ตอนที่ 5 โศกนาฏกรรมของหมู่บ้านเอลฟ์
เวลาผ่านไปหกเดือนแล้วตั้งแต่ที่เราเริ่มทำการค้าขายกับหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์เพื่อแลกกับความปลอดภัยของพวกเขา จำนวนพ่อค้าทาสและผู้ลักลอบล่าสัตว์ลดลงอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้แล้วว่านี่คือป่าแห่งความตาย แต่นั่นหมายความว่าเราค่อยๆ สูญเสียแหล่งเนื้ออันมีค่าไป
อย่างไรก็ตาม กองกำลังริปเปอร์ของฉันได้เพิ่มจำนวนจนสามารถโจมตีประเทศอื่นได้ หากเป็นเกม ฉันคงพร้อมที่จะบุกโจมตีฐานทัพของศัตรูทันที แต่ฉันไม่รู้เลยว่าจะต้องโจมตีใครในโลกนี้ กองกำลังริปเปอร์หลายพันตัวเป็นกองกำลังที่มากเกินไปหากฉันต้องเผชิญหน้าแค่กลุ่มผู้ลักลอบล่าสัตว์
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว ฉันมีริปเปอร์เพียงห้าหรือหกตัวที่เดินตรวจตราหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์ซึ่งก็เพียงพอที่จะรับมือกับพวกค้าทาสที่มารังควานเอลฟ์ได้ การส่งริปเปอร์จำนวนมากไปโดยไม่มีเหตุผลใดๆ จะทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านหวาดกลัว และมีความเสี่ยงที่เหล่าอารัคเนของฉันจะถูกพบเห็นโดยมนุษย์บางคนที่อาศัยอยู่ในป่า
“มันเงียบสงบมาก”
แม้จะได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ที่อันตรายและก้าวร้าวเช่นอารัคเน แต่ฉันก็มีความสุขกับความสงบสุข ซุปที่มาจากหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์ที่ชาวบ้านเสิร์ฟให้ฉันนั้นอร่อยมาก และด้วยการขายชุดของเหล่าเวิคเกอร์ฉันจึงสามารถหาเนื้อได้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการชุดเหล่านี้ค่อยๆ ลดลงเนื่องจากมีเริ่มมีสินค้าค้างเป็นจำนวนมาก
“ราชินี พวกเราควรเปิดฉากโจมตีก่อนดีไหม?” เซริเนียนถามฉัน
“แต่เราจะโจมตีใครล่ะ?” ฉันถามกลับ
“ถ้าอย่างนั้น เรามาโจมตีเมืองลีนกันเถอะ หากทำเช่นนั้น เราจะได้ทุกสิ่งที่พวกเขามีและทรัพยากรสำหรับการวิจัย”
ในเกม การวิจัยจะปลดล็อกยูนิตและสิ่งปลูกสร้างใหม่ การวิจัยต้องใช้ทองและวิญญาณ แม้ว่าการวิจัยแต่ละประเภทจะต้องใช้ทรัพยากรในปริมาณและประเภทที่แตกต่างกัน การพัฒนายูนิตใหม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณ ในขณะที่สิ่งก่อสร้างใหม่จำเป็นต้องใช้ทองคำ อย่างไรก็ตาม เผ่าบางเผ่าถือเป็นข้อยกเว้น เผ่าโกเลมต้องใช้ทองเพื่อปลดล็อกยูนิตเหล่านั้น และเผ่าประเภทผีจะใช้วิญญาณเพื่อปลดล็อกสิ่งปลูกสร้างแทน
เราได้รับวิญญาณมาจำนวนมากพอสมควร ซึ่งทำให้เราสามารถปลดล็อคยูนิตใหม่ๆ ได้ แต่เรายังไม่ได้ปลดล็อคสิ่งก่อสร้างต่างๆ เลย
“ฉันไม่ชอบแนวคิดการโจมตีเมืองลีนสักเท่าไร เราใช้เป็นเมืองแลกเปลี่ยน ดังนั้นจึงมีประโยชน์กับเรา”
ฉันค้าขายชุดที่ทำจากเหล่าเวิกเกอร์ และซื้อเนื้อจากที่นั่นเป็นประจำ ฉันไม่รู้ว่าเราจะไปทำการค้าขายที่ไหน หากโจมตีเมืองลีนจนราบคาบ
“เมื่อเราโจมตีเมืองลีน เราก็สามารถโจมตีอาณาจักรมาลุกต่อได้ นั่นจะทำให้ปัญหาทั้งหมดของเราคลี่คลายลง เพราะเราจะได้เนื้อ วิญญาณ และทองคำ”
สิ่งที่เซริเนียนแนะนำนั้นอาจจะโหดร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าสมเหตุสมผลเผ่าอารัคเน ไม่ใช่กลุ่มที่ทำธุรกิจค้าขาย แต่เติบโตจากการปล้นสะดม แย่งชิง จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้เอาไปอีกแล้ว การทำให้เหล่าอารัคเนต้องพึ่งพาการค้าขายนั้น ฉันกำลังใช้มันในลักษณะที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ได้
ผู้เล่นเผ่าอารัคเนที่แท้จริงจะต้องโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำลายล้างศัตรูอย่างไม่ลังเล และใช้เนื้อและวิญญาณของพวกมันเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างกองทัพ
“เธอพูดถูก หรือฉันควรจะคิดเกี่ยวกับการปล้นสะดม”
ในฐานะราชินีแห่งอารัคเน ฉันเคยสัญญาว่าจะนำพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะ การซ่อนตัวในอุโมงค์อันแสนสบายของเราและออกตามล่าผู้หลงทางราวกับว่าเราเป็นมอนสเตอร์ในป่าแบบเทพนิยายนั้นไม่เหมาะกับเราเลย และไม่ได้ทำให้เราเข้าใกล้การบรรลุความปรารถนาของพวกเขามากขึ้นแต่อย่างใด
ถ้าเราต้องการที่จะชนะเราคงต้องละเลงเลือดลงบนฝ่ามือของเรา
“ราชินี” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งเรียกฉันจากจิตสำนึกส่วนรวม
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ตรวจพบกองกำลังขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนพลมาทางหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์ ดูเหมือนไม่ใช่พวกล่าสัตว์หรือค้าทาส แต่เป็นกองกำลังติดอาวุธครบครันและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เราควรทำอย่างไรดี”
“อะไรนะ… คุณหมายถึงกองทัพเหรอ?”
กองทัพของจริง แต่มาจากไหน?
“พวกมันถือธงที่ดูเหมือนเป็นธงของอาณาจักรมาลุก” หน่วยลาดตระเวนของเหล่าริปเปอร์ตอบ
“พวกมันจะไปถึงบอมเฟตเตอร์ในไม่ช้านี้ ทำอย่างไรดี…ราชินี?”
“สกัดกั้นพวกมันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“รับทราบ”
เหล่าริปเปอร์นั้นอาจจะตายได้ ริปเปอร์เพียงตัวเดียวไม่สามารถต่อกรกับกองทัพที่จัดระเบียบเป็นอย่างดีได้ และแม้ว่าเราจะรีบเร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถไปถึงหมู่่บ้านได้ทันเวลา
“อย่างน้อยตอนนี้ ฉันก็สามารถเปิดศึกโจมตีได้แล้ว”
จิตวิญญาณของเหล่าอารัคเนมีชีวิตอยู่ในตัวฉันอย่างแน่นอน
———————————————————————-
“มนุษย์! พวกมนุษย์กำลังมา!”
“พวกเขาเป็นอัศวิน ไม่ใช่พวกล่าสัตว์หรือค้าทาส!”
อัศวินกำลังเดินทัพเข้ามาที่หมู่บ้านบอมเฟตเตอร์จากทุกทิศทุกทาง เกราะเหล็กและโล่ของพวกเขาช่วยเบี่ยงเบนลูกธนูของพวกเอลฟ์ได้
“ดูนั่น! กองทัพของราชินีอารัคเนอยู่ที่นี่!”
ขณะที่สถานการณ์ในหมู่บ้านกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตกองทัพริปเปอร์สองกองทัพก็พุ่งเข้าโจมตีและเข้าต่อสู้กับเหล่าอัศวิน เคียวของพวกมันเจาะทะลุโล่และชุดเกราะ เฉือนเนื้อของอัศวินจนเลือดไหลทะลักออกมา
“อักก!”
อย่างไรก็ตาม อัศวินแทบไม่สะดุ้งต่อการโจมตีของกองทัพริปเปอร์ อัศวินคนหนึ่งแทงดาบของเขาไปที่ริปเปอร์ที่กัดลงบนแขนของเขา ทำให้มันผ่อนแรงที่กำลังกัดอยู่และถอยหนีออกมา จากนั้นอัศวินอีกคนซึ๋งดูเหมือนจะเป็นฮีลเลอร์ได้เข้ามาทำการรักษาบาดแผลให้เขา
“ชิ ประมาทไป!” อัศวินถ่มน้ำลายก่อนจะเดินทัพต่อ
“ข่าวลือนั้นจะเป็นเรื่องจริง? ที่นี่มีแม่มดจริงๆ”
“ไป ไป เร็วเข้า! ทำลายพวกนอกรีตซะ!”
เหล่าทหารม้าปรากฏตัวขึ้นจากป่าและแทงนักธนูของเอลฟ์ด้วยหอก ทหารราบก็เคลื่อนตัวตามมาเช่นกัน โดยเคลื่อนขบวนเป็นแถวและยิงลูกศรเพลิงใส่หมู่บ้านของเอลฟ์
เหล่าเอลฟ์ต่างส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีจากอาคารและบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้ ด้วยความสับสนอลหม่าน
เหล่าเอลฟ์ที่สามารถต่อสู้ได้ต่างก็เล็งลูกศรไปที่ช่องว่างในหมวกของอัศวิน แต่ลินเน็ตกลับทำได้เพื่อแค่ยิงลูกศรออกไปอย่างมั่วๆเพื่อขัดขวางกองทัพของอัศวินเท่านั้น
“ลินเน็ต!”
“ลีซ่า! คุณมาทำอะไรที่นี่?!”
ลีซ่ารีบวิ่งไปหาลินเน็ตที่กำลังพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องบ้านของผู้เฒ่า
“ไฟลามไปทั่วแล้ว! ลินเน็ต เราต้องหนีแล้ว!” ลีซ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยหอบ
“วิ่งหนีไปทางป่ากันเถอะ พวกทหารม้าเคลื่อนไหวลำบากในป่า”
ถ้าเราไปในที่ที่มีต้นไม้หนาแน่นที่สุด ม้าของพวกมันก็จะตามเราไม่ทัน!
“แต่ฉันต้องปกป้องหมู่บ้าน!” ลินเน็ตส่ายหัวอย่างรุนแรง
“ถ้าเราหนี เราจะไปที่ไหนกันล่ะ? นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่อัศวินที่ดักรอในป่าเท่านั้น! ยังมีสัตว์อันตรายอยู่ข้างนอกนั้นด้วย!”
“แต่ถ้าอยู่ที่นี่ตอนนี้ พวกมันจะฆ่าเรา!”
“ก็จริง…แต่ฉันจะสู้!”
ลินเน็ตต้องการปกป้องหมู่บ้านของเขา ในขณะที่ลีซ่าต้องการให้เขาปลอดภัย โอกาสที่ความปรารถนาของพวกเขาจะเป็นจริงนั้นน้อยมาก เอลฟ์กำลังถูกกองทัพอัศวินโจมตีจากทุกทิศทาง แล้วยังมีกำแพงไฟปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของพวกเขา และทหารราบก็ค่อยๆ ล้อมรอบพวกเขา เหล่าทหารม้ากำลังควบม้าไปมาเพื่อมองหาผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่
“อ๊าก!”
เอลฟ์คนนึงล้มลงและร่วงลงสู่พื้น โดยลูกธนูที่ยิง ฝีมือการยิงธนูของอัศวินอาจจะด้อยกว่าเหล่าเอลฟ์ แต่ทว่าพวกเขาที่ผ่านการฝึกมาแล้วจึงมีความแม่นยำมากพอที่จะสังหารเอลฟ์ในดอกเดียว
“โอ้ยย…”
“แอซเลตล้มลง! ยังสู้ได้อยู่ไหม?”
ตอนนี้เหลือเพียงเอลฟ์สามคนที่ยังต่อสู้ไหว นั่นรวมถึงลินเน็ตด้วย
“สังหารพวกนอกรีตหูยาวซะ! บุกเข้าไป!”
กลุ่มอัศวินติดอาวุธหนักอีกกลุ่มหนึ่งเข้าโจมตีพวกเรา โดยตั้งใจที่จะกำจัดเอลฟ์ไม่กี่ตัวที่ยังต่อสู้ได้ แล้วจากนั้นค่อยฆ่าเอลฟ์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของผู้อาวุโส
“บ้าเอ๊ย! นี่มันจะจบแบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย?!”
ชีวิตของลินเน็ตเคยได้รับการช่วยเหลือมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาสามารถหลบหนีจากพวกค้าทาสได้ แต่ตอนนี้หมู่บ้านของเขากลับถูกเผาจนมอดไหม้ เพื่อนฝูงและชาวบ้านต่างถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ทำไมเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ต้องเกิดขึ้น พระเจ้าไม่มีอยู่ในโลกนี้จริงๆ หรือ
แต่ทันทีที่ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจของลินเน็ต…
“พอแล้ว” เสียงอันสง่างามของผู้หญิงคนหนึ่งดังกึกก้องไปทั่วหมู่บ้านที่กำลังลุกเป็นไฟ
“อะไร…?”
“ผู้หญิงเหรอ?”
ทหารหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดสวยงาม ผมสีดำของเธอพลิ้วไสวราวกับมีหลุมดำอยู่ตรงนั้น ตัดกับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ข้างหลังเธออย่างโดดเด่น
“เอลฟ์เหรอ?”
“น่าจะใช่นะ นักธนูยิง!”
อัศวินเล็งธนูไปที่หญิงสาวและยิงออกไปในทันที ลูกศรพุ่งผ่านทะลุสายลมและส่งเสียงหวีดร้องขณะมุ่งตรงไปที่หน้าอกของหญิงสาว… แต่เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฝันไปเถอะ ด้วยเกียรติของข้าในฐานะอัศวิน ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น”
ลูกศรที่พุ่งเข้าหาหญิงสาว—ราชินีของเซริเนียน—ถูกดาบของเซริเนียนฟาดออกไปในกลางอากาศ เธอก้าวไปข้างหน้าโดยเผยให้ร่างของเธออีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ใช่ของมนุษย์ และยืนต่อหน้าราชินีเพื่อปกป้องเธอ
“มอนสเตอร์ตัวใหม่อีกแล้ว!”
“ฆ่ามันซะ! ในนามของพระเจ้าแห่งแสงสว่าง!”
เหล่าอัศวินหันปลายดาบออกจากพวกเอลฟ์และชี้ไปยังราชินีแห่งอารัคเน
“เปล่าประโยชน์ น่าสมเพชเสียจริง” ราชินีกล่าวขณะที่ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าด้วยกองทัพเพียงหยิบมือเรอะ?”
เธอจึงกระแอมในลำคอแล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันก้องกังวานว่า
“ฉีกพวกมันให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหล่าอารัคเนของฉัน”
ไม่ถึงวินาทีต่อมากองทัพริปเปอร์นับหมื่นตัวก็ล้นทะลักออกมาจากป่า พวกมันที่ยังคงอยู่ในอุโมงค์จนถึงตอนนี้ พวกมันที่ขยายพันธุ์จากเนื้อที่ซื้อมาจากลีน จากศพของพวกพรานล่าสัตว์และพวกค้าทาส จากร่างของแกงค์ลิซิซ่า งานเลี้ยงแห่งเนื้อที่ไม่มีวันสิ้นสุดทำให้พวกมันมีจำนวนมากมายมหาศาล พวกมันส่งเสียงเขี้ยวอย่างน่ากลัว และล้อมรอบพวกอัศวินไว้
“จงรู้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของอารัคเนซะ” ราชินีกล่าว
และด้วยสัญญาณนั้นกองทัพริปเปอร์ก็พุ่งไปข้างหน้า
“บลาสต์ จำนวนพวกนี้มันอะไรกัน?!”
“ทหารม้า! คอยคุ้มกันพวกเราที!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพริปเปอร์ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด เหล่าอัศวินก็ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก พวกเขาที่ถูกล้อมจากทุกด้านและได้รวมตัวกันเป็นแนวป้องกันเพื่อพยายามฝ่าวงล้อมออกไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับกองทัพอัศวินนี้แล้วก็เป็นเพียงแค่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
กองทหารม้าที่โจมตีหมู่บ้านในตอนแรกกลับแพ้ราบคาบ กองทหารม้าแต่ละตัวถูกกองทัพริปเปอร์สามหรือสี่ตัวเข้าโจมตี โดยพวกมันจะกัดเข้าที่แขนขาของทหารและลากพวกเขาลงจากหลังม้า ร่างของทหารถูกแทงด้วยเคียว และคอของพวกเขาถูกเขี้ยวกัดจนแทงทะลุ ทหารบางคนที่ยังเหลือรอดชีวิตนั้นก็จะถูกผ่าร่างขาดเป็นสองท่อนโดยเหล่าริปเปอร์
“รวมกลุ่มเป็นวงกลม เร็วเข้า!” ชายคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำของอัศวินตะโกน
“อัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินจะไม่ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายเช่นนี้!”
“กัปตัน! เราต้องเรียกทูตสวรรค์มา! ถ้าไม่ทำ เราก็จะราบคาบ!” อัศวินผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นลางไม่ดี
“บ้าเอ้ยย… ฉันไม่เชื่อเลยว่าต้องเรียกทูตสวรรค์เพื่อเรื่องแบบนี้!” กัปตันกัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด แต่แล้วก็เริ่มสวดภาวนาอย่างรวดเร็ว
“ข้ารับใช้ของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างผู้สถิตอยู่ในสวรรค์ ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านลงมาต่อหน้าพวกเรา ทูตสวรรค์อากาเฟียล!”
เมื่อเขาสวดจบแล้ว ทูตสวรรค์ตนหนึ่งก็ปรากฏกายออกมา เธอเป็นหญิงสาวที่สง่างามมีปีกสีขาวและสวมชุดคลุมสีขาวพลิ้วไสว สมกับที่เรียกได้ว่าเป็นทูตสวรรค์จริงๆ เธอลงมาจากสวรรค์และลงจอดบนพื้นอย่างช้าๆโดยหลับตา ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเย็นชาและเหมือนสวมหน้ากาก
“มนุษย์เอ๋ย เจ้าแสวงหาความรอดหรือไม่” เสียงทูตสวรรค์ก้องอยู่ในใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น
“พวกเรากำลังแสวงหาความรอด พวกเราขอร้องท่าน โปรดฆ่ามอนสเตอร์ชั่วร้ายพวกนี้ให้หมด!” กัปตันร้องออกมา
“ดีมาก พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นอวตารแห่งความชั่วร้ายที่คอยทำร้ายความดีของทุกคน”
เมื่อพูดจบ ทูตสวรรค์ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ปล่อยลำแสงที่สว่างจ้าออกมา กองทัพริปเปอร์ที่ถูกลำแสงนั้นต่างก็ระเบิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย กองทัพริปเปอร์ที่เหลือรอดยังคงโจมตีกลุ่มอัศวินอย่างไม่หวั่นไหว แต่ทูตสวรรค์อากาเฟียลก็ยังคงโจมตีพวกมันต่อไป ในไม่ช้า พวกมันอาจจะถูกกำจัดจดหมด
ทูตสวรรค์อากาเฟียล ผู้รับใช้ของเทพแห่งแสงที่เหล่าอัศวินบูชา สามารถเปลี่ยนความศรัทธาของอัศวินเป็นลำแสงเพื่อโจมตี จึงชี้ชะตาการต่อสู้ในครั้งนี้ได้
การปรากฏตัวของทูตสวรรค์ทำให้เห็นชัดว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรมาลุกใช้ยูนิตประเภทนี้ เพื่อปกป้องอาณาจักรจากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้อาณาจักรสามารถปกครองในลักษณะของความศรัทธา
ไม่ว่ากองทัพของประเทศจะมีอาวุธดีแค่ไหน ไม่ว่าฐานที่มั่นของพวกเขาจะใหญ่โตเพียงใด พวกเขาก็เปราะบางเกินกว่าจะต้านทานการโจมตีจากทูตสวรรค์อย่างอากาเฟียลได้ ในโลกนี้ ทูตสวรรค์เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่ไม่สามารถต่อต้านได้
จนถึงขณะนี้นั่นเอง
“ชิ…ทูตสวรรค์นั่น เป็นตัวปัญหาจริงๆ” ราชินีแห่งอารัคเนกล่าว
“เซริเนียน จัดการได้ไหม”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ราชินี” เซริเนียนตอบด้วยรอยยิ้ม
เป็นรอยยิ้มของคนที่มั่นใจในชัยชนะของตน เป็นรอยยิ้มที่ดุร้ายและมีความสุข
“ทางนี้ เจ้าแมลงวันน่าสงสาร ฉันจะสอนให้รู้ว่าแกไร้พลังแค่ไหน แล้วก็จะฆ่าแกซะ”
ขณะที่เซริเนียนพูด อัศวินทั้งหมดก็เข้ามาโจมตีเธอในทันที เซริเนียนกระโจนเข้าหาอากาเฟียล ซึ่งยกมือขึ้นเพื่อเตรียมยิงลำแสง แต่เซริเนียนบิดตัวเธอกลางอากาศเพื่อหลบลำแสง ลำแสงได้พุ่งเข้าหาในอีกครั้ง เซริเนียนหลบหลีกมันโดยยิงใยใส่ต้นไม้เพื่อดึงตัวเองถอยหลัง จากนั้นก็ถีบตัวเองเพื่อโจมตีทูตสวรรค์อากาเฟียลต่อไป
แล้วอากาเฟียลก็ได้เข้าสู่ระยะดาบของเซริเนียน
“ย้าาาา!” เซริเนียนเหวี่ยงดาบสีแดงเข้มของเธอ ฟันเข้าที่ทูตสวรรค์อากาเฟียล
เธอตัดศีรษะของอากาเฟียลจนขาดสะบั้น
“อ๊าก…”
ทูตสวรรค์ไม่ได้มีเลือดไหลตามปกติ แต่กลับระเบิดออกมาเป็นอนุภาคแสง ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นก็หายไป
“บ้าน่า…?”
การต่อสู้จบลงในชั่วพริบตา ทำให้เหล่าอัศวินต้องตกตะลึง
เพียงชั่วครู่ ก็เพียงพอแล้ว
ทูตสวรรค์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจสูงสุดของพวกเขา กลับถูกทำลายอย่างง่ายดายด้วยดาบเล่มเดียว กองกำลังเดียวที่สามารถเอาชนะทูตสวรรค์ได้คือทูตสวรรค์อื่น ๆ หรือกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่าทูตสวรรค์หลายหมื่นเท่า
อัศวินเซริเนียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ฟันทูตสวรรค์ลง ทำให้สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ต้องพ่ายแพ้ไปด้วยการฟันดาบเพียงอย่างเดียว
พวกเขาสั่นสะท้านด้วยความสิ้นหวังพร้อมกัน ทูตสวรรค์ที่เคยสร้างความหวาดกลัวให้กับใครก็ตามที่ได้เห็น กลับถูกสังหารลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“เยี่ยมมากที่ฟันได้ในครั้งเดียว เซริเนียน” ราชินีพูดด้วยความประทับใจอย่างเห็นได้ชัด
“ดาบของฉันคือดาบศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำลายพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกอัศวินได้” เซริเนียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจของเธอ
“หากคู่ต่อสู้พยายามทำร้ายราชินี ไม่ว่าจะเป็นทูตสวรรค์หรือเทพ เซริเนียนผู้นี้จะปลิดชีพเอง”
“งั้นจัดการให้สิ้นซากกันเถอะ” ราชินีหันไปมองอัศวินที่ตัวสั่นด้วยความตกใจ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย… อากาเฟียล…”
“ความหวังของพวกเรา…”
พวกเขาเริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ใช่นักล่าอีกต่อไปแล้ว พวกเขากลายเป็นเหยื่อไปแล้ว
“กองทัพริปเปอร์ อย่าปล่อยให้รอดชีวิต”
ตามคำสั่งของราชินี กองทัพริปเปอร์ค่อยๆคืบคลานเข้ามา ขยายวงล้อมรอบๆอัศวิน อัศวินแต่ละคนถูกริปเปอร์ 4-7 ตัวโจมตี ทำให้ความหวังของพวกเขาที่จะรอดชีวิตเริ่มริบหรี่
หัวของพวกเราถูกตัดขาด หัวใจถูกเจาะทะลุเกราะ แขนขาถูกฉีกขาดออกจากลำต้น อัศวินแต่ละคนตายไปทีละคนในลักษณะที่น่าสยดสยอง กองทัพริปเปอร์พุ่งเข้าหาพวกเขาเป็นระลอก ฉีกศัตรูออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหลือทิ้งไว้เพียงซากศพกองขนาดใหญ่
“ดีมาก” เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ราชินีแห่งอารัคเนก็สั่งให้กองทัพริปเปอร์นำศพออกไป ซึ่งแน่นอนว่าศพเหล่านี้จะกลายเป็นวัตถุดิบสำหรับเหล่าอารัคเน
“เอาล่ะ สถานการณ์หมู่บ้านเป็นไงบ้าง ฉันโกรธมาก” ราชินีพูดเสียงหงุดหงิดขณะเดินไปที่บ้านของผู้เฒ่า
————————————————————-
“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉันกำจัดศัตรูหมดแล้ว” ฉันพูดขณะก้าวเข้าไปในบ้านของผู้เฒ่า
“โอ้… ขอบพระคุณมาก” นักรบเอลฟ์ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนกล่าว ทุกคนดูสับสนกับสถานการณ์เล็กน้อย
“นั่นเป็นพลังที่เหลือเชื่อมาก อัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินเป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งในทวีป แต่คุณกลับเอาชนะพวกเขาได้หมด”
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย! ลินเน็ตโดนยิง!”
ไม่กี่วินาทีหลังจากที่ฉันประกาศชัยชนะ ลีซ่าก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ ลินเน็ตถูกนักธนูอัศวินผู้เลวทรามคนหนึ่งยิงเข้าที่หน้าอก เขาแทบจะหายใจไม่ออก และก็กระอักเลือดทุกครั้งที่เขาพูดพึมพำ ดูเหมือนว่าจะไม่มีความหวังที่จะช่วยเขาได้ เขากำลังจะตายในไม่ช้า
“ลีซ่า มันสายไปแล้ว” ใครบางคนพึมพำ
“ช่วยเขาไม่ได้แล้ว”
“ไม่นะ! ทำไม… ทำไมล่ะ?!”
“ล…ซ่า…”
“ลินเน็ต! รอก่อนนะ!” ลีซ่าพูดร้องขอเขาในขณะที่เขากำลังหายใจไม่ออก
“อยู่ต่อไป…และมีความสุข…”
“ลินเน็ต อยู่กับฉันก่อน ลินเน็ต ม่ายนะ!”
ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจมาก ทุกอย่างเงียบสงบจนเหมือนหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงร้องไห้อันสิ้นหวังของลีซ่าที่ยังคงดำเนินอยู่
และแล้วลินเน็ตก็จากไป
ตุ๊กตาเครื่องรางที่ห้อยอยู่ตรงเข็มขัดของลินเน็ตเปื้อนเลือดสีแดง ปรากฏว่าเครื่องรางไม่ได้ช่วยเขาเลย
ฉันรู้สึกโกรธจนแทบคลั่ง ฉันที่เป็นถึงราชินีแห่งอารัคเนที่นำพาความตาย แต่กลับไม่สามารถช่วยใครแม้แต่คนเดียวได้
ไม่มีคำอธิบายใดๆ ฉันโกรธมาก ทูตสวรรค์หรืออัศวิน? เหมือนกับว่า พวกเขาเป็นฆาตกร และมีความชั่วร้ายไม่แพ้อารัคเน ลินเน็ตต่างหากที่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป
“ความตายของเจ้าจะไม่สูญเปล่า…ลินเน็ต” ฉันกระซิบกับร่างที่นิ่งสงบของเขา
“ฉันไม่รู้ว่าจะทันเวลาหรือเปล่าถ้าไม่มีเจ้าที่คอยปกป้องหมู่บ้าน เจ้าเป็นนักรบที่แท้จริง และขอให้เจ้าไปสู่สุคติ”
นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของฉัน ซื่อสัตย์เท่ากับความโกรธแค้นของฉัน ฉันเคยช่วยลินเน็ตไว้ครั้งหนึ่ง และเขาก็ใจดีและเป็นมิตรกับฉันมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แน่นอนว่าเขามีข้อสงสัยและความกังวลใจเกี่ยวกับฉันในตอนแรก และเขาพยายามที่จะแสดงท่าทีที่เข้มแข็ง แต่ลึกๆ แล้ว เขาเป็นเด็กที่ใจดีและอ่อนโยน ชีวิตของเขาถูกพรากไปเร็วเกินควรโดยอัศวินอันธพาลพวกนั้น
ลีซ่าร้องไห้อยู่ข้างๆ เขา เธอรักลินเน็ต แต่ความรักอันบริสุทธิ์นั้นก็ถูกกำจัดออกไปอย่างโหดร้ายและน่าเศร้า
การเห็นเธอฝังร่างที่ไร้ลมหายใจของลินเน็ตและร้องไห้ไปด้วย ทำให้หัวใจฉันแหลกสลาย
ในขณะเดียวกัน หัวใจของฉันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางคลื่นแห่งความเศร้าโศก ความเศร้าโศกและความโกรธที่ฉันรู้สึกเป็นหลักฐานว่าความเป็นมนุษย์ของฉันยังไม่ถูกกลืนหายไปโดยจิตสำนึกส่วนรวมของเหล่าอารัคเน ฉันเข้าใจดีว่าหากเป็นเช่นนั้น อารมณ์อันล้ำค่าเหล่านี้ก็จะไม่มีอยู่และไม่รู้สึกถึงอีกต่อไป
“ฉันอยากคุยกับผู้เฒ่า ยังมีชีวิตอยู่ไหม”
“เขาอยู่นี่ เขาไม่เป็นไร เขาอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีกหน่อย”
พวกทหารเอลฟ์หลีกทางให้เซริเนียนและฉัน ฉันเดินต่อไปด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
“ท่านราชินีแห่งอารัคเน!”
ดูเหมือนว่าเอลฟ์จำนวนมากได้หลบภัยอยู่ในบ้านของผู้เฒ่า บางส่วนได้รับบาดเจ็บและบางส่วนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทุกคนต่างก็หวาดกลัวต่อการโจมตีที่กะทันหัน เด็กๆ ทุกคนนอนแนบชิดกับพ่อแม่ของพวกเขา
“ฉันกวาดล้างอัศวินข้างนอกจนหมดแล้ว ตอนนี้มันน่าจะปลอดภัยแล้ว” ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เอลฟ์ชรารู้สึกงุนงง
“จริงเหรอ! เจ้าเอาชนะอัศวินพวกนั้นได้งั้นเหรอ ไม่น่าเชื่อ…”
“ถ้ารู้สึกกังวลก็ออกไปดูข้างนอกได้ ตอนนี้ไม่มีใครเหลืออยู่ข้างนอกนั่น”
“ไม่ ฉันไม่สงสัยอีกแล้ว” เขาส่ายหัว
“คุณทำเพื่อหมู่บ้านของเราไปมากแล้ว”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงโจมตีคุณ?”
“พวกพรานล่าสัตว์และพ่อค้าทาสน่าจะรายงานพวกเราต่ออัศวิน โดยบอกว่าพวกเราโจมตีมนุษย์ ฉันแน่ใจว่าน่าเป็นการตอบโต้ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าป่าได้”
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันรู้สึกว่าการตายของนักล่าหรือผู้ค้าทาสเป็นเพียงการชดใช้ความผิดของตนเองเท่านั้น แต่คนชั่วเหล่านั้นกลับออกไปเรียกร้องกับอัศวินเพื่อแก้แค้นเอลฟ์
“แล้วพวกอัศวินก็เชื่อรายงานของพวกเขาใช่ไหม?”
“มนุษย์มักสงสัยเอลฟ์เสมอมา พวกเขาปล่อยข่าวลือว่าเราจับมนุษย์ไปกิน หรือไม่ก็ถลกหนังมนุษย์ทั้งเป็น”
นั่นคือเหตุผลที่เอลฟ์ปฏิเสธที่จะเหยียบย่างเข้าไปในชุมชนมนุษย์ หากพวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาก็จะถูกประณามว่าเป็นพวกป่าเถื่อนและถูกมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นรุมประชาทัณฑ์ ฉันรู้สึกเช่นนั้นครั้งแรกเมื่อได้ติดต่อกับช่างตัดเสื้อของลีน แต่มนุษย์ในโลกนี้มีอคติต่อเอลฟ์อย่างรุนแรง สำหรับฉันแล้ว มันไม่ดูมีอารยธรรมเลย แปลกตรงที่ฉันรู้สึกว่าคนที่มองว่าเอลฟ์เป็นพวกป่าเถื่อนที่น่าสงสัยต่างหากที่เป็นพวกป่าเถื่อนตัวจริง
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าฉันเองก็ต้องรับผิดชอบบางส่วนสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ในวันนี้” ฉันถอนหายใจ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณช่วยเราจากพวกค้าทาสและพวกลักลอบล่าสัตว์มาจนถึงตอนนี้ และเราไม่สามารถตำหนิคุณได้คุณรู้ไหม”
“ฉันเข้าใจแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย”
อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้ว ฉันยังคงรู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ และอารมณ์ของฉันมืดมนมาก ทุกคนมีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง แต่ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงรู้สึกขมขื่นมากที่เราล้มเหลวในการปกป้องเอลฟ์และพวกอันธพาลที่ไปฟ้องอัศวิน
นอกจากนี้ ฉันยังสงสัยว่าบางทีฉันอาจจะปกป้องพวกเขามากเกินความจำเป็น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ฉันกำลังปกครองพวกเขาเหมือนมอนสเตอร์ในนิทาน คอยล่อให้เหล่าอัศวินมาจัดการกับฉันและลูกน้องของฉัน ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาในใจฉัน แต่จิตสำนึกส่วนรวมกับปฏิเสธ
ฉันควรรับผิดชอบเรื่องนี้หรือเปล่า? ฉันบอกไม่ได้
“ท่านไม่ได้ทำผิดในเรื่องนี้หรอกราชินี” เซริเนียนกล่าว เธอน่าจะรับรู้ถึงความหงุดหงิดและความวิตกกังวลของฉันผ่านเหล่าอารัคเน
“ความรับผิดชอบตกอยู่ที่พวกค้าทาสและพวกพรานล่าสัตว์ที่โจมตีป่าแห่งนี้และอัศวินที่เผาหมู่บ้านตามคำสั่งของพวกเขาเท่านั้น ท่านทำไปเพื่อปกป้องเอลฟ์เท่านั้น ไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณนะ เซริเนียน ฉันรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”
เป็นอัศวินที่น่าเชื่อถือจริงๆ ตอนนี้ความใจดีของคุณคือสิ่งช่วยชีวิตของฉัน
“แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อ” ฉันถามผู้เฒ่า
“เราไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ในบอมเฟตเตอร์ได้อีกต่อไป เมื่ออัศวินตระหนักว่าสหายของพวกเขาจะไม่กลับมา พวกเขาจะส่งกองกำลังที่ใหญ่กว่านี้ออกไป ฉันเชื่อว่าเราจะต้องหนีไปที่อื่น”
“เข้าใจแล้ว คุณมีไอเดียไหมว่าจะไปที่ไหนได้บ้าง” ฉันเป็นห่วงพวกเขา
“มีที่ไหนในป่านี้บ้างที่คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้”
“พูดตามตรง ฉันไม่รู้” เอลฟ์พูดอย่างอ่อนแรง
“ป่าแห่งนี้กว้างใหญ่และอันตรายเกินไป สัตว์ป่าและมอนสเตอร์เดินเพ่นพ่านอยู่ในป่าลึก และน่าเศร้าที่ป่าแห่งนี้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด”
นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการพัฒนามากนัก ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ที่ไหนหรือส่วนไหนที่สามารถอยู่อาศัยได้หากไม่ได้เดินผ่านป่าไป ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้รอดชีวิตของบอมเฟตเตอร์จะหาพื้นที่ปลอดภัยใหม่ได้ บางทีชะตากรรมของพวกเขาอาจจะต้องกระจัดกระจายแบบผู้ลี้ภัย… แต่ฉันไม่ใจร้ายหรือโง่เขลาพอที่จะยืนดูเฉยๆ และปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ฉันมีความคิดดีๆแล้ว” ฉันประกาศ
“แผนที่จะทำให้ทุกคนในพวกคุณมีชีวิตที่ปราศจากการไล่ล่าและการข่มเหงตลอดไป วิธีแก้แค้นเอลฟ์ที่ถูกฆ่าที่นี่วันนี้ และให้พวกคุณอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อที่พวกคุณจะสร้างบ้านใหม่ได้”
“มีวิธีแบบนั้นอยู่จริงหรือ?” ดวงตาที่มีริ้วรอยลึกของเขาเบิกกว้างด้วยความหวัง
“ใช่แล้ว มันง่ายมากจริงๆ และฉันก็ทำได้” ริมฝีปากของฉันยกขึ้นเผยรอยยิ้มกว้างจนฟันแทบหลุด
“สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคือทำลายอาณาจักรมาลุกที่ส่งอัศวินมาโจมตีคุณ เข้าใจง่ายพอใช่ไหมล่ะ”
เหล่าเอลฟ์ที่รอดชีวิตได้แต่กลืนน้ำลายด้วยความประหม่าขณะที่มองดูฉัน ด้วยท่าทางที่บอกฉันว่าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว
ฉันจะทำลายอาณาจักรมาลุกให้สิ้นซาก
จนไม่เหลืออะไรนอกจากเศษหิน
————————————————————-
“ทุกคนฟังทางนี้”
ฉันยืนอยู่บนแท่นหินที่ฉันพบ เมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมาในฐานของอารัคเน เซริเนียนอยู่ข้างๆ ฉัน และรอบๆแท่นหินนั้นถูกล้อมรอบด้วยเหล่าอารัคเนนับหมื่นตัวของฉัน
“ในที่สุดเวลาแห่งสงครามก็มาถึง ชื่อของศัตรูของเราคืออาณาจักรมาลุก พวกมันเหล่านี้โจมตีพันธมิตรของเราจนเกือบจะสูญพันธุ์”
เสียงของฉันเบา แต่เต็มไปด้วยถ้อยคำฉะฉาน
“การสังหารหมู่ของพวกมันทำให้เพื่อนของฉันเสียชีวิต และทำให้เพื่อนอีกคนของฉันต้องสิ้นหวัง คนขี้ขลาดพวกนี้ไม่สมควรได้รับความเมตตา ไม่มีการสงสาร ไม่มีการให้อภัย”
“พวกมันจะไม่ได้รับความเมตตาจากเรา เมื่อเราเผชิญหน้ากับพวกมัน เราต้องการเพียงสามอย่างนี้เท่านั้น คือ ความกระหายเลือด ความเกลียดชัง และความดูถูก ความกระหายเลือดของเราจะกลืนกินพวกมัน ความเกลียดชังของเราจะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ ความดูถูกของเราจะทำให้ชะตากรรมของพวกมันดับสิ้น เจ้าต้องกลืนกินและทำลายศัตรู ฆ่าพวกมันให้หมด”
เหล่าอารัคเนตั้งใจฟังคำพูดของฉันอย่างเงียบๆ
“นี่คือการสังหารหมู่ เนื้อหนังของพวกมันทุกส่วนจะกลายเป็นวัสดุที่เราจะนำมาสร้างสหายใหม่ได้ ยิ่งฆ่าพวกมันมากเท่าไหร่ อาณาจักรของอารัคเนก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้น จงสังหาร สังหาร และกำจัดพวกมันให้หมดสิ้น ไม่ว่าพวกมันจะเป็นทารกหรือคนชราก็ตาม เช่นเดียวกับที่ศัตรูได้ทำเอาไว้”
มันไม่ใช่การสังหารหมู่ แต่มันคือการทำลายล้าง ฉันตัดสินใจที่จะลบล้างอาณาจักรมาลุกออกจากแผนที่ใบนี้ เป็นเพราะพวกเอลฟ์ถูกโจมตีหรือเปล่า? เป็นเพราะการตายอย่างไม่ยุติธรรมของลินเน็ต? หรือว่าจิตสำนึกของฉันถูกรวมโดยเหล่าอารัคเนซึ่งมีความหิวโหยเหยื่อที่ไม่มีวันสิ้นสุดโดยกำเนิด?
ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาของฉันหรือจิตสำนึกส่วนร่วม ไม่มันไม่จำเป็น ยังไงก็เป็นความตั้งใจของฉัน
“ในนามของอารัคเน ข้าจะนำเจ้าไปสู่ชัยชนะ!” ฉันพูดออกมาโดยรวบรวมความกล้าทั้งหมด
“ทรงพระเจริญแด่อารัคเน! ทรงพระเจริญแด่ราชินี!”
“ทรงพระเจริญแด่อารัคเน! ทรงพระเจริญแด่ราชินี!”
เหล่าอารัคเนส่งเสียงร้องแสดงความยินดีกับการมาถึงของสงครามที่พวกเขารอคอย ในที่สุด พวกมันก็มีโอกาสที่จะสังหาร กลืนกิน และปกคลุมโลกด้วยเปลือกสีดำของเผ่าพันธุ์ของพวกมัน เผ่าพันธุ์อื่นล้วนเป็นศัตรู ที่ตกเป็นเหยื่อที่จะถูกกลืนกินด้วยขากรรไกรที่เปื้อนเลือด
ฉันกำลังจะก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และขยายเผ่าพันธุ์ของเรา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสนองความต้องการแก้แค้นของฉัน ใช่… ตามที่เหล่าอารัคเนควรจะเป็น
“พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านและโจมตีอาณาจักรมาลุก ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน องค์ราชินี พวกเราจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ขอถวายพระพรแด่ราชินี!” เซริเนียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมล้นด้วยคำสรรเสริญ
“เอาล่ะ ลูกน้องของฉัน” ฉันพูดต่อ
“ถึงเวลาทำสงครามแล้ว พวกเจ้าทุกคนรอคอยสิ่งนี้มาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้ความปรารถนาของพวกเจ้าจะเป็นจริงเสียที จงใช้พลังของเจ้าให้เต็มที่ตามต้องการ ใช้การเดินทัพสร้างความหวาดกลัวให้กับจิตใจของพวกมัน ใช้เสียงเขี้ยวดังกึกก้องรบกวนการหลับใหลของพวกมัน ใช้ความมืดมิดของพวกเจ้าทำให้พวกมันขี้ขลาดตาขาว”
เมื่อจากปราศรัยเสร็จ ฉันก็ยอมรับท่าทีแสดงความจงรักภักดีของเหล่าอารัคเนและกลับไปยังห้องของฉันพร้อมกับเซริเนียน
ตั้งแต่ฉันมาถึงที่นี่ ห้องพักส่วนตัวของฉันสะดวกสบายและน่าอยู่มากขึ้น เตียงของฉันมีผ้าคลุมนุ่มๆ แทนฟาง และฉันมีลิ้นชักและชั้นวางของสำหรับเก็บสิ่งของส่วนตัวของฉัน แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเหมือนกับอพาร์ตเมนต์ของฉันในโลกเก่านัก เนื่องจากขาดคอมพิวเตอร์และระบบทำความร้อน แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่ก็เป็นบ้านในแบบของฉัน
“เซริเนียน ฉันตัดสินใจเลือกเส้นทางการรุกรานแล้ว นั่นเป็นก้าวแรกในแผนของฉัน”
“พะยะค่ะ ราชินี ตั้งแต่ท่านมาถึงที่แห่งนี้ ท่านก็มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะของอารัคเนมาโดยตลอด”
เซริเนียนได้เรียนรู้ทุกสิ่งแล้วผ่านทางจิตสำนึกส่วนรวม ซึ่งทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“มีถนนสายหลักอยู่สามสายที่มุ่งสู่เมืองหลวงของพวกเขา เส้นทางตรงจากเมืองลีน เส้นทางจากพื้นที่เกษตรกรรมทางตอนใต้ และเส้นทางผ่านพื้นที่ทำเหมืองทางตอนเหนือ เราจะแบ่งกำลังของเราไปตามเส้นทางทั้งสามนี้ รวบรวมกำลังไว้ใกล้กับเมืองหลวง จากนั้นจึงโจมตี”
แผนสงครามที่ฉันเสนอทำให้กองทัพศัตรูแตกออกเป็นสามเส้นทาง เป้าหมายหลักของเราคือการทำลายเมืองหลวงของอาณาจักร แต่แค่นั้นยังไม่พอ เราต้องการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของอาณาจักรมาลุก และกำจัดทุกคนที่ขวางทางเรา
นั่นคือกฎของฉัน
เหมือง ไร่นา หมู่บ้าน เมืองต่างๆ เราจะย้อมทุกอย่างให้เป็นสีแดงด้วยเลือดของผู้คนในดินแดนนั้น ทิ้งให้ดินแดนนั้นรกร้างและว่างเปล่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนกับอะไรที่ฉันเคยเจอในเกม แต่ฉันยังคงตั้งใจที่จะต่อสู้ตามกฎของเกม
หากฉันปล่อยให้มีผู้รอดชีวิตโดยไม่ใส่ใจ มีโอกาสสูงที่ใครสักคนจะลุกขึ้นมาแก้แค้นฉัน ใช่แล้ว ฉันต้องพยายามพิชิตมันให้ถึงที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทั้งในโลกของเกมและความเป็นจริง
“เราจะโค่นล้มเมืองต่างๆ ด้วยกองทัพริปเปอร์และกองทัพดิกเกอร์ การผสมผสานกันของสองกองทัพ การบุกโจมตีด้วยริปเปอร์แบบดั้งเดิมนี้จะเปิดทางให้เราเดินหน้าต่อไปได้ มันจะไม่ง่ายเลยถ้าพวกเขามีแนวป้องกันเฉพาะทางอยู่ แต่ดิกเกอร์น่าจะจัดการได้ ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา เราจะฝ่าด่านใดๆ ที่มีกำแพงป้องกันของพวกเขาลงได้”
ในตอนนี้ ไม่มีทางทราบได้เลยว่า “เวลาในเกม” ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ “การแข่งขัน” เริ่มต้นขึ้น แต่เมืองของมาลุกถูกห้อมล้อมโดยรอบด้วยกำแพง ซึ่งมีอัศวินและกองกำลังรักษาการณ์คอยประจำอยู่ จึงถือได้ว่าการป้องกันของศัตรูนั้นมั่นคงดี
แต่ฝ่ายของฉันมีอาวุธลับที่สามารถเจาะทะลวงทุกสิ่งที่พวกเขามี และนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวฉันเอง
ในฐานะผู้เล่น ฉันได้ทำการบุกโจมตีด้วยกองทัพริปเปอร์ ภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบากมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ฉันเคยทำมาแล้ว และตอนนี้ฉันจะทำได้เช่นกัน ฉันคิดกับตัวเอง
“เซริเนียน เจ้ามาด้วยกันกับข้า ข้าจะให้เจ้าสู้ในแนวหน้าและสะสมประสบการณ์ เจ้าเป็นยูนิตที่มีศักยภาพเติบโตสูง และข้าก็คาดหวังในตัวเจ้าไว้สูง”
“ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณสำหรับคำชมของท่าน อัศวินเซริเนียนผู้นี้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความคาดหวังของท่าน องค์ราชินี” ชั่วขณะหนึ่ง ฉันคิดว่าคำพูดของฉันจะทำให้นางหลั่งน้ำตา แต่ดูแล้วเหมือนว่านางจะมีบางอย่างจะพูดเพิ่มเติม
“เอ่อ หากข้าขอปรึกษาท่านเกี่ยวกับบางอย่าง… ร่างกายของข้าค่อนข้างร้อน และรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่พร้อมจะระเบิดออกมาจากอกของข้า นี่มันคืออะไรกัน?”
“รู้สึกว่าร่างกายร้อนเหรอ?”
ฉันวางมือลงบนหน้าผากของเซริเนียนด้วยความงุนงงกับคำพูดของเธอ ฉันรู้สึกว่าตัวเธอร้อน แต่ดูเหมือนว่าเหล่าอารัคเนจะไม่สามารถเป็นหวัดได้ พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่ต้านทานโรคได้
“บางทีอาจจะสามารถวิวัฒนาการได้ เนื่องจากพึ่งเอาชนะทูตสวรรค์มาได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ที่จะได้รับค่าประสบการณ์มากมาย”
“วิวัฒนาการ…องค์ราชินี” เซริเนียนพูดซ้ำด้วยท่าทีว่างเปล่า
มันก็น่ารักนิดหน่อย
“คุณไม่รู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการ? ไม่เป็นไรหรอก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในตัวคุณ ใช่ไหม? ร่างที่วิวัฒนาการของยูนิตอัศวินเรียกว่าอัศวินโลหิต ลองนึกภาพตัวเองสวมชุดเกราะสีแดงสิ นั่นจะเป็นร่างใหม่ของคุณ”
อัศวินโลหิตคือขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาของเซริเนียน ร่างกายของเธอจะเปลี่ยนไป และเธอจะได้รับชุดเกราะที่สีแดงสดใสราวกับเลือดที่เพิ่งหลั่งออกมา
“ชุดเกราะสีแดง… ชุดเกราะสีแดง…”
เซริเนียนครุ่นคิดถึงคำพูดของฉัน กุมขมับตัวเองเพื่อพยายามนึกรูปร่างที่วิวัฒนาการแล้วของเธออย่างสิ้นหวัง จริงๆ แล้ว ดูเหมือนจะลืมคำพูดที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ไปเสียหมด—มันดูน่ารักมาก
“โอ้ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจแล้ว ฉันมองเห็นมันแล้ว!” เซริเนียนอุทานขึ้นหลังจากผ่านไปสักพัก
“ไม่ ฉันคิดว่าเธอกำลังเห็นภาพในจิตใจของฉันผ่านจิตสำนึกส่วนรวม!”
เห็นได้ชัดว่าเธอเข้าใจว่าฉันกำลังจินตนาการถึงการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างไร ผิวหนังมนุษย์และชุดเกราะสีขาวของเธอจะสลายไปเหมือนทราย เผยให้เห็นโครงกระดูกภายนอกใหม่เอี่ยมที่จะทำหน้าที่เป็นเกราะของเธอ กระดองสีแดงเข้มนี้จะหนาขึ้นและเรียบเนียนขึ้น และขาแมลงคู่ใหม่จะงอกออกมาจากหลังของเธอ
“ราชินี… ข้าพเจ้าจะกลายเป็นเช่นนี้หรือ?”
“ใช่ นั่นคือรูปแบบที่วิวัฒนาการแล้วของคุณ คุณจะเกิดใหม่เป็นอัศวินโลหิต เซริเนียน ฉันตั้งตารอที่จะเห็นคุณเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น กล้าหาญมากขึ้น และมีไหวพริบที่เป็นวีรบุรุษมากขึ้น”
เมื่อเธอได้เป็นอัศวินโลหิต เซริเนียนเธอไม่เพียงแต่จะมีสีสันใหม่และขาคู่ใหม่เท่านั้น แต่เธอยังได้รับการเพิ่มค่าสถานะอย่างมากอีกด้วย ในฐานะยูนิตระดับกลาง เธอสามารถเอาชนะศัตรูส่วนใหญ่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในช่วงเริ่มต้น เซริเนียนถือเป็นยูนิตฮีโร่ที่แข็งแกร่งซึ่งต้องการค่าประสบการณ์น้อยกว่าเล็กน้อยในการเลื่อนระดับเมื่อเทียบกับยูนิตฮีโร่อื่น ๆ และเธอยังมีค่าสถานะที่สูงกว่าเล็กน้อย สิ่งนี้ได้รับการชดเชยด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าในช่วงท้ายเกม เธอต้องการค่าประสบการณ์เป็นอย่างมากเพื่อการเลื่อนระดับ และค่าสถานะของเธอไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเลื่อนระดับถึงร่างสุดท้ายแล้ว เธอก็ครองตำแหน่งหนึ่งในยูนิตที่มีอันดับแข็งแกร่งสูงสุดในเกม
ในความเป็นจริงแล้ว เซริเนียนถือเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เผ่าอารัคเนมีศักยภาพมากในะดับนึง การวิวัฒนาการเซริเนียนอย่างเหมาะสมหมายถึงการมียูนิตที่สามารถทำลายสมดุลของเกมไปได้ในที่สุด
“วิวัฒนาการได้ไหม ขอให้ทำได้นะ เซริเนียน”
“พะยะค่ะ องค์ราชินี”
ฉันมั่นใจว่าเซริเนียนจะวิวัฒนาการได้ในไม่ช้านี้ แต่ตอนนี้ ฉันต้องมุ่งความสนใจไปที่การเดินทัพของเราในราชอาณาจักรมาลุก
————————————————————-
ในขณะเดียวกันในราชอาณาจักรมาลุก…
“อืมม อัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว”
พระเจ้าอีวานที่ 2 กษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรมาลุกทรงทราบข่าวที่น่าประหลาดใจนี้ กษัตริย์ผู้ชราภาพทรงสืบทอดบัลลังก์จากกษัตริย์องค์ก่อนมาหลายปีแล้ว และภายใต้การปกครองของพระองค์ ราชอาณาจักรก็เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด
พระองค์ทรงพยายามพัฒนาการเกษตร ซึ่งทำให้เหล่าเกษตรกรสามารถ ผลิตผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์และกระจายไปยังเมืองตามที่ต่างๆ พระองค์ทรงสร้างกำแพงและป้อมปราการตามแนวชายแดนทางใต้ซึ่งเคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามในอดีต เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ความสำเร็จของพระองค์ทำให้ได้รับคำชื่นชมมากมายจากประชาชน และที่สำคัญกว่านั้น พระองค์ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่ฟุ่มเฟือยในฐานะผู้ศรัทธาในพระเจ้าแห่งแสงอย่างแรงกล้า โดยประพฤติถ่อมตนและประหยัดตามคำสอนของคริสตจักรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ราษฎรของอาณาจักรยิ่งสนับสนุนเขาด้วยสิ่งนี้
พระองค์ทรงมีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายองค์แรกและตำแหน่งรัชทายาทของราชอาณาจักร เจ้าชายองค์ที่สองซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย เจ้าหญิงองค์แรกซึ่งได้แต่งงานกับประเทศเพื่อนบ้าน และเจ้าหญิงองค์ที่สองซึ่งยังทรงเยาว์วัย พระองค์มองว่าลูกๆ แต่ละคนเป็นดั่งอัญมณีอันสวยงามน่าเอ็นดู
“ศัตรูไม่ใช่แค่เอลฟ์ไม่กี่ตัวหรือ” นายกรัฐมนตรี สลาวา สเมอร์เนนสกี้ ถาม
“ฉันม่เชื่อเลยว่าอัศวินแห่งเซนต์ออกัสติน ซึ่งเป็นกองกำลังชั้นยอดของเรา จะถูกพวกนอกรีตที่อาศัยในป่าบดขยี้”
จนถึงขณะนี้ สลาวาได้รับใช้พระเจ้าอีวานที่ 2 และราชอาณาจักรด้วยความจงรักภักดีอย่างไม่ลดละ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่หลายประการของพระเจ้าอีวานที่ 2 นี้สามารถยกความดีความชอบให้กับคำแนะนำที่จริงใจของนายกรัฐมนตรีผู้นี้ กษัตริย์ทรงไว้วางใจนายกรัฐมนตรีของพระองค์มาก โดยไม่ยอมให้ใครมาติดสินบนหรือโน้มน้าวใจได้
แต่สลาวาเองก็เป็นผู้ที่เสนอให้ส่งอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินไปที่ป่าด้วย เขาได้รับรายงานที่เชื่อถือได้ว่าพลเมือง “ที่น่าเคารพ” ของอาณาจักรกำลังถูกโจมตีโดยเหล่าเอลฟ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงเสนอให้กษัตริย์ส่งกองกำลังออกไปกำจัดพวกเขา แต่ที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากคืออัศวินกลับถูกกำจัดแทน
“แต่พวกเขาก็พ่ายแพ้” โอมาริ โอเดฟสกี้ รัฐมนตรีกลาโหมโต้แย้ง
“เราต้องคิดหาทางรับมือทันที เราอาจพบกับศัตรูที่ไม่คาดคิดก็ได้ บางทีอาจเป็นจักรวรรดินีร์นัลทางใต้ที่พยายามรุกรานและขโมยดินแดนของเราไป”
แม่น้ำธีมไหลไปตามชายแดนของทั้งสองประเทศและทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นตามธรรมชาติ ดังนั้นจักรวรรดินีร์นัลจึงไม่สามารถบุกไปทางเหนือและรุกรานมาลุกโดยตรงได้ แต่ถ้าหากพวกเขาจะทำต้องผ่านป่าเอลฟ์ซึ่งอยู่ใจกลางทวีป
อย่างไรก็ตาม ในป่ายังไม่มีถนนลาดยางและไม่มีหมู่บ้านหรือเมืองใหญ่พอที่จะใช้เป็นศูนย์กลางการขนส่งเสบียง และยิ่งไปกว่านั้น ป่ายังเป็นที่อยู่อาศัยของมอนสเตอร์และสัตว์ร้ายทุกประเภทอีกด้วย หลังจากพิจารณาปัจจัยเหล่านี้แล้ว การโจมตีแบบนี้ดูไม่น่าจะเป็นไปได้
แม้แต่การเคลื่อนย้ายทหารจำนวนน้อยผ่านป่าแห่งนั้นก็ยังต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร ดังนั้น การนำกองทัพที่มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดสงครามได้นั้นต้องใช้แรงงานและทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่ไม่สามารถจินตนาการได้
ต้นไม้ที่ทึบหนาขัดขวางการเคลื่อนที่ของรถม้า เส้นทางสัตว์ป่าอาจทำให้เหล่าม้าสะดุ้งตกใจ และแม่น้ำกับลำธารที่ไหลผ่านจะเป็นความท้าทายสำหรับทหารราบหนักที่จะผ่านได้ รัฐมนตรีกลาโหมเห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ยังคงระมัดระวัง โดยประกาศว่าแม้เส้นทางจะยากลำบาก มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อถือเลยที่จักรพรรดิแม็กซิมิเลียนจะไว้ใจได้ พวกกบฏคนนั้นสัญญากับพวกเราว่าจะสงบศึกกัน แล้วก็บุกโจมตีดินแดนทางใต้ของพวกเรา ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าประเทศบ้าๆ แห่งนี้จะยอมทำอะไร บางทีพวกเขาอาจติดสินบนเอลฟ์เพื่อให้พวกเขาผ่านป่าไปได้อย่างปลอดภัย”
“จักรพรรดิแม็กซิมิเลียนก็ดูไม่น่าไว้ใจ พวกกบฏนั้นสัญญากับพวกเราว่าจะสงบศึกกัน แล้วก็บุกโจมตีดินแดนทางใต้ของพวกเรา ไม่แปลกใจเลยถ้าประเทศบ้าๆ แห่งนี้จะยอมทำอะไรสักอย่าง บางทีพวกเขาอาจติดสินบนเอลฟ์เพื่อให้ผ่านป่าไปได้อย่างปลอดภัย”
“บางที อาจจะเป็นเช่นนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เอลฟ์ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้เช่นกัน”
มีการขัดแย้งกันอย่างมากระหว่างมนุษย์และพวกอมนุษย์ พวกเอลฟ์กลัวมนุษย์ ขณะที่พวกคนแคระดูถูกมนุษย์ และมนุษย์ก็เชื่อว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า
มนุษย์มองว่าเอลฟ์เป็นพวกป่าเถื่อนที่อาศัยอยู่ในป่าเพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถสร้างเมืองได้ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าไว้ใจซึ่งตัดขาดตัวเองจากพระเจ้าแห่งแสงเพื่อไปบูชาต้นไม้แทน มีข่าวลือด้วยว่าพวกเขานำมนุษย์มาบูชายัญ เป็นเรื่องซุบซิบที่หลายคนเชื่อเช่นนั้นจริงๆ
ใช่ ตามข่าวลือ
เอลฟ์เป็นพวกป่าเถื่อน เอลฟ์ถลกหนังมนุษย์แล้วใช้หนังมนุษย์เป็นถ้วยรางวัล เอลฟ์กินทารกมนุษย์ เอลฟ์ลักพาตัวหญิงบริสุทธิ์และสังเวยพวกเธอให้กับเทพเจ้าแห่งป่าของพวกมัน หากราชินีแห่งอารัคเนได้ยินเช่นนั้น นางคงเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะคนนินทาคนนั้นอย่างแน่นอน ในทางกลับกัน เอลฟ์จะรู้สึกโกรธเคืองต่อความโหดร้ายและความไร้เหตุผลของข่าวลือที่มนุษย์เชื่อ
“เราอาจจะต้องกำจัดพวกเอลฟ์ให้หมด หากเรากำจัดพวกมันออกไปจากป่า จักรวรรดินีร์นัลก็จะไม่สามารถใช้พวกมันมาโจมตีเราได้”
“แล้วต้องใช้กองกำลังเท่าไหร่ถึงจะพอ?” พระราชาทรงถาม
“5,000 นายก็เกินพอแล้ว ฉันคิดไว้” โอมาริ โอเดฟสกี้ รัฐมนตรีกลาโหมตอบ
“พวกเอลฟ์อ่อนแอมาก ลูกศรของพวกมันไม่สามารถเจาะทะลุผ่านเกราะของพวกเราได้ ทหารที่ได้รับการฝึกฝนจำนวนห้าพันนายจะสามารถกวาดล้างป่าทางตะวันออกและปลดปล่อยอาณาจักรของเราจากภัยคุกคามนี้ได้”
“แล้วเรื่องของอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินล่ะ? หมายความว่าไง? พวกเอลฟ์ได้รวมตัวเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิแล้วใช่หรือไม่? หากเป็นอย่างนั้น เราคงจะต้องมีกองกำลังที่ใหญ่กว่านี้”
“ท่านพูดถูก ท่านลอร์ด แต่การรักษาเส้นทางส่งกำลังบำรุงผ่านป่านั้นเป็นเรื่องยาก” สลาวา สเมอร์เนนสกี้นายกรัฐมนตรีพูดเสริม
“แม้ว่าพวกเขาจะค้าขายกับหมู่บ้านเอลฟ์ก็ตาม มันคงไม่เพียงพอที่จะให้กองทัพเคลื่อนตัวได้ จากที่ฉันได้ยินมา มีเอลฟ์อยู่ในป่าไม่ถึงพันตัว”
โอมาริจมลงสู่ความคิดอย่างเงียบสงบ การจัดหาสิ่งของอำนวยความสะดวกไว้ใกล้ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ ท้ายที่สุดแล้ว ในโลกนี้ไม่มียานพาหนะที่มีประสิทธิภาพ และไม่มีปืน ดังนั้นกองกำลังที่ประจำการ จึงต้องจัดซื้ออาหารจากชุมชนเกษตรกรรม หรือปล้นสะดมเป็นประจำ ชัดเจนว่าประชากรของเอลฟ์ในป่ามีจำนวนน้อย จึงไม่สามารถรักษากองทัพขนาดใหญ่ไว้ได้ด้วยวิธีใดๆ เลย
“อืม ในกรณีนั้น ไม่น่าจะมีกองกำลังประจำการรออยู่ที่หมู่บ้านเอลฟ์ ดังนั้นกองกำลังของพวกเขาอาจจะมากพอที่จะเอาชนะอัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินได้ แต่ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการบุกโจมตี?” พระราชาทรงประเมินออกมา
“ฉันเชื่ออย่างนั้น” โอมาริกล่าวพร้อมพยักหน้า
“อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงไม่สามารถสรุปได้ว่าจักรวรรดินีร์นัลทำสำเร็จได้อย่างไร พวกเขาใช้อาวุธทรงพลังบางชนิดที่มีคนเพียงไม่กี่คน หรือไม่ก็ไวเวิร์นของพวกเขา แต่พวกเราไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับอาวุธใหม่ใดๆ และฉันสงสัยว่าพวกเขาจะใช้ไวเวิร์นที่นั่นหรือไม่”
จักรวรรดินีร์นัลมีชื่อเสียงในด้านกองกำลังไวเวิร์น ในบรรดาประเทศมหาอำนาจแล้ว จักรวรรดินี้เป็นเพียงจักรวรรดิเดียวที่มีหน่วยรบที่สามารถทะยานผ่านท้องฟ้าได้ หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงมีเพียงนีร์นัลท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้ แต่ไม่มีใครรู้คำตอบ
“ถ้าอย่างนั้น เราต้องใช้กำลังคนกี่คนถึงจะเอาชนะทั้งเอลฟ์และกองทัพของจักรวรรดิได้?”
“ ประมาณ หมื่นถึงสองหมื่นนายน่าจะรับประกันชัยชนะของเราได้ อาจเป็นจำนวนค่อนข้างเยอะ แต่เราจะสามารถเอาชนะศัตรู และให้ยอมจำนนได้อย่างแน่นอน””
หมื่นถึงสองหมื่นนาย… นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของกำลังทหารทั้งหมดของราชอาณาจักร แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่กษัตริย์ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ทั้งหมดนี้เพื่อเตรียมการสำหรับกองทัพจักรวรรดินีร์นัลที่อาจไม่มีอยู่แล้ว
“แต่จักรวรรดินีร์นัลได้ส่งกองทหารไปที่ป่าจริงหรือ?”
“นั่นคือคำอธิบายเดียวที่ฉันคิดออก” โอมาริตอบ
“คุณเชื่อจริงๆ เหรอว่าอาณาจักรโป๊ปฟรานซ์หรือดยุคแห่งชเตราท์ จะโจมตีพวกเรา? มันเป็นไปไม่ได้เลย”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าคิดว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเตรียมตัว รวบรวมกำลังพลให้เรียบร้อยภายในพรุ่งนี้ แล้วส่งพวกเขาเข้าไปในป่า จากนั้นกำจัดศัตรูของเรา อย่าปล่อยให้ใครรอดชีวิต”
“นอกจากนี้ ยื่นคำร้องทางการทูตต่อเอกอัครราชทูตของจักรวรรดินีร์นัล เพื่อขอให้พวกเขาถอนกำลังออกไป หากเขาเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ เราจะทำกับทหารของจักรวรรดิตามที่เราพอใจ” สลาวากล่าวเสริม
“เช่นนั้นก็ตามที่หารือ ฉันตั้งตารอที่จะได้ยินข่าวชัยชนะของเรา”
“ครับท่าน เราจะชนะไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
ณ จุดนั้น ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่แฝงอยู่ในป่าเอลฟ์ไม่ใช่กลุ่มที่รุกคืบของจักรวรรดิเลย
————————————————————-
ขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองเดินขบวนไปตามถนนในเมืองหลวงซิกเลียราชอาณาจักรมาลุก ทหารสวมชุดเกราะก้าวไปตามจังหวะของกองพลปี่และกลอง กองทหารม้าซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพ เดินไปข้างหน้าอย่างสง่างาม ขณะที่กีบม้ากระทบกับแผ่นหิน
กองกำลัง 15,000 นายได้รับการระดมพล แต่มีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่เข้าร่วมขบวนพาเหรด กองกำลังล่วงหน้ากำลังเข้าใกล้เมืองลีน ซึ่งอยู่ใกล้ป่าเอลฟ์ และกองกำลังเหล่านี้กำลังออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมกับพวกเขา
“ฉันไม่เห็นพวกนักเวทเลย”
“พวกเขาไม่คุ้นเคยกับการเป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรดประเภทนี้”
ในบรรดากองกำลัง 15,000 นายนั้น บางคนเป็นนักเวท ในด้านการโจมตีและการตั้งรับ การปรากฏตัวของพวกเขาถือเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งในสนามรบ พวกเขายิงลูกไฟใส่ศัตรูเหมือนเครื่องยิงจรวดหลายลูก และพวกเขาสามารถรักษาผู้บาดเจ็บได้ราวกับว่ากำลังทำปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ คุณค่าของพวกเขาจะชัดเจนขึ้นเมื่ออัศวินแห่งเซนต์ออกัสตินได้รับการรักษาโดยสหายของพวกเขา เวทมนตร์นั้นใช้เวลานานในการฝึกฝน แต่เมื่อทำได้แล้ว มันก็กลายเป็นทรัพยากรที่ขาดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม พวกนักเวทไม่ชอบที่จะโดดเด่น พวกเขาไม่เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองที่ฉูดฉาดเช่นนี้ เพราะคิดว่าตัวเองจะดูทรุดโทรมเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกัน นอกจากนี้ พวกเขายังไม่ค่อยเข้าสังคมด้วยตั้งแต่แรก
“เราจะชนะศึกครั้งนี้ได้ไหมพ่อ” เอลิซาเบตเจ้าหญิงคนที่สองถาม
“แน่นอน” กษัตริย์อีวานที่ 2 รับรองกับเธอ
“พวกเขาคือนักรบที่ภาคภูมิใจและแข็งแกร่งที่สุดของประเทศเรา เหล่าเอลฟ์และกองกำลังของจักรวรรดิไม่มีทางสู้ได้”
เจ้าหญิงวัย12ปีจ้องมองทหารที่เดินขบวนด้วยดวงตาสีฟ้าไร้เดียงสาที่ไร้สิ่งเจือปน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าจิตใจอันเยาว์วัยของเธอจะหลงใหลในขบวนพาเหรดนี้ ท่าทางของเธอเหมือนกับเด็กที่กำลังเดินขบวนด้วยทหารของเล่น
“ฉันเคยได้ยินมาว่าเอลฟ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย พวกมันซ่อนตัวอยู่ในป่าและซุ่มโจมตีมนุษย์โดยลอกคราบและจับกินทั้งเป็น”
“ถูกต้องแล้ว เอลิซาเบต พวกมันอาจดูเหมือนกับเรา แต่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วช้าที่วิญญาณของพวกมันถูกเทพเจ้าชั่วร้ายย้อมให้เป็นสีดำ หากพวกมันเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่บริสุทธิ์และยุติธรรม พวกมันก็คงจะบูชาเทพเจ้าแห่งแสงไปแล้ว”
เทพแห่งแสงเป็นเทพองค์เดียวที่ได้รับการบูชาโดยคริสตจักรแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ เทพองค์นี้ได้รับการเคารพนับถือไปทั่วทั้งทวีป และผู้ที่ภักดีต่อเทพอื่น ๆ จะถูกข่มเหงในฐานะพวกนอกรีต ตัวอย่างเช่น เอลฟ์บูชาเทพแห่งป่า จึงถูกเกลียดชังในฐานะผู้ถูกขับไล่และไม่เป็นที่ต้องการ
“ว้าวว ฉันหวังว่าพวกเขาจะกำจัดเอลฟ์ทั้งหมดได้ การรู้ว่ามีบางอย่างเลวร้ายอยู่ในโลกนี้ทำให้ฉันกลัวมากจนข่มตานอนไม่หลับ”
“ใช่แล้ว เจ้าหญิงตัวน้อย การที่พวกเขายังอยู่ถือเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรกแล้ว เราควรกำจัดพวกเขาไปเร็วกว่านี้ หากเราทำอย่างนั้น เราก็คงไม่ต้องเผชิญกับการรุกรานครั้งใหญ่เช่นนี้”
ประชาชนแห่งอาณาจักรมาลุกเชื่อว่าผู้ใดก็ตามที่ปฏิเสธพระเจ้าแห่งแสงจะมีสติปัญญาและมารยาทน้อยกว่าสัตว์
“เรามาอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งแสงเพื่อให้ทหารเหล่านี้ได้รับการปกป้องจากพระองค์ เราจะขอให้การชดใช้ที่เหมาะสมตกอยู่กับพวกนอกรีต และขอให้มีสันติภาพชั่วนิรันดร์ในอาณาจักรอันงดงามของเรา”
“ใช่แล้ว เราขอภาวนาให้พวกเอลฟ์ที่ชั่วร้ายถูกกำจัดให้หมดสิ้น และกำจัดความหวังของจักรวรรดินีร์นัลที่จะรุกรานเราถูกหยุดลงเสีย”
ทหาร 15,000 นายที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรถูกเรียกว่ากองทหารรักษาการณ์ตะวันออก พวกเขาออกเดินทางไปยังป่าเอลฟ์โดยได้รับคำอธิษฐานจากกษัตริย์และเจ้าหญิง โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่ที่นั่น…
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานแปลด้วยนะคะ พอดียังเป็นมือใหม่อยู่ อาจะมีติดขัดบ้างบางประโยค ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆสามารถบอกได้เลยนะ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 66 พายุ 1 วัน ago
- ตอนที่ 65 การปฏิวัติและหลังจากนั้น 1 วัน ago
- ตอนที่ 64 สู่โลกใหม่ 1 วัน ago
- ตอนที่ 63 จุดประสงค์ที่แท้จริง มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 62 การต่อสู้ที่เมืองหลวงจักรวรรดิ เวเซีย มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 61 สัตว์ยักษ์ vs. สัตว์ยักษ์ มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 60 การรุกรานอาณาจักรนีร์นัล มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 59 แนวหน้าของอาณาเขตชเตราท์ มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 58 แผนการหลบหนี มิถุนายน 2, 2025
- ตอนที่ 57 สู่การหลบหนี มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 56 ณ ปราสาทน้อยเวชยะ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 55.5 ผู้ดูแล มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 55 การต่อสู้ที่ป่าเอลฟ์ มิถุนายน 1, 2025
- ตอนที่ 54 สร้างหมู่บ้าน พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 53 ออนเซ็น พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 52 ฮีโร่ของเกรโกเรีย พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 51 กิจการภายในของจักรวรรดินีร์นัล พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 50 การเฉลิมฉลองชัยชนะ พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 49 การต่อสู้ที่แม่น้ำฟรอส พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 48 หายนะของสงคราม พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 47 Fall Gelb (ยุทธการที่อานูว์) พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 46 ใครคือผู้ร้าย? พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 45 ใครคือผู้ร้าย? พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 44 มือแห่งการกบฏ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 43 หมู่เกาะนาเบรจ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 42 The Witch’s Blow พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 41 เยี่ยมชมคาลคา พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 40 ติดต่อ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 39 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 38 ประเทศของพ่อค้า พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 37 Side Story: แมลงกำลังครุ่นคิด พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 36 หุ่นเชิด พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 35 การโจมตีเชิงป้องกัน พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 34 การโจมตีเชิงป้องกัน พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 33 สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 32 พิษที่คืบคลานเข้ามา พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 31 ภารกิจช่วยเหลือ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 30 งานเลี้ยงของโจรสลัด พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 29 การปราบปรามงูทะเล พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 28 อ่าวบลัดดี้ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 27 วิกฤตการณ์แอตแลนติก พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 26 การจู่โจมที่ทำกำไรได้ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 25 เล่นน้ำทะเล พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 24 ผลกระทบของชเตราท์ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 23 สิ่งล่อใจและคำแนะนำ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 22 จุดจบของผู้แย่งชิง พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 21 สัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 20 กองทหารม้า พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 19 ความขัดแย้ง พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 18 ความเป็นจริงและความฝัน พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 17 การชำระล้าง พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 16 ผู้ที่ก้าวไปข้างหน้า พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 15 สภาสากล พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 14 สังคมชั้นสูง พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 13 กิลด์นักผจญภัย พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 12 มุ่งสู่ชาติการค้าภาคเหนือ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 11 การเปลี่ยนแปลง พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 10 เปลวไฟที่ยังคงคุกรุ่น พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 9 การล่มสลายของราชอาณาจักร พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 8 การต่อสู้ที่แม่น้ำอาริล พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 7 ลูกชิ้น พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 6 ยุทธการที่เมืองลีน พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 5 โศกนาฏกรรมของหมู่บ้านเอลฟ์ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 4 การนองเลือดตามธรรมชาติ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 3 ในนามของการแก้แค้น พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 2 แผน B พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 1 การยืนยันสถานการณ์ พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำ พฤษภาคม 27, 2025
MANGA DISCUSSION