[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 40 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - น่าขำมากกว่าน่าโมโห
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 40 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - น่าขำมากกว่าน่าโมโห
“นี่มันพวกเส้นผมชั้นต่ำไม่ใช่เหรอ? เจ้า 2 คนนี้มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?“
“ไม่รู้สิ แอบเข้ามาจากตรงไหนล่ะมั้ง”
คู่หมั้นของท่านโนอะ ที่ชื่อออร์เกอร์หรืออะไรก็ช่างเถอะ เจ้านั่นน่ะเข้ามาหาฉันพลางทำมือปัดไล่
“พวกเธอ ที่นี่มันคฤหาสน์ขุนนางนะ แถมยังเป็นที่พำนักของสตรีผมทอง คุณโนอามารีคนนี้ด้วย นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพวกเธอจะมาอยู่ จะไปไหนก็ไปซะ”
ชายคนนี้นี่ พูดได้ตรงจนหยาบคายเลยนะเนี่ย
“ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาที่ท่านแนะนำค่ะ แต่ว่า ขอฉันพูดอะไรเสียหน่อยนะคะ พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ท่านโนอามารีค่ะ”
“หา? ว่าไงนะ?”
ฉันโค้งตัวให้ออร์เกอร์ไปอย่างสุภาพ ทำเขาตะลึงไปเลย
“ขออภัยด้วยค่ะที่แนะนำตัวช้า ฉันเป็นข้ารับใช้ของท่านโนอามารี ชื่อคุโระค่ะ ฉันเข้าใจเป็นอย่างดีค่ะว่าผมสีดำของฉันอาจไปรบกวนตาของท่านได้ แต่ฉันต้องขอเสียมารยาทให้ท่านเข้าใจในจุดนี้ด้วย―――”
“ท่านพ่อตา นี่มันหมายความว่าอะไรกันน่ะครับ? นี่แปลว่าอาณาจักรนี้เขานิยมเก็บพวกเส้นผมชั้นต่ำมาเป็นสัตว์เลี้ยงกันหรือยังไงเนี่ย?”
ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นเลยนะ
แต่เอาเถอะ มันก็น่าจะมาลงเอยแบบนี้แหละ พวกนี้มาจากจักรวรรดิที่ยึดถือเรื่องพลังอำนาจเป็นใหญ่นี่นะ
การที่คนอย่างฉันจะไม่ได้ถูกคนพวกนี้เก็บมาใส่ใจคิดด้วยซ้ำก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เออคือ เรื่องนั้น―――”
คนพ่อนี่ดูจะพูดอะไรไม่ออกเลย
เขามีทางเลือกที่จะไล่พวกเราออกไปได้ตลอดนั่นแหละนะ
แต่ว่า ถ้าเขาทำแบบนั้นเมื่อไหร่ล่ะก็ นึกภาพไม่ออกเลยว่าท่านโนอะจะตอบโต้ยังไง
สำหรับชายคนนี้ที่ตกเป็นเบี้ยล่างต่อท่านโนอะอย่างสมบูรณ์ นั่นน่ะเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเลย
ผลลัพธ์ก็คือ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดความจริงไงล่ะ
“จริงๆ แล้ว ลูกสาวฉันมีงานอดิเรกแปลกๆ ที่ชอบไปเก็บพวกเส้นผมชั้นต่ำมาเลี้ยงเหมือนไปเก็บพวกหมาแมวจรมาบ้าน แล้วก็เอาเจ้าพวกนั้นมาเป็นคนใช้ของตัวเองน่ะ ถึงพวกนี้จะไม่มีเวทมนตร์ แต่ก็คอยรับใช้ทำประโยชน์ให้โนอามารีด้วยวิธีการอื่นๆ แทน เธอพอจะมองข้ามเรื่องนี้ไป แล้วปล่อยเจ้าพวกนั้นเอาไว้แบบนี้จะได้หรือเปล่า?”
“โห”
ได้ยินแบบนั้น ออร์เกอร์ก็กวาดสายตา จ้องตรงมาที่ฉันกับสแต
“หึม เรื่องสีผมนี่ไม่ได้เลย แต่ว่า―――เบ้าหน้านี่ก็ใช้ได้อยู่ ต่อให้จะไม่มาอยู่ที่นี่ ยังไงก็ขายตัวหาเลี้ยงตัวเองได้อยู่แล้วนี่? ถึงจะยังเด็กอยู่ทั้งคู่ แต่ก็มีคนที่ต้องการอะไรแบบนี้อยู่แล้วล่ะ”
โห
คำพูดพวกนั้นนี่ ดูถูกผู้หญิงได้แบบสุดลิ่มทิ่มประตูเลยนะนั่น
“โทษทีนะ แต่ฉันเกลียดพวกผมชั้นต่ำ อันที่จริง ฉันเกลียดพวกไร้พรรสวรรค์น่ะ เธอ 2 คนน่ะไม่เหมาะกับโนอามารีหรอกนะ อยู่กับฉัน เธอจะได้มีความสุข เพราะงั้น สบายใจได้เลย แล้วก็รีบๆ ไปให้พ้นซะ”
ตามปกติมันน่าจะเป็นจังหวะที่โกรธแบบระเบิดลงแล้วนะ แต่ตอนนี้เนี่ย ใจฉันกลับสงบเหมือนผิวทะเลที่เรียบนิ่งเลยล่ะ
จะว่ายังไงดีล่ะ มันน่าสนใจมากจนฉันตั้งสมาธิกับบทสนทนาไม่ได้ด้วยซ้ำไปเลย
หมอนี่จะคอยลูบคอยเสยผมของตัวเองเรื่อยๆ เพื่อ? แล้วเรื่องที่มาทำชูหางอวยตัวเอง กับล้อเลียนพวกเรานี่ ทำไปเพื่ออะไรกันน่ะ?
สิริรวมจากเรื่องตลกทั้งหลายทั้งเหล่ที่ผ่านมา คั้นออกมาแล้วมันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกใจเย็นจนน่าแปลกใจเลย
“ถึงอย่างนั้น พวกเราก็ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อท่านโนอามารีเอาไว้ค่ะ เราไม่สามารถออกห่างจากตัวท่านโนอามารีได้ ไม่ว่าจะได้รับการยินยอมจากท่านหรือไม่ก็ตาม”
“ผมจะบอกเธอเอง จากนี้ไป เราต้องคุยกันเรื่องฉันสามีภรรยาอยู่แล้ว เอาไว้ผมจะหยิบเรื่องนี้มาคุยด้วยแล้วกัน จริงด้วยสิ ต้องบอกเธอไว้ด้วยว่าต่อไป อย่าไปเก็บใครที่ไหนอย่างเธอ 2 คนมาอีก”
ทำไมถึงทำตัวยังกับว่าตัวเองได้แต่งงานเข้ามาเรียบร้อยแล้วกันนะ?
ไม่รู้หรือไงว่าโลกนี้ไม่สามารถแต่งงานกันได้จนกว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ถูกมองว่าเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์แล้วน่ะ?
แย่จัง ช่วงเวลาของความบันเทิงจบลงซะแล้วสินะ
“―――นั่น คือสิ่งที่ท่านออร์เกอร์ได้พูดเอาไว้ คิดเห็นว่ายังไงบ้างคะท่านโนอะ?”
“หือ?”
หลังจากที่อั้นขำเอาไว้ไม่ให้ระเบิดลั่นออกมาได้สำเร็จ ฉันก็หันไปบอกกับท่านโนอะที่เดินกลับมาหาพวกเรา อาจจะเพราะท่านสงสัยล่ะมั้งว่าทำไมพวกเราไม่ตามเข้าไปซักที
“อาระอาระ คุโระ สแต นี่สนิทกับท่านออร์เกอร์กันเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ไม่สนิทเลย”
“นี่ สแต เสียมารยาทนะ”
“ฮึ”
ดูเหมือนความบ้าบอนี้ สแตจะไม่ตลกด้วยแฮะ
“พอดีเลย คุณโนอามารี เธอน่ะ-”
“ทั้ง 2 คน รีบเข้ามากันได้แล้ว เรามีคนช่วยไม่พอหรอกนะ”
“รับทราบค่ะ ถ้าเช่นนั้นแล้ว ท่านออร์เกอร์ ขอเสียมารยาทนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ… นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะ คุณโนอามารี? เส้นผมสีทองอันงดงามของเธอ คลุกคลีอยู่กับพวกเส้นผมชั้นต่ำพรรค์นี้ก็มีแต่จะเสียเปล่านะ ถ้าเจ้าพวกนี้เป็นคนใช้ของเธอ ฉันหาคนที่เพรียบพร้อมกว่าให้ก็ยังได้-”
“พอแค่นั้นดีกว่าค่ะ ท่านออร์เกอร์”
ท่านโนอะกล่าวตัดบทของออร์เกอร์ทิ้ง พร้อมกับเดินเข้ามาทางพวกเรา
ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันและดึงตัวสแตเข้ามากอดไว้แน่น
“ทั้ง 2 คนเป็นข้ารับใช้ที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้ช่วยฝีมือดี และเป็นราวกับครอบครัวของฉันเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ฉันก็ไม่ต้องการให้ท่านมายุ่มย่ามกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรานะคะ ท่านออร์เกอร์”
“ไม่สิ แต่ว่าเรากำลังจะแต่งงานกันนะ ถึงยังไง ในฐานะว่าที่สามีในอนาคตแล้ว ความเห็นของผม—”
“ถ้าหากท่านไม่อาจยอมรับพวกเธอได้ เช่นนั้น พิธีหมั้นนี้ก็คงต้องเป็นอันยกเลิกค่ะ”
““!?””
สมาชิกตระกูลกิฟท์นี่หน้าเสียกันเป็นแถบเลย
ก็เข้าใจได้อยู่นะ ถ้าตระกูลกิฟท์ไม่สามารถผูกสัมพันธ์เอาไว้ที่นี่ได้ล่ะก็ พวกเขาก็จะไม่ได้ตัวของท่านโนอะ ผู้ครอบครองเวทมนตร์สายแสงสว่างไปน่ะสิ
และถ้าเกิดตระกูลกิฟท์พลาดทำภารกิจแสนสำคัญนี้ล้มเหลวล่ะก็ พวกเขาจะต้องเจอกับบทลงโทษร้ายแรงแน่นอน
“น- โนอามารี!? พูดเรื่องอ-”
“เห็นด้วยหรือเปล่าคะ ท่านพ่อ?”
“ไม่สิ เดี๋ยว-”
“เห็น ด้วย หรือ เปล่า คะ ?”
“…อ- อ่า นั่นสินะ เจ้า 2 คนนี้น่ะทำงานได้ดีเลยทีเดียว และที่สำคัญ ยังเป็นของชิ้นโปรดของลูกสาวฉันด้วย ถ้าไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็คงจะลำบากซักหน่อยล่ะนะ อืม”
ออร์เกอร์กับออลัส ผู้นำตระกูลกิฟท์ต่างก็ดูจะมีสีหน้าสับสนกันนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะยอมแพ้ไปเอง
“ออร์เกอร์ หยุดซะ การที่เจ้าจะเป็นสามีในอนาคตนั้น การรับฟังความเห็นแก่ตัวของผู้ที่จะเป็นภรรยาของตนเองถือเป็นสิ่งจำเป็นนะ”
“อ- อ่า นั่นสินะ แดดดี้”
เขาพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
“……ฉัน เกลียดเจ้านั่น”
“อดทนไว้ก่อนนะ สแต ยังไงนี่มันก็แค่ความสัมพันธ์ระยะสั้นอยู่แล้ว เราจะใช้งานจากพวกนี้เท่าที่เราต้องการเลย แล้วเราค่อยส่งพวกมันลงไปชดใช้ในนรกซะ โทษฐานที่มาดูถูกพวกเธอ”
“แต่ไม่ใช่ว่าฉันเกลียดอะไรชายคนนั้นนะคะ แค่อยู่รอบๆ เขาคนนั้นก็สร้างความน่าขำขึ้นมาได้แล้ว ทำตัวราวกับได้แต่งงานกับท่านโนอะแล้วเรียบร้อยโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยซักนิดเดียว ทั้งตลกทั้งสุดยอดเลยล่ะค่ะ”
“เธอนี่ใช้ได้เลยนะ คุโระ ฉันต้องอดทนมากจนเหนื่อยเลยที่จะไม่หลุดหัวเราะออกมา แต่เธอดูจะไม่เป็นไรเลยนี่?”
“รอยยิ้มของท่านไร้ที่ติเลยค่ะ ท่านโนอะ อดทนได้ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ”
“เอ๋ น่าสนใจดีนี่ ฉันคิดไว้ว่าจะไว้ชีวิตเจ้านั่นนะ แต่คำพูดพวกนั้น ฉันยอมรับไม่ได้จริงๆ”
ฉันว่าท่านน่าจะพูดถึงตอนหมอนั่นเสนอเรื่องให้เราไปขายตัวหรืออะไรแบบนั้นล่ะมั้ง
“ชายคนนั้น กล้าดียังไงถึงมาพูดจาหยามเหยียดสแตที่น่ารักของฉันกับมือขวาของฉันอย่างคุโระแบบนี้? ถ้าไม่มีชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาคอยหนุนหลัง เจ้านั่นจะเป็นอะไรได้งั้นเหรอ นอกจากตัวตลกที่หลงตัวเองน่ะ ว่ามั้ย? ยกโทษให้ไม่ได้ สแต คุโระ ฉันต้องให้พวกเธอช่วยในเรื่องนี้ด้วย มาหาทางลากเจ้านั่นจมลงก้นนรกกันดีกว่า เอาเป็นว่า 5 ทุ่มวันนี้มาเจอกับฉันที่ห้องสมุดใหญ่ เข้าใจมั้ย?”
“รับทราบค่ะ ถึงส่วนตัวแล้วมันจะไม่ได้กวนใจอะไรฉันขนาดนั้น แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“เจ้าหมอนั่น มาตามตอแยคุณหนู จะจัดการมัน”
“ฉันเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ไหวเลยล่ะ คอยดูผู้ชายคนนั้นเอาไว้เลย บังอาจมาพูดจาดูถูกของของฉัน ฉันจะให้มันได้สำนึกไปจนวันตายเลย… ฮุฮุฮุฮุ!”
ท่านโนอะเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาให้เห็นนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นรอยยิ้มทางการเมืองอีกครั้ง แล้วก็หันเดินกลับเข้าไปที่คฤหาสน์
ฉันกับสแตที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็เดินตามท่านไป
“คุโระ คุณหนูน่ากลัวจัง”
“นั่นสิน้า”
“แต่ก็ เท่จัง”
“พึ่งพาได้สุดๆ ไปเลยล่ะ”
“ฉัน ชอบหน้าแบบนั้น ของคุณหนูจัง”
“ฉันเองก็ไม่ได้เกลียดเหมือนกัน แต่ว่านะ สแต อย่าให้สีหน้าแบบนั้นตรงมาหาตัวเองเด็ดขาดเลยนะ”
“อืม เข้าใจแล้ว”
เราแอบกระซิบคุยกันเงียบๆ แต่ไม่นานเราก็ต้องหยุดคุยกัน และพากันเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบๆ
TN: แหม ยินดีด้วย นายได้เซ็นสัญญาวันตายของตัวเองแล้วเรียบร้อย