——เป็นวันหนึ่งหลังจากที่รินมาอยู่ค้างที่บ้านได้ไม่กี่วัน
“เหนื่อยแปลกๆ แฮะ…”
ผมพูดพลางจอดจักรยานที่ลานจอดของหอพักหลังจากเลิกงานพาร์ทไทม์
ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้าแปลก ๆ ผมหมุนไหล่เบาๆ คลายความตึง
วันนี้แปลกหน่อย รินไม่ได้อยู่ที่ที่ทำงานตามปกติ
อาจเพราะแบบนั้น ลูกค้าเลยไม่ค่อยเข้าร้าน ทำให้ผมยืนจนเมื่อยเลยทีเดียว
…ตอนที่รินอยู่ก็จะวุ่นวายแบบไร้เหตุผลแหละนะ
แต่ก็นั่นแหละ แบบนั้นเวลาจะผ่านไปเร็วหน่อย ดีแล้วล่ะ
เมื่อมองไปทางห้องของตัวเอง ก็เห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากหน้าต่าง
ทั้งที่วันนี้บอกว่าจะออกไปข้างนอก แต่ดูเหมือนรินจะกลับมาแล้ว
ผมเปิดประตูเข้าบ้าน
ทันใดนั้น รินก็มายืนรออยู่ตรงทางเข้าพอดี
…ยืนรอทำไมเนี่ย
หรือว่าเป็นเทพธิดาจริงๆ ถึงได้เหมือนมีญาณแบบนี้?
“ยินดีต้อนรับกลับนะคะ โทวะคุง”
“…หืม? ทำไมจ้องกันซะแบบนั้น…”
“กลับมาแล้วก็ต้องทักทายก่อนใช่มั้ยล่ะคะ?”
“…กลับมาแล้ว”
พอได้ยินผมตอบแบบนั้น เธอก็ยิ้มอย่างพอใจแล้วยื่นมือมารับของ
จากนั้นก็รับกระเป๋ากับชุดยูนิฟอร์มของงานพาร์ทไทม์แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
“พอกลับบ้านก็รู้สึกผ่อนคลายจัง~…………หือ?”
ระหว่างที่ผมเหยียดตัวแล้วมองไปรอบๆ บ้าน… ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป
…เอ๊ะ? นี่มัน…
“นี่ ริน…”
“มีอะไรเหรอคะ?”
“…ของในบ้านมันเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?”
ในชั้นวางรองเท้ามีร่มเก่าๆ ของผมวางอยู่ แต่ข้างๆ นั้นกลับมีร่มใหม่สองคัน สีต่างกัน เรียงอย่างเรียบร้อยพร้อมที่ตั้งร่มด้วย
และเมื่อไปที่ห้องน้ำ——
“อันนี้คือ…?”
“ชุดนอนค่ะ”
“เอ่อ ดูก็รู้แหละว่าเป็นชุดนอน…”
เธอเอียงคอแบบน่ารักเหมือนจะบอกว่า ‘ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา’
จะน่ารักเกินไปแล้วนะ…เฮ้อ
ผมเปรียบเทียบชุดนอนสีฟ้ากับอีกชุดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเป็นสีชมพู
นี่มัน…ใช่เลย…
“ริน…ทำไมถึงเป็นชุดคู่กันล่ะ…?”
“เพราะซื้อแบบเซ็ตจะถูกกว่าค่ะ”
“แล้วแก้วมัคพวกนี้ล่ะ?”
“ก็เซ็ตเหมือนกันค่ะ”
“งั้นเหรอ… แล้ว——”
ผมชี้ไปยังสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดตั้งแต่กลับมาบ้าน
ใช่เลย ผมพยายามไม่สนใจมันเท่าไหร่ แต่มันใหญ่เกินไปจะมองข้ามได้
“ทำไมเตียงถึงเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ?”
“การแบ่งเซลล์ของร่างกายคือความลึกลับของสิ่งมีชีวิตค่ะ”
“ไม่ใช่ละ! ข้อแก้ตัวนั่นมันไม่เวิร์กเลยนะ!!”
รินหันหน้าหนีแล้วเอามือปิดหู
ท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่อยากฟังตอนโดนดุ ทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจ
ช่วงนี้พออยู่กับรินแล้วภาพลักษณ์แบบสมบูรณ์แบบที่เคยมีมันเริ่มพังลงเรื่อยๆ แฮะ…
“โทวะคุง มีจดหมายจากคุณแม่ของฉันมาค่ะ เชิญเลย…”
“จดหมายเหรอ…?”
ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ…
ลิซ่าซังเป็นคนที่จับทางได้ยากสุดๆ เลย…
ต่างจากความเอสเปอร์ของริน ตรงที่ของเธอดูเหมือนมีการคำนวณไว้หมดแล้ว…
ผมเปิดจดหมายออกอ่าน
『ถึงปอนตะจัง
ขอบคุณที่ดูแลรินเสมอมา
นี่เป็นของตอบแทนเล็กน้อยสำหรับความลำบากของเธอ
ดูเหมือนจะไม่มีฟูกสำหรับแขก จึงส่งของใช้จำเป็นมาให้แทน
ถ้าไม่จำเป็นก็สามารถเอาไปขายร้านมือสองได้เลยนะ
ป.ล. รินตอนหลับจะอุ่นแล้วก็นุ่มมาก เหมาะเป็นทั้งถุงน้ำร้อนและหมอนข้างสุดๆ เลยล่ะ
ขอให้มีชีวิตการนอนที่ดีนะจ๊ะ จากแม่ของริน』
ผมทำจดหมายหล่นลงตรงนั้นทันที
จากนั้นก็ตะโกนใส่มันทันทีว่า
“งั้นก็ส่งแค่ฟูกมาก็พอแล้วครับ!!!!”
ฟูกสำหรับแขกยังพอเข้าใจ…แต่เตียงนี่มันเกินไปหน่อยมั้ย!?
แล้วไอ้ประโยคสุดท้ายนั่นมันอะไรฟะ!?
อย่าเอาความรู้แบบนั้นมายัดเยียดให้สิ! ตอนกลางคืนแค่นี้ก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว…
ผมถอนหายใจ พลางกุมหัว
พอมองไปรินข้างๆ ก็เห็นว่าเธอยิ้มแย้มดูสนุกสนานเสียเหลือเกิน
“ถ้าดูแค่เนื้อความ ก็ต้องเป็นฟูกนั่นแหละนะ คุณแม่ของฉันนี่ขี้หลงขี้ลืมจริงๆ เลยค่ะ~”
การแสดงออกทางสีหน้าแบบซื่อๆ ของรินนี่มัน…
แต่จากท่าทีดูเหมือนเธอจะยังไม่ได้อ่านจดหมายนะ
ถ้าได้อ่านละก็ ต้องมีอาการสะดุ้งบ้างแหละ
โดยเฉพาะตรงท้ายจดหมาย…
แต่ยังไงก็ตาม เนื้อหาคร่าวๆ ก็คง——
“ริน…”
“คะ? มีอะไรเหรอคะ?”
“เธอตั้งใจทำใช่ไหม?”
“ม่ายยยยเลยค่า~”
“ริน…ฝึกโกหกให้เก่งกว่านี้หน่อยเถอะนะ”
ผมถอนหายใจ แล้วมองรินที่กำลังเป่าปากทำเสียง “ฟู๊ ฟู๊” ราวกับจะผิวปากกลบเกลื่อน ทั้งที่เป่าปากยังไม่เป็น
เล่นกลบเกลื่อนแบบนี้แย่สุดๆ เลยนะ
“ยังไงก็เถอะ อันนี้ขอปฏิเสธละกัน”
“ทำไมล่ะคะ โทวะคุง!?”
“ก็ของแบบนี้ปกติใครจะรับล่ะ…มันเกินกว่าคำว่าของตอบแทนไปแล้ว อีกอย่าง…ทำแบบนี้ทำไมกัน?”
รินทำหน้าเศร้าลงอย่างรู้สึกผิด
พอเห็นเธอทำหน้าแบบนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนแกล้งเด็กเล็กเข้าให้
ความรู้สึกผิดถาโถมสุดๆ…
“ก็เพราะว่าโทวะคุง…”
“เพราะฉัน?”
“เพราะทุกคืน โทวะคุงจะแอบลุกออกไปตอนนอน ฉันเลยคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเป็นหวัดแน่ๆ…”
ที่ผมลุกหนีออกไปกลางคืน มันเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้…
แต่ถ้ามันทำให้เธอเป็นห่วง ก็รู้สึกผิดอยู่นิดๆ
ว่าแต่…
“ถ้าอย่างนั้น แค่ไม่ต้องนอนด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
“นั่นไม่ได้นะคะ”
“อีกอย่าง เตียงนี่มันใหญ่กว่าที่เคยใช้อีกนะ บ้านฉันมันคับแคบอยู่แล้ว…”
“แต่เตียงพับได้นะคะ ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ค่ะ”
เธอตอบทุกอย่างแบบแทบจะไม่ปล่อยให้ผมพูดจบ
มาแล้วล่ะ ความรู้สึกนี้…
ความมีไฟที่จะสู้และไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
“ยังไงก็เถอะ! ของแพงแบบเตียงน่ะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก รินอาจจะพูดว่า ‘ก็ฉันอาศัยอยู่ที่นี่’ อะไรแบบนั้น แต่ฉันเองก็ได้รับความช่วยเหลือเหมือนกัน เพราะงั้นไม่มีเรื่องใครติดหนี้ใครหรอก”
“งั้นหมายความว่า…ไม่ต้องการเตียงนี้สินะคะ?”
ผมพยักหน้า มองหน้าเธอตรงๆ
การได้ของจากคนอื่นเป็นสิ่งที่น่าขอบคุณก็จริง
แต่การที่เรารับของจากใคร มันก็เหมือนเป็น ‘ความสัมพันธ์ที่มีผลประโยชน์’ อยู่เหมือนกัน
ซึ่งนั่น…ผมไม่ชอบเลย
“ใช่ รู้สึกขอบคุณมากนะ…แต่ยังไงก็รับไว้ไม่ได้จริงๆ”
“เวลานอนอาจจะแคบนะคะ?”
“ไม่เป็นไร ฉันทนได้ ชินแล้วล่ะ”
“แล้วจะนอนดี ๆ ใช่มั้ยคะ? จะไม่แอบลุกหนีใช่มั้ย?”
“ไม่ ไม่เลย สัญญาเลย ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ”
พอฉันพูดแบบนั้น รินก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ฟุฟุ”
แล้วก็พูดว่า——
“คำพูดเมื่อกี้…ฉันถือว่าเป็น ‘หลักฐานคำมั่นสัญญา’ แล้วนะคะ?”
พูดพลางวางมือของเธอทับมือผมด้วยใบหน้าแสนภูมิใจ
ผมรู้สึกหน้ากระตุกอัตโนมัติ
…แย่แล้ว โดนเข้าซะแล้ว
“งั้นคืนนี้ โทวะคุง เรามานอนเบียดกันในเตียงแคบ ๆ นี้กันนะคะ?”
“เดี๋ยวๆๆ! อันนี้มันเกินไปแล้ว!!”
“ก็โทวะคุงพูดเองไม่ใช่เหรอคะ ว่า ‘ผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ’…”
ผมหมดแรง ไหล่ตก นั่งลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก
พอมองรินที่คงกำลังยิ้มอย่างผู้ชนะ… แต่กลับเห็นเธอหน้าแดง หันหน้าหนีอย่างเขินอาย
“แต่…ให้โทวะคุงพูดอ้อมๆ ว่า ‘อยากนอนด้วยกัน’ แบบนี้…มันก็เขินเหมือนกันนะคะ…”
“…ถ้างั้น อย่าทำให้กลายเป็นแบบนี้สิ”
ผมถอนหายใจ มองรินที่ทำท่าทางน่ารักอยู่
——ของใช้ส่วนตัวของรินที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กับของใช้คู่กัน
ผมมองไปรอบๆ แล้วหัวเราะออกมา
หัวเราะให้กับความเปลี่ยนแปลงของบ้านที่เคยเงียบเหงา… ที่กลายเป็นบ้านที่เปี่ยมไปด้วยความสุข…
MANGA DISCUSSION