ทหารม้าจำนวน 25,000 นายที่เดินทางไปกับโรแลนด์ เดอ ลอร์เรน ล้วนถูกสังหารไปจนหมดสิ้น
ข่าวนี้ทำให้เลโอโปลด์ตกใจสุดขีด เขาเชื่อมั่นว่ากองทหารม้าจะพลิกกระแสสงครามครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์กับพวกเขา แม้ว่ากองทหารม้าจะเป็นเพียงเบี้ยที่ไร้ประโยชน์ แต่เขาก็คาดหวังอย่างน้อยว่ากองทหารม้าจะผลักดันการรุกรานและซื้อเวลาให้กับกองกำลังเสริมของฟรานซ์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ หน่วยสอดแนมของเลโอโปลด์เพิ่งรายงานว่ากองทัพของมอนสเตอร์ยังคงเดินหน้าเข้าหาดอริส
“ท่านดยุค! เราต้องทำอย่างไรดี?!”
“กองทหารของเราจะสามารถรับมือพวกมันได้หรือเปล่า?!”
อึ๋ย… หัวฉันปวดนะ เลโอโปลด์คิด แต่นี่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ ต้องเป็นความเครียดแน่…
“หุบปาก! ปล่อยให้นายพลจัดการเถอะ!” เขาตะโกนและทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ
“ไร้ความรับผิดชอบจริงๆ!”
“ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านไว้ได้จนกว่ากองกำลังเสริมของฟรานซ์จะมาถึง…”
สมาชิกสภาที่รอดชีวิตต่างคัดค้านทัศนคติของเขาอย่างเป็นเอกฉันท์
“หุบปาก! หุบปากไปซะ! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแขวนคอพวกแกทั้งหมด!” เลโอโปลด์คำราม
หลังจากนั้นชายเหล่านั้นก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านพักของเขา
“โถ่เว้ย! อะไรว่ะ! ทำไมไม่มีอะไรเป็นไปตามทางของฉันเลย! ฉันทำผิดตรงไหน?!”
ชีวิตของเลโอโปลด์จนถึงตอนนี้เต็มไปด้วยความล้มเหลว เขาไม่สามารถบริหารธุรกิจของครอบครัวได้และต้องพึ่งพาอาศัยน้องชาย ทันทีที่โรแลนด์เข้ามาบริหารธุรกิจ ทุกอย่างก็ดีขึ้นทันที และทุกคนก็มองว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจโดยชอบธรรม… แม้ว่าเลโอโปลด์จะเป็นทายาทโดยชอบธรรมก็ตาม
ชีวิตแต่งงานของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นเช่นกัน ทันทีที่เขาได้เป็นสามี เขาก็เริ่มไล่ตามผู้หญิงคนอื่น ทำให้ภรรยาใหม่และครอบครัวของเธอโกรธแค้น แม้ว่าเขาจะสามารถปิดปากพวกเธอด้วยเงิน แต่เขาก็ถูกบังคับให้หย่าร้างกับภรรยาของเขา ในไม่ช้า ความสัมพันธ์ของเขากับเมียน้อยก็แย่ลงเช่นกัน
แล้วตอนนี้ก็มีสิ่งนี้
เขาสามารถขับไล่ศัตรูของเขาออกจากตำแหน่งและเข้ายึดตำแหน่งของซีซาร์ได้สำเร็จ เขาถึงขั้นแขวนคอชายคนนั้น แต่แล้วเหล่ามอนสเตอร์ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาจากทางตะวันตกและเหยียบย่ำเมืองของเขา และตอนนี้พวกมันก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ดอริสมากขึ้นเรื่อยๆ
แสงแห่งความหวังสุดท้ายของเขาคืออาณาจักรของฟรานซ์ แต่พวกเขาได้ละทิ้งอาณาจักรของฟรานซ์และปล่อยให้ชะตากรรมดำเนินไปเอง ยังไม่มีทหารของฟรานซ์แม้แต่คนเดียวที่ข้ามพรมแดน รายงานล่าสุดของพวกเขาบอกเพียงว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวออกเดินทาง
ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีสำหรับเลโอโปลด์เลย ความพยายามทั้งหมดของเขาล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว
“บ้าเอ๊ย! ทำไม? ทำไมฉันถึงทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที ฉันรู้ว่าตัวเองมีความสามารถ ฉันเป็นนักธุรกิจ นักการเมือง และคนดีที่มีความสามารถ แล้วทำไม ทำไม ทำไมโลกถึงต้องมาทำลายฉันด้วย!”
เลโอโปลด์ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เขาเชื่อว่าตนเองถูกต้องเสมอและคนอื่นผิดทุกคน การที่เขาไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นความผิดของโรแลนด์ที่พยายามขโมยธุรกิจไป
การแต่งงานของเขาล้มเหลวไม่ใช่เพราะเขาเป็นชู้ แต่เพราะภรรยาของเขามีอคติและหัวโบราณ
แน่นอนว่าเขาอธิบายความล้มเหลวของเขาในสงครามครั้งนี้ด้วยหลายสาเหตุ: นายพลของดยุคไม่มีความสามารถ ทหารได้รับการฝึกฝนไม่เพียงพอ นายทหารเลือกกลยุทธ์ที่ผิดพลาด และพระสันตปาปาแห่งฟรานซ์ไม่ได้ส่งกำลังเสริมมาตามที่สัญญาไว้…
แต่ไม่ว่าเขาจะโยนความผิดให้ใครแค่ไหน ดยุคแห่งชเตราท์ก็ยังคงอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย และศัตรูก็ยังคงเข้ามาใกล้ เลโอโปลด์สั่งให้นายพลของเขารวบรวมทหารที่เหลืออยู่ในเมืองหลวง แต่เขาก็ไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มเติมเลย พูดตามตรงแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก
มือของเขาสั่นขณะดื่มบรั่นดี
“ท่านดยุค”
“หือ? เอ่อ สวัสดี เซบาสเตียน” เลโอโปลด์มองดูร่างที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยความตกใจ
“กองกำลังเสริมของอาณาจักรโป๊ปในที่สุดก็มาถึงแล้วหรือ”
ผู้ที่เข้ามาหาเขาคือจอมพลนามว่า เซบาสเตียน เดอ ซิลูเอตต์
(\ไรเนี้ยยยย ชื่อยังกับพ่อบ้านแต่เป็นนายพล!วอททท)
“ขออภัยด้วย ท่านดยุค…ยังไม่มีวี่แวว”
“ให้ตายเถอะ เจ้าหมาฟรานซ์ พวกนั้น!”
เซบาสเตียนเป็นทหารที่มีประสบการณ์ซึ่งรับใช้ดยุกมาหลายปี เลโอโปลด์ได้ปล่อยให้กลยุทธ์การป้องกันดอริสขึ้นอยู่กับตัวเขาเองโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้บังคับบัญชาที่มียศสูงสุดเมื่อต้องปกป้องเมืองหลวง
“พวกเขาส่งทหารม้าไปกี่นาย” เซบาสเตียนถาม
“ฉันไม่รู้ บ้าเอ้ย พวกหลอกลวงนั่นไม่ยอมบอกรายละเอียด ฉันไว้ใจพวกเขา แต่พวกเขากลับทรยศเรา”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกป้องเมืองและบีบให้ศัตรูเข้าล้อมเมือง โชคดีที่ดอริสอยู่ติดชายฝั่ง เราจึงสามารถขนส่งเสบียงมาให้เราได้ตลอดเวลา เราสามารถยึดตำแหน่งนี้ไว้ได้ตลอดไป”
“แต่พวกมอนสเตอร์พวกนั้นกวาดล้างเมืองอื่นๆ อย่างรวดเร็ว คุณคิดจริงๆ เหรอว่าเราจะรักษาพวกมันไว้ได้”
“เป็นไปได้ ท่านดยุค แต่ขอบคุณภูมิประเทศของดอริส”
“หืม…?”
เนื่องจากเป็นเมืองชายฝั่งทะเล ดอริสจึงมีท่าเรือและอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอีกด้วย
“ดอริสเป็นเกาะโดยพื้นฐานแล้ว สิ่งเดียวที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของทวีปได้คือสะพานปัวติเยร์อันยิ่งใหญ่ หากเราทำลายสะพานนี้ พวกสัตว์ประหลาดก็จะไม่สามารถเข้ามาในเมืองได้”
“ชะ… ใช่แล้ว! ไม่สำคัญหรอกว่าจะมีมอนสเตอร์กี่ตัวอยู่ที่นั่น พวกมันไม่สามารถข้ามแม่น้ำหรือทะเลได้ ถ้าพวกมันทำได้ พวกมันคงโจมตีนิร์นัลไปหมดแล้ว การที่พวกมันไม่ทำแบบนั้นหมายความว่าเราสามารถปกป้องดอริสได้!”
สะพานปัวติเยร์โดยปกติจะเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าและคาราวานพ่อค้า แต่ในช่วงสงคราม สะพานจะถูกปิดและไม่มีคนเดินถนน
“แต่การทำลายสะพานจะไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหม แม้แต่นักเวทของเราก็ไม่สามารถทำลายมันให้หมดสิ้นไปได้”
“ใช่แล้ว มันจะใช้เวลา แต่จะทำให้ศัตรูบุกเข้ามาได้ยากขึ้นมาก หากเราไม่ทำเช่นนั้น ฉันไม่สงสัยเลยว่าศัตรูจะพยายามเข้ามา”
สะพานแห่งนี้เป็นโครงสร้างที่ทนทานมาก ไม่มีวัตถุระเบิดชนิดใดที่สามารถทำให้สะพานแตกได้แม้แต่น้อย เลโอโปลด์แทบไม่เชื่อว่านักเวทของพวกเขาจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากเพียงใด อย่างไรก็ตาม ศัตรูต้องข้ามสะพานเพื่อเข้าถึงพวกเขา นั่นเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปในดินแดนของดอริสได้
“ถ้าเรารวบรวมกำลังพลบนสะพาน เราจะสามารถป้องกันมอนสเตอร์ไม่ให้เข้าใกล้ได้ด้วยการใช้บัลลิสต้าและการโจมตีด้วยเวทมนตร์ในขณะที่ปิดประตูเอาไว้ เมื่อทำเช่นนี้ เราจะสามารถยึดแนวไว้ได้ แม้ว่าสะพานจะใหญ่โตเพียงใด แต่ก็จำกัดจำนวนมอนสเตอร์ที่สามารถข้ามได้ในแต่ละช่วงเวลา”
สะพานปัวติเยร์มีความกว้างเท่ากับริปเปอร์ห้าตัว จอมพลเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะบีบริปเปอร์ให้เข้าไปอยู่ในคอขวด จากนั้นจึงโจมตีพวกมันและสะพานเสียก่อนที่พวกมันจะไปถึงกำแพงเมือง
“อย่างนี้นี่เอง! เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก!” เลโอโปลด์อุทานด้วยความเชื่อว่านี่คือหนทางสู่ชัยชนะ
“จัดทัพของเราไว้บนสะพานแล้วให้พวกเขาโจมตีศัตรูด้วยทุกสิ่งที่มี! วางบัลลิสต้าไว้บนสะพานด้วย!”
“เดี๋ยวก่อนนะ ท่านดยุค เราต้องคำนึงถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด การรวบรวมกองกำลังทั้งหมดของเราไว้ที่สะพานนั้นอาจเป็นอันตรายได้ เราควรทิ้งคนไว้ในเมืองสักสองสามคน”
“เซบาสเตียน พวกมันจะเข้าเมืองได้ยังไงอีก คุณคิดว่ามอนสเตอร์พวกนั้นเดินบนน้ำได้หรือเปล่า หรือพวกมันมีเรือ เป็นไปไม่ได้ พวกมันจะเข้าเมืองดอริสได้ทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือต้องข้ามสะพานนั้นไปเท่านั้น ถ้าทำได้ก็รีบไปเถอะ ฉันจะส่งหน่วยสอดแนมไปยืนยันว่าพวกมันได้รวมตัวทั้งหมดบนสะพานปัวติเยร์แล้ว”
“ตามความปรารถนาของท่านดยุค”
เลโอโปลด์เริ่มแสดงท่าทีราวกับว่าปฏิบัติการนี้เป็นความคิดของเขาเอง เขาเกือบจะเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นผู้กอบกู้ที่สามารถช่วยดอริสให้พ้นจากวิกฤตินี้ได้
แต่เซบาสเตียนกลับรู้สึกหวาดผวา เพราะกลยุทธ์เดียวของเขาและเมืองเองก็ตกอยู่ในอันตราย หลังจากโค้งคำนับไปทางดยุคแล้ว เขาจึงออกไปรวบรวมทหาร
“ใช่ ใช่แล้ว ฉันสามารถชนะได้… และฉันจะชนะ ครั้งนี้ฉันจะชนะ!” เลโอโปลด์เปิดขวดบรั่นดีราคาแพงขวดใหม่เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่ใกล้เข้ามา โดยเติมแก้วจนเต็ม
————————————————————-
“นั่นคือดอริสสินะ” ฉันครุ่นคิด
ฉันรู้เรื่องนี้จากรายงานของเหล่าอารัคเนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าดอริสเป็นเหมือนป้อมปราการที่ลอยอยู่เหนือทะเล การยึดครองมันไม่ใช่เรื่องง่าย แค่รีบข้ามสะพานและผ่านประตูหน้าของพวกเขาไปก็จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะโจมตีกองกำลังของฉันอย่างเจ็บปวด และการโจมตีของเราจะจบลงด้วยความล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางอื่นที่จะเข้าไปในเมืองหลวงได้ สะพานเป็นเส้นทางเดียวที่เชื่อมดอริสกับส่วนอื่นๆ ของทวีป ในทิศทางอื่นๆ ทั้งหมด เมืองถูกล้อมรอบด้วยทะเลเปิดเท่านั้น
“ทำอย่างไรดี เซริเนียน” ฉันถาม
“ขออภัยด้วยราชินี แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถบอกได้ ถ้าเราใช้เรือได้ เราก็จะสามารถแล่นเรือเข้าเมืองได้ แต่เหล่าอารัคเนไม่สามารถบังคับเรือได้ และสำหรับข้าพเจ้าเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน ดูเหมือนว่าการฝ่าฟันตรงทางข้ามสะพานจะเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าไปได้ ไม่ใช่หรือ”
ใช่แล้วอารัคเนไม่สามารถใช้เรือได้ พวกมันไม่มีทางข้ามแม่น้ำหรือทะเลได้ ในเกม การตั้งค่าทำให้จุดอ่อนนี้ดูไม่เกี่ยวข้องเลย น่าเสียดายที่ความเป็นจริงไม่ได้ใจดีกับเราเลย
“แล้วปัญหาของคุณคือคุณไม่สามารถควบคุมเรือได้หรือ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากข้างๆ เรา
“ถูกต้อง โรแลนด์ เรือจะช่วยให้เรายึดครองเกาะนั้นได้โดยสูญเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับเราแล้ว นั่นคงเป็นแค่ความฝันเท่านั้น”
ฉันกำลังคุยกับโรแลนด์ โรแลนด์คนใหม่ที่ฉันแปลงร่างเป็นอารัคเน ตอนนี้เขาคืออารัคเนอัศวินโรแลนด์ตามที่ฉันตั้งชื่อให้เขา เช่นเดียวกับลีซ่า เขามีครึ่งล่างเหมือนแมลงและมีหางที่ซ่อนเหล็กไนที่มีพิษไว้ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างหลักระหว่างเขากับลีซ่าคือเขามีขาคู่หนึ่งคล้ายแมลงงอกออกมาจากด้านข้าง ขาคู่นี้มีกรงเล็บขนาดยักษ์และยืดหยุ่นได้เหมือนแขนของมนุษย์
“ทำไมไม่จ้างลูกเรือมาบังคับเรือแทนคุณล่ะ” โรแลนด์เสนอ
“น่าเสียดายที่เมืองต่างๆ ตลอดแนวชายฝั่งถูกทำลายโดยกองทัพของขุนนางโง่เขลานั่น ไม่มีใครเหลือรอดให้เราจ้างได้เลย”
“งั้นบางทีฉันอาจจะลองดูก็ได้”
“อะไรนะ” ฉันมองเขาตาค้าง
“คุณรู้วิธีบังคับเรือเหรอ”
“ฉันเคยลองเดินเรืออยู่บ้าง ฉันต้องล่องเรืออยู่หลายครั้งในขณะที่ช่วยเลโอโปลด์ทำธุรกิจของครอบครัว ดังนั้น ฉันจึงคุ้นเคยกับการเดินเรือเป็นอย่างดี ฉันน่าจะสามารถแล่นเรือได้ดีพอสมควร เว้นแต่ว่าพายุจะพัดมา”
แล้วฉันไม่ได้เพิ่งถูกแจ๊คพอตเหรอ?
นอกจากจะเป็นอัศวินผู้มีความสามารถและมีจิตวิญญาณอันยุติธรรมแล้ว โรแลนด์ยังสามารถล่องเรือได้อีกด้วย
ช่างมีความสามารถรอบด้านจริงๆ ฉันสามารถเรียนรู้สิ่งหนึ่งหรือสองสิ่งจากเขาได้
“โรแลนด์ ฉันอยากให้คุณลองบังคับเรือดู เพื่อที่ความรู้จะได้แพร่กระจายไปในจิตสำนึกส่วนรวม ด้วยวิธีนั้น ส่วนที่เหลือของอารัคเนก็จะได้เรียนรู้วิธีทำเช่นนั้นด้วย”
“พะยะค่ะ องค์ราชินี เราจะรวบรวมเรือจากเมืองชายฝั่งและเตรียมกองกำลังโจมตีดอริส” เมื่อพูดจบ โรแลนด์ก็ขึ้นม้าและออกเดินทาง
“เราจะไว้ใจเขาได้จริงหรือองค์ราชินี” เซริเนียนถามขณะมองดูเขาด้วยความสงสัย
“ได้สิ ไม่เป็นไร เขาจะไม่ทรยศต่อเรา คุณไม่รู้หรือว่าเขาเกลียดชังเรามากแค่ไหนผ่านจิตสำนึกส่วนรวม ฉันรู้ แต่เขาต้องการสะสางเรื่องกับพี่ชายที่โง่เขลาของเขา เขาจะไม่หยุดจนกว่าเลโอโปลด์จะตายและอาณาจักรของฟรานซ์พังทลาย”
“ฉันรู้สึกถึงความเกลียดชังของเขาได้ แต่…”
อารมณ์ที่โรแลนด์แสดงออกล้วนเป็นด้านลบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความเกลียดชัง การทรยศ และความโกรธแค้นที่เดือดพล่าน เขาเกลียดชังเลโอโปลด์และพระสันตปาปาที่ทำให้ประเทศของเขาล่มสลาย ตอนนี้เรามีศัตรูร่วมกันสองคน ดังนั้นฉันจึงเชื่อว่าเราสามารถไว้ใจให้เขาช่วยเราได้
“เซริเนียน เขาโกหกพวกเราไม่ได้หรอก พวกเราเป็นพี่น้องกันที่เชื่อมโยงกันด้วยจิตสำนึกอันยิ่งใหญ่เดียวกัน ฉันเชื่อใจโรแลนด์เหมือนกับที่ฉันเชื่อใจคุณ”
“คุณไว้ใจฉันเหมือนกันเหรอ… ฮึ่ม ระหว่างโรแลนด์กับฉัน ใครน่าเชื่อถือกว่ากัน” เซริเนียนถามด้วยน้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อย
“ก็แน่นอนว่าต้องเป็นเธอ” ฉันตอบพร้อมยิ้มเล็กน้อย
“เธอปกป้องฉันมาตั้งแต่แรกเริ่ม คุณคืออัศวินที่รักที่สุดของฉัน และฉันไว้ใจมากกว่าใครๆ”
“ค่ะ องค์ราชินี ข้าพเจ้า… ข้าพเจ้ารู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง!”
“โอ๋ๆ น้ำตาไหลออกมาแล้ว อัศวินไม่ควรร้องไห้นะ”
สำหรับฉันเหล่าอารัคเนก็เหมือนลูกๆ ที่น่ารักของฉัน ซึ่งรวมถึงเหล่าริปเปอร์ที่เคยต่อสู้เพื่อฉันมาจนถึงตอนนี้ เหล่าเวิคเกอร์ที่ทำงานหนักทุกวันเพื่อประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ให้กับกองทัพของเรา เหล่าดิกเกอร์ที่รอคำสั่งของฉันอยู่ใต้ดิน เหล่าอารัคเนหน้ากากที่ทำงานลับ และลีซ่าตัวตนของเราที่กลายเป็นอารัคเน…
แน่นอนว่านั่นหมายถึงเซริเนียนด้วย เธอเป็นอัศวินที่ล้ำค่าที่สุดของฉันและไม่สามารถทดแทนได้
“เอาล่ะ เรามาวางแผนปฏิบัติการของเรากันเถอะ” ฉันพูด
“แค่มีเรือหลายลำก็ถือว่าชี้ชะตาได้แล้ว”
ถึงเวลาที่จะโค่นเมืองหลวงของชเตราท์แล้ว
————————————————————-
ที่สะพานปัวติเย่ร์ซึ่งอยู่หน้าดอริส ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบจนน่าขนลุก เป็นเวลาเช้าตรู่และพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ไม่มีเสียงนกร้องดังไปทั่วอากาศ ดังนั้นเสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงคลื่นซัดสาดหน้าผา
“ศัตรูกำลังมาใช่ไหม” ทหารคนหนึ่งที่ประจำการอยู่หน้าประตูถาม
“พวกมันต้องมาแน่” อีกคนตอบ
“นี่คือเมืองหลวง เป็นที่เดียวที่พวกมันจะมองข้ามไม่ได้ พวกมันจะโจมตีเราแน่นอน และเราต้องหยุดพวกมัน ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเราแล้ว”
ไม่มีใครรู้เลยว่าอารัคเนจะโจมตีเมื่อใด มีกองไฟจุดอยู่เหนือสะพานซึ่งให้แสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่เลียบกำแพงเมือง ทหารมองเห็นเพียงบางส่วนของสะพานเท่านั้น และส่วนอื่นๆ ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยม่านแห่งความมืด
ทันใดนั้น เสียงโลหะกระทบกันอันน่ารบกวนก็ดังมาถึงหูของทหาร
“นั่นคืออะไร?”
“ฉันจะไปตรวจสอบ”
นายทหารชั้นประทวนคนหนึ่งใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อส่องดูให้ชัดขึ้น ตอนนั้นเองที่เขามองเห็นว่ากองทัพแมลงจำนวนมหาศาลกำลังพุ่งเข้ามาที่สะพานปัวติเยร์เป็นจำนวนมาก มุ่งตรงไปที่ประตู
“พบศัตรูแล้ว! เตรียมรับมือพวกมัน!”
จากประตู พวกเขาเห็นกองทัพริปเปอร์ขนาดใหญ่บุกโจมตีสะพานราวกับคลื่นสีดำขนาดใหญ่ ภาพที่เห็นนั้นน่าสะพรึงกลัวจนคนเป็นบ้าได้
“เตรียมบัลลิสต้าไว้ให้พร้อม!”
“ยิงพวกมันด้วยหน้าไม้!”
ทหารยิงลูกศรใส่ริปเปอร์ที่กำลังเข้ามา ธนูธรรมดาไม่มีพลังในการเจาะทะลุที่สามารถใช้งานได้ ในขณะที่บัลลิสต้าและหน้าไม้สามารถออกแรงได้มากกว่ามาก ลูกศรสามารถเจาะทะลุเปลือกภายนอกของอารัคเนได้อย่างง่ายดาย
“เหล่านักเวท จงร่ายเวทย์มนตร์ จงเผาพวกมันให้สิ้นซาก!”
ตามคำสั่ง เหล่านักเวทก็เคลื่อนตัวเข้ามา พวกเขาปลดปล่อยคาถาทั้งแบบเรียบง่ายและเงียบงัน และคาถาขั้นสูงที่ต้องร่ายมนตร์ถึงจะสำเร็จ ส่งผลให้สะพานเต็มไปด้วยลูกไฟ คาถาที่เรียบง่ายกว่าจะติดไฟเมื่อกระทบเท่านั้น แต่คาถาขั้นสูงนั้นไม่ง่ายอย่างนั้น ไฟของพวกมันจะเกาะติดตามเป้าหมายราวกับว่าถูกปกคลุมด้วยของเหลวไวไฟที่เผาไหม้ได้ไม่รู้จบ
เหล่าริปเปอร์กำลังล้มลงสู่กองไฟทีละตัว พันธมิตรของพวกเขาก้าวข้ามร่างของพวกเขาอย่างไม่หวั่นไหวในขณะที่เปลวไฟยังคงลุกลาม เมื่อเห็นว่าเหล่าริปเปอร์ไม่กลัวไฟ ทำให้นักเวทบางคนตกใจกลัว
“อย่าหยุดโจมตี พวกมันกำลังวางแผนที่จะโจมตีเราด้วยกำลังพลจำนวนมาก! หยุดพวกมันให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” คำสั่งนี้มาจากผู้บัญชาการทหารของชเตราท์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากลุ่มนี้
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากภายในกำแพงเมือง รั้วชั่วคราวที่พวกเขาสร้างไว้ตามแนวป้องกันที่สองของประตูเมืองก็แตกออก และทหารที่อยู่ใกล้เคียงก็ถูกเหวี่ยงลงกับพื้น บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิดลึกลับ ขณะที่บางคนยังคงดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ร้องขอความช่วยเหลือ
“เกิดอะไรขึ้น?!” ผู้บัญชาการตะโกน
“ผมไม่ทราบครับท่าน พวกเรายังพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์อยู่!” ลูกน้องคนหนึ่งของเขาตะโกน
ไม่นานสาเหตุของความตื่นตระหนกก็ปรากฏชัดขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีพลเรือนผู้ต้องสงสัยวิ่งไปที่รั้วและระเบิดทันทีที่สัมผัส ทหารที่ติดอยู่ในแรงระเบิดถูกพัดไปไกลหลายเมตร คลื่นกระแทกทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาฉีกขาด และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไอเป็นเลือด
“ในเมืองมีคนก่อกบฏเหรอ?!”
“เราจะทำยังไงดีครับท่าน?”
นั่นเป็นไปไม่ได้เลย มีเพียงเวทมนตร์ขั้นสูงเท่านั้นที่จะสร้างพลังระเบิดอันทรงพลังเช่นนี้ได้ เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่สามารถร่ายเวทมนตร์ระดับนั้นอย่างเงียบๆ จะถูกใช้เป็นอาวุธโจมตี
“เล็งหน้าไม้ไปที่กำแพง! ระวังพวกกบฏของศัตรู!”
ขณะที่ผู้บัญชาการส่งเสียงตะโกนสั่งการ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากเมืองและเดินผ่านรั้วที่พังทลายไปทันที เมื่อหน้าไม้กำลังจะยิงออกไป หัวของคนแปลกหน้าก็แยกออกเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมสองคู่ ขาของแมลงโผล่ออกมาจากหลัง และขาของพวกมันเองก็กลายเป็นหางที่มีเหล็กไนติดอยู่ มอนสเตอร์ทั้งห้าพุ่งขึ้นไปบนกำแพงด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
“อะ-อะไรนะ… พวกมันเป็นอะไรเนี่ย! พระเจ้า พวกมันเป็นแมลงนะ! มอนสเตอร์พวกนั้นสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้งั้นเหรอ!”
ความสับสนและความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจของทหาร และอาวุธของพวกเขาก็พลาดเป้าอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน แมลงก็เคลื่อนตัวผ่านรั้วไปและเริ่มทำลายตัวเองที่กำแพง กำแพงปราการสั่นไหวจนเกือบจะทำให้ผู้บัญชาการและลูกน้องของเขาล้มลงกับพื้น ประตูเหล็กแข็งแรงของดอริสได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงกระแทกจนเกือบจะหลุดออกจากบานพับ
“ประตูชั้นในมัน…!” ทหารคนหนึ่งตะโกนออกมาขณะที่ประตูพังทลายลง
“ใจเย็นๆ เรายังมีประตูชั้นนอกอยู่!” ผู้บัญชาการตอบ
ดอริสมีประตูสองชุดไว้ป้องกัน ประตูชุดแรกทำด้วยไม้และอยู่ภายนอกเมือง ประตูด้านในทำด้วยโลหะแข็งแรง… และถูกทำลายจนหมดสิ้น เหลือเพียงประตูไม้เท่านั้น พวกเขาจะยับยั้งกองทัพริปเปอร์ได้หรือไม่
“ระวังศัตรูภายในกำแพงไว้ขณะที่คุณขับไล่การโจมตีบนสะพาน! ศัตรูกำลังพยายามสร้างโมเมนตัม! ถ้าเราไม่ป้องกันกำแพง ดอริสก็จบเห่! ถ้าเมืองล่มสลาย ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวและคนที่คุณรัก!”
ณ ขณะนั้นเอง…
“ท่านครับ!” ทหารคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นหน้าได้เข้ามาหาผู้บังคับบัญชา
“มีอะไร? รีบไปประจำตำแหน่ง—”
ก่อนที่เขาจะพูดจบทหารก็ระเบิดออกมา
ผู้บัญชาการซึ่งยืนห่างจากทหารเพียงเมตรเดียวถูกระเบิดจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของทหารที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งติดอยู่ในแรงระเบิดดังไปทั่วอากาศ
“เวรเอ๊ย! พวกกฏบของพวกมันยังรวมอยู่กับทหารของเราด้วยซ้ำ!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งด่า
“เฮ้ ถ้าใครเจอทหารที่ไม่รู้จัก ให้รีบแจ้งทันที! พวกเขาอาจจะเป็นสายลับของศัตรูก็ได้!”
ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ความโกลาหลก็เข้าครอบงำผู้คนที่อยู่บนกำแพงอย่างรวดเร็ว เลโอโปลด์สั่งให้ส่งทหารไปประจำการที่นั่นเป็นจำนวนมาก แม้แต่มากเกินไปด้วยซ้ำ ดังนั้น กองทัพส่วนใหญ่ของดอริสจึงต้องดิ้นรนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
“สู้ต่อไปในนามของดยุค! หยุดพวกมอนสเตอร์พวกนั้นซะ!” นายทหารพูดขึ้น ก่อนจะเข้ามาสวมบทบาทเป็นผู้บัญชาการที่ตายไปแล้ว
“เฮ้!!!” พวกทหารตอบรับคำพูดให้กำลังใจของเขาด้วยเสียงร้องรบ
บังเอิญว่าการบุกของริปเปอร์เริ่มช้าลง—ไม่สิ มันกำลังจะหยุดลงโดยสิ้นเชิง พวกมันพยายามฝ่าซากศพที่ไหม้เกรียมของสหายเพื่อปิดประตู แต่การยิงธนูและหน้าไม้บังคับให้พวกมันต้องหลบหนี จากนั้นก็ล่าถอยในที่สุด
“ฮ่าฮ่า มอนสเตอร์กำลังหนีไปแล้ว สมน้ำหน้าเจ้าพวกแมลงสาบ!”
“ชัยชนะเป็นของเรา!”
ทหารที่ประตูเมืองดีใจเมื่อเห็นกองทัพริปเปอร์กำลังล่าถอย
“เราชนะแล้ว…?” นายทหารถามออกเสียงดัง
หลังจากเหยียบย่ำเมืองนับไม่ถ้วนทั่วอาณาจักร กองทัพริปเปอร์ก็เริ่มล่าถอยเป็นครั้งแรก เจ้าหน้าที่รู้สึกยากที่จะเชื่อเมื่อเห็นมอนสเตอร์วิ่งหนีไป พวกเราชนะจริงๆ เหรอ? ใช่แล้ว นั่นต้องเป็นอย่างนั้น ศัตรูยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ประตูได้รับความเสียหายมากมาย แต่สุดท้ายแล้ว ก็ยืนหยัดอย่างมั่นคงท่ามกลางการรุกราน
“เราทำได้! เราชนะ!”
“เย้! ชัยชนะเป็นของเราแล้ว!”
ทหารโห่ร้องด้วยความดีใจ ถอดหมวกออกแล้วยกหน้าไม้ขึ้น พวกเขาดีใจมาก เพราะเชื่อว่าในที่สุดพวกเขาก็ปราบแมลงร้ายได้
อย่างไรก็ตาม การเฉลิมฉลองอันแสนสุขของพวกเขาใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“ผู้บัญชาการของคุณอยู่ไหน ฉันต้องการตัวเขาเดี๋ยวนี้!” เซบาสเตียน เดอ ซิลูเอทตะโกนจากบนกำแพง
“เขาเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ครับท่าน ขณะนี้ผมเป็นผู้รับผิดชอบ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบ
“อืม งั้นหรอ” เซบาสเตียนพยักหน้า
“งั้นก็รีบเตรียมตัวเข้าเมือง! เราต้องรีบแล้ว!”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรครับ เกิดจลาจลหรือครับ?”
“จลาจลเหรอ? คุณไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ” เซบาสเตียนถอนหายใจ
“ฉันคงไม่โทษคุณหรอก เพราะคุณสู้รบอยู่แนวหน้าจนถึงตอนนี้ ฟังนะ นี่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ นั่นไม่ใช่กำลังหลักของศัตรู และนั่นคือเหตุผลที่คุณผลักดันพวกมันกลับไปได้ กองทัพของศัตรูบุกเข้ามาจากทะเล และตอนนี้พวกมันก็ยึดครองศูนย์กลางเมืองได้แล้ว พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทางนี้ตอนนี้ เราต้องสกัดกั้นพวกมัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน พวกมันฉลาดกว่าที่เราจะจินตนาการได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
“จากทะเลเหรอ? ไร้สาระ พวกเขาข้ามมาได้ยังไง??”
ก่อนที่เขาจะได้ยินคำตอบ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในระยะไกล
“การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ทิ้งกองกำลังเล็กๆ ไว้ที่นี่แล้วออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ค-ครับท่าน!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่รีบรวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชาของตน พวกเขาติดอาวุธระยะประชิดและลงจากกำแพงกั้น เรียงแถวกันเพื่อมุ่งหน้าสู่ถนน
“นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมฉันถึงขอให้เขาประจำการทหารไว้ในเมือง” เซบาสเตียนกระซิบขณะมองดูควันดำลอยขึ้นในระยะไกล
อารัคเนได้ลงจอดสำเร็จแล้วและตอนนี้กำลังเริ่มอาละวาด การต่อสู้ได้พลิกกลับ และตอนนี้เหล่าทหารกำลังดิ่งลงสู่ความพ่ายแพ้
————————————————————-
ไม่ถึงสามสิบนาทีก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เราก็ขึ้นเรือไม้เพื่อไปยังดอริส โรแลนด์บอกว่าเขาเลือกเรือที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่บอกตามตรงว่าการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างลำบาก ฉันเมาเรือจนคิดว่าตัวเองอาจจะตายได้ และลีซ่าก็หน้าซีดมากเช่นกัน มีเพียงโรแลนด์และเซริเนียนเท่านั้นที่ดูสบายดี
แน่นอนว่าเหล่าอารัคเนก็เหมือนกัน ฉันรักลูกๆ ของฉันมาก แต่พวกเขาไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าฉันต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน
“เราจะไปถึงที่นั่นเร็วๆ นี้” โรแลนด์บอกฉัน
“โอเค อืม… ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับมายืนบนพื้นดินที่มั่นคง” ฉันตอบอย่างเหนื่อยล้า
ฉันเคยขึ้นเรือเฟอร์รี่มาก่อน แต่ครั้งนี้ถือเป็นการล่องเรือที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา เรือโคลงเคลง สั่นไหว ราวกับว่าทุกอย่างในเรือลำนี้ถูกออกแบบมาเพื่อฆ่าผู้โดยสาร ฉันรู้สึกเหมือนเรืออาจพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ และฉันต้องการเพียงแค่กลับสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของพื้นดินโดยเร็วที่สุด
“โรแลนด์ อีกไม่นานคือ ‘เร็วๆ นี้’ ใช่ไหม?”
“อืม ฉันคิดว่าประมาณสามสิบนาที”
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ฉันจึงเข้าถึงจิตสำนึกส่วนรวมและยืนยันสถานการณ์ของการต่อสู้บนกำแพง เหล่าอารัคเนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงขณะที่บุกสะพานปัวติเยร์ พวกมันถูกโจมตีด้วยสายฟ้าและไฟ และประตูดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไปทุกที แต่พวกมันก็ยังเดินหน้าต่อไป
ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ ที่ใช้เป็นเบี้ยชั่วคราวในปฏิบัติการนี้ แต่สิ่งนี้จำเป็นสำหรับชัยชนะของเรา โปรดยกโทษให้ฉัน เพื่อแลกเปลี่ยน ฉันจะทำให้แน่ใจว่าเราชนะ
ฉันโศกเศร้าเสียใจกับเหล่าริปเปอร์และอารัคเนหน้ากากที่ถูกสังเวยในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ฉันก็ได้รวบรวมความมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ ความรู้สึกคลื่นไส้ของฉันลดลงเล็กน้อย และความรู้สึกปั่นป่วนก็ถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันต้องชนะให้ได้ ฉันเสียสละอะไรไปมากแล้ว การสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้ไม่ใช่ทางเลือก
ฉันยังคงมีริปเปอร์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมนับแสนตัว แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคงดูแลเหล่าริปเปอร์ทุกตัว ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกมันตายไปโดยเปล่าประโยชน์ได้
“องค์ราชินี ศัตรูกำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อป้องกันกำแพง” เซริเนียนรายงาน
“ใช่แล้ว ริปเปอร์และอารัคเนหน้ากากยอมสละชีวิตเพื่อให้เราได้มีโอกาสนี้ เราไม่สามารถปล่อยให้มันสูญเปล่าได้”
“พวกเราจะไม่แน่นอน พี่น้องของเราได้มีส่วนสนับสนุนอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้รับชัยชนะ”
“พวกเขาทำได้แน่ ไม่ว่าจะต้องทำอะไร เราก็จะชนะ”
ฉันและเซริเนียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการยุติสงครามนี้
“พวกเราจะถึงแผ่นดินเร็วๆ นี้แล้ว องค์ราชินี!” โรแลนด์ตะโกนออกมา
“เมื่อเราถึงแผ่นดินแล้ว คงจะลำบากนิดหน่อย!”
“ฉันชินแล้ว! มันทำให้ฉันสั่นได้มากเท่าที่ต้องการ!” ฉันตะโกนกลับ
ภายใต้แสงจันทร์ เราเห็นเรือหลายลำแล่นเคียงข้างเรือของเรา เรือทุกลำเป็นเรือไม้ที่เราเก็บมาจากท่าเรือชเตราท์ บางลำเก่ามากจนดูเหมือนว่าอาจจมลงได้ทุกเมื่อ ในขณะที่ลำอื่นๆ ใหม่กว่าแต่มีขนาดเล็กกว่า
เรือเหล่านี้เต็มไปด้วยกองทัพริปเปอร์
“ทหารมักจะอ่อนแอหลังจากการออกทัพ ดังนั้น ฉันหวังว่าเหล่าริปเปอร์ที่ประตูจะทำหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจกองกำลังส่วนใหญ่ของพวกมันได้ดี”
ปฏิบัติการขึ้นบกมีความเสี่ยงสูง หากศัตรูยึดจุดขึ้นบกของเราได้ เราคงเป็นเป้านิ่งแน่ พวกมันจะทำลายล้างเราเสียก่อนที่เราจะรู้ตัว พวกมันยังสามารถโจมตีเรือของเราด้วยเวทมนตร์จากระยะไกลและส่งเราไปยังหลุมศพใต้น้ำได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องเสี่ยงดวงหากต้องการชัยชนะ
“อีก 5 นาทีจะลงจอด!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของโรแลนด์ เรือลำอื่นๆ ก็เร่งความเร็วขึ้น และมุ่งตรงไปที่ชายฝั่งของดอริส
“เหล่าริปเปอร์เป็นลูกเรือที่เก่งอย่างน่าประหลาดใจ” โรแลนด์กล่าว เขามีความประทับใจอย่างเห็นได้ชัด
“พวกมันเคลื่อนไหวเป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกส่วนรวม” ฉันอธิบาย
“เมื่อหนึ่งในพวกมันเรียนรู้บางสิ่ง สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็จะเรียนรู้สิ่งนั้นด้วย หากพวกมันแต่ละคนเรียนรู้ข้อมูลหนึ่งอย่าง พวกมันทั้งหมดจะได้รับข้อมูลนั้นในคราวเดียว พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์มาก”
ใช่ อารัคเนเหล่านี้เรียนรู้ได้เร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ คนหนึ่งสามารถเรียนรู้ชีววิทยาได้ และคนอื่นๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ทันที แม้ว่าจะไม่เคยเปิดหนังสือชีววิทยาเลยก็ตาม ถ้าฉันขอให้พวกเขาไม่กี่คนศึกษาชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ และดนตรี อารัคเนทั้งหมดจะเรียนรู้หัวข้อเหล่านั้นทั้งหมดในคราวเดียว นั่นคือความแข็งแกร่งของจิตสำนึกส่วนรวม
ในเกม กลไกนี้จะขยายไปถึงการที่เหล่าอารัคเนได้รับค่าประสบการณ์โดยไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อนำไปใช้ในสถานการณ์ที่สมจริงมากขึ้น ความสามารถนี้จะแสดงให้เห็นถึงขอบเขตการใช้งานที่น่าทึ่ง อารัคเนอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลกนี้
“พร้อมลงจอดภายในไม่กี่วินาที! เตรียมพร้อมรับแรงกระแทก!”
เรือของเราแล่นผ่านทะเลอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าชนฝั่ง
ตามคำสั่งของฉัน เหล่าอารัคเนได้ไหลลงมาจากเรือและกระโดดขึ้นท่าเทียบเรือเพื่อเริ่มบุกเข้าเมือง กลุ่มหนึ่งแยกตัวออกไปบุกประภาคารและเรือรบที่จอดอยู่เพื่อกำจัดทหารที่อยู่ในเรือ
“องค์ราชินี พวกเราลงจอดได้สำเร็จแล้ว!” เซริเนียนรายงาน
“เฮออ ฉันไม่ขออะไรมากกว่านี้อีกแล้ว ทำได้ดีมากทุกคน”
ขณะนี้แมลงของฉันกำลังวิ่งไปมาบนถนนของดอริส แสงแดดอุ่นๆ สาดส่องไปที่กรงเล็บของพวกมัน หลังจากที่เราลงจอดได้สำเร็จ ชัยชนะก็ใกล้เข้ามาแล้ว ตอนนี้ศัตรูของเราถูกผลักจนเกือบถึงขอบเหวแล้ว การส่งพวกมันลงสู่เหวแห่งความสิ้นหวังจึงเป็นเรื่องง่าย เราจะจุดไฟแห่งความตื่นตระหนกและความกลัวเข้าไปในหัวใจของพวกมัน และลงมือแก้แค้นอย่างถูกต้องสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“เซริเนียน ลีซ่า และโรแลนด์—จงไปที่บ้านพักของดยุค ซึ่งน่าจะตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของเกาะแห่งนี้ ฉันแน่ใจว่าคุณจะหามันเจอในไม่ช้า”
“ฉันจะนำทาง” โรแลนด์พูดพร้อมพยักหน้า
“เอาล่ะ โรแลนด์ ไปกันเถอะ”
เมื่อบุกโจมตีดอริส เหล่าอารัคเนมีเป้าหมายสองอย่าง ประการแรกคือการยึดครองบ้านพักของดยุค เราต้องกำจัดเลโอโปลด์หากต้องการชนะสงครามครั้งนี้ นอกจากนี้ ฉันยังมีเรื่องแค้นเคืองมากมายที่ต้องชำระกับเขา การปล่อยให้เขาตายไปอย่างง่ายดายไม่ใช่ทางเลือก
ประการที่สอง เราต้องทำลายประตูที่สอง การเปิดจากด้านในจะทำให้อารัคเนที่อยู่นอกกำแพงกลับมารวมกลุ่มกับเราได้ เมื่อประตูเปิดออก ศัตรูก็จะหมดทางสู้ พวกมันสามารถสวดภาวนาได้มากเท่าที่ต้องการ แต่กองทัพอารัคเนก็จะเข้ามารุมโจมตีพวกมันเช่นกัน
ฉันออกจากประตูที่สองไปยังบ้านพักของดยุค และออกเดินทางพร้อมกับกองทัพริเปอร์และกลุ่มของฉันเพื่อเข้าโจมตี ฉันรู้สึกแย่แทนผู้คนของมารีน พวกเขาปฏิบัติกับฉันดีมาก แต่กลับต้องกลายเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้
แต่ตอนนี้ฉันจะแก้แค้นคุณแล้ว
ฉันต้องการทำให้เลโอโปลด์ต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสและเอาหัวของเขาไปเสียบกับหอกที่ประตูเมือง ฉันตั้งใจจะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน ฉันกระโดดขึ้นไปบนหลังของริปเปอร์และตามเซริเนียน ลีซ่า และโรแลนด์ไปพบเลโอโปลด์
————————————————————-
“เกิดอะไรขึ้น เซบาสเตียน พวกเราไม่ได้ต้านการโจมตีของศัตรูที่ประตูออกไปเหรอ!” เลโอโปลด์ขู่
ดยุคเพิ่งได้รับรายงานว่าทหารของเขาที่สะพานปัวติเยร์ได้บดขยี้กองกำลังของศัตรู ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าพวกเขาชนะสงคราม อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งได้ยินมาว่ากองทัพขนาดใหญ่ของอารัคนได้ยึดดอริสและสังหารทหารของพวกเขา และพวกมันกำลังเดินทัพไปที่ประตูเมืองจากภายในเมืองเอง
“ดูเหมือนว่าศัตรูได้จัดจัดฉากการโจมตี และเทียบท่าที่ชายฝั่ง พวกเราไม่ได้คาดหวังว่าพวกมันจะสามารถใช้เรือได้… เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นมากกว่ามอนสเตอร์”
“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม! โจมตีกลับและยึดเมืองคืนทันที! ฉันคิดว่าคุณวางแผนไว้สำหรับทุกสถานการณ์แล้ว ไอ้โง่ไร้ความสามารถ!” เสียงตะโกนของเลโอโปลด์ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ รอบๆ หน้าต่างมีเปลวไฟจากเมืองที่กำลังลุกไหม้อยู่ไกลๆ
“คุณหาว่าฉันไร้ความสามารถงั้นเหรอ? ฉันคัดค้านการส่งกองกำลังทั้งหมดของเราไปที่ประตูเมือง ฉันบอกคุณแล้วว่าเราควรทิ้งกองกำลังสำรองไว้ คุณเป็นคนปฏิเสธข้อเสนอของฉัน ดยุคลอร์เรน ความรับผิดชอบในเรื่องนี้ตกอยู่ที่คุณ!”
เซบาสเตียนคัดค้านการส่งทหารทั้งหมดไปที่สะพานปัวติเยร์ เขาคิดว่าโอกาสที่จะเกิดการโจมตีแบบกะทันหันมีน้อยมาก แต่เขาแนะนำให้ทิ้งกองกำลังไว้เผื่อไว้ เลโอโปลด์ต่างหากที่ปฏิเสธคำแนะนำของเขา
“ไอ้โง่! คุณมีสิทธิ์อะไรมาโต้ตอบผู้นำของคุณ!” เลโอโปลด์ตะโกนเสียงดังจนน้ำลายหกออกมาจากมุมปาก
“ฉันคือดยุคแห่งชเตราท์! คุณกล้าวิจารณ์ฉันเหรอ! ความรับผิดชอบเรื่องนี้ตกอยู่ที่ท่าน!”
“การที่คุณได้รับการแต่งตั้งให้เป็นดยุคถือเป็นความผิดพลาด หากคุณไม่ถอดถอนดยุคชารอน เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ความเชื่ออย่างงมงายของคุณที่มีต่อวิธีการสองหน้าของฟรานซ์ทำให้คุณกลายเป็นผู้นำที่แย่ที่สุด”
“ไล่ออก! คุณถูกไล่ออกจากตำแหน่ง! ฉันจะปลดคุณออกจากตำแหน่งและปลดเหรียญทุกเหรียญที่คุณเคยได้รับ! คุณจะต้องเสียใจที่พูดจาเหยียดหยามฉันเมื่อคุณเน่าเปื่อยอยู่ในคุกใต้ดินไปตลอดชีวิต!”
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะเข้าใจสถานการณ์ดีนัก ดยุคลอร์เรน ดอริสจะล้มสลายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองอื่นๆ สิ่งเดียวที่รอเราทั้งคู่อยู่ก็คือความตาย ปล่อยวางเถอะถ้ามันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ฉันพูดได้อย่างแน่นอนว่าคำขู่ของคุณไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงเลย”
ใช่แล้ว เมืองดอริสกำลังใกล้จะล่มสลาย กองกำลังกึ่งทหารกำลังถูกจัดระเบียบอย่างรวดเร็วบนถนนในเมืองเพื่อพยายามหยุดยั้งการรุกรานของเหล่าอารัคเน แต่พวกเขาไม่มีเกราะและมีอาวุธที่อ่อนแอ พวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อล่อของเหล่าริปเปอร์ได้อย่างง่ายดาย
เหล่าอารัคเนเริ่มควบคุมเมืองได้อย่างต่อเนื่อง ทันทีที่เหล่าอารัคเนที่เดินเรือได้ขึ้นฝั่งและเคลื่อนพลไปปล้นสะดมเมือง อารัคเนที่อยู่ด้านนอกก็เคลื่อนทัพไปที่ประตูชั้นนอกอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เกือบจะถูกทำลายไปแล้ว ทหารบนกำแพงถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และศีรษะของนักเวทก็ถูกฉีกออกก่อนที่พวกเขาจะสามารถยิงคาถาต่อได้
เมืองหลวงชเตราท์ถูกกำหนดให้ล่มสลาย เหลือเวลาเพียงชั่วโมงหรือสองชั่วโมงเท่านั้น
“ต้องมีวิธีใดวิธีหนึ่งที่จะชนะ… ต้องมีทางใดวิธีหนึ่งที่จะเอาชีวิตรอดจากสิ่งนี้ ความคิดที่ทหารโง่เขลาอย่างคุณที่ไม่มีสมองจะคิดขึ้นมาได้ เลโอโปลด์ คิดดูสิ! ไม่งั้นมันคงไม่สมเหตุสมผล… สุดท้ายฉันก็ประสบความสำเร็จเสมอ”
เลโอโปลด์จิบบรั่นดีอีกครั้งแล้วเริ่มเดินไปมาในห้องของเขาเหมือนเสือที่ไม่เคยอยู่นิ่ง
“ยอมแพ้เถอะ เราไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว ถ้าทำอย่างรอบคอบกว่านี้ สถานการณ์อาจจบลงด้วยความได้เปรียบของเรา”
“เงียบปากซะ! ฉันไม่ได้แพ้! ฉันจะชนะและผ่านมันไปให้ได้! ไปตายซะฉันไม่สนหรอก!”
ทั้งหมดนี้อาจหลีกเลี่ยงได้ หากเขาไม่ใช้กองทัพขุนนางเป็นเครื่องมือในการสังเวย หรือหากเขามีไหวพริบทางการทูตที่จะมองเห็นเจตนาของอาณาจักรโป๊ป… หรือหากเขาเพียงแค่เลือกแนวทางปฏิบัติที่ไม่ไปยั่วยุอารัคเน
มีคำถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้น” เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในอดีตไม่มีที่ว่างสำหรับความเป็นไปได้ มีเพียงข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มีทางย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดได้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับความจริงตามที่เป็นอยู่
“ท่านดยุค ศัตรู กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!”
เสียงที่เตือนเลโอโปลด์ถึงความหายนะที่เขาจะต้องเผชิญได้มาถึงแล้ว เร็วและรุนแรงจนเกินไป
ขอขอบคุณสำหรับการติดตามผลงานแปลด้วยนะคะ พอดียังเป็นมือใหม่อยู่ อาจะมีติดขัดบ้างบางประโยค ถ้าประโยคไหนอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆสามารถบอกได้เลยนะ
MANGA DISCUSSION