หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อนจบลง พวกเราก็กลับมาบ้านเพื่อจุดพลุเล่นกัน
เคนอิจิกำลังโปรยประทัดหนูลงไปทั่วสวน แล้วก็โดนฟูจิซังตีหัวอยู่หลายครั้ง
ดูจากน้ำตาที่คลอ ๆ อยู่แล้ว น่าจะเป็นอารมณ์แบบ “ตกใจเลยโมโห” ล่ะมั้ง
“ฟว้าาา……”
ผมอ้าปากหาวยาว แล้วหมุนไหล่ซ้ายช้า ๆ
ถึงจะต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะมีเคนอิจิอยู่ด้วย เลยไม่มีปัญหาอะไร และก็สนุกกับเทศกาลได้อย่างเต็มที่
สมแล้วที่เป็นหนุ่มหล่อเสียของ…
พวกที่ดูเหมือนจะมาจีบสักคนก็ไม่มีเข้ามาเลยซักรายเดียว
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
ตอนนี้——
“นี่…พอได้แล้ว ปล่อยแขนขวาฉันสักทีได้มั้ย?”
“ไม่ค่ะ”
“ตอบไวไปแล้วนะ…”
ใช่ ตั้งแต่ตอนยิงปืนในงานเทศกาล รินก็ไม่ยอมปล่อยแขนผมเลย
บางทีก็ส่งเสียง “ฟู่~” เบา ๆ เหมือนแมวระแวดระวังอะไรบางอย่าง…เทพธิดารินในร่างแมวกลับมาอีกแล้ว
ผมถอนหายใจแล้วเหลือบตามองริน
พอสบตา เธอก็มองจ้องมาไม่วางตา ทำเอาผมต้องเบือนหน้าหนี
แล้วพอผมหลบตา เธอก็จะกอดแขนแน่นเข้าไปอีก เหมือนจะบอกว่า “ห้ามเมินนะคะ”……
เป็นแบบนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ให้ตายสิ…ได้แค่ถอนหายใจออกมาสินะ
ผมจำใจปล่อยให้รินเกาะอยู่แบบนั้น แล้วก็จุดไฟใส่พลุที่วางอยู่ ขณะมองมันด้วยความปลง
อา…เสียงแปะ ๆ ดีจังแฮะ…
“เอ่อ…โทวะคุงคะ? รู้สึกเหมือนกำลังหลีกหนีความเป็นจริงอยู่รึเปล่าเอ่ย?”
“เพราะใครล่ะ…เพราะใครกัน…”
“หมายความว่าไงคะ?”
“เฮ้ เดี๋ยวนะ เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใช่มั้ย…”
รินหัวเราะคิก แล้วปล่อยแขนผม
ในที่สุดแขนก็เป็นอิสระ รู้สึกเมื่อย ๆ แฮะ
แต่ทำไมรู้สึกหนาว ๆ ยังไงไม่รู้…
ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้น รินก็จ้องมาที่มือผมแล้วพูดขึ้นมา
“โทวะคุงเล่นแค่พลุดอกไม้ไฟแบบเส้นเล็ก ๆ เองเหรอคะ?”
“ก็—ใช่นะ เห็นมั้ย พลุแบบนี้มันไม่มีจุดไคลแมกซ์ ตกลงมาแบบเงียบ ๆ แล้วมันดูธรรมดา ๆ ไง ไม่ค่อยเด่น เลยรู้สึกคล้ายตัวเองดี ไม่ได้เกลียดหรอกนะ”
“อย่างนี้นี่เอง…เป็นแบบนั้นสินะคะ”
“หืม? อะ อื้ม…ก็งั้นแหละ?”
นึกว่าจะทำหน้างง ๆ หรือเอือม ๆ ซะอีก…
แต่ปฏิกิริยาไม่คาดฝันแบบนี้ ทำเอาผมงงเลยแฮะ
รินทำหน้าสงบเสงี่ยม เงียบไปครู่หนึ่ง แต่สายตายังคงมองตรงมาที่ผม
เหมือนกำลังอ่านใจผมอยู่
แล้วก็พูดขึ้นว่า——
“ฉันก็ชอบพลุดอกไม้ไฟเส้นแบบนี้เหมือนกันค่ะ”
พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
แล้วเธอก็จุดพลุของตัวเอง แล้วแตะมันเข้ากับของผม
“ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะตกลงมาเงียบ ๆ คนเดียว แต่ถ้ามีสองคนก็พยุงกันได้ มันดูวิเศษดีใช่ไหมคะ”
“ก็จริงนะ แบบนี้ก็เป็นอีกวิธีสนุกได้เหมือนกัน…”
“เพราะงั้น ฉันก็จะคอยพยุงโชวะคุงเหมือนกันนะคะ”
“หืม… เดี๋ยว…นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องพลุแล้วใช่มั้ย…”
แปลกแฮะ…
เมื่อกี้ยังคุยเรื่องพลุอยู่เลย แต่รินกลับหน้าแดงและดูเขินอายขึ้นมาเฉยเลย
แต่เธอพูดอะไรตรง ๆ แบบนี้ทุกครั้งเลยเนอะ…
“คนอย่างฉัน เธอยังมาสนใจอีก รินนี่แปลกจริง ๆ แหะ”
ผมเผลอยิ้มเจื่อน ๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ฟุฟุ มักจะมีคนพูดแบบนั้นบ่อย ๆ ค่ะ”
“แถมยังดื้อรั้น ปรับตัวไม่ได้อีกต่างหากนะ”
“หืม! เรื่องนั้นขอคัดค้านเลยค่ะ”
“พอเป็นเรื่องสำคัญกลับไม่รู้ตัวซะงั้น…”
ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นคนวิเคราะห์ตัวเองเก่งแท้ ๆ แต่เรื่องที่ไม่เข้าท่านี่ไม่รู้ตัวเลยแฮะ…
หรือว่าเธอตั้งใจ?
ผมหรี่ตามองรินด้วยความสงสัย แต่เธอก็แค่เอียงคอทำหน้ามึน
“แต่โดยพื้นฐานแล้ว ความดื้อรั้นมันก็เป็นข้อดีนะคะ?”
“ก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกันนั่นแหละ…”
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะ?”
“…เปล่าหรอก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับดูน่ากลัวแปลก ๆ…
เป็นใบหน้าที่สวยซะจนอยากถ่ายเก็บไว้เลย แต่นี่ขนลุกแทบตาย…
“โทวะคุง”
“อืม? มีอะไรเหรอ?”
“ฉันอยากมาที่นี่อีกครั้งค่ะ”
“งั้นเหรอ…ถ้ากลับมาได้ก็คงดีเนอะ”
ไม่มีอะไรมาการันตีว่าเราจะได้กลับมาที่นี่อีก
ที่รินพูดแบบนี้ อาจเป็นแค่คำพูดปลอบใจธรรมดาก็ได้
เพราะความรู้สึกของคนเรามักจะเลือนหาย และเปลี่ยนไปง่าย
เพราะแบบนั้น เราไม่ควรคาดหวังมากเกินไป
แต่——
ถ้ามันเป็นแค่ “ความปรารถนาเล็ก ๆ” ก็คงไม่เป็นไร
ระหว่างที่ผมคิดแบบนั้น รินก็เหมือนจะมองทะลุใจผม แล้วส่งยิ้ม พร้อมยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า
“ไม่ใช่ ‘ถ้าได้กลับมา’ นะคะ…แต่เราจะทำให้มันเป็นจริง…นี่คือ…เอ่อ…สัญญาค่ะ…”
“……อืม”
ผมพึมพำตอบกลับ แล้วเกี่ยวก้อยกับเธอ
ดูเหมือนรินจะดีใจที่ผมตอบรับ รอยยิ้มเธอเบ่งบานเหมือนดอกไม้
ถ้าพูดมันออกมาตรง ๆ เลยก็จะดีอยู่หรอก…
แต่พอเว้นจังหวะแบบนี้ มันกลับดูจริงจังขึ้นมาซะงั้น…อย่าทำให้ผมเผลอคาดหวังสิ…
ผมยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเงยหน้ามองฟ้า
จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อให้สีหน้าตัวเองดูสงบนิ่งขึ้น
“เฮ้ย—! พักความหวานไว้แค่นั้นเหอะ มาจุดพลุใหญ่กันดีกว่า~!”
“…ริน ไปกันเถอะ มีแตงโมอร่อย ๆ ด้วยนะ”
“ค่ะ! ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
รินจับมือผมไว้ แล้วชี้ไปทางเคนอิจิ
จากนั้นก็ส่งยิ้มมาให้ผม
“งั้น ไปกันเถอะค่ะ โทวะคุง!”
“ก็ได้ ๆ ไปก็ได้…”
ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก็กำลังจะจบลงแล้ว
จนถึงตอนนี้ ผมไม่เคยรู้สึกผูกพันหรือเสียดายวันหยุดฤดูร้อนมาก่อนเลย
แต่การได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมร่วมกับคนอื่นเป็นครั้งแรก
มันช่างเร้าใจ และห่างไกลจากคำว่า “ธรรมดา” มากทีเดียว
แต่——
“แบบนี้ก็ไม่เลวนะ”
ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ
※ปัจฉิมลิขิต ☆สำคัญมาก☆
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ
ตอนนี้คือจุดจบของบทที่ 2 ซึ่งมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นหนังสือในช่วงครึ่งหลังอย่างชัดเจนคือ
・เวอร์ชั่นเว็บ (โทวะยังไม่รู้ตัวเองว่าชอบริน)
・เวอร์ชั่นหนังสือ (โทวะรู้ตัวเองแล้วว่าชอบริน[โทวะได้ตกหลุมรักรินเข้าให้แล้ว])
และเนื้อหาต่อ ๆ ไปทั้งหมดจะยึดตามเนื้อเรื่องหลังจากหนังสือเล่ม 2 ได้รับการตีพิมพ์
ดังนั้น หลังจากนี้
ถ้าอ่านบทที่ 3 โปรดอ่านด้วยความเข้าใจว่า “รินได้เปิดใจพูดคุยกับโทวะมากขึ้นกว่าเดิม”
ขออภัยในความไม่สะดวก และขอบคุณมากครับ
— ยู มุราซากิ(ผู้แต่ง)
────────────────────────────────────────────────────
ตอนนี้คือตอนจบของบทที่ 2 แล้วครับ(ที่ยังไม่จบเพราะมีตอนพิเศษอีก)
จากปัจฉิมลิขิตของผู้แต่ง ทำให้เรารู้ว่าเนื้อเรื่องของตอนต่อ ๆ ไปจะหวานยิ่งขึ้น เพราะโทวะได้ตกหลุมรักรินไปแล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามต่อตอนไปนะครับ
ผู้แปลอยากลองนำช่วงเทศกาลฤดูร้อนมาแปลใหม่โดยแปลจากเวอร์ชันหนังสือเหมือนกันนะครับ เนื้อเรื่องจะได้ดูต่อเนื่องกัน ผู้แปลอยากทราบความเห็นน่ะครับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามที่ต้องการเลยครับ ขอบคุณครับ
MANGA DISCUSSION