“เฮ้… เคนอิจิ สถานการณ์ตอนนี้เป็นความผิดของนายล้วน ๆ เลยนะ?”
ช่วงที่การเก็บเลเวลเริ่มไปได้สวย และผมเริ่มคุ้นชินกับเกมแล้ว ผมก็พูดใส่ภาพของเคนอิจิที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
ตัวละครที่ไม่มีสีหน้าในเกมกลับหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสนุกกับสถานการณ์นี้
“หืม~?? ฉันไม่เข้าใจเลยว่าโทวะพูดถึงอะไรอยู่~”
“โทคิวากิคุง คิดมากเกินไปหน่า กลับมาโฟกัสกับเกมดีกว่า ถึงตรงนี้แล้วถ้าเจอเกมโอเวอร์… หรือโดนบั๊กจนเลเวลรีเซ็ตอีกล่ะก็ ฉันไม่ไหวนะ เพราะงั้นมีสตินิดนึงเถอะ…”
“หา~… สรุปว่าเป็นฉันที่แปลกใช่มั้ย?”
“ก็ไม่ใช่ว่าโทวะแปลกแค่วันนี้หรอก แต่ปกตินายก็คิดมากไปหมดนั่นแหละ! แล้วดูสิ ตอนนี้ก็ดูจะลงตัวแล้วนี่นา?”
“อย่าตีเนียนได้มั้ย… แล้วนี่มันยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ”
“เอ้า ๆ ยังไงวาคามิยะก็ไม่บ้าคลั่งอีกแล้วไง แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ใช่มั้ยล่ะ วาคามิยะ~”
“ค่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกสงบมากเลยค่ะ เหมือนความรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่บ้านเลยล่ะค่ะ”
“พวกนายเนี่ย…”
ผมถอนหายใจ พร้อมกับไหล่ที่ห่อเหมือนคนหมดแรง
เกมนี้เล่นลำบากจริง ๆ…
พอผมพยายามจะขยับแขน ก็โดนจับไว้ทันที และถูกบังคับให้กลับมาอยู่ในท่าที่คร่อมรินจากด้านหลัง
เสียงหึ ๆ ในลำคออย่างพึงพอใจของรินที่อยู่ระหว่างขาของผมดังขึ้นเบา ๆ
ผมถอนหายใจ พร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย
อะไรกันเนี่ย… ทำไมรอบตัวผมมีแต่พวกหัวดื้อกันหมดเลย…
เซ็งชะมัด
ทั้งหมดนี้มันเริ่มจากเมื่อกี้ ที่เคนอิจิเสนอขึ้นมาว่า “ว่าแต่วาคามิยะ สนใจจะฟังเคล็ดลับควบคุมการตอบสนองอัตโนมัติหน่อยมั้ย?” แล้วเสนออะไรบางอย่างกับริน
แล้วหลังจากนั้นเขาก็แอบพูดอะไรใส่หูเธอโดยไม่ให้ผมได้ยิน
พอเธอตอบว่า “เข้าใจแล้วค่ะ แผนนี้เยี่ยมเลยนะคะ” แล้วก็… กลายเป็นสถานการณ์แบบนี้ทันที
ให้ตายเถอะ รินนี่ทำอะไรโดยไม่ลังเลเลยแฮะ… หัวใจผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว…
“นี่ริน… คอนโทรลเลอร์มันถือยากมากเลยนะ…”
“แต่ว่าดีกว่าที่ฉันเผลอทำอะไรแปลก ๆ ไปไม่ใช่เหรอคะ?”
“…อย่าพูดเองเออเองสิ…”
ผมถอนหายใจอีกครั้ง ขณะที่มือกำลังพยายามควบคุมคอนโทรลเลอร์ที่จับยากขึ้นกว่าเดิม
พยายามแกล้งทำเสียงกดปุ่มให้ดังเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรง
…ถ้าเธอได้ยินเสียงหัวใจผมล่ะก็ ผมได้อายตายแน่…
ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้ห่างจากรินแม้เพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ขยับตัวตามแบบเป๊ะ ๆ อย่างกับอ่านใจได้
ผมได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ กับความเป็นเอสเปอร์ของเธอ
“อย่าขยับมากนักสิคะ”
“ก็พูดง่ายสิ… มันมีหลายอย่างที่ฉันลำบากใจนะ”
“ฟุฟุ… หรือว่า เขินอยู่เหรอคะ?”
“พูดแบบนั้นเธอเองก็หน้าแดงอยู่นะ?”
“เอ๊ะ จริงเหรอ!? แต่โทวะคุงไม่น่าจะเห็น… อ๊ะ”
“โทวะคุง… คุณหลอกฉันใช่มั้ยคะ!?”
“เปล่านะ! นั่นมันเธอพลาดเองชัด ๆ!!”
“ไม่ค่ะ นี่มันกับดักเต็ม ๆ เลย รู้สึกเหมือนโดนล่อเข้าไปสุดทางเลยค่ะ โดนกับดักล่อจนหมดรูปเลย”
“อย่าพูดจาน่าสงสัยแบบนั้นสิ!!”
…อย่าพูดคำว่า “โดนกับดัก” หรือ “ล่อจนหมดรูป” บ่อยนักเลย…
ฟังดูเหมือนมีความหมายอย่างอื่นยังไงไม่รู้…
บ้าเอ๊ย เป็นเพราะเธอนี่แหละ ผมถึงได้ปั่นป่วนขนาดนี้
“เอ้า โทวะ~ ลืมบอกเลยว่า บทสนทนาเมื่อกี้มันได้ยินจากในเกมเลยนะ~?”
“อะ…!”
“…อิจฉาอ่ะ พวกนายกุ๊กกิ๊กกันเกินไปแล้ว”
“………………”
ผมกับรินเงียบไปด้วยความเขินและความกระอักกระอ่วน
แต่ก็ไม่รู้ทำไม…
เหมือนตอนนี้บรรยากาศมันยิ่งหนักอึ้งกว่าเมื่อกี้อีก…
กลิ่นหวาน ๆ ที่ลอยมาแตะจมูกจนทำให้เวียนหัว
“แย่ล่ะ… เดี๋ยวโดนแซวแน่เลย…”
ด้วยความคิดแบบนั้น ผมก็ได้แต่ฝืนใจเล่นเกมต่อ พยายามเก็บเลเวลต่อไปโดยไม่คิดอะไร
◇◇◇
เมื่อใบหน้าที่ร้อนผ่าวเริ่มเย็นลง และผมเริ่มชินกับสถานการณ์นี้เสียแล้ว
ปาร์ตี้ของพวกเราก็เดินทางมาถึงหน้าห้องบอส
“แล้วไงล่ะ? พวกเราก็แข็งแกร่งขึ้นเยอะแล้ว แต่แบบนี้จะชนะได้เหรอ~?”
“ก็… ไม่ได้หรอก ถ้าสู้ตามปกน่ะนะ”
“หา…!!!”
“ช่างมันเถอะ เกมบางเกมมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
พอทุกคนเริ่มหมดหวัง ผมก็กระแอมไอหนึ่งทีแล้วเดินเข้าไปในห้องบอส
ก็แน่ล่ะ… ผมก็เล่นเกมหมานี่มาตั้งนานแล้ว
ถ้าทั้งหมดนี้ต้องสูญเปล่าก็คงเฟลสุด ๆ
บอสเริ่มเล่าเรื่องของชีวิตตัวเองยาวเหยียด ระหว่างนั้นผมก็ใช้เวลานั้นบอกรายละเอียดแผนกับทุกคน
และแน่นอน วิดีโอเปิดตัวบอสก็ข้ามไม่ได้เหมือนเดิม
“ดูสิ บอสเริ่มเล่าประสบการณ์ชีวิตแล้วนะ แล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสงสารด้วยแหละ…”
“อืม… ดูน่าเศร้าจัง”
“ใช่ค่ะ… แต่นี่มันเรื่องในเกมเหรอคะ?”
“เรื่องแบบ ‘หย่าร้าง’, ‘ครอบครัวหนีไป’, หรือ ‘โดนเพื่อนหักหลัง’ อะไรพวกนั้นน่ะ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของผู้สร้างเกมมากกว่า เหมือนเขาระบายในเกมเลยล่ะ”
“อูวว… เกมนี้มันดำมืดจังเลยเนอะ…”
เรื่องราวแสนเศร้าและคำบ่นถูกเล่ายาวไปเกือบ 10 นาที
“ยังไงพอเริ่มบอสไฟท์ รินก็ใช้เวทฮีลใส่บอสไปเลย เคนอิจิกดแต่ ‘ป้องกัน’ อย่างเดียว ฟุจิซังใช้ไม้ตีบอสไปเรื่อย ๆ”
“รับทราบค่ะ! แต่ว่าจะใช้เวทฟื้นพลังกับบอสจริงเหรอคะ?”
“เฮ้ย! ฉันเก็บเลเวลมาตั้งเยอะ แต่ได้แค่ป้องกันเนี่ยนะ!? เมื่อกี้เพิ่งได้ท่าไม้ตายมาเลยนะเว้ย!”
“…ฉันเป็นเมจ แต่ต้องมันตีด้วยไม้เนี่ยนะ”
เสียงบ่นท้วงดังขึ้นรัว ๆ จนกลายเป็นเสียงก้องน่ารำคาญในเกม
เสียง “คี๊ー” ดังจนแสบหู…
จากนั้น บอสไฟท์ก็เริ่มต้น
ชื่อของบอสนั้นอ่านยากสุด ๆ “รุยาเทเมยะ・ยาชิอิกะ・โซคุ”
ชื่อที่เหมือนจะมีความหมายแฝงอยู่ลึก ๆ
แต่เพลงบอสกลับเป็นแนวสวนสนุกสดใสซะงั้น…
“ไม่ต้องห่วง แค่ทำตามที่บอก ก็ชนะอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ…!? หลอดเลือดของบอสยาวทะลุจอไปแล้วนะ…”
“ก็ใช่น่ะสิ บอสมันทนถึกมาก และที่สำคัญคือ มันไม่โดนเวทหรือท่าไม้ตายอะไรเลย แถมทุกเทิร์นมันจะใช้ความสามารถลด HP ฝั่งเราจนเหลือ 1 ด้วย”
“เฮ้ย! แบบนั้นมันโกงกันชัด ๆ!!”
ถึงจะโวยวาย แต่เคนอิจิก็ยังทำตามที่ผมบอก
ผมยังไม่ได้บอกอีกอย่าง บอสมันฟื้นเลือดเองอัตโนมัติด้วย แทบไม่มีจุดอ่อนเลยจริง ๆ
“แบบนี้ยังไงก็ชนะไม่ได้แน่นอนใช่มั้ยคะ?”
ใช่ ตามที่รินว่า—มันคือบอสแบบ “สู้แล้วบังคับแพ้”
แต่นี่คือเกมหมาที่เต็มไปด้วยบั๊ก…
ถ้าทำตามที่ผมบอกล่ะก็—
หน้าจอเริ่มกระพริบขาวดำ และทันใดนั้นก็มีเพลงขึ้น
มีตัวละครที่พวกเรายังไม่เคยเจอวิ่งอยู่บนหน้าจอ
“เดี๋ยว… โทวะ? นี่มันจบแล้วเหรอ? ดูเหมือนเพลงเอนดิ้งจะเริ่มแล้วนะ?”
“ก็บอกแล้วไง ว่านี่คือบอสตัวแรกและตัวสุดท้าย”
“จริงดิ… ถ้าแบบนี้จบ งั้นเกมมันก็โครตไร้เนื้อหาเลยนะ… หรือว่าอีกแล้ว? บั๊กอีก?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
บอสตัวนี้สู้ปกติไม่ได้แน่นอน
แต่ถ้า “ใช้เวทฮีลใส่มันเรื่อย ๆ” บอสจะไม่ฟื้นเลือด และจะค่อย ๆ ตายจากท่าพิเศษของตัวเอง
ถ้าใช้เวทหรือท่าไม้ตายโจมตีจะทำให้บั๊กหมดผล เลยต้องตีปกติอย่างเดียวเท่านั้น
ทำแบบนั้นสักพักก็ชนะได้—บอสสุดเศร้าที่ถูกจัดการด้วยบั๊ก
“ไม่มีบอสตัวอื่นอีกเหรอ?”
“เหมือนจะมีนะ แต่ของฉันน่ะ ไม่มีหรอก”
“หมายความว่าไง?”
“เหมือนผู้สร้างเกมบอกว่าจะเพิ่มบอสผ่าน DLC แต่เครื่องฉันไม่มีไฟล์นั้น”
ตามที่ทีมแฮ็กเกอร์ที่วิเคราะห์เกมนี้บอก ขนาดไฟล์เกมมันโคตรใหญ่แบบผิดปกติ
คงกะทำเกมเวอร์ชันสมบูรณ์ทีหลังแหง ๆ
“เฮ้อ… จบแบบนี้เหรอ? ทำไมรู้สึกว่างเปล่าจังเลย”
“ก็เกมหมาไงล่ะ”
“…คำนี้ฟังดูมีน้ำหนักจังแฮะ”
“แต่ฉันสนุกนะคะ?”
เคนอิจิและฟุจิซังหัวเราะแห้ง ๆ ต่างจากรินที่ดวงาตเปล่งประกายราวกับเด็กได้ของขวัญ
บางที การสนุกได้กับทุกอย่างก็คงเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองดูเอนเครดิตของเกมสิ จะได้เห็นด้านมืดของเกมนี้”
ผมถอดแว่น VR แล้ววางมันลง
พูดตามตรง เจ้าแว่นนี่หนักชะมัด…
อีกสามคนก็ถอดแว่นตาม และดูเครดิตแบบเงียบ ๆ
ระหว่างนั้น รินอุทาน “อ๊ะ…” เบา ๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ของเคนอิจิ
ส่วนฟุจิซังเอียงคออย่างไม่เข้าใจ
“…มีอะไรแปลกเหรอ? ก็แค่หน้าจอโล่ง ๆ น่าเบื่อแหละ”
“ก็…มันดูหยาบ ๆ ก็จริง แต่ก่อนอื่นเลยนะ…”
“มีแต่ชื่อซ้ำ ๆ เต็มไปหมดเลยใช่มั้ยคะ?”
“ใช่เลย! นั่นแหละคือความสุดยอดของเกมนี้!”
เคนอิจิกับฟุจิซังยิ้มแห้งขณะวางแว่น แต่รินยังคงสนุกไม่เปลี่ยน
“โทวะนี่ทำไมดูมีความสุขจัง?”
“แค่คิดว่าเกมนี้สร้างยังไงก็จินตนาการได้ไกลแล้วล่ะ อย่างเช่น… ตอนพัฒนาอาจมีคนลาออกเยอะมาก แล้วทำไมถึงลาออกล่ะ? แค่เกมเดียวก็สะท้อนความไม่เป็นธรรมของโลกได้แล้ว มันตลกร้ายดีออก?”
““อูวว…””
เคนอิจิกับฟุจิซังถึงกับผงะ
อะไรของพวกเขา… มองผมเหมือนเห็นคนแปลก ๆ
รินถึงกับถือผ้าเช็ดหน้ารอเหมือนเตรียมตัวอะไรบางอย่างด้วยซ้ำ
“…โทวะคุง? ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย ฉันจะกอดคุณเองค่ะ ได้ข่าวว่าการกอดช่วยลดความเครียดได้”
“ไม่เป็นไรครับ…”
“มาเถอะค่ะ”
“เธอฟังที่ฉันพูดมั้ยเนี่ย?”
“มาเถอะ ๆ อย่าลังเลเลยค่ะ”
“เฮ้ ไม่ฟังกันเลย…”
ถ้าโดนรินกอดล่ะก็…
อะไรบางอย่างในตัวผมได้ผงาดถึงขีดสุดแน่ ๆ
แถมพอเธอตัดสินใจจะทำอะไรขึ้นมา เธอไม่ฟังใครเลย…
สุดท้ายผมก็ต้องหนีจากรินที่กางแขนจะกอด—ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นก็… ขอให้จินตนาการกันเองแล้วกัน
วันถัดมา
หลังกลับมาจากซื้อของ รินก็วิ่งเข้ามาหาผมอย่างตื่นเต้น พร้อมยื่นบางสิ่งให้ดู
“โทวะคุง ฉันซื้อมาแล้วค่ะ!”
“ซื้ออะไรเหรอ?”
“เกมแนวที่เรียกว่าเกมหมาค่ะ! ได้ข่าวว่าเป็นเกมย้อนยุคที่เดินด้วยการลอยตัวเลยนะคะ!”
“เห~ ไม่เคยเห็นเลยนะ ไปหามาได้ยังไงเนี่ย?”
“ฟุฟุ เพราะฉันรู้หมดแล้วว่าในห้องของโทวะคุงมีอะไรบ้าง! ก็เลยหาเกมที่ยังไม่มีมาค่ะ!”
“…งั้นเหรอ งั้นไว้เล่นตอนหลังละกัน?”
“แน่นอนค่ะ! เล่นหลังเรียนเสร็จนะคะ!”
จากกิจวัตรประจำวันอย่างการเรียนของเราสองคน ตอนนี้ก็มี “เล่นเกมกับริน” เพิ่มเข้ามาอีกอย่างแล้ว
…จริงสิ
ชีวิตประจำวันแบบนี้ก็ไม่ได้แย่นักหรอก
MANGA DISCUSSION