กองทัพของอาณาจักรมาลุกได้รวมตัวกันที่เมืองลีน เนื่องจากมีกองทหารประจำการอยู่ที่นั่น จึงทำให้เมืองนี้วุ่นวายไปหมด เจ้าหน้าที่ชั้นสูงได้เข้าควบคุมโรงเตี๊ยม รวบรวมเสบียง และรีบวิ่งเข้าออกร้านค้าต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากองทัพจะไม่ขาดสิ่งใด
“คุณคิดอย่างไรกับสงครามครั้งนี้” แกรนด์ กินซ์เบลถามเพื่อนร่วมงานขณะนั่งดื่มที่โรงเตี๊ยม แกรนด์เป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ของกรมทหารที่ 1 ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 1
แกรนด์เป็นชายวัยสามสิบกว่าๆ ซึ่งถือว่าแก่เกินไปที่จะทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองพันในโลกนี้ อย่างไรก็ตาม เขาพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเองในการฝึกฝนมาโดยตลอด เหตุผลที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งช้าอาจเป็นเพราะเขาพูดตรงไปตรงมามากเกินไป และบ่อยครั้งที่เขามักปล่อยให้ภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาห้าปีและลูกสาวตัวน้อยวัยสามขวบที่น่ารักของเขาไว้ที่เมืองหลวงเพื่อมาที่เมืองลีนแห่งนี้
“ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล” ชายอีกคนตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ไม่น่าเชื่อว่าพวกเอลฟ์จะกวาดล้างอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินได้หมด กัปตันของอัศวินยังมีทูตสวรรค์อยู่นะ คุณว่าไหม พวกหูยาวจะสามารถต้านทานอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรและทูตสวรรค์ได้อย่างไร!?”
อัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินมีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่งทางการทหาร ครั้งเมื่อประเทศทางใต้บุกเข้ามาด้วยกองทัพ 30,000 นาย อัศวินเหล่านั้นได้หยุดไว้ด้วยกำลังเพียงร้อยนายจนพวกนั้นต้องล่าถอยกลับไปที่แม่น้ำธีม ใครๆต่างก็เล่าถึงวีรกรรมของอัศวินเหล่านี้และการกระทำอันกล้าหาญของพวกเขา
“คุณคิดว่าพวกเขาโดนซุ่มโจมตีเหรอ?” แกรนด์ถาม
“ไม่หรอก พวกชนชั้นสูงคิดว่าจักรวรรดินีร์นัลอาจเตรียมกองกำลังซ่อนตัวล่วงหน้าอยู่ในป่าของเอลฟ์ เพื่อเปิดโอกาสโจมตีอาณาจักรของเราโดยไม่ต้องข้ามแม่น้ำธีม”
ผู้บัญชาการอีกคนจุ่มนิ้วลงไปในไวน์ จากนั้นจึงใช้มันวาดแผนที่ทวีปอย่างหยาบๆ ลงบนโต๊ะ ด้วยป่าเอลฟ์ที่อยู่ตรงกลาง เขาแสดงให้เห็นว่ากองกำลังของจักรวรรดิสามารถเข้าไปในดินแดนของมาลุกได้อย่างไรโดยไม่ต้องผ่านแม่น้ำ
“กองทัพของจักรวรรดินีร์นัลน่ะเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งหมดแข็งแกร่งมาก พวกเขาสามารถรวมห้าประเทศทางใต้ให้เป็นจักรวรรดิเดียวภายในเวลาแค่สี่ปีเท่านั้น ฟังดูน่ากลัวกว่าพวกเอลฟ์แน่นอน”
“ฉันก็ควรระวังเอลฟ์เหมือนกัน พวกมันเป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่ชอบวางกับดักที่ออกแบบมาเพื่อจับมนุษย์ และเมื่อจับใครได้ พวกมันก็จะตัดหูและจมูก ควักลูกตา ลอกหนัง และกินพวกเขาทั้งเป็น ฉันไม่อยากตายจากการถูกเอลฟ์จับหรอกนะ”
ข่าวลือเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับเอลฟ์ล้วนเป็นเรื่องเล่าที่ฟังดูเกินจริง แต่ไม่มีใครพยายามยืนยันความถูกต้องของข่าวลือเหล่านี้ มนุษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับเอลฟ์ แต่พวกเขาก็ยังคงปล่อยข่าวลือเหล่านั้นออกไป เพราะพวกเขารู้สึกว่าเอลฟ์ได้ละทิ้งเทพเจ้าแห่งแสง และเลือกที่จะบูชาเทพเจ้าแห่งป่าแทน ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงเต็มใจที่จะเชื่อว่าเอลฟ์สามารถทำอย่างนั้นได้จริงๆ
เมื่อใดก็ตามที่เด็กๆ หายตัวไปใกล้ป่า เอลฟ์มักจะเป็นพวกแรกที่จะถูกสงสัย ไม่ใช่หมาป่า ไม่ใช่หมี แต่เป็นเอลฟ์ และทุกครั้ง อาณาจักรจะส่งกองกำลังออกไปปราบปรามพวกเขา โดยเผาหมู่บ้านให้เป็นบทเรียน จากนั้นพวกเอลฟ์จะซ่อนตัวเข้าไปในป่าที่ลึกมากขึ้นด้วยความกลัว ทำให้การติดต่อกับพวกเขายากขึ้น และข่าวลือก็ยิ่งอื้อฉาวมากขึ้นไปอีก
เอลฟ์กินมนุษย์ เอลฟ์จับสาวพรหมจารีมาสังเวยให้เทพเจ้า เอลฟ์คืออาชญากรที่กลับชาติมาเกิดใหม่ มีข่าวลือที่น่าเกลียดชังและงมงายเกี่ยวกับเอลฟ์มากมายจนนับไม่ถ้วน
“แต่เราอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนายพลเชอร์นอฟนะเหรอ? ฉันกังวลว่าเขาอาจจะสั่งให้เราทำอะไรที่ไร้สาระ มีข่าวลือว่าเขาอยากเลื่อนตำแหน่งเป็นจอมพลมาก ดังนั้นเขาจึงกดดันลูกน้องอย่างหนัก บางคนถึงกับเรียกเขาว่าเชอร์นอฟผู้โหดเหี้ยม”
“เรื่องจริงเหรอ? ฉันคิดว่าเขาเป็นคนใจเย็นและมีสติ และเขาก็รู้วิธีเอาใจใส่ลูกน้องเสมอ”
ความจริงที่ว่าพวกเราไม่ต้องตั้งแคมป์ข้างนอก แต่ได้นอนบนเตียงอุ่นๆ แทนนั้นเป็นเพราะความพยายามอย่างหนักและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของเชอร์นอฟและเจ้าหน้าที่ทหารของเขา ทหารชั้นผู้น้อยต้องตั้งแคมป์นอนในเต็นท์ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงกลับใช้เวลากลางคืนในโรงเตี๊ยมและสถานประกอบการที่สะดวกสบาย
อาจกล่าวได้เช่นเดียวกันกับมื้ออาหารของพวกเขา ต้องขอบคุณความพยายามของเจ้าหน้าที่ส่งเสบียง พวกเขาจึงสามารถกินเนื้อและผักสดได้ ทหารรู้สึกขอบคุณที่ไม่ต้องดำรงชีวิตด้วยขนมปังและเนื้อตากแห้งที่แจกจ่ายออกไปในสนามรบ
“แต่ถึงอย่างนั้น การไม่รู้ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับใครนั้นช่างน่าขนลุกจริงๆ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าพวกเอลฟ์หรือจักรวรรดินีร์นัลกันแน่ที่กวาดล้างอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินจนหมด”
“เห็นด้วย” แกรนด์พยักหน้าตอบ
“การรู้ว่าศัตรูที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นใครจะรับมือได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นจักรวรรดินีร์นัลเราจะต้องพึ่งพากองกำลังทั้งหมดที่ประจำการ ถ้าเป็นพวกเอลฟ์เราจะต้องหลบกับดักและบดขยี้พวกมันด้วยกำลังมหาศาล”
“ฉันหวังว่าจะเป็นพวกเอลฟ์นะ”
“อย่างเลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจร่วมมือกันและเราจะต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งคู่”
ทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อไป พลางจิบไวน์ในแก้วไปด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเรามาภาวนาต่อพระเจ้ากันเถอะ ขอให้พระเจ้าแห่งแสงประทานพรแก่เรา!” ผู้บัญชาการกองพันแรกตะโกนขึ้น พร้อมกับหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาด้วยท่าทางที่เก้กังและกวาดสายตามอง
“คุณพูดถูก” แกรนด์ยิ้มอย่างขมขื่นและยกแก้วขึ้น
“ขอพระเจ้าแห่งแสงประทานพรแก่พวกเรา!”
แกรนด์ไม่เชื่อในพลังของพระเจ้ามากนัก เขาไม่เคยเห็นทูตสวรรค์เลย และเขาเติบโตมาในหมู่บ้านที่ยากจนมาก ถ้าหากพระเจ้ามีอยู่จริง พระองค์คงละทิ้งหมู่บ้านนี้ไปอย่างแน่นอน แกรนด์ไม่เชื่อว่าพระเจ้าแห่งแสงจะช่วยเหลือพวกเขาในสถานการณ์ที่เลวร้ายได้
แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกกดดันที่จะต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างสิ้นหวัง
————————————————————-
ระฆังดังขึ้นในเวลาตีสาม ก่อนที่จะรุ่งสาง
“เกิดอะไรขึ้น?”
นายพลเชอร์นอฟ ผู้นำกองทหารรักษาการณ์ภาคตะวันออกทั้งหมด ลุกขึ้นจากเตียงและถามกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์
“ใช่แล้ว มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นเพราะประตูเมืองแห่งหนึ่งของลีนกำลังถูกโจมตี การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป กองกำลังติดอาวุธของเมืองกำลังต่อสู้กับศัตรู”
“ประตูเมืองกำลังถูกโจมตี?! แล้วทำไมถึงปล่อยให้กองกำลังทหารของเมืองลีนเป็นฝ่ายจัดการด้วยล่ะ! หากศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่างลีนล่มสลาย อาณาจักรอาจได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงได้! ส่งกองกำลังของเราเข้าไปสนับสนุนทันทีแล้วโจมตีกลับไป!”
“ค-ครับท่าน!”
ตามคำสั่งของนายพลเชอร์นอฟ เจ้าหน้าที่จึงออกเดินทาง
ประตูดังกล่าวอยู่ทางทิศตะวันออก กองพันแรกถูกส่งไปอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับศัตรู ซึ่งเป็นกองพันเดียวกับที่เพื่อนของแกรนด์จากโรงเตี๊ยมนำทัพ หน่วยของเขาเป็นหน่วยแรกที่ไปถึงประตูทางทิศตะวันออก
อย่างไรก็ตาม…
“พระเจ้าช่วย…นี่มันอะไรกันเนี่ย ”
บริเวณที่ควรเป็นพื้นดินใกล้กับประตูเมืองกลับกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ และภายในหลุมนั้น เขี้ยวแหลมคมได้แทงเข้าไปในกลุ่มทหารอาสาสมัครที่ต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองของตนอย่างสิ้นหวัง และลากพวกเขาลงไปในพื้นดิน ทหารอาสาสมัครบางคนพยายามต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง โดยยิงหน้าไม้และธนูยาวออกไป แต่สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ในหลุมนั้นสามารถหลบกระสุนได้อย่างรวดเร็ว
ผู้บัญชาการกองพันแรกไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ราวกับว่าพวกเขากำลังฝันร้ายยังไงยังงั้น
“เฮ้ คุณที่อยู่ตรงนั้น!” ชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธตะโกน
“ถ้าคุณยืนอยู่ตรงนั้น พวกมันจะกัดหัวคุณขาด รีบขึ้นไปที่สูงเร็ว!”
“ได้ยินที่ชายคนนั้นพูดไหม! ขึ้นไปสิ ฉันบอกให้ขึ้นไป! เร็วเข้า!” ผู้บัญชาการกองพันแรกเริ่มส่งคำสั่งไปยังลูกน้องของเขา แต่ก็สายไปเสียแล้ว
เขี้ยวเล็บโผล่ออกมาจากพื้นดิน เจาะเข้าไปในตัว และดึงพวกเขาลงไปในส่วนลึกเบื้องล่าง ไม่มีแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
ทหารคนอื่นๆ ได้แต่ร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวขณะที่พวกเขาขดตัวอยู่บนพื้น แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าการอยู่บนพื้นนั้นอันตราย แต่ความกลัวก็ทำให้การตัดสินใจของพวกเขาขาดความรอบคอบ ทำให้พวกเขาต้องกระทำการอย่างไม่สมเหตุสมผล
มนุษย์มักประสบกับความทุกข์ทรมานนี้บ่อยครั้ง แม้จะไร้เหตุผล แต่สัญชาตญาณดั้งเดิมของพวกเขาก็ยังควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา แม้ว่าความกลัวจะสูบฉีดอะดรีนาลีนเข้าไปในเส้นเลือดของพวกเขา ทหารบางคนก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“เร็วเข้า ขืนมั่วแต่ชักช้า เราคงโดนกำจัดหมดแน่!” ผู้บัญชาการตะโกน
ทหารจำนวนหนึ่งสามารถระงับความกลัว แล้วรีบปีนกำแพงและอาคารใกล้เคียง จากนั้นผู้บัญชาการก็รีบวิ่งไปที่กำแพงและปีนขึ้นไปที่ประตูเพื่อที่จะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาให้ดีขึ้น
“สถานการณ์เป็นไงบ้าง?” เขาถาม
“มอนสเตอร์พวกนี้โจมตีพวกเราจากพื้นดินมาสักพักแล้ว!” กัปตันกองกำลังทหารตอบ
“พวกเราทำอะไรไม่ได้เลย!”
“ศัตรูของเราคือมอนสเตอร์พวกนี้?”
ผู้บัญชาการรู้สึกไม่ดีเลย มอนสเตอร์ที่โจมตีจากใต้เท้าก็น่ากลัวพออยู่แล้ว แต่สัญชาตญาณของเขาบ่งบอกว่าต้องมีภัยคุกคามอื่นเกิดขึ้นที่นี่
“โอ้ไม่นะ! มอนสเตอร์กำลังเข้ามาอีกแล้ว! ฝูงมอนสเตอร์กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู! พวกมันมีเยอะเกินไป!”
สัญชาตญาณของผู้บัญชาการนั้นแม่นยำมาก ในขณะที่กองกำลังทหารและกองพันแรกกำลังถูกซุ่มโจมตีจากใต้ดิน กองกำลังขนาดใหญ่ของมอนสเตอร์กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาจากทางทิศตะวันออก พวกมันดูเหมือนลูกผสมระหว่างแมงมุม แมงป่อง และมด ไม่ว่าพวกมันจะเป็นอะไรก็ตาม พวกมันกำลังเดินทัพไปยังประตูทางทิศตะวันออกเป็นจำนวนมาก
พวกมันครอบคลุมพื้นที่และเคลื่อนทัพเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีกองกำลังทหารใดๆ ที่จะสามารถปราบกองทัพศัตรูจำนวนมากขนาดนี้ได้ ทหาร 15,000 นายที่ส่งมาจากอาณาจักรมาลุกไม่เพียงพอที่จะต่อต้านภัยพิบัตินี้ได้ เมื่อผู้บัญชาการตระหนักถึงสิ่งนี้ เขาก็หวาดกลัวจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปชั่วขณะ
“พวกมอนสเตอร์กำลังพังประตู!”
เหล่ามอนสเตอร์จากใต้ดินได้รวมตัวกันที่หน้าประตูและกำลังโจมตี พวกมันดูเหมือนแมลงหลายตัวที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ยกเว้นเขี้ยวที่ยาวเท่ากับแขนมนุษย์ พวกมันใช้เขี้ยวขนาดใหญ่เหล่านี้กัดกลอนประตูจนค่อยๆ สึกกร่อนลง
“พลธนู เตรียมยิง อย่าให้พวกมันเข้ามาได้!” ผู้บัญชาการตะโกน
ตามคำสั่งของเขา ลูกศรถูกยิงไปที่มอนสเตอร์ แต่เกราะสีดำมันวาวของพวกมันสามารถเบี่ยงเบนลูกศรส่วนใหญ่ได้ ลูกศรที่ยิงเข้าไปในข้อต่อหรือดวงตาของพวกมันนั้นดูเหมือนจะมีผล… มอนสเตอร์ที่ได้บาดเจ็บต่างมีอาการคลั่ง
มอนสเตอร์ตัวใดก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรจะเริ่มฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง ฉีกร่างของผู้คนในบริเวณใกล้เคียงให้แหลกสลาย พวกมันจะกระแทกกำแพงด้วยร่างกายของตนเอง แรงกระแทกทำให้ทหารตกลงไปในฝูงมอนสเตอร์เหล่านั้น
“ช้าก่อน! หยุดยิง! ไม่งั้นพวกนายจะโดนฆ่าแน่!”
“แต่ท่านครับ มีกองทัพมอนสเตอร์ขนาดใหญ่กำลังเดินทัพมาหาพวกเราครับ!”
ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์จะทำลายประตูเท่านั้น แต่ยังมีมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลกำลังเข้ามาใกล้ประตูจากระยะไกล เสียงฝีเท้าแมลงนับไม่ถ้วนดังก้องในหูของทหารอย่างน่ารำคาญ และทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนใต้เท้าของพวกเขา
สถานการณ์นั้นสิ้นหวังแล้ว
“พวกมันทำลายประตูแล้ว!” มีคนตะโกนออกมา
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!”
ในที่สุดชิ้นส่วนสุดท้ายของสลักก็ถูกทำลาย และประตูก็ถูกเปิดออก
“มอนสเตอร์พวกนี้อาจจะฆ่าอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินได้หรือเปล่า?”
“พวกมันมาจากป่า เราหยุดพวกมันไม่ได้ คงเป็นพวกมันจริงๆ…”
เมื่อขวัญกำลังใจของทหารตกต่ำ มือของพวกเขาก็หยุดเคลื่อนไหว เหลือเพียงอาการสั่นเทาจากความกลัว
“เอาล่ะ ยิงพวกมันต่อไป เว้นแต่คุณอยากจะลงเอยในท้องของพวกมัน! ยิงเลย ฉันสั่ง!”
ผู้บัญชาการกองพันแรกเพียงคนเดียวที่ต่อสู้เพื่อรักษาขวัญกำลังใจของลูกน้องและรักษาสถานการณ์เอาไว้ อย่างไรก็ตาม กองทัพอสูรร้ายบุกทะลวงประตูที่พังทลายอย่างรวดเร็วและเริ่มปีนกำแพง ทหารถูกกลืนกินทีละคน ไม่… ไม่ใช่ถูกกลืนกิน พวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับว่าอสูรร้ายเป็นเด็กที่กำลังแย่งของเล่นกัน
“ไอ้พวกสัตว์มอนสเตอร์! บ้าเอ้ยยย!”
ผู้บัญชาการฟันดาบของเขาอย่างสุดความสามารถเพื่อพยายามผลักสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นออกไป… แต่มันก็ไร้ผล
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว และเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยแมลงยักษ์หกตัว
“อะฮ่าฮ่า… ฮ่าๆๆๆ…”
เขาทิ้งดาบลง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ภายในไม่กี่วินาที เขาก็ถูกฟันจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตอนนี้ศัตรูได้ฝ่าแนวป้องกันของเมืองลีนเข้ามาได้แล้ว ไม่มีอะไรสามารถหยุดพวกมันจากการบุกโจมตีได้
————————————————————-
“ถอยทัพ! ถอยทัพ! เราเอาชนะพวกมันที่นี่ไม่ได้!”
กองทัพของอาณาจักรมาลุกพยายามต่อสู้กับแมลงที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองลีนมาเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมงแต่ความพยายามของพวกเขากลับสูญเปล่า
ดาบไม่สามารถเจาะทะลุเปลือกภายนอกอันแข็งกร้าวของมอนสเตอร์ได้ ซึ่งยังเบี่ยงลูกศรได้อีกด้วย นอกจากนั้น ยังมีมอนสเตอร์อีกเป็นพันๆ ตัว—ไม่สิ หมื่นๆ ตัวต่างหาก กองทหารรักษาการณ์ฝั่งตะวันออกที่มีกำลังพลถึง 15,000 นาย แต่พวกเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมอนสเตอร์ที่น่ากลัวและรวมตัวกันเป็นหมู่มากขนาดนี้ได้
กองทัพแมลงบุกโจมตีเมืองลีนด้วยจำนวนที่มาก ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยเขี้ยวและเคียว ถนนเต็มไปด้วยศพทหารที่แหลกสลาย แต่มอนสเตอร์พวกนี้กลับไม่สนใจ ในขณะที่มันมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมือง
“ถอยทัพเหรอ! คาดหวังให้เราหนีไปไหนกัน!” แกรนด์ตะโกนด้วยความตกตะลึง
เขาลงสนามรบด้วยดาบในมือทันทีที่ได้รับคำสั่งให้ถอยกลับ ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน พวกเขาก็จะถูกล้อมรอบด้วยแมลงทุกทิศทุกทาง
“ผู้บัญชาการ ประตูตะวันตกเปิดอยู่!” ผู้ช่วยของเขาพูด
“เราควรไปที่นั่นทันที!”
“โอเค แต่ก่อนที่เราจะทำอย่างนั้น เราต้องทำบางอย่างกับมอนสเตอร์พวกนี้ก่อน!” แกรนพูดพร้อมกับฟันพวกมันออกไปด้วยดาบใหญ่ ดาบยาวและลูกศรธรรมดาไม่สามารถเจาะทะลุเกราะป้องกันตามธรรมชาติของแมลงได้ แต่อาวุธหนัก เช่น ง้าวและดาบใหญ่สามารถฟันผ่านเกราะป้องกันได้
“ทหารคนใดมีง้าวและดาบใหญ่ ทะลวงเปิดทางซะ!” เขาตะโกน
“รับทราบ!”
ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตก เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทุกมุมของเมือง มอนสเตอร์เหล่านี้คอยล่าเหยื่อทุกคนที่พบเจอโดยไม่สนใจว่าเป็นทหารหรือชาวเมือง แกรนด์แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของสาวบาร์จากโรงเตี๊ยมเมื่อคืนนี้ จากที่ไหนสักแห่ง
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน แกรนด์และพวกของเขาไม่มีเวลาพอที่จะช่วยเหลือพลเมืองผู้บริสุทธิ์ของลีน การเอาชีวิตรอดคือสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ ไม่ว่าจะมีเสียงกรีดร้องและเสียงขอความช่วยเหลือดังแค่ไหน พวกเขาก็ต้องเพิกเฉยและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทางตะวันตก
แกรนด์รู้สึกว่าเขาต้องเอาชีวิตรอดและมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นวันพรุ่งนี้ เพื่อภรรยาและลูกสาวที่เขาสาบานว่าจะปกป้อง เขาต้องหนีจากฝันร้ายนี้ให้ได้ เพื่อจุดประสงค์นั้น เขาไม่สามารถช่วยเหลือใครได้นอกจากตัวเอง ขณะที่เขาพึมพำอยู่ในใจ แกรนด์ก็วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป
ชุดเกราะของเขาดูหนักเกินไป และเขาอยากที่จะถอดมันออกเดี๋ยวนี้ แต่เขากลัวว่าแมลงจะฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งทำให้เขายังต้องสวมใส่ชุดเกราะต่อไป
“หยุด! คุณเป็นมิตรหรือศัตรู? บอกตัวตนของคุณมา!” เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนนึงได้หยุดการวิ่งอย่างบ้าคลั่งของแกรนด์ และพยายามควบคุมสถานการณ์แม้ในความสับสนอลหม่านนี้
“กองพันที่ 3 ของกรมที่ 1! เราได้รับคำสั่งให้ถอยทัพ!”
“ถอยทัพเหรอ! เจ้าตั้งใจจะทิ้งเมืองลีนเหรอ? เพื่อมอบจุดยุทธศาสตร์ให้กับ… แมลงพวกนี้เหรอ! บาปของเจ้าจะทำให้เกียรติยศของกองทัพมาลุกต้องแปดเปื้อนไปอีกหลายปี! กลับไปยังฐานที่มั่นของเจ้าแล้วต่อสู้ซะ! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถอยทัพเด็ดขาด!”
“แต่พวกเราถูกสั่งให้ถอยทัพ!” แกรนด์ตะโกนใส่เขา
“ไม่ได้มีคำสั่งแบบนั้นนะ! นายพลเชอร์นอฟบอกว่าเราต้องอยู่ปกป้องเมืองนี้จนเหลือเป็นคนสุดท้าย! ตอนนี้กลับไปที่แนวหน้าและ—”
ทันใดนั้น เขี้ยวก็โผล่ออกมาจากพื้นดินและจมร่างของเจ้าหน้าที่ระดับสูงลงไปใต้ดิน เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องที่ดังก้องกังวาน ไม่มีใครพยายามที่จะช่วยเขา
“เราต้องถอยทัพ ไม่มีทางที่เราจะยืนหยัดอยู่จนสิ้นชีวิต” แกรนด์กล่าว
ทหารกองพันที่ 3 ที่รอดชีวิตพยักหน้า
แกรนด์ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เขาคือชายผู้ที่มีสิ่งสำคัญรออยู่ที่บ้านและครอบครัว เช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ สิ่งเดียวที่เขาต้องการทำคือทิ้งนรกนี้ไว้เบื้องหลัง ต่อให้ศาลทหารก็ไม่ใส่ใจ
“อีกนิดเดียวก็ถึงประตูแล้ว เราก็จะออกจากนรกแห่งนี้ได้ เรากำลังจะถึงแล้ว”
อย่างไรก็ตาม…
“กำลังพยายามหลบหนีอยู่เหรอ?”
ประตูทางทิศตะวันตกไม่ได้เปิดออกอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้ ประตูยังคงมีอยู่ แต่มีใยแมงมุมขนาดใหญ่ขวางทางไว้ ทำให้ไม่มีใครเข้าหรือออกได้ ศพจำนวนมากมายหลายศพถูกพันติดอยู่ในเส้นใยหนาเหล่านั้น
“เป็นไปไม่ได้…” แกรนด์รู้สึกจุกเสียดท้อง
“หากตั้งใจจะผ่านที่นี่ไป ท่านจะต้องประลองกับข้า ข้าคืออัศวินโลหิต เซริเนียน”
หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเซริเนียนมีครึ่งล่างเป็นแมลงและครึ่งบนเป็นสาวสวย ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีแดงราวกับเลือด และเธอถือดาบยาวสีดำไว้ในมือขณะที่ยืนขวางทางแกรนด์ไว้
“ไม่มีทางเลือกแล้ว… บุกทะลวงเลย! พลธนู คอยคุ้มกันพวกเรา! ทหารราบ เดินหน้า!”
แกรนด์ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นมนุษย์ด้วยกัน แต่เธอต่างหากที่เป็นศัตรู
ทหารราบสวมชุดเกราะเหล็กหนาพร้อมอาวุธเป็นง้าวและดาบใหญ่ ก้าวไปข้างหน้า ขณะที่พลธนูเล็งเป้าไปที่ผู้หญิงคนนั้น—ไม่ เธอคือมอนสเตอร์ที่เรียกตัวเองว่าเซริเนียน
“โจมตี!”
พลธนูยิงลูกศรออกไปทันที เป็นการเริ่มต้นการสู้รบ
“น่าเสียดาย”
เซริเนียนยิงใยออกมาจากช่องท้องของเธอไปที่อาคารฝั่งตรงข้ามถนน จากนั้นจึงใช้มันพุ่งตัวข้ามไป เมื่อทำเช่นนั้น เธอจึงหลบเลี่ยงลูกศรที่อาจยิงมาใส่เธอได้ (\ซาซาเกโย~~)
“ย้ากกกก!”
แม้ว่าจะมุ่งมั่น แต่ทหารราบกลับเริ่มแตกสลาย
“อ๊ากกก!”
เซริเนียนเล็งดาบเข้าไปยังช่องว่างบางๆ บนหมวกเหล็กของพวกเขา และบดขยี้ลูกตาของพวกเขาด้วยความแม่นยำถึงตาย
“อย่าหวั่นไหว สู้ต่อไป!”
แกรนด์เข้าใจดีว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายเพียงใด แต่เขาก็รู้ตัวว่าต้องต่อสู้ หากพวกเขาวิ่งหนี ผู้หญิงที่เป็นมอนสเตอร์จะไล่ตามและสังหารพวกเขาจนหมด แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสลัดเธอออกไปได้ แต่ก็มีกองทัพมอนสเตอร์จำนวนมากมายที่แออัดอยู่บนท้องถนนรออยู่ที่ด้านข้างของพวกเขา หนทางเดียวที่จะรอดไปได้คือกำจัดเซริเนียนและบุกทะลวงไปข้างนอก
“เข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้”
ทหารราบหนักสามนายพุ่งเข้าใส่เเซริเนียนในทันที เธอแทงทหารราบสองคนเข้าที่หน้าอกด้วยขาทั้งสองข้างที่อยู่บนหลัง จากนั้นก็ฟันดาบยาวใส่ทหารราบคนที่สามและเฉือนคอของเขา ทหารราบล้มลงกับพื้นในแอ่งเลือด พวกเขานอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“เข้ามาสิ พวกมนุษย์ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด และเปลี่ยนพวกเจ้าให้เป็นอาหารที่จะให้กำเนิดสหายใหม่ของข้า”
เซริเนียนก้าวเข้าหาแกรนด์พร้อมกับถือดาบยาวในมือและขาสองข้างบนหลังของเธอที่เล็งไปในทิศทางของเขา
“ทหารราบหนัก เปลี่ยนเป็นป้องกัน! พลธนู ยิงต่อไป!”
แกรนด์ตระหนักดีว่าการเคลื่อนไหวเชื่องช้าของทหารราบหนักไม่สามารถตามทันการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเซริเนียนได้ จึงสั่งให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นโล่ให้กับพลธนู
“เหอะ! เปล่าปีะโยชน์! น่าเวทนาเสียจริง!”
ลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาใส่อัศวินโลหิต แต่เธอปัดมันออกไปด้วยหางและดาบของเธอ ไม่มีลูกศรใดสักลูกเดียวที่สามารถรอยขีดข่วนให้เธอได้
“เป็นไปไม่ได้! เราสู้มันไม่ได้!”
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”
เมื่อรู้ว่าการโจมตีของพวกเขาไร้ผล พลธนูก็แตกตื่นและเริ่มหลบหนี
“เดี๋ยวก่อน ทางนั้นเต็มไปด้วยแมลงนะ ไม่งั้นจะโดนฆ่าตายแน่!”
แกรนด์พยายามหยุดพวกเขา แต่คำพูดของเขากลับไม่เป็นผล พลธนูที่กำลังหลบหนีถูกแมลงที่คืบคลานออกมาจากตรอกซอกซอยรุมล้อม และร่างกายของพวกเขาก็ถูกเคียวและเขี้ยวแทงจนแหลกสลาย เสียงร้องโหยหวนของพลธนูที่กำลังจะตายก็ค่อยๆ เงียบลง จนกระทั่งเหลือเพียงความเงียบงันอันน่าขนลุกเท่านั้น
“เจ้าจะต่อสู้อย่างสิ้นหวังหรือ? หรือเจ้าจะยอมจำนนต่อโชคชะตาและกลายมาเป็นอาหารของเรา?”
เซริเนียนเดินเข้าไปหาแกรนด์และทหารราบ โดยเตรียมดาบของเธอไว้พร้อม
“ฉันจะไม่ยอมกลายเป็นอาหารหรอก!”
แกรนด์ตั้งสติและสั่งให้ทหารราบหนักที่เหลือโจมตีเซริเนียนทันที อย่างไรก็ตาม เซริเนียนยิงใยไปที่พื้น ซึ่งพันรอบเท้าของทหารและทำให้พวกเขาสะดุดล้ม แกรนด์เป็นคนเดียวที่ฝ่าเข้าไปได้ แต่เธอก็สามารถสกัดการฟันของเขาเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ยังหรอกน่า!”
แกรนด์ไม่ยอมแพ้และฟันดาบลงมาอีกครั้ง ขวา ขวา ซ้าย ขึ้น ขวา เขาฟันดาบใส่เธอไปทุกทิศทุกทาง แต่ทักษะดาบของเซริเนียนนั้นพิเศษมาก เธอเบี่ยงการโจมตีทั้งหมดของเขา ไม่ยอมให้โดนแม้แต่ครั้งเดียว จากนั้นเธอก็ฟันกลับ ทำให้แขนขวาของเขาเป็นแผลลึก
“เวรเอ๊ย” แกรนด์สบถออกมาโดยที่กัดฟันแน่น
“เป็นไรไหม?”
ทหารราบรีบปลดใยที่พันขาแล้วรีบไปหาเขา
“โจมตีเธอต่อสิ!” เขาคำรามตอบกลับ
“เธอรับมือได้แค่สามคนเท่านั้น! ถ้ามากกว่านั้น เธอจะต้องเดือดร้อนแน่!”
“รับทราบ!”
ทหารราบหนักห้านายปฏิบัติตามคำสั่งของเขาและเข้าโจมตีเธอทันที
“คุณบอกว่า ฉันรับมือได้แค่สามคนหรอ?”
เซริเนียนยิ้มอย่างมีเลศนัย พลางตวัดหางเข้าหาทหารราบหนัก และขณะที่ชายทั้งห้าพุ่งเข้าหาเธอ…
“บ้าน่า?!”
แกรนด์ไม่สามารถเชื่อในสายตาตัวเองได้
เซริเนียนมัดทหารราบสองนายด้วยใย แล้วรีบล้มทหารที่เหลืออีกสามนายลงด้วยดาบและขาที่เป็นแมลง หลังจากนั้น เธอก็สังหารทหารราบทั้งสองนายที่พันกันทีละนายด้วยท่วงท่าที่สง่างามและลื่นไหล เลือดพลิ้วไหวไปมาในอากาศ แต่งแต้มจุดด่างที่กระดองของเธอด้วยสีแดงเข้มมันช่างกลมกลืนกันอย่างลงตัว
“ตอนนี้คุณเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว” เซริเนียนประกาศพร้อมชี้ดาบยาวไปที่เขา
“เจ้าพวกปีศาจ!” แกรนด์ตะโกนกลับพร้อมยันตัวขึ้นบนดาบ
“พวกเอลฟ์คงจะเรียกพวกเจ้าทั้งหมดออกมาด้วยเวทมนตร์ดำบางชนิด!”
“เจ้าคิดว่าเอลฟ์เรียกพวกเรามางั้นเหรอ? นี่มันเรื่องไร้สาระสิ้นดี! เราถือกำเนิดมาจากราชินีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอารัคเน! เอลฟ์ไม่ได้เรียกพวกเรามา อารัคเนเป็นอารยธรรมที่เหนือกว่าเอลฟ์มาก!”
“อารัคเนเหรอ? นั่นคือชื่อประเทศของคุณสินะ… ทำไมคุณถึงรุกรานพวกเรา! คุณเป็นคนป่าเถื่อนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมและมนุษยชาติเลยเหรอ?!” เสียงของแกรนด์เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ช่างน่าขัน คนของคุณต่างหากที่โจมตีพวกเราก่อน คุณสังหารพันธมิตรของเราและกระตุ้นความโกรธของราชินี การกระทำนี้นี่เองที่ทำให้ราชินีของเราตัดสินใจที่จะกำจัดอาณาจักรที่น่าสมเพชของคุณให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้ ประเทศของคุณจะถูกลบออกจากโลกนี้ จะไม่มีใครรอดชีวิตกลับไป นี่คือคำสั่งของราชินี หากคุณไม่พอใจกับเรื่องนี้ ก็โทษอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินที่โจมตีหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์”
“งั้นคุณก็เป็นคนฆ่าพวกเขาหลังจาก—”
ก่อนที่แกรนด์จะพูดจบ เซริเนียนก็ตัดหัวของเขาออก เลือดที่พุ่งออกมาทำให้ชุดเกราะของเธอมีประกายแวววาวที่ลึกและมืดยิ่งขึ้น
“ทำได้ดีมาก เซริเนียน”
“พะยะค่ะ!”
ราชินีแห่งอาราคเนียเดินเข้ามาหาเซริเนียน เธอสวมชุดที่ดูหรูหราซึ่งตัดกับสนามรบที่เปื้อนเลือดและศพได้อย่างชัดเจน
“แต่ใช้เวลาเยอะไปหน่อยนะ ไม่จำเป็นต้องไปคุยกับพวกเขาหรอก การสนใจพูดคุยจะเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ”
“ขออภัยด้วย ราชินี!” เซริเนียนก้มหัวลง แต่ยังคงเฝ้าดูราชินีอย่างใกล้ชิด
“เอาน่า ไม่เป็นไร แต่เก่งมากเลยนะ สมกับที่ฉันคาดหวังจากยูนิตฮีโร่อันล้ำค่าของฉัน ฉันจะเลี้ยงเธอให้เป็นยูนิตที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้เธอตายไปไม่ได้นะ” น้ำเสียงของราชินีฟังดูอ่อนโยน
“พะยะค่ะ องค์ราชินีของฉัน” เซริเนียนกล่าวด้วยดวงตาที่คลอเบ้าเต็มไปด้วยน้ำตา
“ฉันจะมีชีวิตรอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย คุณเป็นนักรบที่แข็งแกร่งหรือเป็นแค่เด็กเล็กที่อ่อนแอ” เธอลูบหัวเซริเนียน
“ยกโทษให้ฉันด้วย”
“ฟังนะ เช็ดน้ำมูกแล้วไปจัดการการต่อสู้นี้ซะ เมื่อเราเสร็จที่นี่แล้ว เราจะไปที่เมืองถัดไป และเมืองถัดไป จากนั้นเราจะบุกเมืองหลวงของพวกเขา… ซิกเลีย”
“พะยะค่ะ องค์ราชินี”
และแล้วฉากการต่อสู้ที่เมืองลีนก็ปิดม่านลง ทหาร 15,000 นายของกองทหารรักษาการณ์ฝั่งตะวันออกถูกสังหารไปพร้อมกับชาวเมืองลีนอีก 150,000 นาย
น่าเสียดายสำหรับผู้ที่หวังว่าฝันร้ายจะสิ้นสุดในเร็วๆ นี้ การบุกจู่โจมของราชินีอารัคเนอย่างกองทัพริปเปอร์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานแปลด้วยนะคะ พอดียังเป็นมือใหม่อยู่ อาจะมีติดขัดบ้างบางประโยค ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆสามารถบอกได้เลยนะ
MANGA DISCUSSION