[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 48 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ภารกิจแรก
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 48 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ภารกิจแรก
TN: ถ้าพวกคุณสงสัยว่าผมหายไปไหนซะนาน คำตอบครับคือ “ยุ่งมากจนปลีกเวลามาลงนิยายก็ยังไม่ได้” แต่ตอนนี้พอมีเวลาละครับ กลับมาลงแล้ว ไม่ลอยแพพวกคุณแน่นอนครับ (เกี่ยวก้อยสัญญา)
“ต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือตลอดมาด้วยนะ นายท่านกอร์ดอน ช่างเป็นการหารือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ทางนี้เองก็เช่นกัน นายท่านออลัส การหมั้นกันในครั้งนี้เป็นเรื่องแสนวิเศษที่จะนำพามาซึ่งความรุ่งโรจน์กันทั้ง 2 ฝ่ายเลย”
ระหว่างที่ขุนนางทั้งสองต่างจับไม้จับมือ พลางรอให้ทำการขนสัมภาระขึ้นรถม้าไปให้เรียบร้อย ฉัน โอโตฮะ และโอรันก็กำลังมองทุกคนอยู่จากชั้นบน
“พวกนั้นทุกคน ลืมเรื่องของพวกเราไปหมดแล้วจริงๆ น่ะเหรอเจ้าคะ?”
“ใช่แล้วค่ะ พวกเขาไม่ได้พยายามจะออกตามหาพวกเธอเลยใช่มั้ยล่ะคะ? เมื่อวานนี้ เราลบความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเธอจากทุกคนทิ้งไปหมดแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสแตเถอะค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวล”
“จะให้เจ้าหนูน้อยนั่นไปมันจะดีจริงๆ เหรอเจ้าคะ? แม้ว่าจะมีพลังแปลกๆ อยู่ก็จริงตามที แต่ได้ยินมาว่าเด็กนั่นเพิ่งจะ 8 ขวบเองนี่นา”
“เด็กคนนั้นฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกันหลายสิบเท่าเลยค่ะ ฉะนั้น ไม่เป็นไรแน่นอน แล้วก็ สแตน่ะไม่ชอบถูกเรียกว่าหนูน้อยหรอกค่ะ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉะนั้น ขอให้ช่วยเลี่ยงอย่าทำแบบนั้นด้วยนะคะ”
วันต่อมาหลังจากที่โอโตฮะกับโอรันมาถึงคฤหาสน์นี้ และได้เผยความปรารถนาการล้างแค้นต่อตระกูลกิฟท์
สมาชิกทุกคนในตระกูลกิฟท์กำลังเตรียมตัวกลับไปยังบ้านในจักรวรรดิกันแล้ว รวมทั้งตัวออร์เกอร์ด้วย
“อ่า ฮันนี่ น่าเศร้าจริงๆ เลยที่จะไม่ได้เห็นเธออีก แต่ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกนะ ยังไงหัวใจของผมก็จะอยู่กับเธออยู่เสมอ”
“ฉันก็จะคิดถึงท่านเหมือนกันค่ะ ท่านออร์เกอร์ มาพบกันฉันอีกได้เสมอนะคะ”
จากข้างบนนี้ ฉันเห็นท่านโนอะกำลังจับมือของออร์เกอร์อยู่ ในตามีน้ำตาเอ่อขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเลย
“…ถึงจะเป็นนายเหนือของฉันเองก็เถอะ ทักษะการแสดงของท่านนี่สุดยอดจนน่ากลัวเลยนะนั่น”
“นี่ ไม่ใช่ว่าคุณเป็นข้ารับใช้ของท่านโนอามารีหรอกเหรอเจ้าคะ? พูดแบบนั้นจะดีเหรอ?”
“แม้ว่าฉันจะได้ท่านเก็บมา และฉันได้ถวายสัตย์จะจงรักภักดีต่อท่านในฐานะข้ารับใช้ก็ตาม แต่ข้ารับใช้ที่ดีจะไม่ยกย่องเจ้านายของตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาหรอกนะคะ ฉันต้องชี้ให้ท่านเห็นถึงข้อบกพร่องหรือเรื่องแปลกๆ ออกมาอย่างไม่มีการลังเลค่ะ”
ลึกๆ แล้ว ท่านอาจจะคิดว่า ‘นี่จะเป็นสกินชิพกับผู้หญิงครั้งสุดท้ายของแกแล้วล่ะ ฮุฮุฮุ’ ก็ได้นะ
ฉันเห็นสแตชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างรถม้าคันนึงด้วย มองขึ้นมาและโบกมือให้พวกเรา ฉันก็เลยโบกมือให้เธอกลับไป
“จะว่าไป เออ คุณคุโระ?”
“คะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“คือดิฉันก็ยอมรับนะว่าเจ้าหนูน้อย… ว่าสแตน่ะสุดยอดจริงๆ แต่ทำไมถึงปล่อยให้ไปคนเดียวล่ะเจ้าคะ? คุณไปด้วยอีกคนจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ข้อแรก ด้วยเวทมตร์สายความมืดแล้ว ฉันทำได้แค่ลบตัวตนของตัวเองให้หายไปค่ะ แล้วฉันก็ไม่สามารถคงสภาพนั้นเอาไว้นานๆ แบบที่สแตทำได้ด้วย ข้อสอง ฉันไม่สามารถปล่อยให้ท่านโนอะอยู่ตามลำพังได้ค่ะ นั่นอันตรายเกินไป และข้อสาม นี่จะเป็น ‘ภารกิจแรก’ ของสแตด้วย”
““เอ๊ะ?””
เอาเถอะ ตอบสนองแบบนั้นก็เข้าใจได้นะ
ตอนที่ฉันเคยเล่าถึงรายการทีวีดังๆ ที่ฉายให้ดูเมื่อชาติก่อนของฉันให้ท่านโนอะกับสแตฟัง ก็มีบางอย่างไปสะกิดใจสแตเข้า จนทำให้เธอกระตือรือร้นอยากจะออกไปทำงานเองมากๆ เลย
จะให้คนอื่นนอกจากคนงานช่วยไปกับสแตด้วยเวลาเด็กออกไปทำงานเองนี่ลืมไปได้เลย แต่ร้านที่สแตไปก็อาจจะไม่ได้มีคนที่จงเกลียดจงชังเหล่าเส้นผมชั้นต่ำก็ได้
ตอนนี้ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วล่ะ ความรู้สึกของพวกพ่อแม่ผู้ปกครองที่ห่วงลูกเกินไป หรือพวกพี่สาวที่โอ๋น้องกันเกินเหตุน่ะ แต่ในครั้งนี้ สถานการณ์มันถือว่าค่อนข้างยากเลย แถมยังเป็นโอกาสที่ความสามารถของสแตจะได้ถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ด้วย
“ออกรถได้!”
สมาชิกครอบครัวกิฟท์ขึ้นรถม้ากันหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีสัญญาณให้เห็นว่าสแตทำให้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาเลย
ท่าทางการควบคุมประสาทรับรู้จะไปได้สวยนะ
‘คุณหนู คุโระ’
‘สแต ไม่เป็นไรนะ? ลืมอะไรหรือเปล่า?’
‘เปล่า’
‘ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็ติดต่อพวกเรามาด้วยอุปกรณ์สื่อสารที่ฉันให้เธอไว้นะ มันใช้ได้แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นก็ระวังด้วย’
‘อืม ไปก่อนนะ’
‘อื้อ รักษาตัวด้วยนะ สแต’
‘ฉันคาดหวังในตัวเธอนะ’
รถม้าก็เคลื่อนออกไปพร้อมกับการเชื่อมต่อของเทเลพาธที่จางหายไปหลังจากคำพูดสุดท้ายนั่น
“โนอามารี! ผมจะเขียนจดหมายมาหาน้า!”
“ค่~า! ฉันจะรอนะคะ!”
พอเจ้าออร์เกอร์แสนน่าขนลุกนั่นหายไปจนลับตาแล้ว ท่านโนอะก็คุยอะไรนิดๆ หน่อยๆ กับพ่อ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะคะท่านโนอะ รับชาหรือกาแฟหน่อยมั้ยคะ? ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ขอชา เติมนมกับน้ำผึ้งเยอะๆ เลยนะ อ่า ให้ตายเถอะ เป็นผู้ชายที่น่าขนลุกตั้งแต่ต้นจนจบเลยจริงๆ”
“เหนื่อยหน่อยนะคะ อ่า อยากให้โอโตฮะกับโอรันมาร่วมด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ล่ะเจ้าค่ะ ดิฉันขอผ่านแล้วกัน”
“ผมก็ขอผ่านนะครับ”
“ตั้งการ์ดกันสูงจังเลยนะ”
โอโตฮะกับโอรันยังไม่ไว้ใจฉันเหมือนอย่างเคย ฉันก็เลยชงชาให้ท่านโนอะตามที่ได้รับคำสั่งมา
“ตอนนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับพวกเธอ มีเหลืออยู่แค่กับพวกฉันแล้วก็สแตเท่านั้นแล้ว พวกที่เหลือในตระกูลกิฟท์ถูกสแตลบความทรงจำไปหมด ความทรงจำนั้นถูกเขียนทับว่าตายไปตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง คนรอบตัวไม่มีใครแล้วที่รับรู้ถึงตัวตนของพวกเธอ และอีกไม่นาน ก็จะไม่เหลือใครอีกแล้วที่รู้ว่ามีพวกเธออยู่ด้วย”
“หลังจากนี้ ก็แล้วแต่เธอ 2 คนแล้วนะ จะมากับพวกเราก็ได้ หรือจะตระเวนออกไปที่ไหนซักที่ก็ได้เหมือนกัน ถึงฉันจะไม่แนะนำอย่างหลังก็เถอะ เพราะพวกเธอต้องไปเผชิญกับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายของโลกที่มีต่อบรรดาเส้นผมชั้นต่ำ ยังไงก็ ไว้ใจพวกเราเถอะนะ”
“ทราบดีแล้วเจ้าค่ะ ก็เป็นสัญญานี่นา”
“อื้อ สัญญาแล้วก็ต้องรักษาสัญญาครับ”
ทั้งสองตอบกลับมา ถึงในตาจะแสดงความหวาดระแวงให้เห็น แต่ก็มีความจริงจังอยู่ด้วยเหมือนกัน
ไม่ได้โกหกเลย
“ไม่มีปัญหา แต่แล้วพวกเธอจะกินอะไรกันล่ะ? ถ้าไม่เชื่อใจพวกฉันเรื่องนั้น คงพะวงเรื่องจะมียาพิษใส่ไว้มั้ยกันไม่เลิกพอดี ห้องพักมีเตรียมแยกเอาไว้แล้วก็จริง แต่พวกเธอไม่มีของอะไรเตรียมเสบียงมากันเองเลยใช่มั้ยล่ะ?”
“อูว…”
ทั้งคู่หันไปมองหน้ากัน ส่งเสียงครางต่ำๆ ในลำคอเหมือนกับเป็นพฤติกรรมตามปกติของทั้ง 2 คนไปแล้ว
“…ดูทรงคงไม่มีทางอื่นแล้วสินะ เราจะเชื่อใจพวกคุณในเรื่องนั้นก็แล้วกันนะเจ้าคะ แต่ว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมอาหารแยก 2 ชุด เตรียมมาเพียงแค่ชุดเดียวก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“หมายความว่าจะผลัดกันทำหน้าที่เป็นคนทดสอบพิษงั้นเหรอ? ถ้าคนนึงโดนยาพิษ อีกคนก็ยังหนีได้อะไรแบบนั้น?”
“เราไม่มีเจตนาจะไปวางยาใส่ใครหรอก แต่ถ้าพวกเธอผิดสัญญาแล้วพยายามจะหนีโดยที่ไม่ยอมฟังพวกเราล่ะก็ เราก็จะจัดการกับสถานการณ์ต่อไปตามเหมาะสม เพราะฉะนั้นก็ช่วยเข้าใจด้วยนะ”
“ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ตราบใดที่พวกคุณไม่พยายามทำอะไรแปลกๆ เราก็ไม่มีความตั้งใจจะก่อปัญหาอะไรเหมือนกัน”
ยังไงซะ แค่คืนเดียวจะให้เชื่อใจกันเลยก็คงยากแหละ
ดูท่าทางเลือกเดียวที่มีก็มีแต่รอให้สแตกลับมาเท่านั้นล่ะนะ
“สแตจะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ? ถึงเราจะให้ไอเท็มที่มีประโยชน์เอาไว้กับเธอก็จริง แต่เธอก็อาจจะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ก็ได้ เพราะเธอมีหน้านิ่งโป๊กเกอร์เฟสอยู่ตลอดก็เลยสังเกตเห็นยาก แต่ยังไงเธอก็ยังเป็นเด็ก 8 ขวบอยู่ดี ปล่อยให้เธอต้องอยู่ตามลำพังตั้งหลายวันแบบนั้นมันก็ออกจะเกินไปหน่อย―――”
“ไม่เป็นไรหรอก สแตน่ะ ตราบใดที่การควบคุมประสาทรับรู้ยังจัดการได้เรียบร้อยดี ที่บ้านนัันก็มีทั้งอาหารทั้งที่หลับที่นอนเพียงพออยู่แล้ว อีกอย่าง ก็มีตุ๊กตาคุโระกับตุ๊กตาโนอะที่เธอทำเอาไว้ด้วยใช่มั้ยล่ะ?”
“ถ- ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ช่วงเวลาปฏิบัติการที่เรากะเอาไว้คือประมาณ 2 อาทิตย์เลยนะคะ บางทีมันก็โหดเกินไปหน่อย”
“ก็จริง แต่ว่านะคุโระ เธอมองข้ามบางอย่างไปอยู่นะ”
“มองข้ามบางอย่างไป งั้นเหรอคะ?”
ท่านโนอะยกชาขึ้นจิบอย่างใจเย็นราวกับไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะว่าต่อ
“ความจงรักภักดีที่เด็กคนนั้นมีต่อฉัน ความยึดติดที่เธอมีต่อพวกเรา ไหนจะความรังเกียจที่เธอมีต่อตระกูลกิฟท์ ความสงสารเห็นใจที่เธอมีต่อโอโตฮะกับโอรัน แล้วเหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถในการทำความเข้าใจและตอบสนองต่อตามสิ่งนั้นๆ ของเธอไงล่ะ แรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังสแตน่ะน่ายกย่องมากนะ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนั้นต้องจัดการเรื่องนี้จนลุล่วงได้แน่นอน”
แน่นอนสิ ความฉลาดของสแตน่ะเป็นของจริงเลย
แต่ถึงยังงั้น ความไม่สบายใจมันก็ยังอยู่เหมือนเดิมอยู่ดี
“ไว้ใจเธอเถอะ คุโระ ไม่เป็นไรหรอก เด็กคนนั้นน่ะเป็นอัจฉริยะนะ”
“…นั่น สินะคะ ไว้ใจในตัวเธอแล้วก็รอกันดีกว่าสินะคะ”
ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีนะ แต่
ถึงยังไงตอนนี้ มาเชื่อมั่นในตัวของสแตก่อนแล้วกัน
พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว เรื่องพรสวรรค์และความพยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยของเด็กคนนั้นน่ะ
“…ผมมีคำถามง่ายๆ ข้อนึงนะครับ แต่”
“อาระ มีอะไรเหรอ?”
“เปล่าครับ คือ คุณโนอามารี คุณคุโระ กับคุณสแต ทุกคนมาเจอกันได้ยังไงเหรอครับ? การที่คนผมสีบลอนด์ทอง สีดำ กับสีฟ้าจะมาเจอกันได้แบบนี้เนี่ย ตามปกติแล้วมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยนี่ครับ”
“อ๊ะ อยากรู้เหรอ? อยากจะรู้จริงๆ น่ะเหรอ?”
“ท่านโนอะ ทำไมถึงดูสนอกสนใจขนาดนั้นเลยล่ะคะ”
“ก็เพราะว่า โอกาสที่จะได้เล่าเรื่องคุโระสมัยก่อนน่ะมันหายากมากเลยนี่นา ตอนนั้นเธอค่อนข้างจะเอาเรื่องน่าดูเลยนะ! ขนาดตอนนี้ มาย้อนนึกไปก็ยังตลกอยู่เลย! เอ้า ทำไมไม่นั่งกันก่อนล่ะ? เดี๋ยวฉันเล่าให้พวกเธอฟังทั้งหมดเลย”
“เดี๋ยว!? อย่านะคะท่านโนอะ!?”
TN: ตอนต้นก็ยังดีอยู่เลย ทำไมตอนท้ายถึงมาทำร้ายกันแบบนี้!