ฉันยกเท้าออกจากแอชลีย์แล้วหันไป—ก็เห็นไวซ์คุงจ้องมาด้วยสายตาแบบ ‘นี่ฉันกำลังดูอะไรอยู่เนี่ย?’
ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันจะพูดแบบนี้กับไวซ์คุงแล้วกัน—
“แสดงพลังที่แท้จริงของนายให้ฉันดูหน่อยสิ ไวซ์คุง”
“…!”
ฉันจ้องเข้าไปในตาของเขาอย่างแน่วแน่ขณะพูด
ฉันไม่ได้รู้สึกผิดหวังในตัวเขาเลย
ตรงกันข้าม ฉันยิ้มให้เขาเหมือนจะบอกว่า “จากตรงนี้แหละที่เป็นของจริง”
“ไวซ์คุง นายตั้งใจจะฆ่าแอชลีย์จริงๆ หรือเปล่า?”
“…ไม่”
“ก่อนเริ่มดวล นายพูดอะไรไว้?”
“…คำพูดของเธอ ฉันก็พยายามแล้วนะ…อย่างทื่อๆ…พยายามให้เขาแค่บาดเจ็บหนัก แต่ไม่ถึงตาย”
ก็ใช่น่ะสิ ไวซ์คุงเป็นคนอ่อนโยน เป็นพวกที่แม้ไม่ถนัด แต่ก็ยังพยายามเสมอ
อื้ม ถ้าอย่างนั้นล่ะก็…ความรู้สึกแบบนั้นน่ะ…
“โยนทิ้งไปซะ”
“หะ!?”
“สู้กับแอชลีย์ด้วยความตั้งใจจะฆ่าจริง ๆ เลย”
“ห๊าาาา!?”
อ้าวไวซ์คุง ทำไมเบิกตากว้างแบบนั้นล่ะ?
“คะ-คุณหนูเรย์เต้ แบบนั้นมันเกินไปแล้ว…”
“อย่าบอกนะว่านายทำไม่ได้? หรือว่ายังจะดวลแบบ ‘ยั้งมือครึ่งๆ กลางๆ’ อยู่อีก?”
อา…ว่าแล้วเชียว นายเป็นคนดีเกินไปจริงๆ นั่นแหละ
แต่ถึงงั้นก็เถอะ….
“นายมันเย็นชา ‘เจ้าชายน้ำแข็ง’ ……สิ่งที่ฉันอยากเห็นจากนาย ไม่ใช่ความยากลำบาก แต่คือ ‘ความแข็งแกร่ง’ ต่างหาก”
“…!”
ฉันจ้องตรงเข้าไปในตาเจ้าชายที่ยังลังเล ด้วยสายตาแน่วแน่ราวกระจกใส
ใช่ ฉันเองก็ไม่ต่างจากเหล่าทหารที่ยืนอยู่ตรงนี้
สิ่งที่ทุกคน—รวมถึงฉัน—แอบคาดหวังไว้ ก็คือภาพของไวซ์ สเตรน ที่ชนะอย่างขาดลอยด้วยวิชาดาบสุดขั้วอันไร้เทียมทาน
ไม่มีใครอยากเห็นนายร่อแร่หรอกนะ
“จงตอบสนองความคาดหวังซะเจ้าชาย ทั้งของฉัน… และของทุกคนที่นี่”
ฉันยื่นแขนออกชี้ไปด้านหลัง—ตรงที่เหล่าทหารกำลังจับจ้องศึกดวลครั้งนี้ด้วยความคาดหวัง
ฉันมองออกหมด—
ถึงพวกเขาจะช็อกกับฝีมือและตัวตนของแอชลีย์…
… แต่ก็แอบผิดหวังที่ไวซ์ไม่สามารถชนะขาดเหมือนที่ใครๆ คาดไว้
“ถ้านายจะยั้งมือแล้วชนะขาดได้ก็คงไม่ว่าอะไรหรอก… แต่มันทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? แอชลีย์น่ะไม่ใช่ขี้หมูขี้หมาใช่มั้ย?”
“…ใช่ หมอนั่นแกร่งขนาดนั้น แข็งแกร่งขนาดที่ว่า แค่ลังเลนิดเดียวก็อาจแพ้ได้เลย ”
“งั้นคำตอบก็มีแค่อย่างเดียว”
เลิกพูดมากได้แล้ว ถึงเวลาปิดฉากความลังเลของเขา
“ไวซ์ สเตรน—นายจะต่อสู้แบบดูแคลนทุกคน ดูถูกฉัน รวมถึงแอชลีย์ … หรือจะแสดงพลังที่ฝึกฝนมาทั้งชีวิต
—ในฐานะเจ้าชาย… และในฐานะ ‘ลูกผู้ชาย’ นายจะเลือกอะไร?”
――เสียง “กึดด” ดังขึ้นเบาๆ
นั่นคือเสียงของไวซ์คุงขณะกำด้ามดาบแน่น
และเสียงนั่น—คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“…คุณหนูเรย์เต้ ความจริงก็คือ ผมน่ะมันขยะดีๆ นี่เอง”
เขาก้มหน้า ดวงตาแฝงในเงามืด
“ไม่เหมือนน้องชายคนรองที่ทั้งเก่งและมีเสน่ห์… ผมมันแย่ทั้งหัว ทั้งบุคลิก เป็นเจ้าชายห่วยๆ คนนึงเท่านั้น”
น้ำเสียงตกต่ำลง
พลังที่แผ่ออกมาหายวับไป
และสุดท้าย… เขาก็เก็บดาบกลับเข้าฝัก
เหมือนกับว่า… ยอมแพ้ทุกอย่างแล้ว
“แต่ว่า…”
เพียงพริบตาเดียว อากาศโดยรอบก็เริ่มปั่นป่วน
ความเย็นยะเยือกซัดผ่านผิวจนขนลุกซู่ ทหารบางนายถึงกับครางเบาๆ เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
“…เพราะผมไม่มีอะไรเลย ผมจึงมีเพียงดาบ—และผมก็ฝึกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกตัวเองว่า ‘อย่างน้อยสิ่งนี้จะต้องไม่แพ้ใคร’ !!!!”
บรรยากาศทั่วลานประลองถูกครอบคลุมด้วยแรงกดดันเย็นเยียบจากร่างเขา
สายตาเขาเงยขึ้นอีกครั้ง—ไม่มีแววลังเล เหลือเพียงประกายมุ่งมั่นที่ลุกโชน
“พลังที่ผมฝึกมาจนถึงตอนนี้… มีเหล่าคนที่เชื่อในสิ่งนั้น…”
“…และผมเองก็เชื่อในพลังนั้น หรือไม่ก็… อยากจะเชื่อให้ได้!!!”
“ถ้าอย่างนั้น—ก็ไม่มีเหตุผลให้ลังเลอีกแล้ว”
ตอนนั้นเอง… เราทุกคนก็เพิ่งรู้ตัวว่า—
ภาพที่เขาดูเหมือนยอมแพ้แล้วเก็บดาบเข้าฝักไปเมื่อครู่นั้น…
…ที่แท้มันคือ “ท่าชักดาบ” ท่าต่อสู้ของเขา!
“เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเองข้า—ไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!!”
ในเสี้ยววินาที แสงพลังระเบิดออกจากตัวเขาอย่างรุนแรง
สีฟ้าขาวเรืองรองดุจแสงเยือกแข็งระดับศูนย์สัมบูรณ์ (absolute zero)
แต่แสงที่เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งนั้นกลับร้อนราวดวงอาทิตย์ แทบจะแผดเผานัยน์ตาเราให้มอดไหม้
MANGA DISCUSSION