“อยู่ ๆ ก็หัวร้อนขึ้นมาเลยค่ะ”
อย่ามาคุยกันเองแบบไม่เห็นหัวฉันได้มั้ยยะ
คิดได้ดังนั้น ฉันก็พุ่งเข้าไปกลางสนามประลองเลย
โซเนียพยายามจะห้ามไว้ —แต่ใครสนล่ะ ยืนดูไปเงียบๆ เถอะ!
“แอชลีย์”
“คุณหนู? จู่ ๆ เข้ามาทำไ—”
“หุบปาก”
ฉันไม่พูดพร่ำอะไรทั้งนั้น ซัดเข้าเป้ากลางหว่างขาอย่างแรง
“อุฟฟฟฟ!?”
แอชลีย์ร้องเสียงหลงแล้วกลิ้งลงพื้นทันที
พอเห็นเขานอนกลิ้งกุมเป้าอยู่ ฉันก็จัดไปอีกดอกเต็มๆ ที่ลิ้นปี่อย่างสาสม
“อึก!? คะ คุณหนู…?”
“ตั้งใจฟังให้ดีนะ แอชลีย์”
ฉันถอนหายใจแรงๆ แล้วตัดสินใจพูดตรงๆ ออกไป
“ฉันไม่ได้เกลียดนายหรอกนะ”
“หะ… หา?”
แอชลีย์ตาเหลือก ปากอ้าตาค้างไปเลย
ทำหน้าแบบว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ไม่ใช่แบบคนรักอะไรหรอก—ก็อย่างว่า นายเป็นไอ้โรคจิตที่เก็บผมร่วงฉันไปทำ ‘ตุ๊กตาเรย์เต้จิ๋ว’ นี่นา”
“เห้ย!..ร-รู้ได้ยังไงกันครับ!?”
“ฉันเป็นนางร้ายไง~ แน่นอนว่าฉันต้องรู้เรื่องรสนิยมวิปริตของลูกน้องไว้เผื่อวันทรยศสิยะ”
“…และเพราะความเพี้ยนแบบนั้นแหละ ฉันถึงเชื่อใจนายได้มากกว่าคนอื่น”
ใช่—คนที่ฉันไว้ใจได้จริงๆ มีนับนิ้วได้เลย
พวกที่เอาใจฉันต่อหน้า ทุกคนล้วนมีแผนในหัว หรือไม่ก็เสแสร้งทั้งนั้น
แต่ไวซ์คุงกับหมอนี่ไม่ใช่แบบนั้น
ไวซ์คุงอาจจะเย็นชาสุดๆ แต่สิ่งที่เขาพูด—ไม่มีคำโกหกปะปนเลย
ส่วนแอชลีย์—ก็แค่พวกโรคจิต
รอยยิ้มลื่นๆ ลับๆ ล่อๆ ที่ส่งให้ฉันตลอดน่ะ—ของพวกโรคจิตชัดๆ
ใช่ โรคจิตแบบนั้นแหละ โคตรน่าขยะแขยงเลยด้วยซ้ำ
แต่เพราะมันจิตขนาดนี้แหละ ถึงมั่นใจได้ว่าเขาชอบฉันจริงๆ
“แล้วนี่อะไร? คิดเองเออเองว่าจะไปจากฉันงั้นเหรอ? — อย่ามาล้อเล่นนะ”
ความโมโหพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันยังเหยียบท้องแอชลีย์อยู่ ขณะเดียวกันก็คว้าคอเสื้อเขาขึ้นมาจนหน้าแทบชนกัน
เขาเจ็บจนหน้าหงิก—แต่ใครแคร์ล่ะ? ก็ฉันเป็นวายร้ายไง!
“อย่ามาดูถูกฉันนะ ไอ้เวอร์จิ้น”
“!?”
“แกเป็น ‘สมบัติของฉัน’ อย่ามาทำเป็นมีความคิดเป็นของตัวเองนักสิยะ”
จะมาสละชีวิตเพื่อรับผิดชอบอะไรนั่นน่ะ… เลิกเพ้อได้แล้ว
ฉันจ้องลึกลงไปในตาเขาที่เต็มไปด้วยหวั่นไหว
แล้วกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“ทุกๆสิ่งที่เป็นของแกคือของๆฉัน…จงอยู่กับฉัน… และตายไปกับฉัน”
“คะ-ครับผมมมม—!”
พ่อบ้านพยักหน้ารัวจนหัวแทบหลุด
ดีมาก แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเชื่อง
“เด็กดี~” ฉันชมพลางลูบหัวเขา
เขาก็หน้าแดงแปร๊ดแล้วล้มตึงลงไปนอน… ช่างน่ารักเสียจริง~
“ทีนี้…”
ถึงตาเจ้าชายบ้างล่ะ
MANGA DISCUSSION