ฉันยืนมองทัศนียภาพโดยรอบอยู่บนยอดเขา โดยมีเซริเนียนอยู่เคียงข้างๆ เบื้องหน้าของเราคือแม่น้ำสายใหญ่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะมีแม่น้ำอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อเห็นแม่น้ำสายนี้ ฉันก็รู้สึกวิตกกังวล
ในเกม แม่น้ำถือเป็นภูมิประเทศที่แทบจะข้ามไม่ได้ โดยปกติแล้วไม่มีทางข้ามแม่น้ำได้โดยตรง เผ่าพันธุ์ต่างๆ ส่วนใหญ่ รวมถึงอารัคเน มียูนิตที่สามารถว่ายน้ำได้เพียงไม่กี่ยูนิต เผ่าพันธุ์ที่อาศัยในน้ำบางเผ่าสามารถข้ามแม่น้ำได้ และเผ่าเกรโกเรีย สามารถผลิตงูทะเล ที่สามารถว่ายน้ำได้ แต่จัดอยู่ในประเภทส่วนน้อย
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เหล่าอารัคเนก็ไม่สามารถว่ายน้ำข้ามไปได้ วิธีที่ดีที่สุดในการข้ามไปฝั่งตรงข้ามคือข้ามสะพาน แต่อารัคเนที่ฉันส่งไปลาดตระเวนล่วงหน้าได้รายงานว่าสะพานทั้งหมดในบริเวณนั้นได้รับการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
ฉันพยายามรวบรวมกองทัพและโจมตีฟันฝ่าไป แต่ศัตรูของเราเริ่มปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และได้ใช้นักเวทและเครื่องยิงหินจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเวทซึ่งเป็นตัวก่อกวนอย่างแท้จริง
เผ่าอารัคเนไม่มียูนิตที่สามารถรับมือกับนักเวทได้ดี ดังนั้นฉันจึงคิดไม่ออกว่าจะมีวิธีไหนดีที่จะผ่านไปได้ และยังมีจุดอ่อนในการต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งหมายความว่าศัตรูน่าจะส่งทหารราบจำนวนมากมาทางเราเพื่อไม่ให้เราเข้าถึงพวกมันได้
หากฉันปลดล็อกยูนิตเพิ่มเติมได้ ฉันก็สามารถใช้อารัคเนที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นเลย ไม่มีประโยชน์ที่จะบ่นถึงสิ่งที่ฉันขาดไป แต่ความจริงก็คือ การมียูนิตระยะไกลมากขึ้นจะทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น
ถ้าไม่มี ฉันคงต้องบุกทะลวงผ่านสะพานที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาและมีทหารจำนวนมากมายมหาศาล นี่เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ความคิดน้อยที่สุด และยังเป็นกลยุทธ์ที่ประณีตน้อยที่สุดด้วย แน่นอนว่ามันจะทำให้ฝ่ายของฉันสูญเสียอารัคเนไปเป็นจำนวนมาก และฉันไม่อยากให้เด็กน้อยน่ารักของฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนั้น
ถึงเวลาที่จะต้องคิดกลยุทธ์ใหม่อย่างจริงจัง
“กองทัพเวิคเกอร์”
“มีอะไรหรือราชินี?” เวิคเกอร์ตัวหนึ่งหันมาทางฉันและเอียงหัว
“ฉันต้องการเส้นทางข้ามแม่น้ำ ทำได้ไหม?”
“หากมีเวลาเพียงพอก็สามารถทำได้”
“ฉันจะทำให้แน่ใจว่าคุณมีเวลาเหลือเฟือ ฉันอยากให้คุณเตรียมเส้นทางในการข้ามแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างออกไปจากที่นี่เล็กน้อย เข้าใจไหม”
“พะยะค่ะ ราชินี” ทันใดนั้น กองทัพเวิคเกอร์เริ่มเดินขึ้นไปตามแม่น้ำ
ยิ่งทำงานร่วมกันมากเท่าไหร่ กระบวนการก่อสร้างก็จะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ เวิคเกอร์ 20 ตัวดูเหมือนจะเพียงพอแล้ว
“เวิคเกอร์ที่เหลืออยู่ทั้งหมด เริ่มสร้างเครื่องยนต์ล้อม ฉันต้องการเครื่องยิงกระดูกสี่เครื่อง”
เครื่องยนต์ล้อมต้องใช้ทองจึงจะปลดล็อคได้ ดังนั้นฉันจึงสร้างได้แค่ของพื้นฐานที่สุดเท่านั้น เครื่องยิงกระดูกเป็นอุปกรณ์ที่ยิงกระดูกของคนตายตามชื่อของมัน อุปกรณ์นี้สามารถยิงได้ไกลแต่สร้างความเสียหายได้น้อย อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์นี้ก็เพียงพอที่จะลดขวัญกำลังใจศัตรูได้
“กองทัพริปเปอร์ เริ่มการโจมตีได้แล้ว”
เมื่อเครื่องยิงกระดูกเสร็จสมบูรณ์และเริ่มยิงกระดูกใส่ศัตรู ฉันสั่งให้กองทัพริปเปอร์เคลื่อนพลไปข้างหน้า พวกมันพรั่งพรูกันเข้าสะพานและพุ่งโจมตีเข้าใส่ทหารราวกับคลื่นยักษ์
ระหว่างการพิชิตเทือกเขาเลสส์ เราจับศัตรูได้ทันและฝ่าฟันไปได้ แต่คราวนี้ ดูเหมือนศัตรูระมัดระวังและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และแม่น้ำก็ขัดขวางไม่ให้ฉันใช้กองทัพดิกเกอร์ เป็นตำแหน่งที่ยากลำบาก ดังนั้น ฉันจึงต้องใช้กองทัพริปเปอร์อย่างมากเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเป็นการลดจำนวนพวกมันลงอย่าบ้าคลั่งก็ตาม
ฉันโศกเศร้ากับการตายของยูนิตหนึ่ง และตอนนี้ฉันต้องรับผิดชอบกับยูนิตอื่นๆ อีกมากมาย โลกนี้คงจะเกลียดเราจริงๆ… และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉัน มิฉะนั้น โลกก็คงไม่บังคับให้ฉันเลือกทางเลือกที่เย็นชาและมีเหตุผลเช่นนั้น
“เครื่องยิงหิน ยิง!” ผู้บัญชาการศัตรูตะโกนออกมา
ก้อนหินถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วและพุ่งทะลวงกองทัพริปเปอร์จำนวนมาก เหล่าอารัคเนก้าวข้ามศพของมันและรีบวิ่งไปเผชิญหน้ากับศัตรู เนื่องจากพวกมันทั้งหมดเชื่อมโยงกันด้วยจิตสำนึกส่วนรวม ดังนั้นจึงไม่กลัวความตาย พวกมันเดินไปข้างหน้าโดยทิ้งกองศพไว้เบื้องหลัง เหมือนกับเครื่องบดเนื้อที่มีชีวิตและหายใจได้
ฉันอดรู้สึกแย่กับคนที่ล้มลงไม่ได้ แต่เป็นการเสียสละที่จำเป็น
“นักเวทเตรียมโจมตี!”
นักเวทที่น่ารังเกียจเหล่านั้นอีกแล้ว ขณะที่พวกมันร่ายเวท ลูกไฟก็ตกลงมาบนสะพาน ทำให้สะพานลุกเป็นไฟและเผาเหล่าริปเปอร์ให้ตายทั้งเป็น แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังไม่หยุดการจู่โจม เหล่าอารัคเนผู้เป็นที่รักของฉันนั้นจริงจังมาก ริปเปอร์จะไล่ตามศัตรูของมันไปยังขุมนรกโดยไม่หยุดจนกว่าเขี้ยวของพวกมันจะไปถึงเนื้อหนัง พวกมันซื่อสัตย์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเชื่อมั่นในตัวฉันด้วยทุกสิ่งที่พวกมันมี
แมลงอันแสนน่ารักของฉัน
ศัตรูมีกำลังพล 50,000 นาย ในขณะที่ฉันมีกำลังพลเพียง 150,000 นาย หากการต่อสู้ครั้งนี้กินเวลานานกว่านี้ พวกมันก็จะล้มตายเป็นกลุ่มแรก แต่ฉันไม่ต้องการชนะหากนั่นหมายถึงการทำให้เหล่าอารัคเนของฉันเหลือเพียงซากไร้ชีวิตชีวา กลยุทธ์ปัจจุบันของฉันนั้นไร้สมองโดยสิ้นเชิง และฉันกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับอารัคเนของฉัน
เมื่อความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของฉัน กองกำลังริปเปอร์ ชุดที่ 6 ก็มาถึงอีกฝั่งของสะพาน พวกมันฟาดเคียวของมัน ตัดศีรษะของทหารราบหนัก ตัดแขนขาของพวกเขา และผ่าลำตัวออกเป็นสองส่วน
“ทหารราบหนัก! สู้กลับ!”
ศัตรูมีทหารราบหนักประมาณหนึ่งพันนาย และที่เหลือเป็นเพียงทหารถือหอก หาก กองทัพริปเปอร์สามารถฝ่าด่านทหารราบหนักได้ ทหารที่เหลือก็จะเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย
“แก๊ง!”
แต่ทหารราบหนักนั้นแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่ามาลุกจะเรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งก่อนๆ ของพวกเขา และได้เตรียมอาวุธหนักให้กับทหารของตน เช่น ดาบใหญ่และง้าว ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับอารัคเน กองทัพริปเปอร์ไม่ได้พ่ายแพ้โดยตรง แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกมันพลาด เขี้ยวของพวกมันก็สึกหรอ เคียวถูกทำลาย หรือหัวของพวกเขาก็ถูกบดขยี้
“มนุษย์น่ารำคาญ” ฉันพึมพำกับตัวเองขณะมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
“ราชินี ศัตรูกำลังพยายามจะทำลายสะพาน” เซริเนียนกล่าว
ฉันสังเกตเห็นสิ่งนี้ก่อนที่เธอจะพูด แต่ขอบคุณที่เตือน ศัตรูกำลังยิงเวทระเบิดและใช้เครื่องยิงหินขว้างหินไปที่สะพาน พวกมันดึงเหล่าอารัคเนมาได้มากเกินพอแล้ว จึงตั้งใจจะพังสะพานและตัดทางหนีของเรา จากนั้นก็จัดการให้สิ้นซาก มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ง่ายและคาดเดาได้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังคงคิดว่าเราเป็นเพียงกลุ่มมอนสเตอร์ที่โง่เขลา (\เวทระเบิดกัมปนาท!)
“ปล่อยให้พวกมันทำลายสะพานไป”
สะพานข้ามแม่น้ำอันใหม่ของเราเพิ่งจะสร้างเสร็จพอดี
โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น กองทัพเวิคเกอร์ได้สร้างสะพานขึ้นเหนือต้นน้ำ สะพานนี้ทำจากหินและเชื่อมเข้าด้วยกันด้วยเส้นใยเหนียวๆของมัน กองทัพริปเปอร์ที่เหลือที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ต่างก็ใช้สะพานนั้นเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่ง
วิธีการสร้างสะพานแบบนี้เป็นไปได้จริงแม้ในเกมด้วยซ้ำ
“ศัตรูโจมตีขนาบข้างพวกเราแล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?! พวกมันสร้างสะพานขึ้นมาเหรอ?!”
ศึกโจมตีที่สะพานแบบไม่ยั้งคิดนี้เป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น ฉันต้องหลอกล่อพวกเขาให้คิดว่าเราไม่สามารถสร้างสะพานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งความพยายามไปที่การยับยั้งการโจมตีครั้งนี้ ฉันรู้สึกแย่แทนริปเปอร์ที่เสียชีวิตในความพยายามครั้งนี้ แต่ทุกอย่างก็ออกมาดี
เมื่อต้องสร้างสะพาน ควรสร้างโดยให้ห่างจากศัตรูให้มากที่สุด ด้วยแรงบันดาลใจจากกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ฉันจึงเสี่ยงโชคและสั่งให้เหล่าเวิคเกอร์สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่น้ำอาริลตอนนี้กองทัพริปเปอร์หลายหมื่นตัวได้ข้ามแม่น้ำไป และกำลังปิดล้อมทหารของอาณาจักร
เหล่าทหารของอาณาจักรได้ตกอยู่ในความอลลหม่านเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเรา เห็นได้ชัดว่าศัตรูตื่นตระหนกมากเพียงใด ซึ่งน่าขบขันอย่างยิ่งที่จะได้ดู ตอนนี้เราต้องกำจัดพวกมันออกไป
แต่ความสนุนจริงๆ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
————————————————————-
“ท่านลอร์ดสโตรกานอฟ ศัตรูได้ข้ามแม่น้ำมายังฝั่งของเราแล้ว กองทัพศัตรูประมาณเจ็ดหมื่นนายกำลังเดินทัพมาหาเรา เราจะทำยังไงดี!”
“บ้าน่า! พวกมันไม่ได้เป็นแค่มอนสเตอร์กระหายเลือด…? คุณกำลังบอกว่าพวกมันสามารถวางแผนกลยุทธ์ได้งั้นเหรอ? ฉันพนันได้เลยพวกเราจะไม่ถูกศัตรูที่โง่เขลาเอาชนะได้ บ้าชิบ!”
ดยุคสเตฟาน สโตรกานอฟ ผู้รับผิดชอบในการปกป้องสะพาน เริ่มสูญเสียความมั่นใจทีละน้อย รอบๆ ตัวเขา มีเหล่าริปเปอร์โจมตีลูกน้องของเขาอย่างโหดร้าย ตอนแรก เขาคิดว่าพวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน บางทีอาจเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์และโจมตีผู้คนจำนวนมากเพื่อกินเป็นอาหาร การกลายพันธุ์นี้ทำให้มอนสเตอร์เหล่านี้มีพละกำลังมหาศาล และพวกมันสามารถเอาชนะทหารได้ก็เพราะจำนวนที่มากและพลังเหนือธรรมชาตินี้
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิด ศัตรูของพวกเขาใช้กลวิธีการต่อสู้อย่างแข็งขันต่อหน้าต่อตาเขา พวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ไร้สติ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเทียบเท่ากับมนุษย์ การโจมตีที่สะพานนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ ทหารให้ตายใจขณะที่รับมือกับศัตรูที่รุกคืบได้สำเร็จ แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ศัตรูก็สร้างสะพานและเปิดฉากโจมตีจากอีกฝั่ง มันเป็นความผิดพลาดที่พวกเขาไม่สามารถกอบกู้กลับคืนมาได้
หากสเตฟานชนะศึกครั้งนี้ เขาคงได้เป็นวีรบุรุษของชาติและในที่สุดก็ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงเอลิซาเบตผู้สวยงามตั้งแต่ยังอายุน้อย การแต่งงานกับสมาชิกราชวงศ์ไม่เพียงแต่ได้รับพรจากประชาชนเท่านั้น แต่เขายังจะได้รับสถานะทางสังคมที่เหนือกว่าขุนนางคนอื่นๆ อีกด้วย ความฝันและความปรารถนาทั้งหมดของเขาพังทลายลงโดยไม่คาดคิดโดยสะพานที่สร้างโดยมอนสเตอร์ อนาคตอันสดใสของเขากำลังถูกพรากไปในกรงเล็บอันน่าขนลุกของมอนสเตอร์
“พวกเรายังมีกลอุบายอีกหนึ่งอย่างที่ซ่อนอยู่ อัศวินแห่งเซนต์จูเลีย เคลื่อนทัพ!” สเตฟานตะโกนขณะที่เขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังเข้ามา
อัศวินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันคนตอบรับคำสั่งของเขา และเผชิญหน้ากับกองทัพริปเปอร์จำนวน 70,000 นาย
“ฉันความหวังอยู่นะ!”
“พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เอง ลอร์ดสโตรกานอฟ!” กัปตันอัศวินตอบ
“ข้ารับใช้ของเทพแห่งแสงผู้สถิตอยู่ในสวรรค์ ข้าพเจ้าวิงวอนท่านให้ลงมาต่อหน้าพวกเรา ทูตสวรรค์มายาเลียล!”
ไพ่เด็ดของคณะศักดิ์สิทธิ์คือทูตสวรรค์ของพวกเขา ทูตสวรรค์ตนนั้นแตกต่างจากอากาเฟียล ซึ่งเป็นทูตสวรรค์ที่เซริเนียนเผชิญในป่า ทูตสวรรค์ตนนี้สวมชุดเกราะและถือดาบยาวที่ส่องประกาย สิ่งเดียวที่เหล่าทูตสวรรค์มีเหมือนกันนอกเหนือจากสายพันธุ์ของพวกมันก็คือแสงสว่างอันแสบตาที่เปล่งออกมาจากร่างกาย
“ลูกหลานมนุษย์ เจ้าแสวงหาความรอดหรือไม่” มายาเลียลถาม
“ใช่! พวกเราต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด! หากพวกเราไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์ชั่วร้ายเหล่านี้ได้ อาณาจักรมาลุกก็จะล่มสลาย! ประชาชนนับร้อยนับพันจะถูกสังหารหมู่! โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย!”
“ดีมาก ข้าจะช่วยเจ้าเอง สิ่งมีชีวิตพวกนี้ชั่วร้ายเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ ด้วยหน้าที่ของข้าในฐานะทูตสวรรค์ ข้าจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”
เมื่อพูดจบ มายาเลียลก็บินขึ้นไปแล้วกระโจนเข้าหากองทัพริปเปอร์ เธอฟันดาบและฟันริปเปอร์หลายร้อยตัวในครั้งเดียว เหล่าริปเปอร์ที่ไม่สามารถปัดป้องการโจมตีส่วนใหญ่ได้กำลังร่วงหล่นลงมาเหมือนแมลงวัน
เหตุการณ์เดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้ว เมื่อเหล่าอารัคเนต่อสู้กับอากาเฟียล ไม่สามารถหวังที่จะทัดเทียมกันได้ ดาบของมายาเลียลทรงพลังเท่ากับแสงของอากาเฟียลมันตัดผ่านโครงกระดูกภายนอกที่ดูแข็งแกร่งของริปเปอร์ เหมือนมีดที่เฉือนเนยร้อน กำจัดพวกมันทีละสิบตัวในทุก ๆ วินาที
กองทัพริปเปอร์พุ่งเข้าหามายาเลียลราวกับสัตว์ป่า แต่เขี้ยวและเคียวของพวกมันก็ไร้ผล ทูตสวรรค์เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่ได้รับการปกป้องด้วยพลังลึกลับบางอย่างหรือเพียงแต่มีพลังความอดทนที่ไม่มีวันหมด พวกมันเป็นคู่ต่อสู้ที่แย่ที่สุดสำหรับอารัคเน
นอกจากนี้ ทูตสวรรค์ยังมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีเกือบทุกรูปแบบ ทำให้พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจมาก มีบันทึกเดียวที่ระบุว่าทูตสวรรค์พ่ายแพ้ไปในสงครามการรุกรานของจักรวรรดินีร์นัล และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าทำได้อย่างไร
“สัตว์ร้ายที่น่ารังเกียจเหล่านั้นทำได้แค่นี้หรือ? ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
แต่ทันทีที่มายาเลียลเตรียมที่จะกวาดล้างกลุ่มอารัคเนชุดต่อไป…
“ย้าาาา!”
มีใครบางคนพุ่งออกมาจากด้านข้างของกองทัพริปเปอร์ และโจมตีเธอ การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วและคล่องตัวเกินกว่าที่จะเป็นของริปเปอร์ตัวใดๆ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะคนที่เข้ามาหามายาเลียลไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอัศวินโลหิตเซริเนียน
“แมลงวันตัวใหม่ปรากฏตัว!” เซริเนียนถ่มน้ำลายขณะที่เธอฟาดดาบลงบนมายาเลียลซึ่งตกใจจนตัวสั่น
“ด้วยพระประสงค์ของราชินีของเรา เจ้าจงกลายเป็นสนิมบนดาบของข้า?!”
“นั่นมันดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ชั่วร้าย! เจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ… เจ้าเป็นพาลาดินที่ตกต่ำงั้นเหรอ?!”
“อดีตของฉันไม่สำคัญ! ฉันเป็นเพียงดาบและโล่ของราชินีเท่านั้น!” เซริเนียนไม่ลังเลและโจมตีทูตสวรรค์อีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น! ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยพลังทั้งหมด!”
มายาเลียลกางปีกและทะยานขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเซริเนียนพร้อมกับเตรียมดาบยาวไว้
“อึกกก!”
การโจมตีด้วยระเบิดอันทรงพลังของมายาเลียลทำให้เซริเนียนล้มลงกับพื้น
“ข้าจะไม่ล้ม! ข้าคืออัศวินของราชินี! ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!”
เซริเนียนลุกขึ้นยืนและกระโดดอีกครั้ง พร้อมกับฟาดดาบไปที่มายาเลียล
“เปล่าประโยชน์ เจ้าชั่วช้า!” มายาเลียลหลบการฟันและเคลื่อนไหวอย่างราบรื่นเพื่อโจมตีกลับ
เข่าของทูตสวรรค์พุ่งไปที่ท้องของเซริเนียน เซริเนียนล้มลงและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะยืนไม่ไหว บทบาทของเธอในฐานะอัศวินของราชินีคือแก่นแท้ของจิตวิญญาณนักสู้ของเธอ นี่คือสิ่งที่ทำให้เซริเนียนเป็นบุคคลและทำให้เธอโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ในกลุ่ม
“ข้ายังไหว! ข้าเป็นอัศวินของราชินี และไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็เปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นไม่ได้!”
เซริเนียนรีบปรับท่าทางของเธอและเปลี่ยนไปโจมตีครั้งต่อไป ยกเว้นว่าครั้งนี้เธอไม่ได้แค่พยายามฟันดาบใส่ทูตสวรรค์เท่านั้น
“หืม! ใยเหรอ?!”
เซริเนียนยิงใยเหนียวออกจากหางของเธอ พันมันไว้รอบมายาเลียลพร้อมกับดาบยาวของเธอ และกระชากไปข้างหน้า มายาเลียลไม่สามารถรักษาท่าทางของเธอไว้ได้ จึงล้มลงไปหาเเซริเนียน ในเวลาเดียวกัน เซริเนียนก็เริ่มโจมตี กลยุทธ์นี้พลิกกระแสของการต่อสู้ได้ในทันที
“รับนี้ไป!”
ดาบอันชั่วร้ายของเซริเนียนฟันเข้าไปในร่างของมายาเลียล และเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นออกมาจากปากของทูตสวรรค์
“และนี่!”
ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับการทรมาน เซริเนียนโจมตีคู่ต่อสู้ของเธอด้วยการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า โดยฟันไหล่ของมายาเลียล แทงที่ท้องของเธอ และฉีกขาจนขาด
“ยังไม่หมดแค่นี้หรอก! เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานจนกว่าตาย เจ้าแมลงวันตัวร้าย!”
“หยุดนะไอ้ขี้ขลาด หยุดนะ!”
เส้นใยได้จำกัดการเคลื่อนไหวของมายาเลียลอย่างสมบูรณ์ และดาบก็จมลงไปในเนื้อของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทูตสวรรค์ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เมื่อเผชิญหน้ากับความภักดีอันล้นหลามของเซริเนียนและความแข็งแกร่งที่มี มายาเลียลทำได้เพียงสาปแช่งเมื่อเธอได้รับการทารุณกรรมอย่างโหดร้ายจากเซริเนียน
“ไอ้เวรเอ๊ย… บ้าเอ๊ย! อย่าคิดว่าแค่นี้มันเพียงพอที่จะสังหารทูตสวรรค์ได้!”
ในขณะนั้นเอง มายาเลียลฉีกใยออกอย่างรุนแรงและพุ่งเข้าหาเซริเนียน
“ลิ้มรสดาบของข้าไปซะ เจ้าสิ่งชั่วร้าย!”
“ไม่ แกนั่นแหละที่พินาศไปซะ”
เซริเนียนและมายาเลียลปะทะกัน โดยแต่ละคนถือดาบอยู่ในมือ
“ฉับ!”
คอของมายาเลียลถูกตัดขาดอย่างไม่ต้องสงสัย บาดแผลนั้นร้ายแรงถึงชีวิต ทูตสวรรค์ไม่ได้เสียเลือดจากบาดแผลนั้น แต่กลับแตกออกเป็นอนุภาคแสง เช่นเดียวกับที่อากาเฟียลเคยเจอมาก่อน และหายไปจากโลกนี้
“มายาเลียลที่ยิ่งใหญ่พ่ายแพ้แล้วหรือ?! เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปไม่ได้! ทูตสวรรค์ไม่สามารถถูกสังหารได้!”
เมื่อเห็นมายาเลียลหายตัวไป ทหารมาลุกก็หวาดกลัวขึ้นอีกขั้น ทูตสวรรค์ของพวกเขาถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจเหนือทุกสิ่งและไม่อาจโต้แย้งได้ ทหารไม่เชื่อเลยว่ามายาเลียลจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้
แต่พวกเขาลืมไปว่าอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินซึ่งสามารถเรียกทูตสวรรค์มาได้ด้วยนั้นก็ถูกพิชิตไปแล้วอย่างง่ายดาย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของอัศวินโลหิตเซริเนียน นั้นมีมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว คนของอาณาจักรจะจินตนาการได้อย่างไรว่าสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งนี้มีความสามารถแฝงที่จะโค่นล้มเทพเจ้าได้
“มนุษย์ที่โง่เขลา! พวกเจ้าทุกคนจะต้องคุกเข่าต่อหน้าราชินีของเรา!” เซริเนียนประกาศชัยพร้อมกับโบกดาบของเธอ
“มันจบแล้ว! สินหวังแล้ว!”
“อย่าวิ่งนะไอ้โง่! เราจะสู้จนเหลือคนสุดท้าย!”
สายการบังคับบัญชาของพวกเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว ทหารพยายามจะละทิ้งตำแหน่งของตนทั้งซ้ายและขวา และนายทหารชั้นประทวนก็สังหารพวกเขาไปทีละคนเพราะการทรยศของพวกเขา สำหรับทหารแล้ว สนามรบแห่งนี้คือสถานที่ที่ทั้งมิตรและศัตรูสามารถเข้ามาเอาชีวิตของพวกเขาได้
“เอ่อ คุณพูดภาษาของเราได้ใช่ไหม” สเตฟานกล่าวกับเซริเนียน
“เราเจรจากันไม่ได้เหรอ? ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคุณ เราอาจยอมจำนนต่อกองทัพของคุณก็ได้”
เขาพยายามสืบหาความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะยอมจำนน ชะตากรรมนั้นดีกว่าการสังหารหมู่ และมันจะทำให้เขาและทหารของเขาสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้อีกวันหนึ่ง
ใช่ สเตฟานต้องการมีชีวิตอยู่ เขาต้องการจะผ่านพ้นการต่อสู้ที่โหดร้ายนี้ แล้วแต่งงานกับเอลิซาเบตผู้สวยงาม และทำความรู้จักกับเธอให้ลึกถึงแก่นแท้
“ไร้สาระ” เซริเนียนเยาะเย้ยเขา
“พวกเราคืออารัคเน ที่จะปกคลุมโลก ประชาชนของคุณทำร้ายเพื่อนของราชินี สังหารสหายของเรา และวางแผนจะสังหารพวกของเราอีกมากมาย แล้วตอนนี้คุณพูดถึงการยอมแพ้งั้นเหรอ?”
เธอชี้ดาบไปทางสเตฟาน
“หยิบดาบขึ้นมา หากยังเรียกตัวเองว่านักรบ จงสู้ให้ถึงที่สุด เราจะทำลายความพยายามของคุณ เหลือทิ้งไว้เพียงความสิ้นหวัง”
“อึก! ไม่มีทางเลือก! เหล่าทหาร เตรียมอาวุธให้พร้อม! นักเวทยิงเวทมนต์ให้เต็มพลัง! ทหารราบหนักและทหารถือหอก รวมตัวกันเป็นวงกลมรอบๆ นักเวทย์ซะ!”
ทหารเหล่านั้นทำตามที่เขาบอก และในไม่ช้า ลูกไฟจำนวนมากก็ตกลงมาบนอารัคเน ทำให้เหล่าริปเปอร์จำนวนมากลุกไหม้
“เดินหน้า! ในพระนามของสมเด็จพระราชินี!” เซริเนียนตะโกนออกมา
“ในพระนามของสมเด็จพระราชินี!” เหล่าอารัคเนพูดซ้ำ
เซริเนียนและกองทัพริปเปอร์บุกฝ่าสายฝนเพลิงขนาดใหญ่เข้าโจมตีกองทัพของสเตฟาน กองทัพริปเปอร์ซึ่งเป็นหน่วยที่เร็วที่สุดในเกม โจมตีกองกำลังของกองทัพได้สำเร็จภายในเวลาไม่กี่วินาที ศีรษะของทหารราบหนักถูกฟันด้วยเคียว และทหารถือหอกก็ถูกแทงทะลุหน้าอกด้วยเขี้ยวอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเหล่าอารัคเนก็กัดกินกำแพงชีวิตของศัตรูจนหมดสิ้น
มันคือการสังหารหมู่
เมื่อทหารแนวหน้าจากไป พวกนักเวทก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หลังจากนั้น อารัคเนก็เปลี่ยนทิศทางและสังหารทหารที่เหลือเพียงไม่กี่คนจนหมด
“มันจบแล้ว”
เมื่อถึงเวลาที่เซริเนียนประกาศ ทหารทุกคนก็ถูกสังหารหมด ผู้บัญชาการของพวกเขาซึ่งมีชื่อว่าสเตฟาน เสียชีวิตแล้ว ร่างกายที่ถูกควักไส้ของเขาคลุกคลีอยู่กับซากศพของทหารคนอื่นๆ ซึ่งแหลกสลายจนไม่สามารถจดจำได้ แขนขาของเขาถูกกระชากออกราวกับว่าเขาเป็นของเล่นเด็ก และใบหน้าของเขายุบลงจากการถูกเคียวแทงที่ศีรษะ
“เยื่ยมมาก เซริเนียน”
“พะยะค่ะ ตอนนี้พวกเราทุกคนสามารถข้ามแม่น้ำได้แล้ว”
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ราชินีแห่งอารัคเน ซึ่งสั่งการการต่อสู้จากระยะไกลผ่านจิตสำนึกส่วนรวม ได้เดินทางมาถึงเพื่อขอบคุณกองกำลังของเธอ
“พวกคุณทุกคนทำได้ดีมาก การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่พวกเราได้รับชัยชนะ ไม่มีอะไรมาขัดขวางเราได้อีกต่อไป ต่อไป เราจะรวมกลุ่มกับกองทัพต่างๆ จากทางเหนือและทางใต้แล้วเดินทัพไปที่ซิกเลีย นั่นจะเป็นจุดจบของประเทศนี้”
“ทรงพระเจริญ องค์ราชินี!”
“ทรงพระเจริญ องค์ราชินี!”
เหล่าอารัคเนทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นก้มตัวลงและคุกเข่าพร้อมกัน ท่าทางที่เป็นหนึ่งเดียวของพวกเขาทำให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าพวกเขาได้รับชัยชนะแล้ว
“เซริเนียน เจ้ามีนิสัยชอบพูดมากเกินไป เจ้าจะลงเอยด้วยการกัดลิ้นตัวเองหากยังพูดมากเกินไประหว่างการต่อสู้ เพียงแค่ตั้งใจฆ่าพวกโง่ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าก็พอแล้ว”
“ขออภัยด้วย องค์ราชินี”
และแล้วการต่อสู้ที่แม่น้ำอาริลก็จบลงด้วยชัยชนะของอารัคเน อาณาจักรมาลุกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง สูญเสียการป้องกันตามธรรมชาติทั้งหมด และแนวป้องกันที่เหลือถูกบังคับให้ล่าถอยไปยังเมืองหลวง
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานแปลด้วยนะคะ พอดียังเป็นมือใหม่อยู่ อาจะมีติดขัดบ้างบางประโยค ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆสามารถบอกได้เลยนะ
MANGA DISCUSSION