะก็—โอเค”
“หา!?”
“แต่แกแตะต้องของของฉัน เพราะงั้น—ไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด”
“เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!!”
“โอเค จบเรื่อง เซ็ตจัง—เอาเชือกคล้องคอเขาได้เลย”
“รับทราบขอรับ—ว่าแต่ พอถึงเวลาจริง เรย์เต้ฮิเมะก็โหดใช่เล่นเลยนะขอรับ~”
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย ไอ้พวกขยะต่างแดนบ้าไปแล้ว!?”
“ไม่หรอกๆ—ก็เพราะท่านหญิงเป็นเจ้านายที่กล้าโกรธแทนประชาชนเมื่อถูกทำร้ายแบบนี้แหละ คนถึงเชื่อใจและยอมเดินตาม เพราะงั้น—หยุดไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่นะ…”
ยังไม่ทันที่เซ็ตสึนะจะพูดว่า “ระวังปากหน่อย” ฉันก็คว้าคอเสื้อเคเนริคช์ขึ้นมาแล้ว
“แกน่ะ…หุบปากไว้ซะ—อย่าเรียกองครักษ์ของฉันว่าไอ้ขยะต่างแดนแบบนั้นนะ”
“ร…เรย์เต้…!?”
“หมอนั่นน่ะ เป็นของฉันเหมือนกัน—ฉันเป็นคนหา ฉันเป็นคนซื้อ เขาคือราษฎรที่มีมูลค่าถึงหมื่นล้านของฉัน”
“หมื่นล้านเรอะ!?”
แล้วไง? ทั้งที่เขาเป็นของฉัน
แต่นายดันมาขโมยเขา ทำเขาเจ็บ ไม่ขอโทษ แถมยังด่าซ้ำว่า “ขยะ”?
“นี่ นายคิดอะไรอยู่ตอนที่พูดจาดูถูกแบบนั้น?”
อยากจะบอกว่าฉันเอาเงินหมื่นล้านไปซื้อขยะสินะ? ฉันดูเป็นคนโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“อยากตายรึไง”
“ฮึ๊ก—ม่ะ…ไม่ใช่แบบนั้น…!”
ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะแก้ตัวยังไง ในขณะที่เซ็ทสึนะจับเขากดไว้ ฉันก็ลงมือคล้องเชือกกับคอหมอนั่นด้วยตัวเอง
“ร…เรย์เต้…!”
“งั้นก็ได้เวลาจัดการแล้วล่ะ เคเนลริค แกน่ะเป็นเด็กกวนประสาท น่าหงุดหงิด แถมไร้ความหวังสิ้นดีเลยล่ะ แต่ถึงยังไงก็…”
แต่ก็เอาเถอะนะ…
“แกไม่ได้ดูเป็นพวกที่จะทำเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนั้นเลย”
“…!”
โอเค แค่นี้ล่ะที่อยากพูด! งั้นก็—ชาวเมืองจ๋า~ เตรียมเปิดปาร์ตี้ประหารกันได้เลยจ้า~!
“…ข้า…ผิดไปแล้ว…”
—หืม?
“ขอโทษ… ขอโทษจริงๆ เรย์เต้…! แล้วก็ขอโทษพวกที่ข้าเผลอทำร้ายด้วย! ข้าขออภัยอย่างสุดหัวใจ!”
…เหอะ
“ฉันรู้ว่าแค่ขอโทษตอนนี้ มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะได้รับการยกโทษ…”
“ฉันให้อภัย”
“หา—?!”
วูบเดียวเท่านั้น—เซ็ตสึนะพยักหน้าตามสายตาฉันแล้วฟันเชือกขาด
เชือกสำหรับนักโทษแบบนั้น มันไม่เหมาะกับเขาอีกต่อไปแล้ว
“เดี๋ยวสิ—ไม่ใช่ว่าเธอจะฆ่าฉันเหรอ…!?”
“ใช่ ฉันกะจะฆ่าแกจริงๆ นั่นแหละ ถ้าสิ่งถัดไปที่แกพูดคือข้อแก้ตัว ฉันจะลงมือทันที ถ้าแกขอโทษแค่ฉันแต่ไม่รวมถึงคนอื่นที่นายทำร้ายล่ะก็ ฉันก็จะฆ่าเหมือนกัน”
แต่ก็ช่างเถอะ เขาทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว—ขอโทษฉันกับลูกน้องอย่างจริงใจ
แบบนี้เราก็เดินหน้าต่อได้สักที
“เคเนลริค”
ฉันยื่นมือไปปาดน้ำตาที่มุมตาเขา—น้ำตาจากความกลัวและความกดดัน
จากนั้นก็—
“บอกมาซะ—ใครคือเศษขยะที่กล้าบงการ เพื่อนสมัยเด็กของฉัน ให้ไปทำเรื่องต่ำทรามแบบนั้น?”
MANGA DISCUSSION