“—เมื่อครู่ที่คุณหนูคาดการณ์เรื่องของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างแม่นยำ ถือว่าน่าทึ่งมาก
ท่านเรย์เต้มีสายตาเฉียบแหลมถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
“อึก”
…หมอนี่ประชดฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?
เชอะ ถึงฉันจะทั้งฉลาดทั้งสวย แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องในพริบตาหรอกนะ!?
อย่างตอนที่ฉันโลภจัด ซื้อทาสบาดเจ็บมาแบบสุ่ม ๆ ตามสไตล์นางร้าย
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเป็น “ศัตรูของรัฐบาลใหม่”!
แถมยังมี “เจ้าชายรัชทายาทที่ควรจะตายไปแล้ว” ปะปนอยู่ด้วยเนี่ย
อยากจะโวยออกไปใจจะขาด
แต่ในฐานะเจ้าแห่งความชั่วร้าย ฉันจะเสียภาพลักษณ์ไม่ได้เด็ดขาด
“…อ..อื้อ แน่นอนอยู่แล้ว”
เลยขอแกล้งพยักหน้ารับไว้ก่อน
…ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน พออยู่ต่อหน้าไวซ์คุงแล้วชอบเผลอทำตัวขี้อวดตลอดเลยแฮะ
“สุดยอดเลยครับ ข้าควรเลียนแบบจากคุณหนูบ้าง”
“แหม~ไวซ์คุงเริ่มตระหนักถึงความเจิดจ้าของความชั่วร้ายแล้วสินะ? ดีเลย ฉันจะตั้งนายให้เป็นผู้บริหารแห่งความมืดให้เอง!”
“แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นฝ่ายอธรรมนะครับ”
“ทำไมล่ะยะ!?”
งั้นนายจะเอาอะไรจากฉันไปเลียนแบบละหาา!?
“ฉันนี่มันสายชั่วเต็มพิกัด! จากหัวจรดเท้าเต็มไปด้วยความชั่ว! ไม่มีจุดไหนให้น่าชื่นชมอีกแล้วนะ!”
“ก็มีอยู่นะ… อย่างความใจดีของคุณหนูไง”
“จ-ใจดีเรอะ!?”
ห๊าาาาาา!? ความใจดีอะไรฟะ!? มันอยู่ตรงไหนในตัวฉันกันยะ!?
“อย่าพูดมั่วนะ ไอ้ไวซ์คุงคนงี่เง่า!”
“ใช่แล้วล่ะ ข้านี่แหละคือไวซ์คนงี่เง่า ที่ตอนประกาศว่าอีกไม่นานจะได้ขึ้นครองราชย์
ดันคิดว่าการที่น้องชายตัวสั่นปรบมืออยู่น่ะ เขาซาบซึ้งในตัวฉัน…….
ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มันคือ ‘เจตนาฆ่า’ น่ะ…”
“อย่าแซะตัวเองแบบอลังการได้มั้ย!?”
ให้ตายเถอะ… เจ้าชายติงต๊องนี่ไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าจะพูดอะไรออกมาอีก
“อืม ถ้าข้าพูดถึงความใจดี คุณหนูจะโกรธสินะครับ?”
“แน่นอนสิ! ฉันไม่ได้ใจดีซักหน่อย!”
“ถ้าอย่างนั้นขอชมเรื่องรูปลักษณ์ก็แล้วกัน
คุณหนูช่างน่ารักและงดงามมากครับ”
ห๊ะ?
“อย่างน้อยข้าก็เป็นคนในราชวงศ์
ข้าเคยพบสตรีขุนนางมากมายตามงานเลี้ยง
แต่ในหมู่พวกเธอทั้งหมด—คุณหนูเรย์เต้ดูเปล่งประกายยิ่งกว่าผู้ใด”
“หา!?”
ก-ก็ใช่! ฉันมั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเองอยู่หรอกนะ!?
แต่ว่าแบบนี้มัน—
“เสียดาย ข้าพูดไม่ค่อยเก่งนัก
อาจจะชมรูปลักษณ์ของคุณหนูได้ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่ถ้าจะให้เปรียบจริง ๆ ล่ะก็—ความงามของคุณหนูช่างเหมือนกับ ‘ดอกไม้ที่ผลิบานในยามราตรี’
เป็นความงามพิศวง ที่สะท้อนแสงจันทร์ท่ามกลางความมืดได้งดงามเหนือคำบรรยาย…”
“ดะ-เดี๋ยว-เดี๋ยวก่อน! หยุดเลยนะ! ไหนบอกว่าไม่ถนัดพูดไง!? นายชมผู้หญิงเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะ!?”
“ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านนี้”
“กลับไปไม่รู้แบบเดิมเถอะ!!”
โอ้ย หมอนี่มันยังไงกันแน่เนี่ย!?
ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยโดนชมว่าสวยนะ—พวกคนใช้ชมทุกวันอยู่แล้ว
แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนชมแบบจริงจัง ด้วยหน้าตายไร้การประจบแบบนี้…
มันครั้งแรกเลยต่างหาก!
ยิ่งเพราะรู้เต็มอกว่าเขาไม่ได้ประจบเหมือนคนอื่น…
ยิ่งทำให้เขินกว่าเดิมอีก!!
“อย่ามาพูดอะไรแบบนั้นกลางถนนสิยะ คนก็เยอะแยะ!”
“…งั้นถ้าอยู่กันแค่สองคนจะไม่ว่าใช่ไหม?”
“ไม่! ไม่ดีเหมือนเดิมนั่นแหละ!”
ฉันถองไปที่สีข้างของเจ้าบื้อ
เขาก็แค่พูดว่า “เจ็บ” ด้วยหน้าตาย… อย่างน้อยก็แสดงออกหน่อยได้มั้ยว่าเจ็บน่ะ!
“อืม… ข้าไม่ค่อยชินกับการคุยกับผู้หญิงนัก ดูท่าว่าข้าจะทำให้ท่านโกรธอีกแล้วสินะ”
“นายน่ะ ไม่ใช่แค่คุยกับผู้หญิง… แต่กับ ‘มนุษย์’ ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยเลยใช่มั้ย?”
“…พอว่าแบบนั้น ก็จริงแฮะ”
ไวซ์ดูแอบซึมลงนิด ๆ ขณะพูดถึงว่า ปกติเขาแค่ฟังพวกอัศวินพูดฝ่ายเดียว
ถึงหน้าตาจะนิ่ง แต่ตอนนี้ฉันเริ่มจับอารมณ์เขาออกแล้วล่ะ
“ว่าแต่คุณหนูเรย์เต้… พวกอัศวินตอนนี้ถูกส่งตัวเข้ากองกำลังประจำเมืองแล้วสินะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ถึงตอนนี้พวกเขาจะขึ้นตรงต่อท่านแล้ว แต่ในฐานะอดีตผู้บัญชาการ ผมอยากเห็นว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง ขอไปดูได้ไหมครับ?”
อืม… พอพูดขึ้นมาก็อดไม่ได้เหมือนกันแฮะ
ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้างตอนนี้
“อนุญาตจ้ะ ไปที่ลานฝึกของกองกำลังพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมาก”
ไม่ต้องขอบคุณก็ได้
ส่วนตัวแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะปรับตัวได้หรือเปล่า
ที่ฉันสนจริง ๆ คือ…
พวกอดีตอัศวินจากอาณาจักรเก่าจะไปปลุกปั่นแนวคิด “ปฏิวัติรอบสอง” มาป้ายใส่ลูกน้องฉันรึเปล่าเนี่ยสิ!
เรย์เต้จังผู้นี้แค่ได้กลั่นแกล้งชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ไปวัน ๆ ก็พอใจแล้ว
จะมาลากฉันเข้าสงครามใหญ่โตอะไรไม่เอาทั้งนั้นนะยะ!
ฉันนี่แหละ—เรย์เต้จัง… “ผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานประชาชนโดยเฉพาะ”
“(ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาให้ฉันล่ะก็) ขอให้พวกนั้นอยู่อย่างสงบเถอะนะ~”
“เห็นด้วยครับ ความสงบน่ะดีที่สุดแล้ว”
ได้โปรดเถอะ อย่าเอาแนวคิดเพี้ยน ๆ ไปใส่หัวลูกน้องฉันนะ~?
====================================================
ไวซ์คุง: “คุณหนูเรย์เต้กับข้า คุยกันได้เข้าขาดีเลยจริง ๆ”
※ ไม่อะ คนละโลกเลยต่างหาก
MANGA DISCUSSION