ที่แนวรอบนอกของกำแพงเมือง ฉันกับโพเมร่ากำลังต่อสู้กับพวกก็อบลิน
ฉันพยายามยื้อเวลาไปพลางใช้ด้ามดาบปัดการโจมตีของพวกมัน เพื่อหาช่องว่างในการเคลื่อนไหว
โพเมร่าเองก็ดูจะประหยัดเวทไว้ จึงเลือกที่จะใช้ไม้เท้าฟาดแทนที่จะร่ายเวท
“มีมากกว่าที่คิดนะคะ…”
ฉันเบี่ยงหลบไม้พลองของก็อบลินแล้วใช้ด้ามดาบกระแทกมันถอยกลับไป
แค่จัดการได้หนึ่งตัว เราก็จะได้รับค่าตอบแทนจากกิลด์ราวสองพันโกลด์
โพเมร่าบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ เป้าหมายของวันนี้คือกำจัดให้ได้แปดตัวด้วยกัน
ทว่า ไม่นานหลังจากที่เราออกจากที่ราบ ก็กลับถูกล้อมด้วยก็อบลินถึงห้าตัวทันที
“บางที… แถวนี้อาจจะมีก็อบลินรังใหญ่อยู่ก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น ควรแจ้งกิลด์แล้วให้พวกนักผจญภัยระดับ C มาสำรวจพื้นที่จะดีกว่า ถ้าเรากำจัดพวกมันได้บางส่วนก็คงพอทำให้มันตื่นกลัวแล้วหนีไปได้… แต่อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีแค่สองคน คงลำบากอยู่ค่ะ…”
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
สาเหตุที่ฉันเลือกใช้แต่ด้ามดาบแทนที่จะใช้คมดาบนั้น มีเหตุผลอยู่
———————————————
【ดาบแห่งวีรชน กิลกาเมช】《ระดับ: เทวะ》
พลังโจมตี: +3500
พลังเวทย์: +2500
ดาบเล่มนี้เคยเป็นของเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่จากอาณาจักรหนึ่งเมื่อสามพันปีก่อน
อาณุภาพแสงของมันสามารถตัดขาดพลังชีวิตของมอนสเตอร์และปีศาจได้โดยตรง
ในมหากาพย์โบราณกล่าวขานถึงมันว่า “รัศมีดาบทองคำ”
ผู้ถือครองคือหนึ่งใน “สี่วีรชนแห่งยุคมืด” ผู้โค่นล้มพิธีกรรมสาปแช่ง “คำสาปฝันร้าย” ของจอมมารสูงสุดทั้งห้าลงได้ และยุติการปกครองอันมืดมนที่ยาวนานถึงสองร้อยปี
เชื่อกันว่าหนึ่งในสามของทรัพยากรทั้งหมดของอาณาจักรได้ทุ่มลงไปในดาบเล่มนี้
เมื่อเจ้าชายผู้เป็นเจ้าของดาบล้มป่วยด้วยโรคประหลาดและเสียชีวิต ดาบเล่มนี้ก็หายไปพร้อมร่างของเขาราวกับถูกส่งคืนสู่พระเจ้า
———————————————
นั่นคืออาวุธที่ฉันกำลังใช้อยู่ในตอนนี้
เป็นหนึ่งในของที่ได้มาจากลูนาเอล
คมดาบเป็นสีทองเคลือบสีน้ำเงิน ให้ประกายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทำไมดาบในตำนานเช่นนี้ถึงไปอยู่ในดันเจี้ยนใต้ดินได้… หรือว่าตัวตนของเจ้าชายคนจะนั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดที่เทพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อปรับสมดุลที่เอนเอียงไปทางฝ่ายมอนสเตอร์กันแน่—ฉันเองก็เผลอคิดลึกไปถึงจุดนั้น
แต่เรื่องพวกนั้นยังไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญกว่านั่นคือ—ดาบเล่มนี้มัน แข็งแกร่งเกินไป
ทีแรกฉันก็แค่เอาด้ามดาบสะกิดเบาๆ ใส่ก็อบลิน แต่พอพลังเวทย์ของพวกมันต่ำเกินไป มันก็สลายกลายเป็นทรายในพริบตา แล้วโพเมร่าก็เริ่มมองฉันด้วยสายตาน่าสงสัยทันที
โชคดีที่พอมันหายไปทั้งตัว ฉันยังสามารถกลบเกลื่อนได้ว่าเธอคงตาฝาด
แต่จะใช้มุกเดิมซ้ำไม่ได้แน่นอน
ตอนนี้ฉันจึงต้องรับมือกับก็อบลินโดยใช้แค่ด้ามดาบจริงๆ
…ถ้าเผลอแสดงพลังของลูนาเอลแม้แต่นิดเดียว สำหรับคนที่มีนิสัยระวังเกินเหตุอย่างโพเมร่า มันอาจกลายเป็นเหตุผลให้เธอตัดสินใจแยกทางกับฉันได้เลย
แม้จะรู้ว่าเราคงปิดบังแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
แต่วันนี้ อย่างน้อยขอให้ผ่านไปด้วยวิธีนี้ก่อน แล้วค่อยคุยกันทีหลังก็ยังไม่สาย
ในขณะที่ฉันกำลังดูจังหวะของโพเมร่า เธอก็ถูกแรงฟาดของไม้พลองจากก็อบลินจนไม้เท้าหักทื่อ
แย่แล้ว… ฉันมัวแต่มองเพลินไปหน่อย
ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บไปล่ะก็—สิ่งที่เรากำลังทำทั้งหมดนี้จะไร้ความหมายทันที
ฉันเตะก็อบลินตัวหน้าถอยออก แล้วใช้ด้ามดาบแทงหน้าผากของตัวที่กำลังเงื้อมือจะตีโพเมร่า
“ไม่เป็นไรใช่ไหม!”
ทันใดนั้น ก็อบลินที่ฉันเตะก็ระเบิดกระจายไปทั้งตัว
ส่วนตัวที่โดนแทงหน้าผากก็ปลิวหัวกระเด็นตรงออกไปกลางทุ่ง
“คะ ค่ะ โพเมร่า…ไม่เป็นไรค่ะ…”
เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก ขณะที่จ้องดูหัวของก็อบลินที่ลอยหายไปตาไม่กะพริบ
ตะ ตายง่ายเกินคาด…
ถ้าจะเคลื่อนไหวเอง ต้องระวังให้มากกว่านี้จริงๆ
ก็อบลินที่เหลืออีกสองตัวถึงกับทิ้งไม้พลองแล้ววิ่งหนีเตลิด
“ดะ ดีจังเลยค่ะ ที่มีสองตัวหนีไป แบบนี้เรากำจัดไปได้สามตัวแล้ว…”
ฉันว่าแล้วก็รีบตรวจสอบศพของพวกมัน
ก็อบลินที่ถูกแทงด้วยดาบวีรชนกลายเป็นทรายไปหมด คงไม่สามารถนำซากกลับไปยืนยันกับกิลด์ได้
เมื่อวานนี้กิลด์เพิ่งแจ้งว่า ต้องนำหูซ้ายของก็อบลินมาเป็นหลักฐานยืนยันเท่านั้น
“ตะ ตอนนี้เรากำจัดไปได้สองตัว… เป้าหมายที่เหลือคืออีกหกตัวสินะ”
ฉันพูดใหม่อีกครั้ง
…แม้ว่าหัวของเจ้าตัวที่ถูกแทงจะปลิวไปไกลจนไม่น่าจะหาเจอก็ตาม
“…รู้ค่ะ ว่าถามอะไรแบบนี้มันเสียมารยาท แต่…คานาตะซัง… คุณคงเป็นคนที่มีเลเวลสูงมากเลยใช่มั้ยคะ…?”
โพเมร่าเหลือบตามองไปยังทิศที่หัวก็อบลินลอยหายไป ก่อนจะเอ่ยอย่างระวัง
“อะ อาจจะแค่บังเอิญโดนจุดตายก็ได้น่ะ…”
“จุดตาย…?”
“คือว่า…”
ระหว่างที่ฉันกับโพเมร่ากำลังพูดคุยกันนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
ไม่ใช่แค่ตัวเดียว… มีมากกว่านั้น
พอหันกลับไป ก็เห็นกลุ่มก็อบลินกำลังวิ่งตรงมาทางนี้
นับคร่าวๆ ได้มากกว่ายี่สิบตัว
และไม่ใช่แค่พวกธรรมดา ยังมีพวกที่มีลวดลายสีแดงปนด้วยอีกสามตัว
โพเมร่าเคยเตือนไว้แล้ว ถ้าเห็นเมื่อไหร่ให้รีบหนีทันที
พวกนั้นคือ “ก็อบลินลีดเดอร์” ตัวระดับสูง
เมื่อฝูงก็อบลินก่อตัวขึ้น จะมีหนึ่งในนั้นได้รับพลังพิเศษ กลายเป็นสีแดง แล้วเป็นผู้นำฝูงแทน
“มะ ‘มอนสเตอร์พาเหรด’!? แถวเมืองไม่น่าจะเกิดอะไรแบบนี้ได้นะคะ! ถ้าหนีก็จะถูกล้อมในไม่ช้าแน้! ใช้เศษกิ่งไม้ต้นเปลวเพลิงเถอะค่ะ! พวกก็อบลินกลัวไฟ! ถึงจะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย…!”
สถานการณ์แบบนี้คงปิดบังพลังไว้ไม่ได้อีกต่อไป
ขณะฉันกำลังชักดาบเตรียมตัว ก็เห็นว่า มีใครบางคนอยู่ที่หัวขบวนของพวกก็อบลิน
เป็นชายเตี้ย จมูกงุ้มเหมือนปากเหยี่ยว
เขาก้มตัวต่ำ วิ่งถือเขาสีเขียวหยกหน้าตาประหลาดตรงมาทางเรา
ใบหน้าเขายิ้มเยาะ แต่แววตากลับอำมหิตจนน่าขนลุก
MANGA DISCUSSION