“อึก…ตื่นได้แล้วแอชลีย์—ดูเหมือนเจ้าชายจะเอาจริงแล้วนะ”
“ผมตื่นมาสักพักแล้วล่ะครับ คุณหนู”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แอชลีย์ก็มาโผล่อยู่ข้างๆ ฉันแล้ว
ภายใต้แสงสีฟ้าสุดขั้วนั้น เขากลับยิ้มเย้ยอย่างดุร้าย
“อาา ในที่สุดก็เริ่มสนุกขึ้นมาซักที… แบบนั้นแหละ ใช่เลย!”
“ท่าทางจะอารมณ์ดีจังเลยนะคะ นายเป็นพวกคลั่งการต่อสู้งั้นสิ?”
“ก็… ใช่ครับ ความจริงที่เข้าร่วม ‘หมาป่านรก’ ตั้งแต่แรกก็เพราะเลือดนักสู้มันพลุ่งพล่านเกินไปนิดน่ะครับ”
เขาล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม แล้วส่งแว่นตาคู่เก่ามาให้ฉัน “คงไม่รอดจากศึกนี้แบบไร้รอยขีดข่วนแน่ครับ” เขาพูดไว้แบบนั้น
“ขอฝากไว้กับคุณหนูนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ขอให้เอาไว้ใกล้หัวใจของคุณหนูจะดีมากครับ”
“ได้จ้ะ~”
ฉันโยนแว่นลงพื้นแถวนั้นไปเลยจ้า
เอาล่ะ—ได้เวลาศึกใหญ่ของจริงแล้ว!
“…ดูเหมือนฉันจะเสียหน้าไปหน่อยสินะ แอชลีย์ จากนี้ไปจะไม่ออมมืออีกแล้ว—ฉันจะแสดง ‘สิ่งเดียวที่ฉันทำได้’ ให้ดู”
ไวซ์คุงตั้งท่าชักดาบต่ำที่เอว ท่วงท่าเหมือนตอนเริ่มดวล… แต่แสงสีฟ้าและแรงกดดันที่แผ่ออกมานี่ มันอีกระดับเลย
“ฟุฮ่าฮ่า! เข้ามาเลย ไวซ์ สเตรน!”
แอชลีย์ก็ไม่ยอมแพ้ ปล่อยแสงพลังสีเทาจากกิฟต์ของเขาออกมาเต็มที่
ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน—โหดเหี้ยม อำมหิต… นี่สินะธาตุแท้ที่เคยหลบซ่อนอยู่หลังแว่นตานั่น
“ถึงข้าจะรังเกียจความโหดเหี้ยมของหมาป่านรก… แต่ยังคงหลงใหลในความเร้าใจของศึกต่อสู้! เพราะงั้น มาเลย เจ้าชาย—ลุยกันให้ตายไปข้าง!”
แล้วพ่อบ้านก็พุ่งเข้าใส่ในพริบตา รวดเร็วดั่งหมาป่าในเงามืด
“คราวนี้จะกระแทกกะโหลกแกให้แหลกเลย! พลังเต็มสูบ—กิฟต์ 『灰塵鬼かいじんき』『ไคจินคิ』!”
แสงสีเทาคล้ำยังคงไหลทะลักออกมา
แสงนั้นห่อหุ้มแอชลีย์ราวกับเถ้าถ่าน เป็นกิฟต์ที่สามารถลบล้างพลังของกิฟต์อื่น
ซึ่งเท่ากับว่า ท่าไม้ตายดาบพลังพิเศษของไวซ์คุงใช้ไม่ได้ผล
“จบกันที!”
หมอนั่นมั่นใจว่านี่จะเป็นหมัดปิดเกม
เขาพุ่งเข้าใส่พร้อมเสียงคำราม—แต่แล้ว…
『抜刀・斬煌一閃』‘Battou – Zankou Issen.’ (ชักดาบ – พิฆาตศูนย์)
“ห๊าาา!?”
แสงฟันสว่างวาบเพียงพริบตา ก่อนจะเกิดแรงระเบิดขนาดมหึมาทันที
รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนเทียบไม่ติด
เพียงแค่สะบัดมือนิดเดียว…
แอชลีย์ และพื้นที่เบื้องหลังเขาหลายสิบเมตร—สลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา!
เสียงระเบิดดังสะเทือนป่ามรณะแบบสะเทือนไปทั้งแนว
“อ้้ก!?”
มีบางสิ่งพุ่งทะลุม่านฝุ่นออกมา—มันคือร่างของแอชลีย์ที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
ตอนแรกก็นึกว่าเขาลบล้างแรงระเบิดได้อีกครั้ง… แต่เปล่าเลย
ชุดหางยาวของเขาฉีกขาดยับเยิน บ่งบอกว่าโดนเข้าไปเต็มๆ
นี่มันอะไรกัน…?
“—เข้าใจแล้ว! ความสามารถลบล้างของเขามีขีดจำกัดต่อระดับพลังที่รับได้!”
“อ๊ะ คนพากย์มาแล้ว !”
แล้วก็เป็นโซเนียคุง กล้ามแน่นสายสดใส ที่โผล่มาวิเคราะห์อีกเช่นเคย
“กิฟต์ ‘ไคจินคิ’ ของแอชลีย์ เป็นพลังที่ลบล้างกิฟต์อื่น… แต่กลไกที่แท้จริงยังไม่เคยถูกเปิดเผย แต่ดูสภาพเขาตอนนี้สิ!”
“ค..คะ?”
ฉันหันไปมองแอชลีย์ที่แทบทรุดลงไปคุกเข่า
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือร่องรอยบาดเจ็บ… แล้วก็….
“แสงสีเทา… มันลดลงหรือเปล่า?”
“ถูกต้องที่สุดครับบบ!!!!!!!!!”
หนวกหูโว้ยยยย เสียงนายแสบแก้วหูชิบเป๋ง!!!!!?
แสงนั้นน่าจะทำหน้าที่เป็น ‘เกราะ’ จริงๆ
สามารถสะท้อนพลังของกิฟต์ได้… แต่ทุกครั้งที่ใช้ จะค่อยๆ สูญสลาย
และหากรับแรงโจมตีระดับสูงเกินจุดต้าน—การลบล้างก็จะตามไม่ทัน และปล่อยให้ทะลุเข้าเป้า
“อย่างนี้นี่เอง… งั้นก็ไม่ได้ไร้เทียมทานสินะ”
พลังนี้ก็มีจุดอ่อนเหมือนกันนี่นา
แต่เกราะเถ้านั่นก็ยังเหลืออยู่นะ
งั้นถ้าจะเจาะให้ทะลุได้จริง ก็ต้องถล่มด้วยแรงระดับสูงต่อเนื่องใช่มั้ย?
แบบนี้ไวซ์คุงคงหมดแรงก่อนแน่เลยใช่มั้ย?
“การใช้กิฟต์แต่ละครั้ง มันกินทั้งแรงและสมอง… เพราะงั้น—”
ฉันกำลังจะพูดว่า ‘ไวซ์คุงจะหมดแรงก่อนแน่’—แต่…
แต่แล้วฉันก็เงียบไปเอง เพราะว่า…
“…ไม่สิ ถ้าเป็นไวซ์คุงล่ะก็ ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
“เห็นด้วยเลยครับ”
ฉันกับโซเนียยิ้มเจื่อนๆ แล้วหันไปมองเจ้าชายพร้อมกัน
ภาพที่เห็น—ร่างของเขาเรืองแสงส่องสว่างไม่ลดลงแม้แต่นิด… น่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก
“ดาบต่อไป”
เขาชูดาบยาวขึ้นฟ้าเพียงมือเดียว—
มั่นคงราวกับหอกทวนแห่งฟ้าดิน
แสงสีน้ำเงินรวมตัวเข้าที่ใบดาบ จนกลายเป็นคมดาบยักษ์ราวหอคอย
“วิชาดาบสายสเตรน—ท่าพิฆาต 『斬煌烈閃』 Zankō Ressen (ซันโค เร็ตเซ็น) ”
หนึ่งการฟันที่ผ่าได้ทั้งฟ้าและดิน—ระเบิดออกมา
ดาบแสงยักษ์ฟาดลงไปยังแอชลีย์อย่างรุนแรงแบบไม่กลัวโลกแตก
มันยาวเกิน 100 เมตร พอสัมผัสพื้นก็ถล่มทั้งน้ำหนัก คลื่นกระแทก และแรงระเบิด จนพื้นป่ามรณะสลายกลายเป็นเศษดิน
ผลลัพธ์ก็คือ—เกิด “หุบเหว” กลางป่าพร้อมฝุ่นตลบฟุ้งไปทั่ว
…เดี๋ยวนะ
“เดี๋ยวสิยะ!!!!!! แกเพิ่งเปลี่ยนภูมิประเทศแบบชิลๆ ไปเลยเรอะ!? ไวซ์คุง นายเป็นตัวอะไรเนี่ย!?”
คือก็ใช่ ฉันเป็นคนยั่วให้นายเอาจริงเองก็เถอะ… แต่นี่มันเกินไปแล้ววว แอชลีย์ตายแหงๆ แล้วมั้ย!?
นายยังเป็นมนุษย์อยู่มั้ย!?
“โอ้ ดูเหมือนคุณหนูเรย์เต้จะกลับมาโหมดปกติแล้วสินะครับ เมื่อกี้คุณหนูน่ากลัวมากจริงๆ… นี่สินะ ความรู้สึกเวลาโดนคุณแม่ดุ…”
“ชั้นไปเป็นแม่แกตอนไหน!!!!!?”
ฉันไม่เคยคลอดอาวุธทำลายล้างแบบแกออกมานะยะ!
ให้ตายเหอะ ตอนนี้เสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์ดังลั่นทั่วป่าเลยนะ!?
ปกติมันควรจะเป็นฝั่งนั้นที่น่ากลัวไม่ใช่เรอะ!?
“และ… ยังไม่จบหรอก”
“อุเหะ!?”
“นี่แค่เริ่มต้นเอง เพราะว่า—”
ไวซ์คุงยืนจ้องหุบเหวที่ตัวเองเพิ่งฟาดดาบใส่ไปเมื่อกี้
แล้วแสงสีเทาก็ส่องสว่างขึ้นมาจากก้นเหว!
“เพราะเจ้าหมอนั่น… ยังไม่ตาย”
ทันใดนั้น เสียงคำราม “โอ้ววว!!” ก็ดังลั่น—มีเงาหนึ่งวิ่งไต่หน้าผาจากข้างล่างแล้วกระโจนขึ้นมา!
ใช่ แอชลีย์! ไม่น่าเชื่อว่าเขารอดจากดาบสังหารนั่นได้ แล้วยังกลับมายืนบนผิวดินอีกครั้ง
“แฮ่ก… แฮ่กกก…!”
ไม่มีวี่แววความมั่นใจแบบเมื่อก่อนเหลืออยู่เลย
หอบแทบขาดใจ ร่างก็ยับเยิน ชุดหรูที่เคยเรียบกริบตอนนี้เหลือแค่เศษผ้า
แต่ถึงอย่างนั้น…
“ไวซ์ซซ―――ซ!!!”
ในดวงตาคู่นั้น… ยังไม่มีแววพ่ายแพ้
เขายิ้มอย่างดุร้าย แล้วเร่งแสงพลังสีเทาขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ! ถ้ามีพลังระดับนั้นล่ะก็ บอกมาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้วโว้ย!”
“ก็นะ… นี่ก็ครั้งแรกเหมือนกันที่ข้าระเบิดพลังได้ขนาดนี้ ตั้งแต่ได้พบคุณหนูเรย์เต้ กิฟต์ของข้าก็เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นยังไงไม่รู้…“
ไวซ์คุงก็ไม่ยอมแพ้ เร่งแสงพลังสีน้ำเงินให้สว่างจ้าเข้าไปอีก!
เดี๋ยว อะไรนะ?
“อะไรน่ะ! แล้วทำไมถึง ‘แกร่งขึ้น’ ตั้งแต่รู้จักฉันเล่า!?”
กิฟต์ของไวซ์คุง ‘หิมะนิรันดร์สวรรค์’ มันเปลี่ยนอารมณ์เป็นพลังร่างกายนี่!?
คือยิ่งโมโหยิ่งแกร่งไรงี้!?
เหวอ !! สรุปคือที่หมอนี่พลังพุ่งขนาดนั้นเพราะเคียดแค้นฉันขนาดนั้นเลยเหรอ!? เพราะฉันมันชั่วร้ายขนาดนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ!?
“ได้เวลาตัดสินแล้ว”
ฉันยืนช็อกอยู่คนเดียว ในขณะที่การดวลของสองคนนั้นกำลังเข้าสู่จุดพีคสุด!
“แสงแห่งขี้เถ้า จงมอบพลังแก่ข้า—เทพปลดผนึก! กระบวนท่าพลีชีพ: 『殉光ノ型オーバーロードアリスフィア』( โอเวอร์โหลด อลิสเฟียร์ )!!”
แอชลีย์ปล่อยแสงเจิดจ้ารุนแรงจนนัยน์ตาแทบมอดไหม้
และแล้ว… เขาก็ ทะยานขึ้นฟ้า
ทั้งที่เป็นแค่มนุษย์ เขากลับกระโดดขึ้นสูงหลายสิบเมตร ก่อนลงจอดบนยอดไม้สูงกลางป่ามรณะ
จากนั้น เขากระแทกเท้าจนต้นไม้สั่นสะเทือน จากนั้นก็เหยียบกิ่งไม้จนยุบ แล้วพุ่งตัวไปตามต้นไม้ราวกับจรวด—!
เฮ้ย—เดี๋ยวนะ….
“แอชลีย์ นายก็ใช่ย่อยเลยนะ! แสงก็พุ่ง ความเร็วก็โคตรเวอร์!!! ทั้งวิ่งเหมือนติดจรวดแบบนั้นมันอะไรกัน!? กิฟต์ของเอ็งมันไม่ใช่แค่ต่อต้านพลังพิเศษหรอกเหรอ!?”
ขณะที่ฉันโวยวาย โซเนียก็ตะโกนว่า “หรือว่าจะเป็น… เทคนิคนั้น!!!!?”
โอเค เชิญตามสบายเลยค่ะ
“ท่านั้นคือ ‘เทพปลดผนึก—กระบวนท่าพลีชีพ: โอเวอร์โหลด อลิสเฟียร์’!!!!!”
“เป็นเทคนิคที่เร่งการปล่อยแสงอลิสเฟียร์หลายเท่าตัว เพื่อเพิ่มแรงปะทะต่อวัตถุโดยตรง!!!!”
“พอใช้ตอนกระทืบพื้นหรือเตะอะไร ก็จะเพิ่มความเร็วและแรงปะทะมหาศาล!!!!!”
“อ๋อ! เหมือนปล่อยแรงขับใต้เท้าแบบเจ็ตพ่นน้ำแรงๆสินะค้าาา!!!!!!?”
( 2 ตัวนี้มันแหกปากแข่งกัน )
“ถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์เลยครับบบบบบบบบ!!!!!!”
”พอแล้วโว้ยยยย!!! หูจะแตก!!!”
“เป็นวิชาขั้นสูงที่ใช้ได้ทั้งรุกและรับในหมู่ผู้ใช้กิฟต์”
“แต่ว่า พลังที่ปล่อยออกมาก็เหมือนกับ ‘เลือด’ เพราะการเปิดใช้กิฟต์กินพลังมหาศาล”
“ถ้าใช้เกินลิมิต ก็ไม่ต่างอะไรกับการอ้วกเลือดตลอดเวลา”
“แหวะ ฟังแล้วเจ็บแทน…”
บ้าไปแล้ว นี่มันวิธีต่อสู้แบบคนบ้า! ให้ตายฉันก็ไม่ทำแน่นอน
แต่ก็อย่างว่า…
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! แกจะตามข้าทันมั้ยละ ไวซ์!“
ความเร็วของแอชลีย์ที่กระโจนไปมารอบไวซ์คุงทะลุขีด—ถึงขั้นเร็วกว่าเสียง
แอชลีย์ดูเหมือนแยกร่างออกมาสิบ ยี่สิบคนเคลื่อนไหวพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ
ภาพที่เห็นคือมีไอ้โรคจิตอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด
ยี้~แหวะ คืนนี้ต้องฝันร้ายแน่ๆ!!
“วิธีนี้กินพลังมหาศาลแน่ แต่ด้วยความเร็วระดับนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะตามการเคลื่อนไหวของเขาทัน…”
“แล้วพอเจ้าชายเริ่มจับทางไม่ได้ มันก็จะโจมตีเด็ดขาดในชั่วพริบตา ทั้งหัวหรือหัวใจก็เละเป็นโจ๊กแน่!”
“ว้าย ไวซ์คุงกำลังตกที่นั่งลำบากเหรอ!?”
ฉันกับโซเนียกลั้นใจมองดูไวซ์คุงแทบไม่กระพริบ
เขาถูกโอบล้อมด้วยเงาเคลื่อนไหวของแอชลีย์จำนวนมหาศาลอยู่เต็มฟ้า แต่แล้ว…
“เปล่าประโยชน์”
สีหน้าเขาไร้ความหวั่นไหวแม้แต่น้อย
เขากลับเข้าสู่ท่าชักดาบอีกครั้ง แล้วรวบรวมแสงทั้งหมดเข้าสู่ฝักดาบ
แสงสีฟ้าทั้งหมดพุ่งเข้าหาฝักดาบของเขา
แล้วจากนั้น…
“วิชาดาบสายสเตรน—ท่าพิฆาต 『滅尽・斬煌亂閃』 Metsujin ・ Zankō Ransen (ประกายแสงเหนือพิสัย) !!!! ”
สิ่งที่พุ่งออกมา—คือคลื่นฟันแสงสิบหกสาย!
สายแสงกระทบกันไปมาเหมือนเลเซอร์ ก่อนจะระเบิดต้นไม้รอบบริเวณให้หายวับในพริบตา—!
“อะไรกัน!!!!――!?”
แอชลีย์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
แสงทำลายสิบหกนัดโดนเขาเต็มๆ ทุกดอก!
เกราะป้องกันที่ห่อหุ้มเขากระจุยไม่มีชิ้นดี
ที่แย่คือ—ต้นไม้ที่เขาจะใช้เป็นฐานเหยียบต่อหายไปหมด ทำให้เขาลอยค้างกลางอากาศแบบไร้ทางป้องกัน…!
“Metsujin ・ Zankō Ransen—เป็นท่าไม้ตายที่ทำให้เกิดแรงระเบิดเล็กๆ ระหว่างฝักดาบกับตัวดาบ เพื่อยิงท่า ชักดาบ – พิฆาตศูนย์ แบบต่อเนื่อง 16 ครั้ง”
“แน่นอนว่ากินแรงหนักมาก แถมดาบก็พังได้ง่ายๆ ด้วย”
เจ้าชายน้ำแข็งกล่าวอย่างเยือกเย็น
เขาเก็บดาบที่แตกร้าวกลับเข้าฝัก แล้วเข้าสู่ท่าชักอีกครั้ง…
จากนั้น…
“แต่ถึงอย่างนั้น… ข้ายังมีแรงพอจะปิดเกมอยู่ดี”
“ห๊าาา!?”
พ่อบ้านเปื้อนเถ้าถ่านไม่มีพลังเหลือจะตอบโต้… ทำได้แค่ร่วงหล่นลงมา
ไม่มีทางจะหลบการโจมตีที่กำลังจะมาถึงได้เลย
“วิชาดาบสายสเตรน—ท่าไม้ตาย 『抜刀・斬煌一閃』‘Battou – Zankou Issen.’ (ชักดาบ – พิฆาตศูนย์) ”
แสงแห่งการทำลายล้างสว่างวาบขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ฟาดผ่านกลางอากาศราวพายุหิมะ
—พายุแสงที่กระหน่ำราวกับสลายอะตอมทั้งมวล
‘สิ่งเดียวที่เขาทำได้’ พลังเดียวที่เขาภาคภูมิใจ… กลืนกินทั้งแอชลีย์และผืนป่ามรณะจนระเบิดลั่นสนั่นฟ้า
===============================================================================
เสียงในใจของ ‘ป่ามรณะ’ ที่โดนลูกหลง: “ฉันไปทำอะไรผิดนักหนาวะเนี่ย…”
—การต่อสู้… ปิดฉาก!!!
MANGA DISCUSSION