[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 67 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - เทศนา
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 67 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - เทศนา
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ”
ฉันคว้าหลังหัวของโอรัน และกดบังคับให้เขาโค้งขอโทษ ส่วนฉันเองก็โค้งตัวลงมาในระดับที่เท่ากันด้วยอีกคน
ทางโอโตฮะที่โดนคอมโบจากสแตกับโอรันช่วยกันจัดการจนสลบไป เดี๋ยวเธอจะเจอบทลงโทษทีหลังแน่ แต่ก่อนอื่น ยังไงเราก็ต้องขอโทษเขาก่อน
“โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! ก็บอกแล้วนี่ครับคุณคุโระ! ผมแค่โดนลากมาเอี่ยวด้วยเท่านั้นเองน่ะ!”
“การหยุดการอาละวาดของโอโตฮะเป็นหน้าที่สำคัญแท้ๆ แต่กลับเออออไปด้วยแล้วมาอ้างว่า ‘โดนลากมาเอี่ยว’ เนี่ยนะ สงสัยที่ฉันคิดว่าเธอเป็นคนมีเหตุมีผลที่สุดรองจากฉันนี่คงจะเป็นการเข้าใจผิดไปเองงั้นสิ”
“โอ๊ยเจ็บเจ็บเจ็บเจ็บ!”
ตอนที่รู้ว่าโอโตฮะกับโอรันหายไปจากคฤหาสน์ของคุณลุคเซีย ฉันก็กลัวว่าทั้งคู่อาจจะไปที่กิลด์ทหารรับจ้างก็ได้ ซึ่งก็แน่นอน หลังจากใช้การตรวจจับสัญญาณชีพเพื่อตามหาพวกนั้น ฉันก็เจอว่าอยู่ตรงนี้กันจริงๆ ด้วย
ไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้า 2 คนนี้ทำคนทั้งโรงแรมหลับกันหมด แล้วก็มาตกอยู่ในการต่อสู้กับทหารรับจ้างที่ยังเหลือแบบดุเดือดแบบนี้น่ะ
“พวกเธอ รู้ตัวกันใช่มั้ยว่าตัวเองรับใช้อยู่ภายใต้ท่านผู้นั้นน่ะ? การกระทำของพวกเธอ 2 คนจะส่งผลโดยตรงต่อชื่อของท่าน คิดซะบ้างก่อนจะทำอะไรจะได้มั้ย ในหัวของพวกเธอมันมีอะไรอยู่กันแน่น่ะฮะ!”
“ขอโทษค- โอ๊ยยยเจ็บเจ็บ!”
เรื่องที่พวกเธอเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน ฉันก็ดีใจนะ
แต่วิธีที่ทั้งคู่ทำน่ะผิดถนัดเลย
ฉันว่าฉันก็บอกทั้ง 2 คนไปแล้วนะว่าฉันไม่ติดใจอะไร แล้วทำไมถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้กันล่ะเนี่ย
นี่ยัยพี่น้องคู่นี้เป็นพวกเด็กที่ชอบทำอะไรที่คนเขาสั่งห้ามหรือไงนะ
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ในฐานะรุ่นพี่ของทั้ง 2 คนนี้ ต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ”
“ช่างเถอะ ไม่มีใครเจ็บตัวด้วย ข้าไม่ตั้งใจจะเอาเรื่องเอาราวหรอก แต่ถ้าเธอเป็นหัวหน้าเจ้าพวกนี้ล่ะก็ อย่างน้อยก็น่าจะคุมเจ้าพวกนี้เอาไว้ให้ดีซักหน่อยนะ”
“ถูกของคุณเลยค่ะ ฉันจะคอยจับตาดูทั้งคู่เอาไว้ให้ใกล้หูใกล้ตากว่าเดิมแน่นอนค่ะ”
โล่งอกไปทีที่ทหารรับจ้างคนนี้ยังคุยเป็นเหตุเป็นผลอยู่ แต่ถ้าเขาเป็นพวกนักเลงหัวไม้ เขาอาจจะมาเรียกร้องเงินชดเชยก็ได้เนี่ยสิ ยัย 2 คนนี้คิดอะไรของเขากันนะ
“ช่างเถอะๆ ไม่เป็นไร โชคดีแล้วที่พวกคนในโรงแรมก็แค่หลับปุ๋ยกัน แล้วข้าก็จะไม่พูดอะไรด้วย ดูเหมือนทางพวกเธอก็มีเรื่องที่ต้องไปจัดการกันเองด้วยเหมือนกันนี่นะ”
“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมเข้าใจ แก๊สที่ยัยบ้าตรงนั้นปล่อยเอาไว้น่าจะหมดฤทธิ์เองได้ภายในประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะถึงตอนนั้น จะออกจากโรงแรมไปก่อนก็ได้ หรือถ้าต้องการที่พักที่ใหม่ พวกเรายินดีรับผิดชอบเงินให้เต็มจำนวนเลยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกๆ ข้ามีเพื่อนที่พักอยู่ที่นี่ด้วยกันน่ะ แต่ว่า พวกเส้นผมชั้นต่ำนี่มีพลังอะไรแบบนั้นได้ยังไงล่ะเนี่ย?”
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่ฉันไม่สามารถตอบเรื่องนั้นให้ได้ ขอให้คุณช่วยเข้าใจด้วยนะคะ”
ด้วยสายตาที่มองเห็นในความมืดได้ของฉัน ฉันมองเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเขาได้อย่างวชัดเจนเลย แต่ฉันก็พยายามเมินๆ มันไป ในขณะที่ไปเก็บร่างของยัยบ้า (โอโตฮะ) ขึ้นมาด้วย
ตัวหนักชะมัดเลย นี่เพราะไขมันไม่จำเป็นตรงหน้าอกของยัยนี่หรือไงนะ
“ถ้างั้น ขออนุญาตลากันตรงนี้นะคะ สแต อย่าปล่อยมือโอรันเชียวล่ะ เราจะพอทั้งคู่ตรงไปที่ห้องของท่านกันเดี๋ยวนี้เลย”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“บ้าที่สุด! รู้งี้ผมน่าจะหยุดโอโตฮะด้วยทุกอย่างที่ทำได้ไปแล้วดีกว่า!”
ฉันรีบโค้งหัวให้ แล้วเริ่มจะเดินออกจากตรงนี้ไป
“อึม? อย่าบอกนะว่า เธอจะ―――”
“เอ๊ะ? มีอะไรเหรอคะ?”
แต่ว่า ผู้ชายคนนั้นก็ร้องให้ฉันหยุดก่อน
“โทดที เธอนะ หรือจะเป็นคนที่มีผมสีดำหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ”
“…งี้นี่เอง เธอเอง สินะ”
“คือ มีอะไรเหรอคะ?”
“ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วยอีกซักหน่อยน่ะ พอจะกลับมาที่นี่อีกทีพรุ่งนี้ได้มั้ย?”
ฉันอยากจะปฏิเสธไปซะตรงนี้เลยนะ แต่ก็ต้องขอบคุณเรื่องที่ยัยฝาแฝดงี่เง่าคู่นี้ก่อเอาไว้ด้วย ฉันเลยปัดคำขอนั่นทิ้งไปไม่ได้น่ะ
“…เข้าใจแล้วค่ะ เวลาตอนไหนเหรอคะ?”
“เอาตามที่ทางนั้นสะดวกเลย”
“งั้นฉันจะมาตอนราวๆ 10 โมงนะคะ”
หลังคุยกันเสร็จ เราก็ออกมาจากตรงนั้นกัน
ว่าแต่ เขาอยากจะคุยเรื่องอะไรนะ จากที่ฉันเห็นผ่านสายตาที่มองเห็นในความมืด ฉันไม่คุ้นหน้าเขาเลยนะ
เขาก็ดูเป็นผู้ชายอายุ 20 กลางๆ ผมสีเขียวแบบดาดดื่น
แต่สำหรับคนในอายุประมาณเขานี่ เขามีร่างกายที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีเป็นพิเศษเลยนะ ไม่แปลกที่จะมีพละกำลังมากพอที่จะเหนือกว่าโอโตฮะกับโอรันรวมกันได้เลย
โอโตฮะกับโอรันก็ค่อนข้างแข็งแกร่งกันนะ พวกเธอเพิ่งได้รู้เรื่องการมีอยู่ของเวทมนตร์หายากเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่มีเวลาให้เรียนรู้แค่นิดเดียว แต่พวกเธอก็ใช้เวทมนตร์ระดับกลางกันได้แล้ว
ถึงอาจจะยังไม่ถึงระดับเดียวกับฉัน ท่านโนอะ หรือว่าสแต แต่ยังไงทั้ง 2 คนก็ยังเป็นนักเวทย์หายากที่วครอบครองพลังอันน่าทึ่งที่หาใครเทียบได้ยากอยู่ดี
สำหรับเขาที่สู้กับทั้งคู่ได้ในศึก 2 ต่อ 1 โดยไม่ล่าถอยเลยซักก้าว ในแง่ของฝีมือแล้ว เขาคงจะเป็น 1 ในทหารรับจ้างที่แกร่งที่สุดของกิลด์เลยก็ได้
“สแต คิดว่าทหารรับจ้างคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาแข็งแกร่ง”
“เธอว่าตัวเองสู้จะชนะได้มั้ย?”
“น่าจะ”
“ตอบว่าน่าจะแบบนั้น แสดงว่าไม่ได้ยืนยันแน่นอนสินะว่าเราจะชนะได้”
“ถ้าโดนเข้าใกล้เกินไป อาจจะโดนล้มก่อนเวทจะส่งผล”
“งั้นเหรอ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ในบรรดาพวกเรา 5 คน สแตคือคนที่อ่อนแอที่สุดในด้านการต่อสู้ระยะประชิด
เหตุผลตรงนั้น เหมือนจะเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ที่แลกมากับพลังเวทมหาศาลในตัวเธอเลยล่ะ เธอไม่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้หรือการใช้แรงเลยซักนิดเดียว
เอาจริงๆ มันเหมือนกับว่าร่างกายของเธอ ทำยังไงก็ไม่มีกล้ามมีเนื้อจะเพิ่มขึ้นมาได้เลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเธอจะฝึกฝนมากแค่ไหน ร่างกายของเธอก็ดูไม่มีทีท่าจะตอบรับความพยายามพวกนั้นเลยซักนิด พวกเราก็เลยล้มเลิกความคิดที่จะให้เธอไปต่อสู้ด้วยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการใช้เวทมนตร์ลงไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่ว่าการเคลื่อนไหวของเธอจะใช้ไม่ได้หรอกนะ อันที่จริง เธอก็แสดงการเคลื่อนไหวอย่างผาดโผนคล่องแคล่วออกมาได้เป็นครั้งคราวเหมือนกัน เธอก็แค่ขาดพรสวรรค์ในการใช้ทักษะการเคลื่อนไหวเพื่อการต่อสู้เท่านั้นเอง
นั่นแหละสแต ถ้าศัตรูเข้ามาใกล้เกินไปล่ะก็ เธอจะเสียเปรียบขึ้นหลายเท่าเลย
โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นใครที่รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่ออย่างทหารรับจ้างคนนั้นน่ะ
“ดูท่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยสินะ มีอะไรต้องเรียนรู้ต้องฝึกฝนอีกเยอะเลย”
“อืม ถึงจะใช้เวทหายากไม่ได้ แต่คนเก่งๆ ก็มีเต็มไปหมด”
ถ้าคิดว่าใช้เวทหายากได้ = ไร้เทียมทานล่ะก็ นั่นน่ะผิดแล้ว
หมายความว่า ยังมีคนอีกมากมายเลยยังสามารถฆ่าพวกเราได้ หากมีการวางแผนมาได้อย่างถูกต้อง
“เราไม่มีใครซักคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้ทางกายภาพเลยนะ คงจะต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้มากขึ้นซะแล้วสิ”
“ฉันสู้ได้นะ”
“นั่นมันหมายถึงคนที่เธอควบคุมไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ตัวเธอเป็นคนสู้เองซักหน่อย”
“คือผมก็ต่อสู้ทางกายภาพได้นะครับ”
“เธอยังไกลกับคำว่าเชี่ยวชาญอีกเยอะนะคะโอรัน ตอนสู้กับชายคนนั้น เธอก็ยังทำไม่ได้ซักแผลเลยไม่ใช่เหรอ”
“อุก…”
ในตอนที่มองเห็นความท้าทายในอนาคตได้ชัดเจนมากขึ้นมาบ้าง อีกอย่างที่เริ่มมองเห็นได้แล้วตอนนี้เหมือนกันก็คือคฤหาสน์ตระกูลวาเลนไทน์พอดีเลย
“เอาล่ะ ท่านโนอะกำลังรออยู่เลย รีบเข้าแล้วไปโดนเทศนาซะเถอะ แล้วเธอคิดจะหลับอีกนานแค่ไหนคะโอโตฮะ? ตื่นได้แล้วค่ะ รู้ตัวมั้ยว่าเธอตัวหนักมากเลยนะ”
“อื~อ… คุณหนู… ได้โปรดอย่าทิ้งฉันเลยนะเจ้าคะ…”
“ยังฝันร้ายอยู่อีกเหรอเนี่ย? สแต ช่วยลบฝันร้ายออกไปแล้วปลุกเธอทีสิ”
“เพิ่งทำไป”
“หา!?”
“สมแล้วจริงๆ ทำงานเร็วตลอดเลยนะ”
ในที่สุด ยัยบ้าตัวตั้งตัวตีก็ตื่นจนได้ ฉันเลยปล่อยร่างหนักๆ ของเธอทิ้งกับพื้นอย่างไม่ใส่ใจซะ
“โอ๊ย!?”
“ตื่นได้ซักทีเนอะ? งั้นก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้วค่ะ เราจะไปพบท่านโนอะกัน”
“ท- ที่นี่มัน… จริงด้วยเจ้าค่ะ ฉันถูกผู้ชายแปลกๆ มาขวางเอาไว้นี่นา… เอ๊ะ? แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“อย่ามาทำเป็นละเมอเชียวนะ พวกเธอกำลังจะโดนท่านโนอะดุไงล่ะคะ”
“ถ- ถูกคุณหนูดุเหรอเจ้าคะ!?”
โอโตฮะที่ยังมึนๆ หลังจากตื่นนอน พอได้ยินว่าจะโดนท่านโนอะดุก็ลืมตาตื่นโพลงเลย
“ใช่ค่ะ ฉะนั้น สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปซะด้วย-… โอโตฮะ?”
“อุฮิฮิฮิฮิ… จ- จะถูกคุณหนูดุ… ถูกคุณหนูใช้สายตาดูถูกเหยียดหยาม ถูกเหยียบกระทำย่ำยี ถูกด่าทอเหรอเจ้าคะ…! ฮุฮุฮุฮุฮุ”
ไม่สิ นี่ยังละเมอไม่หายเลยนี่นา
ไม่ต้องบอกเลยว่าอีกแค่ไม่กี่นาทีต่อมา หลังจากที่โดนท่านโนอะเทศนาใส่ไปแบบชุดใหญ่ โอโตฮะก็กรีดร้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทันทีที่ได้ยินว่าเธอจะถูกลงโทษด้วยการกักบริเวณอยู่ในห้องทั้งวัน และไม่อนุญาตให้เข้าใกล้ท่านโนอะเป็นอันขาด
TN: นั่นไงล่ะ บอกแล้ว เด็กไม่ดีต้องโดนอะไร…
แล้วพรุ่งนี้ คุโระต้องไปเจออะไรหนอ?
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r