“ฉันดูเย็นชาขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ก่อนที่ผมจะได้ตอบคำถามของมิซากิ ผมก็ถามในสิ่งที่ผมคิดออกไปก่อน
ดูเหมือนมิซากิจะงงเล็กน้อย อาจเพราะเธอไม่เข้าใจว่าอยู่ๆ ผมถามแบบนั้นทำไม
“ช่างเรื่องที่จะคบกับซูซุมิเนะซังหรือเปล่าก่อนเถอะ… แต่เธอคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างเราไปเองฝ่ายเดียวแบบนั้น?”
ไม่ว่าผมจะพูดกี่ครั้งเธอก็ยังคงสงสัยเรื่องซูซุมิเนะซัง ดังนั้นผมจะไม่เสียเวลาปฏิเสธอีกแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือการทำให้ความสัมพันธ์ของเราชัดเจน
“จะเรียกว่าตัดก็ไม่ใช่หรอก… แต่ถ้าไม่เลิกกับฉัน นายก็จะไปคบกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ…”
แน่นอนว่าผู้หญิงที่อยากจะเป็นแฟนด้วยคงรู้สึกไม่ดีแน่ หากผู้ชายที่อยากคบหาด้วยมีแฟนอยู่แล้ว ถึงแม้จะเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือก็ตาม แต่ก็ยังอดรู้สึกคาใจไม่ได้อยู่ดี
มิซากิดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
เธอยังคงเป็นคนที่ใจดีเสมอเลยนะ…
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก ฉันไม่มีความคิดจะคบกับใครอยู่แล้ว”
“แต่ใครจะไปรู้ล่ะ…?”
เธอพูดเบาๆ แล้วนั่งกอดเข่าก้มหน้าลง
ก็เข้าใจได้นะ เรื่องในอนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆ นั่นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็คิดมากไปหน่อยหรือเปล่า…
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือโคโคอะต่างหาก จนกว่าโคโคอะจะโตขึ้น ฉันจะไม่คิดเรื่องความรักแน่นอน”
ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่มีคนที่สนใจหรือไม่รู้สึกอะไรเลยหรอกนะ
ถึงผมจะไม่อยากรีบมีความรักเหมือนพวกวัยรุ่นทั่วไป แต่ก็ยังมีความสนใจในเรื่องแบบนี้อยู่
แต่มันก็แค่นั้น ถ้าจะคบกันจริงจัง มันก็ต้องมีเวลาสำหรับออกเดตหรือดูแลอีกฝ่าย
แต่ถ้าผมให้ความสำคัญกับการดูแลโคโคอะก่อน สุดท้ายคนที่มาคบด้วยก็คงต้องรู้สึกแย่บ้างล่ะ
ยิ่งกว่านั้น ถ้าอีกฝ่ายหึงโคโคอะขึ้นมา ผมก็คงทนไม่ได้แน่นอน
โคโคอะยังเด็กมากและก็ไวต่อความรู้สึกด้านลบ ผมไม่อยากให้เธอสัมผัสกับอะไรแบบนั้นเลย เพราะงั้นผมเลยตัดใจไปแต่แรกแล้ว
จะว่าไปแล้วส่วนนึงก็เพราะคิดว่าถ้าชอบใครไป มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีนั่นแหละ
“แล้วทำไมถึงยังทำตัวสนิทกับเฮียวกะจังอยู่ล่ะ?”
“…………”
ก็ยังวนกลับมาเรื่องซูซุมิเนะซังอีกจนได้สินะ… คงเพราะอยู่ใกล้กันแถมอายุเท่ากันล่ะมั้ง…?
“นี่ มิซากิ เธอเป็นคนที่พอคิดว่ามีอะไรอยู่ในความมืด ก็มักจะรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองมาอยู่ตลอดใช่ไหม?”
“เอ๊ะ…? ก็ใช่นะ…?”
เธอมองมาด้วยสีหน้าประหลาดใจเหมือนจะถามว่า ‘แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?’
“นั่นแหละประเด็น เธอเป็นคนที่ชอบด่วนสรุปไง เธอคิดตลอดเลยว่าฉันกับซูซุมิเนะซังอาจจะสนใจกันขึ้นมา ทีนี้พอพวกเราทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกัน เธอก็เก็บเอามันมาคิดมากจนเกินไป”
พอมีอคติในใจเมื่อไหร่ ทุกอย่างที่เห็นก็จะเริ่มเปลี่ยนความหมาย
ต่อให้ผมปฏิเสธไปกี่ครั้ง เธอก็ยังไม่เลิกสงสัย แสดงว่าในใจเธอคิดไปไกลแล้ว
แบบนั้นแหละ ต่อให้แค่ผมกับซูซุมิเนะซังคุยกันเฉยๆ เธอก็คงรู้สึกว่าพวกเราทำตัวน่าสงสัยอยู่ดี
“งั้นเหรอ…?”
“ก็ใช่น่ะสิ อย่างน้อยระหว่างฉันกับซูซุมิเนะซัง มันก็เป็นแบบนั้นแหละ”
พูดจริงๆ นะ ผมยังนึกภาพตัวเองไปมีโมเมนต์ดีๆ กับซูซุมิเนะซังไม่ออกเลย
ถ้าจะพูดถึงความเป็นไปได้ละก็ ฝั่งมิซากิน่ะยังน่าจะมีโอกาสมากกว่าอีก
ถึงจะรู้สึกว่าเธอออกไปทางน้องสาวมากกว่าแฟนก็เถอะนะ…
“งั้น… ถ้าให้เลือกระหว่างฉันกับเฮียวกะจัง… ใครสำคัญกว่ากัน…?”
นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ถามคำถามแบบนี้ออกมา… ทำไมเธอถึงกล้าพูดอะไรแบบนี้ได้ง่ายขนาดนั้นนะ…
“ก็ต้องเป็นมิซากิอยู่แล้ว”
ผมตอบทันทีแบบไม่ปล่อยให้มีช่องว่าง เพราะถ้าแสดงท่าทีลังเลให้เธอเห็นล่ะก็ มีหวังโดนเธอระแวงอีกรอบแน่นอน
“งะ… งั้นเหรอ…”
“เธอเป็นคนถามเองนะ หยุดทำหน้าเขินแบบนั้นทีเถอะ”
มิซากิหน้าแดงขึ้นมาเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีพลางเอียงแก้มพิงลงกับเข่าที่กอดอยู่
ถ้าเธออายก็เรื่องของเธอเถอะ แต่ผมนี่แหละที่ควรจะอายมากกว่าที่โดนบังคับให้พูดอะไรแบบนี้เนี่ย…
“พอได้ยัง?”
“!?”
จังหวะที่บรรยากาศเริ่มหวานเลี่ยนขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเสียงแทรกจากด้านหลังทำให้เราทั้งคู่สะดุ้งเฮือก
พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าซูซุมิเนะซังขยับเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ดูเหมือนระหว่างที่ผมหันไปคุยกับมิซากิ เธอจะค่อยๆ ว่ายเข้ามาใกล้แบบไม่ให้รู้ตัว
“อย่ามาทำให้ตกใจแบบนั้นสิ”
“หรือว่ากำลังคุยอะไรที่ควรจะตกใจอยู่กันล่ะ?”
พวกเราอยู่ไกลจากเธอและก็คุยกันเบาๆ เธอคงไม่ได้ยินเนื้อหาหรอกที่เราคุยกันหรอก
เธอน่าจะแค่แกล้งหยอกพวกเราเล่นมากกว่า ก็เล่นยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นเลยนี่นะ
แต่แล้ว…
“มะ มะ มะ ไม่ใช่เลยนะ…!”
มิซากิดันรีบเถียงออกมาเสียงดังแถมยังแกว่งมือไปมาอีก
ทำแบบนั้นยิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เลย…
“อย่าลืมนะว่าตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่น่ะ”
เพราะท่าทีของมิซากินั่นแหละเลยโดนเข้าใจผิดเต็มๆ จนกระทั่งซูซุมิเนะซังเองก็หน้าแดงขึ้นมานิดๆ แล้วหันมาพูดเตือนผม
“ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย…”
ผมเริ่มรูสึกปวดหัวขึ้นมาจึงกระโดดลงน้ำเพื่อเปลี่ยนอารมณ์สักหน่อย…
MANGA DISCUSSION