“ร้านขายของเบ็ดเตล็ดตรงนี้แหละค่ะที่อยากแนะนำ! มีของหลากหลายมาก แต่พื้นฐานคือเน้นขายให้พวกนักผจญภัยโดยเฉพาะค่ะ ตั้งแต่กระบอกน้ำ มีด โพชั่นฟื้นฟู ไปจนถึงกิ่งไม้แห้งจากต้นเปลวไฟที่ใช้จุดคบเพลิงก็มีนะคะ เรื่องอุปกรณ์เย็บปักไม่ต้องห่วงค่ะ โพเมร่ามีติดตัวอยู่แล้ว—ฝีมือเย็บผ้าของโพเมร่าเนี่ย…เคยได้รับคำชมจากโฮลี่ซังมาแล้วครั้งนึงเลยนะคะ!”
หลังจากออกจากกิลด์นักผจญภัย ฉันก็เดินไปยังร้านขายของพร้อมกับฟังคำแนะนำเรื่องพื้นฐานของนักผจญภัยจากโพเมร่าไปด้วย
ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่าอุปกรณ์เย็บผ้านี่จำเป็นไปทำไม แต่พอฟังแล้วถึงรู้ว่าใช้ซ่อมเสื้อผ้าที่เสียหายหลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ ถ้าเสื้อผ้าที่ใช้ป้องกันร่างกายขาดไป ก็จะทำให้เสี่ยงบาดเจ็บมากขึ้น เลยถือเป็นไอเท็มสำคัญเลยทีเดียว
“โพชั่นฟื้นฟูฉันมีพกติดตัวอยู่บ้างค่ะ กระบอกน้ำก็มี แล้วฉันเองก็ถนัดเวทไฟอยู่ด้วย ของแพงๆ พิเศษๆ คงไม่จำเป็นเท่าไหร่น่ะ”
ฉันยกถุงเวทขึ้นเล็กน้อยแล้วเคาะที่ผิวกระเป๋าเบาๆ
“ม-มี ถุงเวทติดตัวด้วยหรือคะ… ว่าแล้วเชียวว่าคานาตะซังดูแต่งตัวดีจัง…สุดยอดเลยค่ะ… เอ่อ โพเมร่าเริ่มรู้สึกตัวจะหดลงแล้วล่ะค่ะ…”
โพเมร่าหดไหล่ลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“โ-โพเมร่าอาจจะเป็นคนไร้ประโยชน์ที่คุณไม่อาจไว้ใจได้…แต่ร้านนี้รอยซังกับโฮลี่ซังเองก็เคยมาเป็นประจำค่ะ สบายใจได้นะคะ แล้วก็…ถ้าไว้ใจเวทมากเกินไป เวลาสำคัญๆ มันอาจใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำ…โพเมร่าคิดว่า ควรฝึกนิสัยซื้อของเติมไว้ตลอดด้วยค่ะ!”
…พอเธอพูดชื่อรอยขึ้นมาก็รู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาทันที
ถึงจะถูกเมินขนาดนั้น เธอก็ยังไม่รู้สึกแค้นเขาเลยเหรอ?
เธอพยายามแนะนำมากผิดปกติ…คงเพราะถูกปฏิบัติอย่างไม่ใส่ใจมาก่อน เลยอยากมีส่วนช่วยให้ได้มากที่สุด
แค่มองดูท่าทีของโพเมร่าก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา
“พูดตามตรง…ระดับฉันตอนนี้ คงยังไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ถะ ถ้าเรื่องเงิน…โพเมร่าจะจ่ายให้เองค่ะ! คือ…ของบางอย่างก็อาจจะไม่ได้ใช้จริงๆ ก็ได้นี่คะ…”
“ไม่หรอก ตรงนี้ฉันจะจ่ายเอง ฉันได้รับเงินสำหรับการเดินทางมาค่อนข้างมากจากคนรู้จักอยู่แล้ว น่าจะยังไม่ลำบากเรื่องเงิน…น่าจะนะ”
ฉันยังไม่เข้าใจค่าของเงินในโลกนี้ชัดเจน แต่จำนวนที่ได้รับจากโลวิสน่าจะไม่น้อยทีเดียว
“มะ ไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ…กับปาร์ตี้รอยซัง ส่วนมากค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้โพเมร่าก็เป็นคนออกอยู่แล้วค่ะ…”
…ไม่มีอะไรตรงนั้นที่เรียกว่า “ไม่เป็นไร” เลยสักนิด
“ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง โพเมร่าแค่บอกของจำเป็นมาก็พอนะ!”
หลังเถียงกันไปมา ในที่สุดเราก็ตกลงแบ่งจ่ายกันได้
เธอเป็นคนที่เกรงใจจนเกินเหตุ จนทำให้ฉันรู้สึกผิดไปอีก
เมื่อเตรียมของสำหรับภารกิจลดจำนวนก็อบลินเสร็จ เราก็เริ่มเดินออกไปนอกกำแพงเมือง
“พูดตามตรงนะ ฉันไม่คิดว่าพวกรอยจะเป็นคนดีเท่าไหร่เลย…เอ่อ ถ้ามันตอบยากก็ไม่เป็นไรนะ แต่…เธอไม่เคยรู้สึกแค้นบ้างเหรอ?”
บางครั้งฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ฉันรู้สึกว่าทัศนคติของเธอดูต่ำเกินไปนั้น…อาจจะเป็นฉันเองที่ผิด?
“…คือว่า โพเมร่าเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดอยู่มากค่ะ แต่ก็คิดว่าบางอย่างก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน…ป่าใกล้ๆ เมืองนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของเอลฟ์ และเคยมีความขัดแย้งกับเมืองอาร์โลเบิร์กนี้มายาวนานเลยค่ะ”
“ช่วยไม่ได้…เนี่ยนะ?”
“พ่อของโพเมร่าเป็นมนุษย์จากเมืองนี้ ส่วนแม่เป็นเอลฟ์ค่ะ เมื่อก่อนแม่ก็เคยเกลียดมนุษย์ แต่หลังจากได้พบพ่อ และสนิทกันมากขึ้น…แม่ก็ค่อยๆ รู้ตัวว่า หัวหน้าเผ่าเอลฟ์อาจจะเป็นคนที่พยายามปลุกปั่นให้ทั้งเผ่ามีท่าทีเป็นศัตรูกับมนุษย์ทั้งหมด…สุดท้ายก็เลยต้องถูกขับออกจากหมู่บ้านในป่าค่ะ”
“หัวหน้าเอลฟ์ทำแบบนั้นทำไมล่ะ?”
“…เอลฟ์ถ้าหากอาศัยอยู่ในเมืองมนุษย์นานเกินไป จะสูญเสียพรจากวิญญาณ และพลังจะเสื่อมลงค่ะ ถ้าเมืองพัฒนาไปเรื่อยๆ ที่อยู่ของพวกเอลฟ์ก็จะค่อยๆ หายไปด้วย…แม่บอกว่าเพราะแบบนั้น หัวหน้าเผ่าก็คงคิดว่าไม่ควรผูกมิตรกับมนุษย์ค่ะ”
…ถ้าเอลฟ์ทั้งเผ่ามีท่าทีแบบนั้น การที่เธอซึ่งเป็นลูกครึ่งจะถูกเกลียดชังก็…ไม่ใช่เรื่องที่เรียกว่า “สมควร” ได้หรอก แต่ก็เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกจริงๆ
“…อีกเรื่องคือ พ่อเคยพูดว่า ขุนนางแห่งเมืองนี้—การอนด์เองก็มีส่วนปลุกกระแสเกลียดเอลฟ์ให้รุนแรงขึ้นค่ะ เขาไม่ชอบที่ในป่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตัวเองมีเผ่าพันธุ์อื่นมาตั้งถิ่นฐานอยู่…สุดท้ายหมู่บ้านเอลฟ์ก็ถูกข่มเหงและมีเรื่องปะทะเรื่อยมา จนต้องอพยพหนีไปไกลตั้งแต่ก่อนโพเมร่าจะจำความได้”
เรื่องนี้ดูจะเลวร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
ฟังแล้วเจ็บปวดจนใจแน่นไปหมด
“…การอนด์เองก็เป็นคนหัวรุนแรงมากค่ะ แต่ทั้งอาณาจักรเองก็มีแนวโน้มที่จะชี้นำให้ผู้คนเกลียดเอลฟ์อยู่แล้ว…โพเมร่าเสียใจมากเลยค่ะ ที่ทั้งมนุษย์และเอลฟ์ต้องถูกทำให้ขัดแย้งกันด้วยเจตนาแบบนั้น ถ้าโพเมร่ามีพลังมากกว่านี้…ถึงจะเป็นเพราะหวังในพลัง แต่รอยซังก็คงจะปฏิบัติต่อโพเมร่าอย่างเท่าเทียมมากกว่านี้ค่ะ เพราะฉะนั้น…แม้จะเป็นจุดเริ่มจากแบบนั้น โพเมร่าเชื่อว่า ถ้าพยายามสร้างเพื่อนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศในเมืองนี้ได้แน่นอนค่ะ! และนั่นคือสิ่งที่…คนที่เป็นลูกครึ่งอย่างโพเมร่าเท่านั้นที่จะทำได้ค่ะ!”
โพเมร่าจับไม้เท้าไว้แน่นขึ้นก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วก็เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดเยอะเกินไป ใบหน้าเธอก็แดงขึ้นทันที พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือไปมาอย่างลนลาน
“ขะ ขะ ขะ ขอโทษค่ะ…เพิ่งรู้จักกับคานาตะซังได้วันเดียวเอง แต่อยู่ๆ ก็พูดเรื่องแบบนี้ยาวขนาดนี้…แบบว่า ที่ผ่านมาไม่มีใครฟังโพเมร่าอย่างเงียบๆ แบบนี้เลย…เลยเผลอไปหน่อย…น่ารำคาญใช่มั้ยล่ะคะ? อยู่ๆ มาระบายอะไรแบบนี้…”
“ไม่เลย…ฉันว่ามันเป็นเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมมาก”
จะมีสักกี่คนที่ถูกกดขี่แบบไม่มีเหตุผล แล้วหันไปมองปัญหาในฐานะ “กระแส” ไม่ใช่ “คน” แบบนี้ได้
แม้ผิวเผินจะดูว่าขาดความมั่นใจ แต่จริงๆ แล้วโพเมร่าเลือกที่จะไม่เกลียดใครเลยต่างหาก
ในมุมนี้…เธอแข็งแกร่งมาก และมองโลกในแง่ดีมาก
ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่สะท้อนจิตใจที่ดีอย่างแท้จริงของเธอ
“ถ้าฉันช่วยอะไรได้ ก็จะช่วยเต็มที่เลย”
แต่เดิม…ฉันก็เดินทางแบบไร้เป้าหมาย
แค่อยากเก็บเรื่องราวดีๆ ไว้เผื่อเอาไว้เล่าให้ลูนาเอลฟังในวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง ไม่ให้เธอรู้สึกเสียใจที่ปล่อยฉันมา—ประมาณนั้น
การช่วยสนับสนุนความฝันของโพเมร่าก็เป็นเป้าหมายที่เหมาะสำหรับการบอกเธอเช่นกัน
…อีกเป้าหมายหนึ่งที่ฉันมี คืออยากพบคุโระ—แมวที่เป็นเพื่อนรักของฉันมอีกครั้ง และเจรจากับไนอาโลเทปเพื่อให้ทำได้ แต่…นั่นก็ดูจะเป็นเรื่องที่สิ้นหวัง
ฉันโดนไนอาโลเทปเกลียดเข้าไส้ และไม่มีทางต่อกรกับสิ่งมีชีวิตระดับสูงพวกนั้นได้แน่นอน
…และตอนนี้ ฉันเองก็ไม่อาจทิ้งลูนาเอลไว้ แล้วกลับโลกเดิมได้อีกแล้ว
แม้จะรู้สึกผิดกับคุโระ…แต่ก็ได้แค่หวังว่ามันยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งในฐานะแมวจรจัด
โพเมร่าเบิกตากว้างมองฉัน แล้วจู่ๆ น้ำตาหยดโตๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตาเธอ
“ขะ ขอโทษค่ะ…ดีใจมากจริงๆ…ไม่เคยมีใครพูดอะไรแบบนี้ให้โพเมร่าเลย…เลยเผลอ…ร้องไห้ออกมา…”
เธอใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาออก
“แ-แต่อย่าเหนื่อยกับโพเมร่าให้มากเลยนะคะ…โพเมร่าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้น…แถมยังไม่มีอะไรจะตอบแทนได้เลย…”
อยากให้เธอมั่นใจในตัวเองขึ้นอีกนิด…เห็นแก่ตัวหน่อยก็ยังดี จะได้คุยกันง่ายขึ้นหน่อย…
ในระหว่างที่พูดคุยกัน เราก็เดินมาถึงประตูเมืองจนได้
ภารกิจลดจำนวนก็อบลินสินะ…ถ้าไม่ระวังก็คงมีเรื่องวุ่นวายแน่ คงต้องอ่านสถานการณ์แล้วลงมือแบบพอประมาณถึงจะดี…
MANGA DISCUSSION