[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 42 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ฝาแฝดผู้มีเส้นผมชั้นต่ำ
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 42 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ฝาแฝดผู้มีเส้นผมชั้นต่ำ
เมื่อกี้ ว่าไงนะ?
น้องชายกับน้องสาวเจ้าหมอนี่ มีเส้นผมชั้นต่ำเหรอ?
งั้นก็แปลว่า
“เรื่องนี้ จริงเหรอคะ?”
“ครับ น้องสาวกับน้องชายผมเป็นฝาแฝดกัน ทั้งสองเกิดมาพร้อมกับเส้นผมชั้นต่ำ แต่การที่ลูกตระกูลขุนนางเกิดมาเป็นพวกเส้นผมชั้นต่ำนั้นถือเป็นเรื่องน่าขายหน้าอย่างมาก จึงได้ประกาศออกไปว่าทั้งสองได้จากไปตั้งแต่ในครรภ์ และกักบริเวณทั้งคู่เอาไว้ในบ้านครับ”
กับออร์เกอร์ที่คุยโวเรื่องนี้ออกมาอย่างภาคภูมิแบบนั้น ฉันรู้สึกได้แค่ความขยะแขยงอย่างเดียวเลย
ตอนแรก ความตลกกับน่าสนใจมันช่วยบดบังเอาไว้นะ จนกระทั่งเมื่อกี้นี่แหละ หุ้นของออร์เกอร์ในหัวฉันมันก็ทุ่มหัวดิ่งลงไปเลย
“น่าสงสารจริงๆ แต่ว่า ถ้าพวกเขาถูกประกาศออกไปว่าทั้งสองเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ไปแล้ว ทำไมไม่ฆ่าพวกเขาจริงๆ ไปเลยล่ะคะ?”
“นั่นล่ะครับ ความอ่อนแอของพ่อแม่ผม ดูเหมือนหลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดในการคลอดทั้งสองมาจะทำให้พวกท่านไม่สามารถกลั้นใจฆ่าลูกในไส้ของตัวเองได้ล่ะนะ”
“นั่นคือความรักของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็อาจจะ”
แผนการเดิมของเรานั้นคือการที่ท่านโนอะจะหลอกล่อให้ชายคนนี้มาติดกับ จากนั้นก็ให้เขาช่วยในการค้นหาผู้มีพรสวรรค์เวทมนตร์หายากในตัวจากในจักรวรรดิให้เรา โดยอ้างถึงความชื่นชอบในกลุ่มพวกเส้นผมชั้นต่ำของท่านเอง
แต่ว่านี่น่ะ มันผิดแผนไปแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลย
ไม่จำเป็นต้องไปออกค้นหาอะไรอีกแล้ว คนที่เรากำลังตามหาตัวอยู่ ตอนนี้ก็อยู่ฝั่งของผู้ชายคนนี้แล้วเรียบร้อย
แถมยังตั้ง 2 คนเลยอีกต่างหาก
“คือ ท่านออร์เกอร์ ถ้าไม่ติดขัดอะไร ท่านพอจะให้ทั้ง 2 คนนั้นมาพบกับฉันได้หรือเปล่าคะ? เป็นไปได้มั้ยที่จะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านพ่อของท่าน?”
“เอ๊ะ? 2 คนนั้น? นี่เอาจริงเหรอ?”
“ถึงแม้จะน่าละอายที่ต้องยอมรับ แต่การเก็บสะสมเหล่าเส้นผมชั้นต่ำนั้นเป็นเหมือนงานอดิเรกของฉันค่ะ แน่นอน ฉันรับรองได้เลยค่ะว่าจะทำให้ทั้งคู่ทิ้งยศถาของตัวเอง และจะไม่มีทางที่ใครจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับท่านได้อย่างแน่นอน ฉันให้สัญญาเลยค่ะ”
“อืมมม… ท่านพ่อจะว่าอะไรมั้ยนะ”
“อย่างน้อย ท่านลองนำเรื่องนี้ไปปรึกษาให้ก่อนจะได้หรือเปล่าคะ?”
“เอาเถอะ ยังไงก็รอฟังแล้วกันนะครับว่าท่านจะว่ายังไง”
“ขอบคุณมากค่ะ! อา ฉันขอตัวไปสุขาซักครู่―――”
ท่านโนอะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ฉันกับสแตก็ตามท่านไป
ประตูห้องปิดลงไล่หลัง และห่างออกมาไม่ไกล เวทมนตร์ก็ถูกคลายออก
“ที่ชายคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“อืม ไม่ได้โกหก”
“งั้นก็แปลว่า น้องชายกับน้องสาวของชายคนนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์เวทมนตร์หายากในตัวงั้นสินะ?”
“ใช่ คนนึงผมชมพู อีกคนผมเขียวอมเหลือง”
“สแต รีบไปที่ที่เคานต์กิฟท์อยู่ แล้วคุมสภาพจิตใจให้เขานำตัวของทั้ง 2 คนมาที่นี่ซะนะ”
“เข้าใจแล้ว”
พอสแตผละออกไปแล้ว ท่านโนอะก็เริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ฮุ ฮุฮุฮุฮุ…!”
“ท่านโนอะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ฮุฮุฮุ อ๊ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! คุโระ ฉันรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีมากจนแทบจะเป็นบ้าไปเลยล่ะ!”
“สีหน้าของท่านสุดๆ ไปเลยนะคะ ท่านโนอะตะโกนขึ้นมาแบบนั้น ช่วยให้ฉันสงบใจลงได้เลย”
“ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเจอตัวพวกเขาเร็วขนาดนี้! แถมยังเจอตั้ง 2 คนอีกต่างหาก! โชคดีจนแทบจะร้องไห้เลยนะเนี่ย ตอนนี้ฉันชักอยากจะเชื่อตามเรื่องงมงายนั่นจริงๆ ซะแล้วสิที่ว่าผมสีทองเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีน่ะ!”
“ค่ะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน น่าตกใจจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีปาฏิหาริย์แบบนั้นเกิดขึ้นด้วย”
มันบังเอิญจริงๆ นะ ที่คู่แต่งงานที่ถูกพ่อๆ ทั้ง 2 ฝ่ายจับคลุมถุงชนมา ดันเป็นคุณหนูที่เก็บสะสมพวกเส้นผมชั้นต่ำ กับคุณผู้ชายที่มีน้องๆ เป็นพวกเส้นผมชั้นต่ำแบบนี้น่ะ
บังเอิญเหมาะเจาะอะไรขนาดนี้เนี่ย
“แต่ ท่านโนอะคะ ในเมื่อแผนในการออกค้นหานักเวทย์หายากในจักรวรรดิก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วแบบเกินคาด เราจะทำยังไงกับชายคนนั้นดีคะ?”
“ตอนนี้ ทั้งชายคนนั้นทั้งเคานต์กิฟต์สามารถกำจัดทิ้งได้แล้วล่ะ แต่ว่า ถ้าผู้ที่เป็นนักเวทย์หายากเป็นสมาชิกในครอบครัวเขาล่ะก็ สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเด็กๆ พวกนั้นมีความแค้นอะไรต่อครอบครัวล่ะก็ เราก็ต้องคิดถึงเรื่องการเข้าหาใหม่เอาไว้ด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น เราควรจะเอาตัว 2 คนนั้นเข้ามาอยู่ภายใต้พวกเรา รับฟังความเห็นของพวกเขา แล้วก็มาคิดถึงการดูแลพวกเขาอีกที แผนเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?”
“ใช่ โชคไม่ดีที่เป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ลงโทษชายคนนั้นที่มาพูดจาดูถูกคุโระกับสแตได้อย่างเหมาะสม แต่เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความสนใจของเราเองก่อนล่ะนะ การพบกับ 2 คนนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว”
ท่านโนอะบอกแบบนั้น ก่อนจะเอาตัวพิงกับกำแพง
สีหน้าเหมือนกับแบบที่ฉันเห็นท่านทำบ่อยๆ เลย รอยยิ้มที่ชั่วร้ายไงล่ะ
“เอาเถอะ ยังไงพวกเขาก็น่าจะมีความแค้นเคืองอยู่บ้างนั่นแหละนะ ถึงการกักบริเวณอยู่ในบ้านจะดีกว่าถูกขังในกรง แต่เรื่องที่ทั้งสองถูกกักขังนั่นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอยู่ดี”
“ในจักรวรรดินั้นยึดถึงพลังความสามารถเป็นสำคัญ แบบนั้น บางทีทั้ง 2 คนอาจจะถูกผู้คนในบ้านปฏิบัติอย่างโหดร้ายด้วยก็ได้ค่ะ ขนาดตอนที่ออร์เกอร์พูดถึงน้องๆ ของเขาเอง การดูถูกเหยียดหยามยังแสดงออกมาบนสีหน้าของเขาเลย”
“ถ้าทั้ง 2 คนนั้นอยากจะล้างแค้นตระกูลกิฟท์ล่ะก็ พวกฉันก็จะจัดการพวกมันอย่างไร้ความปรานีได้เหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะได้ฉีกสัญญาหมั้นงี่เง่ากับผู้ชายไร้น้ำยาคนนั้นทิ้งๆ ไปซะ แถมยังจะไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลือเลยด้วย ยังไงเวทมนตร์สายความมืดกับสายจิตใจก็เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะในการก่ออาชญากรรมสมบูรณ์แบบน่ะ”
“โปรดอย่าเรียกเวทมนตร์พวกนั้นว่าเหมาะสมกับเหล่าอาชญากรสิคะ”
ท่านโนอะกำลังอารมณ์ดีและตื่นเต้นสุดๆ พลางเริ่มพูดเรื่องแบบที่วายร้ายจะพูดกันด้วยสีหน้าร่าเริงเลย
แต่เอาเถอะ มันก็จริงล่ะนะที่ว่าตัวตนที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างเวทมนตร์สายความมืดกับสายจิตใจ ถือว่ายอดเยี่ยมเป็นพิเศษเลยในการจะก่ออาชญากรรมสมบูรณ์แบบแบบนี้น่ะ
ด้วยเวทมนตร์สายความมืด ถ้าพรากชีวิตของคนคนหนึ่งไป สาเหตุการตายมันก็ดูเหมือนมาจากสาเหตุตามธรรมชาติคล้ายๆ กับป่วยตายนั่นแหละ
ส่วนเวทมนตร์สายจิตใจ การดัดแปลงความทรงจำของคนคนนึง แล้วให้เขาไปทำการฆาตกรรมซะ เท่านี้ก็เป็นการโบ้ยความผิดออกไปจากตัวได้แล้ว
ในโลกที่ไม่มีการตรวจ DNA หรือลายนิ้วมือแบบนี้ การจะก่ออาชญากรรมสมบูรณ์แบบนี่ถือว่าง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยล่ะ
“โอ๊ะ เราควรจะรีบกลับไปกันได้แล้วนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะถูกสงสัยเอา ไปกันเถอะคุโระ”
“ค่ะ อ่า แต่ก่อนหน้านั้น เปลี่ยนสีหน้าของท่านกลับด้วยนะคะ”
“แบบนี้เป็นไงบ้าง?”
“สมกับเป็นท่านโนอะเลยค่ะ สมบูรณ์แบบเลย”
ตอนที่เรากลับมาถึงห้อง สแตที่ไปเขียนแก้ความทรงจำของเคานต์กิฟท์มาแล้วเรียบร้อยก็มาเจอกับเราพอดี พวกเรายืนรออยู่หน้าประตูห้องในตอนที่ท่านโนอะเปิดมันเข้าไป
“ขอโทษนะคะท่านออร์เกอร์ที่ต้องให้รอเสียนาน! เรามีเรื่องให้คุยกันเยอะเลย กลับไปกันเลยดีมั้ยคะ?”
“อ่า นั่นสินะครับ ไปกันเถอะ แล้วก็ ตรงที่เรียก ‘ท่าน’ นี่―――”
“งั้น! ไปกันเถอะค่ะ! ฉันอยากรู้เรื่องน้องๆ ของท่านให้มากกว่านี้อีก!”
“อ- อา”
ดูเหมือนท่านจะยังยืนกรานไม่ยอมละคำว่า ‘ท่าน’ ออกไปเลยแฮะ
“คุโระ สแต กลับไปกันเถอะ ฉันแน่ใจว่าพวกท่านพ่อคงจะคุยกันเสร็จเรียบร้อยไปแล้วล่ะนะ!”
“รับทราบค่ะ”
“อืม”
เรารอให้ท่านโนอะกับออร์เกอร์ออกมาจากห้องกันก่อน เราถึงค่อยเดินตามหลังไป
ตอนออร์เกอร์เดินผ่านพวกเรา เขามองเราด้วยสายตาดูสมเพช แถมยังพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง “หึ” ใส่พวกเราด้วย ดูท่าเขาจะเชื่อเรื่องโกหกของท่านโนอะนะที่ว่าพวกเราเป็นเหมือนกับสัตว์เลี้ยง คงโมเมคิดไปเองว่าเขาคือที่สนิทใกล้ชิดที่สุดกับท่านโนอะแล้วก็ได้
“กลับมาแล้วค่ะท่านพ่อ! เมื่อครู่นี้สนุกมากๆ เลยค่ะ!”
“แดดดี้ พอได้คุยแล้วผมก็เปลี่ยนใจเลย เธอคนนี้นี่แหละเหมาะสมจะเป็นคู่ครองของผมที่สุดแล้ว…!”
พอกลับมาถึงห้องรับรอง ท่านโนอะก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส ส่วนออร์เกอร์ก็ยิ้มแสยะอย่างน่าขนลุก
อยากจะบอกออร์เกอร์จังเลยว่า ‘นายจะลงเอยด้วยการถูกหลอกใช้ จนสุดท้ายก็จะถูกเขี่ยทิ้งไป’
“แล้วก็นะ แดดดี้ ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย”
“อะไรล่ะ?”
“โนอามารีอยากเจอกับน้องชายน้องสาวของผมน่ะสิ เป็นฮันนี่ที่ทำให้ลำบากใจจริงๆ เลยน้า”
เรียกใครว่าฮันนี่น่ะ?
ท่านโนอะน่ะเหมือนผึ้งมากกว่าแค่น้ำผึ้งซะอีกนะ
“ได้สิ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ เดี๋ยวพาตัวเจ้าพวกนั้นมาที่นี่เดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน นี่! เจ้าซักคนเอารถม้าออกไปแล้วพาตัว 2 คนนั้นมาที่นี่ซิ”
ตามปกติแล้ว คงไม่มีใครกล้าจะเปิดเผยความน่าอับอายของครอบครัวอย่างการเอาตัวพวกเส้นผมชั้นต่ำออกมาจากบ้านหรอกนะ แต่เคานต์ที่ถูกสแตคุมจิตใจไปแบบเบาๆ แล้วกลับยินยอมเรื่องนี้อย่างง่ายดาย
“น- แน่ใจเหรอครับ นายท่าน? คนพวกนั้น―――”
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร รีบๆ ไปเอาตัวพวกนั้นมาได้แล้ว ถ้าเร่งหน่อย เจ้าก็น่าจะกลับมาได้ใน 6 วันล่ะนะ”
พวกคนใช้ตระกูลกิฟท์ดูจะงงๆ กันหมดเลย แต่ไม่นาน สารถีกับทหารคุ้มกันก็ออกไปจากบ้าน
ตามตารางแล้ว คนพวกนี้จะอยู่ที่บ้านหลังนี้อาทิตย์นึง ถือว่าเฉียดฉิวเลย แต่ถ้าเกิดพวกเขาทำได้ตรงเวลาก็ไม่มีปัญหา
เหล่าบรรดาสมาชิกบ้านเทียไลท์คงรับรู้ได้แหละว่าท่านโนอะคงวางแผนอะไรเอาไว้อีกแล้วแน่ๆ แต่ต่างคนต่างก็ทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ดูเหมือนจะไม่มีใครในบ้านนี้กล้าเสี่ยงไปยุ่มย่ามกับแผนของท่านโนอะเลยซักคน อาจจะเพราะรู้ดีถึงผลที่จะตามมาถ้าไปทำแบบนั้นนั่นแหละนะ
หลังจากที่พูดคุยกันจบแล้ว เราก็กลับเข้าไปรอในห้องของท่านโนอะจนกระทั่งเวลาอาหารเย็น
ตอนนั้น ฉันก็ตัดสินใจถามถึงเรื่องนึงที่คาใจฉันอยู่
“ท่านโนอะ ฉันมีคำถามข้อนึงค่ะ”
“อะไรเหรอ?”
“ท่านคิดยังไงกับชายที่ชื่อออร์เกอร์คนนี้งั้นเหรอคะ?”
ท่านโนอะได้ยินแล้วดูจะงงนิดหน่อย
“อาจจะ เหมือนของใช้แล้วทิ้งที่พูดได้ล่ะมั้ง”
ก่อนจะตอบมาด้วยสีหน้าที่ไม่มีวี่แววของการโกหกเลยแม้แต่นิดเดียว
TN: เบื่อแย่เลยนะเนี่ย ตั้งอาทิตย์นึง