หนึ่งวันผ่านไป… นับตั้งแต่ข่าวช็อกนั้นถูกส่งมาถึง
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนูเรย์เต้ เช้าวันนี้อากาศดีจังเลยนะ”
“อ-อื้ม…”
น่าแปลกที่ไวซ์คุงดูเหมือนเดิมเป๊ะ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขายังอุตส่าห์มาปลุก พาเดินไปกินข้าว แล้วก็ดึงเก้าอี้ให้นั่งเหมือนทุกวัน
“อาหารเช้าวันนี้คือริซอตโตหมูที่ทำจากเนื้อโทรล พอมีรายงานว่าวิธีปรุงปลอดภัย ก็จะเริ่มกระจายสู่ตลาดทั่วไปแล้วครับ”
“ก็จริงนะ รสชาติก็ไม่เลว เดี๋ยวชาวบ้านก็คงยอมรับได้แหละ”
…แต่ประเด็นมันไม่ใช่อาหารเช้าอะ
“ไวซ์ นายโอเคใช่มั้ย? เมื่อวานตอนรู้ว่าเรากำลังจะทำสงครามกับประเทศข้างๆ นายดูช็อกมากเลยนะ”
“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ”
อ้าวเห้ย แล้วพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่เฉย
นึกว่าจะฟูมฟายไปเป็นอาทิตย์ซะอีก
“…แน่นอนว่าฉันช็อกอยู่แล้ว คิดซ้ำไปมาว่าทำไมพวกเขาถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ หรือว่าถ้าฉันหยุดการปฏิวัติไว้ได้ เรื่องคงไม่มาถึงจุดนี้… คิดไปคิดมาจนนอนไม่หลับทั้งคืน”
ไวซ์คุง…
“สุดท้ายเลยฝึกดาบจนถึงเช้า”
“อีกแล้วเรอะ!!?”
ชมรมฝึกจนสลบยังไม่ยุบอีกหรอ!!!
ดูแลร่างกายตัวเองมั่งสิยะ! ทำไมคนที่ควรเป็นราชินีชั่วร้ายอย่างฉันต้องมาคอยห่วงนายด้วยเนี่ย!?
“เฮ้อ… อย่างน้อยก็ไม่ได้เลวร้ายที่สุดละนะ”
“เลวร้ายที่สุดเหรอ?”
“อื้ม ฉันนึกว่านายจะบ้าพุ่งไปหยุดกองทัพคนเดียวซะอีก”
จริงๆ แล้ว ฉันสั่งให้แอชลีย์คอยจับตาดูนายทั้งคืนเลยนะ
แรกๆ ก็แอบรู้สึกผิดที่ใช้เขาแบบนั้นนะ…
แต่พอเขาบอกว่า “แทนที่จะเฝ้าหน้าหมอนั่น ผมขอเฝ้าหน้าคุณหนูตอนหลับในระยะ 1 ซม. ดีกว่าครับ~”
เท่านั้นแหละ ฉันก็ปล่อยเลยตามเลย
ขณะที่ฉันกำลังนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน ไวซ์ก็พึมพำว่า “อย่างนี้นี่เอง”
“ไปหยุดกองทัพเอง… ก็เป็นทางเลือกเหมือนกันแฮะ”
“หะ?”
“ถึงจะตกอับ แต่ข้าก็ยังเป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรสเตรน ถ้าออกหน้า บางทีพวกเขาอาจยอมฟังบ้างก็ได้”
“เฮ้ย!? ถามจริง!?”
เดี๋ยว นายไม่ได้ไม่ทำเพราะลังเล แต่แค่นึกไม่ออกเฉยๆ เหรอ!?
ฉันกำลังจะค้านอยู่พอดี แต่ไวซ์คุงก็พูดต่อเองว่า “แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“คำพูดของข้าคงไปไม่ถึง เพราะกองทัพตอนนี้…ไม่ใช่กองทัพที่แท้จริงอีกต่อไปแล้ว”
เขายังคงไร้สีหน้า แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
“กลุ่มทหารรับจ้าง ‘หมาป่านรก’ พวกมันกลายเป็นกำลังหลักของราชอาณาจักรไปแล้ว”
“เพราะงั้น สิ่งที่ข้าพูดไปไม่มีความหมายหรอก”
“ภายใต้คำสั่งของซัคส์ พวกมันจะบุกล้างผลาญทุกอย่างโดยไม่สนใจฟังอะไรทั้งนั้น”
“นั่นมันก็…”
พูดตรงจุดเลยล่ะ ฉันเองก็เดาไว้แบบนั้นเหมือนกัน
ตั้งแต่แรกแล้ว ราชาคนใหม่อย่างชวาลก็รวบรวมกองทัพประจำชาติไม่ได้ เลยต้องไปพึ่งกลุ่มรับจ้าง ‘หมานรก’ นั่นแทน
เพราะงั้นตอนนี้พวกนั้นก็กลืนเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลไปเรียบร้อย
“อีกอย่าง หนังสือพิมพ์ของเมืองหลวงน่ะกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ต้องใช้เวลาราวครึ่งเดือน ดังนั้น ณ ตอนนี้…”
“คงเข้าสู่ภาวะสงครามเต็มตัวไปแล้วล่ะ”
พูดให้ชัดก็คือ—มันสายไปแล้ว
“จะบุกไปล้มชวาลก็เป็นอีกทางหนึ่งนะ… แต่คงไม่ง่าย”
“ในเมื่อคนอย่างซัคส์ โลอาร์ฉลาดเจ้าเล่ห์ เขาต้องวางกำลังทิ้งไว้แน่ รวมถึงเหล่า ‘ห้าขุนพล’ ที่เป็นหัวหน้าหน่วยด้วย”
“อึก… ‘ห้าขุนพล’ นี่พวกที่อยู่ระดับเดียวกับแอชลีย์ใช่ไหม?”
ถึงจะโดนเจ้าชายสุดแกร่งอย่างไวซ์อัดแพ้ยับ แต่แอชลีย์เวลาเอาจริงก็ไม่ธรรมดาเลยนะ
แล้วถ้ามีพวกสุดแกร่งแบบนั้นตั้งห้าคน… มันจะไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ!?
ฉันเผลอนึกภาพแอชลีย์ห้าคนรุมล้อมตะโกน [[[[“คุณหนู! คุณหนู!”]]]] พร้อมกัน… นรกชัดๆ
“ฟังดูหลอนในอีกความหมายเลยนะ…”
“เอาเถอะ ไม่ว่าจะบุกกองทัพศัตรูหรือบุกเข้าวัง ก็ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย แถมสู้กลางเมืองหลวงยังจะทำให้ชาวบ้านซวยไปด้วยอีก”
“ก็จริง… ไวซ์คุงฟันทีนี่สะเทือนทั้งแผ่นดินเลยอะ”
“จะให้ยั้งมือก็ไม่ได้อีก เพราะศัตรูไม่ใช่ประเภทไว้หน้าใคร”
“ถ้างั้นสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือรอโอกาส และลับเล็บให้คมไว้เสมอ… ไม่มีเวลามานั่งซึมแล้วล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ไม่ใช่ว่าเขาโอเคหรอก—แต่ข้างในเต็มไปด้วยความโกรธกับความมุ่งมั่นต่างหาก
“เข้าใจละ ตอนนี้นายดูเหมือนเจ้าชายจริงๆ ขึ้นมากกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกอีกนะ”
“ก็เพราะอยู่ต่อหน้าคุณหนูเรย์เต้ไงล่ะ… ฉันไม่อยากให้เธอเห็นด้านที่อ่อนแอของฉันหรอก”
“ห๊ะ!?”
แหม…ดูเหมือนนายจะเริ่มพูดเก่งขึ้นแล้วนะไวซ์คุง
ถึงจะหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ว่าที่เจ้าสาวของนายคงจะมีความสุขน่าดู
“ไวซ์คุงนี่โตขึ้นมากเลยน้า… ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ อย่าลืมเชิญฉันไปงานด้วยล่ะ!”
“!!!! แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าจะพาเจ้าร่วมพิธีด้วยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!”
“เสียงดังโว้ยยย!!!!! อยู่ดีๆโวยวายอะไรของนายเนี่ย!”
แม้สถานการณ์โลกจะเครียดแค่ไหน แต่ถ้าเอาแต่จมกับมันก็ไม่ช่วยอะไร
เราเลยเลือกจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ
แหงล่ะ… เพราะ “งานมหกรรมแฟนซีประจำดินแดนฮังกาเรีย” กำลังจะเริ่มแล้วไงล่ะ!
MANGA DISCUSSION