ในเขตพัฒนา เรากำลังเดินตรวจดูบรรดาโรงงานที่ตั้งเรียงรายอยู่กับไวซ์คุง
“เซ็ตจังน่ะ รีบเอาดาบที่ด็อกเตอร์ตีใหม่ไปลองใช้แล้วล่ะ ทั้งที่ตอนแรกยังพูดว่า ‘ดาบที่สร้างด้วยเครื่องจักรเป็นของนอกรีต!’ อยู่เลยนะ~ ฮ่าๆ”
“ดีแล้วที่ได้ดาบถูกใจน่ะ ด็อกเตอร์ไลน์ฮาร์ทฝีมือไม่ธรรมดาอยู่แล้ว…ถึงนิสัยจะ—แบบนั้นก็เถอะ”
“นิสัยนี่แบบ…ไม่ไหวจริงๆ”
ตั้งแต่เซ็ตจังมาเข้าร่วม พัฒนาการของแคว้นฮังกาเรียก็ไปได้สวยเลยล่ะ
เครื่องจักรที่ใช้ ‘ผลิตภัณฑ์น้ำมัน’ กับ ‘ศิลาคริสตัลเวท’ ของด็อกเตอร์ก็พัฒนาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แถมเรายังทดลองทำนาตามเทคนิคจากพ่อค้าชาววาโนะนามทาโกะซาคุ ด้วยแรงม้า…เอ้ย แรงคนจากชาวเมืองที่กระตือรือร้นเกินไปอีกต่างหาก
ของแปลกๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยีล้ำๆ กับอุตสาหกรรมใหม่ๆ นี่กำลังฮิตสุดๆ! กระแสยังลามไปถึงแคว้นข้างเคียง คนเลยแห่มาขอย้ายถิ่นกันไม่หยุดเลยล่ะ
ตอนนี้แคว้นฮังกาเรียเข้าช่วงโตไวสุดๆ ไปเลย!
“แล้วไวซ์คุงล่ะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”
“ฉันเป็นหัวหน้าคุมไซต์ก่อสร้างแล้ว”
“หาาา!? การเติบโตของนายคือในสายช่าง ไม่ใช่สายดาบเรอะ!?”
หมอนั่นน่ะ พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็จะเอาพลังร่างกายเทพๆ ของตัวเองไปช่วยงานก่อสร้างทุกที
ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาทำงานได้เท่าคนเป็นสิบๆ เลยถูกยกย่องเหมือนเทพเจ้า…แต่ว่า…
“สั่งงานไปด้วย ทำเองไปด้วยมันก็เหนื่อยนะ แต่ถ้าคิดซะว่าเป็นการฝึกไว้เผื่อได้เป็นราชาในอนาคต—แบบนี้ก็ฮึดขึ้นมาเลยล่ะ”
“เข้าใจล่ะ คิดแบบนั้นก็ดูเป็นบทเรียนที่ดีเหมือนกันนะ”
แต่ราชาที่ฝึกตัวเองกลางไซต์งานก่อสร้างเนี่ย…มีที่ไหนกันฟะ!?
“อา ถึงไม่คิดเรื่องนั้นก็ยังมีกำลังใจล้นอยู่ดี แค่คิดว่าพลังของฉันจะทำให้แคว้นเจริญขึ้น แล้วคุณหนูจะมีความสุข…แค่นี้ก็พอแล้ว”
“มะ…ไม่ต้องพูดอะไรแบบนั้นหรอก ถึงจะพูดเอาใจฉันก็เถอะ!”
เฮ้อ…ไวซ์คุงนี่ปากหวานขึ้นทุกวันเลยนะ
“ดูทรงแล้ว ตอนนี้นายอาจจะเป็นราชาได้จริงๆ ก็ได้นะ”
“ไม่หรอก ยังไม่มั่นใจเลย อย่างน้อยต้องมีคู่ชีวิตที่เก่งๆ คอยช่วยถึงจะไหว”
“ไม่ต้องห่วงหรอก! ไวซ์คุงหล่อจะตาย! เดี๋ยวก็มีคนอยากเป็นว่าที่ราชินีเต็มไปหมดแหละ!!”
“……”
จู่ๆ ก็เงียบไปเลย… อะไรเนี่ย!? เป็นอะไรของนาย!?
“ท้องเสียเหรอ!? หรือว่าโดนซูชิสูตรต้นตำรับจากวาโนะเล่นงานเข้าให้!? ชั้นยังคิดอยู่นะว่าข้าวคลุกน้ำส้มมันจะโอเคมั้ย…แต่เราก็กินอร่อยดีนี่นา…”
“ไม่ๆ เราก็กินแล้วอร่อยเหมือนกันนะ…ท้องก็ไม่เป็นอะไรด้วย…”
แล้วตอนที่เราคุยกันอยู่นั่นแหละ—
“สหายไวซ์เอ๋ย ดูท่าว่าท่านจะกำลังเผชิญกับความลำบากอยู่นะ?”
เจ้าชายแห่งทะเลทราย—ชาคีลคุง มาพร้อมกับผู้ติดตามชื่อ..ไอ้เด็กเปรต
“โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกแล้วนะ ชาคีลคุง”
“เฮ้ย! เรย์เต้ ฮังกาเรีย! เจอชาคีลซามะทั้งที ทำไมไม่โค้งทักทายให้มันสมกับมารยาทหน่อยล่ะ!?”
“เสียงดังเหมือนเดิมเลยนะ ไอ้เด็กเปรต”
“อย่าเรียกแบบนั้นนะ! ผมชื่ออัคนาดินต่างหากล่ะ!”
จ้าๆ แล้วตกลงมีเรื่องอะไรล่ะ?
“พวกเธอรับผิดชอบดูแลการแปรรูปน้ำมันใช่ไหม? เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“อืม เรื่องนั้นไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ราษฎรของเจ้าทำงานกันด้วยความบ้าคลั่งและสามัคคีชนิดน่าสะพรึงเลยทีเดียว”
“อะ…อ๋อ เหรอ…”
‘บ้าคลั่ง’ กับ ‘น่าสะพรึง’ เนี่ยนะ? คำชมฟังแล้วหลอนชอบกล…
ชาวแคว้นเรานี่ต่างจากที่อื่นขนาดนั้นเลยเหรอ? ชั้นก็ไม่ค่อยรู้เลยแหะ…
“ขอบคุณที่ขยันทำงานนะ! แล้ว…มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“อื้มๆ ความจริงก็คือ—มีเด็กประหลาดแอบลอบเข้ามาในเขตโรงงานน่ะ คิดว่าอาจเป็นสายลับ เลยพยายามจะจับตัวไว้”
“ว่าไงนะ!?”
อ๊ากกก มาแล้วสินะ สปายอุตสาหกรรม! ก่อนหน้านี้ก็มีคนต้องสงสัยจากแคว้นอื่นมาหลายรายนะ แต่ยังไม่มีใครหลุดรอดไปถึงเขตงานจริงๆ ได้เลยนี่นา!!
“เด็กนั่นมันไม่ธรรมดาเลยนะ! แล้วจับได้รึยังล่ะ!?”
“เปล่าเลย เด็กนั่นมันใช้พลังพิเศษ—กิฟต์! ไล่เตะทหารในแคว้นของข้ากระจุยเลยล่ะ”
“หืมมมม~!?”
เจอกิฟต์เข้าไปนี่เรื่องใหญ่เลย… ทหารธรรมดาน่ะสู้ไม่ไหวแน่
“แ-แล้วไงต่อ!?”
“อืม ข้ากะจะลงมือเองแล้วเชียว แต่เจ้าน้องใหม่จากแดนตะวันออกนั่นก้าวออกมาแทน ตอนนี้กำลังสู้กับเด็กผู้บุกรุกอยู่”
“น้องใหม่จากตะวันออก…อย่าบอกนะว่าเซ็ตจัง!?”
อะไรฟะ!? อยู่ดีๆ ก็เข้าฉากบู๊แบบไม่บอกไม่กล่าว!?
“เซ็ตจังก็มี ‘กิฟต์’ ก็จริง…แต่ถ้าอีกฝ่ายก็มีเหมือนกัน แบบนี้ก็วางใจไม่ได้หรอกนะ”
เขาเป็นบอดี้การ์ดหมายเลขสองที่ฉันตั้งด้วยตัวเองนะ! ถ้าเกิดบาดเจ็บสาหัสขึ้นมาเองโดยไม่ขออนุญาตล่ะก็… ไม่ยกโทษให้แน่ๆ เลยนะ~!?
“โอเค! ไปช่วยกันเถอะ! นี่คือคำสั่ง ไวซ์คุง—อุ้มฉันซะ!”
“ค-ครับผม!”
ถูกอุ้มขึ้นด้วยแขนอันแข็งแรงแน่นหนา
อื้มๆ อยู่ในอ้อมแขนของนักดาบสุดโหดนี่มันอุ่นใจไปอีกแบบจริงๆ~!
“หึหึ เป็นผลประโยชน์ที่น่าอิจฉาจริงนะ เพื่อนข้า”
“ชาคีล… เลิกแซวซักทีเหอะ…”
เฮ้ย! มานั่งเม้ากันอยู่ทำไมยะ! รีบไปได้แล้ว~!
———————————————————————
“บ้าชะมัด! แกเป็นตัวอะไรฟะเนี่ย!?”
“ฟุฮ่าฮ่า! เจ้ายังอ่อนนัก เจ้าเด็กน้อย!”
“ใครเด็กวะ!?”
ศึกสายลับปะทะเซ็ตจังที่ว่ากันว่าเกิดขึ้นชานเมืองน่ะนะ
แต่พอมาถึงที่จริงๆ—กลายเป็นว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์เพียบเลยแฮะ
“เห้ย เด็กที่สู้กับเซตจังนั่น… เคเนริคไม่ใช่เหรอ!?”
ญาติชั้นเองแหละ… แถมเป็นเพื่อนสมัยเด็กแบบงงๆด้วย
“อืม…เป็นคนรู้จักของเจ้ารึ?”
“ใช่เลย ชาคีลคุง—อายุสิบหกแต่สูงไม่ต่างจากเด็กประถมเลย น่าสงสารจังเลยเนอะ”
“……”
“เฮ้ย! เงียบทำไมยะ!? จ้องหน้าแบบนั้นคิดอะไรอยู่!?”
มองอะไรยะ!? อยากโดนตบหมุนรึไง!?
“เอาเถอะ ช่างเรื่องนั้นก่อนแล้วกัน”
อย่ามาช่างได้มั้ย! กล้าหยามเรย์เต้ซามะ ระวังจะโดนลบออกจากสารบบนะยะ!
“แล้วจะเอายังไงดีล่ะ เรย์เต้? เป็นคนรู้จักของเจ้าด้วย จะให้ข้าห้ามพวกเขาไหม?”
อาาา…
“ก็ไม่เห็นต้องหยุดนี่นา ช้าไปแล้วล่ะ เพราะว่า…”
ศึกนี้ใกล้จบแล้วล่ะ… เคเนลริคกำลังโดนยำเละเลย
“อึ๊ก… สายลมจงพัดกระหน่ำ! เซ็นโควกะ!”
เจ้าเด็กแดงหัวฟูคนนี้…เอาจริงๆ ก็เก่งอยู่นะ
พลังพิเศษของหมอนั่นคือ “เซ็นโควกะ” ความสามารถควบคุมพายุ โดยสร้างลมหมุนจากฝ่าเท้า แล้วใช้โจมตีใส่ศัตรู หรือเสริมแรงเตะให้ทรงพลังขึ้นได้
“ย้าาาาาาาก!!”
เคเนริคช์กระโจนขึ้นฟ้า สูงลิ่ว
ปลายเท้าหุ้มด้วยพายุ ก่อนจะพุ่งลงหาเซ็ตสึนะเหมือนเหยี่ยวโฉบ!
ถ้าโดนล่ะก็ เจอเตะทะลุกลางลำแน่นอน
แต่ทว่า—
“กิฟต์….(Paradise Heaven)โทวเก็นเท็นกะ—อิซเซน!”
“หา!?”
ในชั่วพริบตา การฟันแบบ อิไอ ความเร็วเหนือเสียงก็ซัดเคเนริคช์กระเด็นออกไป
“อ๊ากกก!?”
ถูกฟันร่วงกลางอากาศ ร่างกลิ้งไปกับพื้น
โชคดีที่ใช้สันดาบ ไม่งั้นป่านนี้ขาดครึ่งไปแล้ว
แต่แค่โดนที่ขา เจ้าตัวก็แทบจะลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ
“อึก… ไอ้เด็กผมดำบ้านี่มันอะไรกันวะ…!?”
“ข้าไม่อยากถูกเรียกว่าเด็ก โดยเฉพาะจากเจ้า อย่างไรก็ดี—เจ้าผู้บุกรุก ยอมให้จับซะดีๆ”
เซ็ตสึนะเดินเข้าไป แล้ววางสันดาบลงบนไหล่ของเคเนริคช์เบาๆ
แล้วก็…
กร๊อบ… ไหล่ข้างที่โดนแตะเหมือนแบกรับน้ำหนักมหาศาลเอาไว้ในทันที
นี่คือพลังพิเศษของหมอนั่น
ถ้าจำไม่ผิด เจ้าตัวเคยอธิบายไว้ว่า—
“กิฟต์ควบคุมแรงโน้มถ่วง…ใช่มั้ยนะ”
“อ๊ะ… เจ้าหญิงเรย์เต้!”
พอฉันเอ่ยปากเรียก เขาก็คุกเข่าลงทันทีไม่มีลังเล
เหมือนหมาพันธุ์ซามูไรที่ผ่านการฝึกมาดีเลยแหละ ความจงรักภักดีของซามูไรนี่สุดยอดจริงๆ
อ้อ ลืมบอก—ดาบยังคาอยู่บนไหล่ของเคเนริคช์นั่นแหละ ไม่ได้เอาออกด้วยนะ
“ขอแสดงความยินดีที่เห็นท่านยังแข็งแรงดีนะขอรับ เจ้าหญิง”
“ไม่ต้องพิธีรีตรองหรอก แล้วเรื่องท่านั้น—ท่าอิไอเมื่อกี้ เร็วระดับที่สูสีกับไวซ์เลยใช่มั้ย? เหมือนบิดทิศทางแรงโน้มถ่วงให้เฉียงๆ ไปด้านข้างใช่มั้ย?”
“ตามนั้นเลยขอรับ ความสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วง โทวเก็นเท็นกะ นั้น เป็นเคล็ดวิชาลับประจำตระกูลมุรามาสะ”
กิฟต์มักจะถ่ายทอดทางสายเลือดแหละ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะควบคุมได้แค่ไหน—ทั้งพลังและระยะ
“ความสามารถของข้ายังนับว่าเล็กน้อยนัก—ควบคุมแรงโน้มถ่วงได้แค่รอบตัวในรัศมีสองเมตร และเปลี่ยนทิศหรือเพิ่มลดได้แค่ราวสามเท่าเท่านั้นขอรับ”
“แค่นี้ก็ว่าโกงมากแล้วนะ?”
“ไม่ๆ ปู่ของข้า—รันโกว—เขาสามารถเพิ่มน้ำหนักทุกอย่างในระยะยี่สิบเมตรได้มากกว่าสิบเท่า… เอ่อ ช่างเรื่องหมอนั่นเถอะ”
เขาก้มหน้าพลางส่ายหัว… แต่สาบานได้ว่าเมื่อกี้เหมือนจะพูดอวดนิดๆ ใช่มั้ยเนี่ย หรือเราคิดไปเอง?
“ว่าแต่ กลับมาเรื่องผู้บุกรุกเถอะ ขอเวลาไม่นาน—เดี๋ยวจัดให้นอนยาวแบบไม่มีรีเทิร์น”
“หยุดดดด! อย่าเพิ่งสรุป! ข้า… ข้าน่ะชื่อเคเนลริค ออร์ไบรท์นะเว้ยยย!”
“ไม่รู้จักนะขอรับ”
“ไอ้หมอนี่พูดบ้าอะไรฟะ!? ข้าน่ะเป็นขุนนางของประเทศนี้นะ! ทายาทตระกูลไวส์เคานต์ออร์ไบรท์เชียวนะเว้ย!”
เคเนริคกรีดร้องเสียงหลง น้ำตาคลอเบ้าแล้วชี้หน้าฉันอย่างกับหมาเห่า
“ข้าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเรย์เต้ ฮังกาเรียคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นะเฟ้ย!?”
“หา!? จริงหรือขอรับ ท่านหญิง”
อืมม…
“ไม่เคยรู้จักเพื่อนสมัยเด็กแบบนั้นเลยนะ”
“หาาาาา!?”
“กล้าโกหกต่อหน้าข้าเรอะ!? ข้าโมโหแล้วนะ! งั้นข้าขอตัดสินให้ประหาร!”
“ม่ายยยยยยยยยย!!?”
หึ! คนที่กล้าเรียกฉันว่า “ขุนนางที่มีแต่ดวง” แบบนั้นน่ะ ไม่มีอยู่ในสมองฉันหรอก!
MANGA DISCUSSION