“สัญลักษณ์นี้ดูคุ้นๆ ไหม” ฉันถามผู้เฒ่าเมื่อฉันกลับมาถึงหมู่บ้านบอมเฟตเตอร์ พร้อมกับชี้ไปที่สิ่งของบางอย่างที่ฉันขโมยมาจากพวกอันธพาล
สักวันหนึ่ง ฉันจะกลายเป็นแขกประจำของหมู่บ้านเอลฟ์ ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณที่ฉัน—หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเหล่าอารัคเน—ที่คอยปกป้องป่าให้ปลอดภัย พวกเขาจึงต้อนรับฉันด้วยสตูว์อุ่นๆ เสมอ
“ฉันเชื่อว่านั่นเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มอาชญากร” เอลฟ์ตอบด้วยท่าทางสับสนเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน”
“ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นคุณคงไม่รู้มากไปกว่านี้แล้ว… ฉันเดาว่านี่คงเป็นสิ่งที่มีแต่พวกมนุษย์เท่านั้นที่จะรู้จัก”
ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักตั้งแต่แรกแล้ว พวกอันธพาลติดอาวุธเหล่านั้นเป็นมนุษย์ ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เอลฟ์จะรู้เกี่ยวกับพวกเขาจึงมีน้อยมาก ฉันถามเพียงเพราะไม่มีอะไรจะเสีย และไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาไม่มีคำตอบที่ฉันกำลังมองหา
“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ วันนี้ก็อร่อยมากเช่นกัน”
“โอ้ อย่าพูดถึงมันเลย เราเป็นหนี้บุญคุณ คุณมาก”
แน่นอนว่าผู้เฒ่ากำลังพูดถึงเรื่องที่ว่าฉันทำให้พวกผู้ลักพาตัวเด็กเอลฟ์ต้องพังทลายลง เหล่าพ่อแม่เอลฟ์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกๆ ของพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย แม้ว่าฉันจะต้องถามตัวเองว่า ไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์นั้นหรือไม่
“นั่นคือราชินีแห่งอารัคเน!”
ทันทีที่ฉันกินสตูว์เสร็จ เด็กเอลฟ์สองคนที่กล่าวถึงคือลินเน็ตและลีซ่าก็วิ่งมาหาฉัน พวกเขาไปที่บ้านของผู้เฒ่าด้วยกัน ดูร่าเริงและมีความสุข
จากที่ผู้เฒ่าเล่าให้ฉันฟัง ลินเน็ตอายุมากกว่าลีซ่าหลายปี ซึ่งเธอเคารพเขามาตั้งแต่เธอยังเล็ก ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและสนิทกันราวกับพี่น้อง… ยกเว้นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เรียบง่ายอย่างนั้น ทุกคนรอบตัวพวกเขาบอกได้ว่าลินเน็ตตกหลุมรักลีซ่า และเหล่าผู้ใหญ่ทั้งหมดเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะต้องแต่งงานกันแน่ในอนาคต
ลินเน็ตเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแรง มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา และร่างกายที่แข็งแรง ในขณะที่ลีซ่ามีแขนขาที่เรียวบาง ทั้งสองคนเป็นคนใจดี เพราะพวกเขาเต็มใจที่จะออกไปเก็บสมุนไพรให้เอลฟ์ที่ป่วย ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาพวกเขาให้มาพบกัน ทั้งคู่ยังออกไปเล่นซนกับพวกชาวบ้านด้วยกันเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้พวกเขาถูกตำหนิอย่างรุนแรง นี่เป็นเพียงการผจญภัยที่หุนหันพลันแล่นบางส่วนจากหลายๆ ครั้งของพวกเขา ผู้ใหญ่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของพวกเขา แต่พวกเขากังวลว่าทั้งคู่อาจจะประมาทเกินไป
ลีซ่าและลินเน็ต ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมาก และพวกเขาก็ได้รับพรจากคนรอบข้าง เพราะทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นงานแต่งงานของพวกเขาในอนาคต พูดตรงๆ ว่าฉันอิจฉาพวกเขามาก ฉันไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อนในชีวิต
“ฉันนำสิ่งนี้มาถวาย ราชินี!”
“เห็ดเหรอ?”
ลินเน็ตกำลังส่งถุงหนังที่เต็มไปด้วยเห็ดมาให้ฉัน
“ชาวบ้านคนอื่นบอกฉันว่าคุณชอบเห็ด ดังนั้นคุณช่วยรับสิ่งนี้ไปได้ไหม!”
“โอ้ ขอบคุณนะ หาสิ่งนี้ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องยากหรือเปล่า?”
พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ไม่ใช่ฉันที่ชอบเห็ด แต่เป็น เหล่าเวิคเกอร์ ต่างหาก ฉันชอบเห็ดมาก แต่มากขนาดนี้ฉันกินไม่หมดหรอก ฉันน่าจะให้เหล่าเวิคเกอร์ล่ะกัน ขอบคุณลินเน็ตและลีซ่าอีกครั้ง
“เหล่าอารัคเนของคุณกำลังดูแลป่าให้ปลอดภัย ดังนั้นตอนนี้การเก็บสมุนไพรจึงง่ายขึ้นมาก” ลีซ่าอธิบาย
“ก่อนหน้านี้พวกเราต้องระวังพวกพรานล่าสัตว์และพ่อค้าทาส ดังนั้นเราจึงเก็บเห็ดได้เฉพาะรอบๆ หมู่บ้านเท่านั้น”
เห็นได้ชัดว่าพวกพรานล่าสัตว์และพ่อค้าทาสได้เดินเตร่ไปมาในหมู่บ้านบ่อยครั้งก่อนที่ฉันจะมาถึง ซึ่งทำให้พวกเด็กๆ ไม่สามารถเก็บสมุนไพรได้ เว้นแต่จะมีเอลฟ์ผู้ใหญ่ที่สามารถต่อสู้เดินทางมาด้วย
แต่ตอนนี้ เด็กๆ เป็นอิสระที่จะเดินไปมาในป่าแล้ว เหล่าอารัคเนเฝ้าดูแลพวกเขา และกำจัดใครก็ตามที่น่าสงสัย ป่าจึงเริ่มสงบสุขขึ้น ลินเน็ตและลีซ่าอาจใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ในการนัดพบกันทุกคืน หรือเปล่า?
“จริงหรือ? ข้าดีใจที่เห็นว่าเหล่าอารัคเนของฉันพึ่งพาได้”
“ใช่ พวกเรามีความสุขมาก”
เผ่าเอลฟ์ทุกคนล้วนมีร่างกายที่สวยงามตามธรรมชาติ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกค้าทาสจึงเล็งเป้าไปที่พวกมัน ฉันไม่อยากนึกภาพว่าเอลฟ์ที่มีรูปร่างสวยงามที่ถูกจับเป็นทาสจะไปลงเอยที่ไหน แต่ตอนนี้ ป่าได้รับการปกป้องโดยตัวฉันและเหล่าอารัคเน ดังนั้นเอลฟ์จึงไม่จำเป็นต้องกลัวการถูกจับอีกต่อไป
เป็นเรื่องแปลกเล็กน้อยที่คิดว่ากลุ่มฝ่ายชั่วร้ายอย่าง อารัคเน กำลังทำสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่ามีความจำเป็นต้องยึดติดกับแนวทางของตนเอง แต่ เหล่าอารัคเน ยังคงมีความกระหายในชัยชนะและความปรารถนาในการครอบครอง และหากฉันจะต้องบรรลุมัน ฉันจะต้องออกรบ มือของฉันต้องเปื้อนเลือด และศัตรูกับคนทั้งโลก
“ฉันมีบางสิ่งจะมอบให้…องค์ราชินี!”
“นี่คืออะไร” ฉันตรวจดูของที่ลีซ่าให้ฉัน
“นี่คือ… ตุ๊กตาเหรอ?”
ตุ๊กตาตัวนี้ทำจากฟางและหญ้า หุ้มด้วยขนสัตว์ จึงนุ่มฟูเมื่อสัมผัส และต่างจากตุ๊กตาวูดู ตรงที่ตุ๊กตาตัวนี้ไม่รู้สึกชั่วร้ายหรือภัยคุกคามแม้แต่น้อย
“เป็นเครื่องรางที่ข้าทำขึ้นด้วยกันกับลินเน็ตเพื่อให้ท่านปลอดภัย ท่านราชินี ลินเน็ตกับข้าก็มีเครื่องรางแบบนี้เหมือนกัน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะ ฉันดีใจที่คุณรู้สึกแบบนั้น” ฉันพูดพลางลูบหัวลีซ่า
ดูเหมือนจะมีตุ๊กตาลักษณะเดียวกันห้อยอยู่ที่เข็มขัดของพวกเขา
ลีซ่าและลินเน็ตปฏิบัติกับเราด้วยความสนินสนมที่สุดในบรรดาคนในหมู่บ้าน และแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่ญาติพี่น้องที่คุ้นเคย แต่พวกเขาก็ตอบแทนบุญคุณเราอย่างเต็มใจ ซึ่งแตกต่างจากพวกค้าทาสและเมืองลีนที่ปฏิบัติต่อเอลฟ์อย่างโหดร้ายโดยไม่มีเหตุผลอื่นใด
“เอาล่ะ ฉันได้รับเห็ดและอาหารร้อนๆ แล้ว ดังนั้นฉันคงไม่มีธุระอะไรอีกต่อไปแล้ว ทั้งสองก็ระวังตัวด้วย พวกค้าทาสอาจจะกลับมาอีกก็ได้”
หลังจากขอบคุณเอลฟ์สำหรับเครื่องรางแล้ว ฉันก็เดินทางกลับฐานของอารัคเน ฉันยังมีอะไรต้องทำอีกมาก
————————————————————-
ฉันใส่เนื้อที่ซื้อมาจากเมืองลีนลงในเตาปฏิกรณ์ อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้เนื้อนี้เพื่อผลิต กองทัพริปเปอร์ ตอนนี้ฉันมีเนื้อพวกนี้มากพออยู่แล้ว มากพอที่จะบุกเมืองได้ถ้าฉันต้องการ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ฉันมีแผนการใหญ่กว่านี้มากสำหรับสิ่งนี้
“กองทัพอัศวิน” ฉันสั่งเตาปฏิสนธิ ซึ่งดิ้นรนตอบสนอง
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีมือมนุษย์ยื่นออกมาจากปากของเตาปฏิกรณ์
“ฟุอ๊าา”
สิ่งมีชีวิตที่ปรากฎตัวออกมานั้นเป็น เหล่าอารัคเน อีกประเภทหนึ่ง มีเพียงตัวเดียวที่มีครึ่งบนเป็นมนุษย์และครึ่งล่างเป็นอารัคเน ซึ่งเป็นแมลง มันมีดวงตาสีแดงทับทิมและผมเปียสีขาวที่ยาวลงมาด้านหลัง ครึ่งบนของกองทัพอัศวิน ปกคลุมด้วยเกราะสีขาว และมีดาบยาวอยู่ในฝักที่เอว
มันให้ความรู้สึกเหมือนอัศวินทันที (\ข้าขอถาม ท่านคือมาสเตอร์ของข้าใช่หรือไม่?)
“ข้าอยู่นี่แล้ว องค์ราชินี”
เมื่อคลานออกมาจากเตาปฏิกรณ์แล้ว อัศวินที่เหมือนแมงมุมก็คุกเข่าลงตรงหน้าฉันและก้มหัวลงด้วยความเคารพ
“เงยหน้าขึ้นสิ อัศวินเซริเนียน”
“พะยะค่ะ องค์ราชินี”
นี่คืออัศวินเซริเนียน ซึ่งเป็นยูนิตที่แตกต่างจาก กองทัพริปเปอร์ มันคือยูนิตที่เรียกว่ายูนิตฮีโร่ เมื่อได้รับค่าประสบการณ์ มันก็จะมีพลังเพิ่มขึ้น และสามารถเติบโตขึ้นได้ เป็นยูนิตเดียวที่สามารถทำลายสมดุลของเกมได้
กล่าวได้ว่าแต่ละฝ่ายสามารถสร้างยูนิตฮีโร่ได้หนึ่งยูนิตและเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น ยูนิตดังกล่าวต้องควบคุมอย่างรอบคอบและระมัดระวัง การเพิ่มค่าประสบการณ์โดยไม่ให้ยูนิตนี้ตายเป็นงานที่ยากลำบากในช่วงแรก
เช่นเดียวกับยูนิตฮีโร่ของเผ่าพันธุ์อื่นๆ อัศวินเซริเนียนก็มีเรื่องราวเบื้องหลังของตัวเอง ยูนิตนี้เล่าถึงอัศวินที่ถูกเนรเทศเพราะปกป้องเด็กนอกรีต และหลังจากนั้นก็ได้รับการปกป้องจากราชินีแห่งอารัคเน
หลังจากสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อราชินีแล้ว เซริเนียนก็กลายเป็นอัศวินผู้ละทิ้งหน้าที่ที่เคยมีในการเป็นอัศวินของสถาบันที่คอยกดขี่ข่มเหง เซริเนียนตัดสินใจที่จะเป็นอัศวินผู้ภาคภูมิใจในการรับใช้ราชินีและเหล่าอารัคเนของเธอ
นั่นคือเรื่องราวเบื้องหลังในเกมอย่างน้อยที่สุด สิ่งต่าง ๆ อาจแตกต่างออกไปในความเป็นจริงนี้ และมีความแตกต่างที่ชัดเจนอยู่หนึ่งประการแล้ว
“เธอเป็นผู้หญิงเหรอ?”
ฉันเคยคิดว่าเซริเนียนเป็นผู้ชายมาโดยตลอด อย่างน้อยก็มักจะดูเหมือนผู้ชายเสมอเมื่อฉันเห็นรูปร่างของเขาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของฉัน ถึงอย่างนั้น คอมพิวเตอร์ของฉันก็ค่อนข้างเก่า ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถเล่นด้วยการตั้งค่ากราฟิกที่สูงเกินไปได้…
อัศวินเซริเนียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันมีร่างกายที่ดูกำยำแข็งแกร่ง แต่มีใบหน้าที่ดูเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน และฉันเห็นว่าเธอมีหน้าอกอยู่ใต้เกราะของเธอ ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงมาตลอดหรือเปล่า และถ้าใช่ ฉันจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นผู้ชายได้อย่างไร
“พะยะค่ะ ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง… องค์ราชินีไม่พอใจหรือ?”
“ไม่เลย ถ้าจะให้ดีก็เป็นแบบนี้ดีกว่า”
เราจะอาศัยอยู่ร่วมกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เนื่องจากฉันเป็นผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจึงรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะอาศัยร่วมกับผู้หญิงคนอื่นมากกว่าผู้ชาย หากเซริเนียนเป็นผู้ชาย ฉันคงต้องมีสติและคำนึงถึงข้อเท็จจริงนี้เมื่อต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเขา
“เอาล่ะ เซริเนียน เธอใช้ทักษะเลียนแบบเพื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม”
“พะยะค่ะ”
เซริเนียนมีความสามารถพิเศษที่เรียกว่าการเลียนแบบ ซึ่งทำให้เธอสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ เธอมีความสามารถนี้ร่วมกับอารัคเน อีกประเภทหนึ่ง และพวกมันสามารถใช้มันเพื่อแอบเข้าไปด้านหลังแนวรบของศัตรูและสร้างความเสียหายมหาศาลได้ ถ้าศัตรูไม่มียูนิตที่สามารถมองทะลุการปลอมตัวได้
“ขอฉันดูหน่อย?”
“นอบรับคำสั่งค่ะ พะยะค่ะ”
ตามคำขอของฉัน เซริเนียนส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่า หลังจากนั้น ครึ่งล่างที่คล้ายแมงมุมของเธอก็หดตัวและหดตัวลงด้วยเสียงคลิกทื่อๆ ก่อนจะกลายร่างเป็นขาของมนุษย์ เพื่อประโยชน์ในการปลอมตัว ขาของเธอจึงถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะกระโปรงยาว
เอาจริงดิ ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้ชายได้ยังไง?
เมื่อคิดย้อนกลับไป ฉันก็รู้ว่าฉันค่อนข้างหยาบคาย ฉันรู้สึกสำนึกผิด
“เสร็จแล้วสินะ พร้อมที่จะไปแก้แค้นหรือยัง?”
“ใช่แล้ว ก่อนอื่นเราต้องค้นหาศัตรู จากนั้นเราจะกำจัดพวกมันให้หมด เราจะสังหารพวกมันให้หมด”
ฉันรู้สึกว่าเจตจำนงของฉันถูกกวาดล้างไปในจิตสำนึกส่วนรวมของอารัคเน แต่คราวนี้ ฉันยอมมอบตัวเองให้กับมันอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของพวกเขาตอนนี้เป็นหนึ่งเดียวกับฉันแล้ว
เราจะแก้แค้น ริปเปอร์ ที่ล้มลง นี่คือพลังที่ผลักดันฉันให้ก้าวไปข้างหน้าในตอนนี้ และจิตใจของฉันก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
“อัศวินเซริเนียนผู้นี้จะร่วมเดินทางไปกับท่านไม่ว่าจะไปที่ใด ราชินี”
“โอเค งั้นเราไปเที่ยวเมืองลีนนี้อีกครั้งกันเถอะ”
และแล้วฉันก็เริ่มแผนการแก้แค้น
————————————————————-
ฉันกลับมาที่เมืองลีนอีกครั้ง เช่นเดียวกับครั้งก่อน ฉันปล่อยให้โมอิเซย์ควบคุมบังเหียน ขณะที่เซริเนียน และฉันนั่งอยู่ในรถม้า เรากลับมาเพื่อค้าขาย แต่มีงานสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ
“โอ้! คุณมาขายเสื้อผ้าเพิ่มเหรอ ขอบคุณพระเจ้า เสื้อผ้าที่คุณขายให้ฉันคราวก่อนได้รับความนิยมในหมู่ขุนนางมากจนพวกเขาอยากรู้จังเลยว่าจะมีสินค้าอีกเมื่อไร”
เจ้าของร้านตัดเสื้อรับชุดของเหล่าเวิคเกอร์ด้วยความยินดี เห็นได้ชัดว่าเขาได้ขายสินค้าทั้งหมดให้กับขุนนางและพ่อค้าผู้มั่งคั่งไปแล้ว และขุนนางที่ไม่ได้รับสินค้าทันเวลาก็เรียกร้องให้มีสินค้ามาเติมสต็อก แม้ว่าจะสร้างความรำคาญเล็กน้อย แต่ความต้องการของพวกเขาก็ทำให้เจ้าของร้านพึงพอใจ
“แล้วเหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหม 30,000 ฟลอเรีย?” เจ้าของร้านถามพร้อมตั้งใจจะจ่ายเต็มราคา
“ไม่ ครั้งนี้ 25,000 ก็พอ” พ่อค้าทาสกล่าว
“แต่มีอะไรจะถาม… แทน”
เขาหยิบเศษผ้าที่มีสัญลักษณ์ออกมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่ฉันได้มาจากอันธพาลคนหนึ่งที่โจมตีเขาและฆ่าริปเปอร์
“คุณรู้จักสิ่งนี้ไหม” เขาถาม
“นี่มัน… ขอโทษที ฉันไม่รู้เหมือนกัน ไปถามคนอื่นเถอะ”
ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่าง แต่เขากำลังเลี่ยงคำถาม ซึ่งทำให้เห็นชัดว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ ฉันไม่สงสัยเลยว่าเขารู้จักกลุ่มที่สัญลักษณ์นั้นเป็นสมาชิกอยู่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม เจ้าของร้านคนนี้ก็ไม่อยากไปยุ่งกับพวกนั้น
“ข้าพเจ้าควรจะไปทรมาน เพื่อให้คายข้อมูลออกมาหรือไม่ราชินี” เซริเนียนถาม
“ไม่ล่ะ” ฉันปัดข้อเสนอของเธอไป
“เราไม่จำเป็นต้องบังคับเขาให้ทำเช่นนั้น เขายังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเรา”
ชายคนนี้ยังมีประโยชน์ต่อพวกเรา เนื่องจากเขาแปลงเสื้อผ้าที่เหล่าเวิคเกอร์สร้างขึ้นเป็นเงิน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถปฏิบัติกับเขาอย่างไม่ใส่ใจได้ แม้ว่าเขาจะลำเอียงต่อพวกเอลฟ์ แต่เราก็ต้องการเขาในตอนนี้ ดังนั้น เราจึงควรใช้เขาโดยไม่ต้องแสดงท่าทีใดๆ ที่ไม่จำเป็น หากเราจะถามใครสักคน ก็ต้องเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของเรา
“เราจะใช้เงินของเราในการหาแหล่งข่าวสักคนหรือสองคน ฉันมั่นใจว่าเราจะพบแหล่งข่าวได้ในไม่ช้านี้” ฉันประกาศขณะรออย่างอดทนในรถขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกไป
“เฮ้ คุณ หยุดรถก่อน”
ตามที่ฉันคาดไว้ เราก็ถูกกลุ่มคนน่าสงสัยล้อมหลังจากที่ไปตามตรอกซอกซอยที่เสื่อมโทรมอยู่สองสามครั้ง
“คุณเป็นใคร…?”
“หืม? นี่ลืมไปแล้วหรอ? กำลังดูถูกพวกเราเรอะ อย่าบอกนะว่านายลืมหนี้ของแกงค์ลิซิซ่าด้วย!” ชายคนหนึ่งกล่าว สัญลักษณ์ของกลุ่มอันธพาลที่ซุ่มโจมตีพวกเราเมื่อวันก่อนปรากฏอยู่บนหน้าอกของเขาอย่างภาคภูมิใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับที่โจมตีพวกเรา ฉันไม่คิดว่าจะพบพวกเขาได้ง่ายขนาดนี้
“เซริเนียน เตรียมตัว…เราจะสู้กัน”
“พะยะค่ะ ราชินี” เธอเตรียมที่จะกระโดดออกจากเกวียน และเหล่าริปเปอร์ก็เตรียมพร้อมด้วยเช่นกัน
“ฉันได้ยินมาว่านายทำให้หัวหน้าของเราต้องตกนรกเมื่อวันก่อน พร้อมที่จะคืนเงินให้หัวหน้าแล้วหรือยัง อย่าคิดว่าเราจะยอมตายง่ายๆ นะ เราจะรีดเอาเงินทั้งหมดออกจากตัวนายและจะทรมานนาย จนนายต้องร้องขอชีวิตเลย—”
คำพูดของสมาชิกแกงค์ลิซิซ่าซึ่งเป็นอันธพาลกลับถูกขัดจังหวะด้วยการเห็นเซริเนียนและเหล่าริปเปอร์กระโจนออกจากรถม้าและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“ย้ากก!” เซริเนียนปลดการเลียนแบบของเธอออก เผยให้เห็นครึ่งหนึ่งของร่างที่ไม่ใช่ของมนุษย์
เธอฟาดดาบยาวของเธอซึ่งฟันสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเข้าที่คอ เขาล้มลงกับพื้นและไอออกมาเป็นเลือด ข้างๆ เซริเนียน เหล่าริปเปอร์ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่ง ด้วยการนำทัพของเซริเนียนที่อยู่ด้านหลัง ทำให้เหล่าริปเปอร์ต่อสู้อย่างมีระเบียบ โดยได้กำจัดศัตรูไปแล้ว 6-7 คน ด้วยเคียวและเขียวของพวกมัน
“ห๊ะ! พวกมันเป็นตัวอะไรกันวะเนี่ย? มอนสเตอร์พวกนี้มาจากไหนกันวะ—” ชายคนนึงที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เหลือรอด เริ่มส่งเสียงครวญครางขณะที่เซริเนียนจ่อดาบไปที่คอของเขา
“อย่าขยับไม่งั้นแล้วเจ้าจะต้องตาย” เซริเนียนพูดพลางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
“ราชินีของเรามีเรื่องจะถาม ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าฆ่าเจ้าแน่”
ชายคนนั้นได้หันมามองทางฉัน
“หวัดดี” ฉันเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มปลอมๆ
“คุณเป็นคนของแกงค์ลิซิซ่าใช่ไหม คุณเคยโจมตีรถม้าคันนี้ไปเมื่อไม่นานนี้ จำได้ไหม”
“แกเป็นใครวะ ไม่ได้มีอะไรกับแก ฉันต้องการทาสแค่คนนั้น อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของเขาตอนนี้ดีนัก
“ฮึ่มมม…เซริเนียน?”
“พะยะค่ะ ราชินี”
เซริเนียนแทงดาบยาวของเธอเข้าไปในร่างกายของเขา ไม่จำเป็นต้องมีการบอกเป็นนัยใดๆ จิตสำนึกส่วนรวมส่งคำสั่งของฉันไปยังเธอโดยตรง
“อ่า อ้าก อ้ากกก!” ชายจากแกงค์ลิซิซ่าส่งเสียงร้องที่ดูทรมานออกมาหลายครั้ง
“ยอมแล้ว ได้โปรด ใช่เป็นพวกเราเอง!!” ในที่สุดเขาก็สารภาพออกมา
“หัวหน้าได้นำคนไปดักรอ แล้วก็พยายามจะปล้นของ! แต่กับโดนโจมตีเสียเอง พวกเขาจึงวิ่งหนีไป! เมื่อหัวหน้ารู้ข่าวการหนีไป จึงโกรธแค้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเรามาดักรอ”
เขาเล่าให้เราฟังหลายเรื่อง ดูเหมือนว่าเจ้านายของพวกเขาจะเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์ของพวกเขาและกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อตอบโต้พวกเรา เขายังตั้งรางวัลสำหรับหัวของสัตว์เลี้ยง(เหล่าอารัคเน)ของฉันอีกด้วย เขาพูดพล่ามไม่หยุด พูดเรื่องที่ฉันไม่ได้ถามด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าความภักดีของเขาที่มีต่อเจ้านายของเขามีจำกัด
“มีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“นี่คือทั้งหมดที่ฉันรู้ ดังนั้นได้โปรดเถอะ ฉันจะไม่บอกใครว่าฉันพบคุณที่นี่ ดังนั้นปล่อยฉันไป—”
ในเสี้ยววินาที เซริเนียนก็ตัดศีรษะของชายคนนั้น
“ทำดีมาก เซริเนียน”
“พะยะค่ะ ราชินี”
ไม่มีประโยชน์ที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปเมื่อเขาทำหน้าที่ของเขาเสร็จแล้ว หากเราปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ ฉันแน่ใจว่าเขาคงจะหนีไปแจ้งข่าวกับหัวหน้าเป็นแน่
“งั้นเราไปเยี่ยมพวกเขาที่คฤหาสน์กันเถอะ ฉันไม่คิดว่าการกวาดล้างองค์กรอาชญากรรมจะส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกของฉันมากนัก ฉันเชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการสังหารหมู่แบบเก่าๆ แล้ว”
เมื่อตัดสินใจแล้ว ฉันก็กลับไปที่รถม้าพร้อมกับเซริเนียนและเหล่าริปเปอร์ ฉันเกือบจะก่อเหตุสังหารหมู่แล้ว แต่ฉันไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ไอ้สารเลวพวกนั้นฆ่าคนของเราคนหนึ่ง และฉันไม่สามารถให้อภัยพวกมันได้ แม้ว่าสติสัมปชัญญะของริปเปอร์ที่ล้มลงจะยังคงอยู่ในความทรงจำของฉันก็ตาม
“เซริเนียน เหล่าริปเปอร์ เจ้าต้องสังหารทุกคนในคฤหาสน์หลังนั้น ไม่มีใครที่คุ้มค่าพอที่จะไว้ชีวิต ฉีกหัวพวกมันออก ทาผนังเป็นสีแดงด้วยเลือดของพวกมัน วิธีนี้ใช้ได้แม้ว่าบางตัวจะมีเลือดสีเขียวก็ตาม”
“พะยะค่ะ น้อมรับคำสั่ง องค์ราชินี”
น้อมรับคำสั่ง อืมม?
ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกส่วนรวม คำสั่งเหล่านั้นจะต้องเป็นของฉันอย่างแน่นอน เมื่อก่อน ฉันก็กลัวที่จะฆ่าคนเช่นกัน เพราะความผิดอาจบดขยี้ฉันจนแหลกสลาย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ฉันเป็นส่วนหนึ่งของอารัคเน และไฟแห่งเจตจำนงของพวกมันก็จุดขึ้นภายในตัวฉัน ฉันไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป ฉันไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่ฉันยังกลัวอยู่ก็คือการที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์เหล่านี้
เราเดินต่อไปตามถนนจนกระทั่งในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์ขนาดใหญ่ บ้านพักของแกงค์ลิซิซ่าเป็นสถานที่ที่ดูฉูดฉาดและมีกลิ่นอายของความโอ่อ่าและความเจริญรุ่งเรือง
ถึงเวลาที่เราจะเริ่มต้นการโจมตีแล้ว
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานแปลด้วยนะคะ พอดียังเป็นมือใหม่อยู่ อาจะมีติดขัดบ้างบางประโยค ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆสามารถบอกได้เลยนะ
MANGA DISCUSSION