การเตรียมงานบาร์บีคิวก็เสร็จเรียบร้อยเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่รอให้พวกผู้หญิงที่เข้าไปในบ้านกลับออกมาเท่านั้น
เคนอิจิที่เริ่มว่าง ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมแล้วเริ่มทำอะไรที่ใช้ฝีมืออย่างการหั่นแครอทให้เป็นรูปดอกไม้บ้าง เป็นรูปกระต่ายบ้าง
สมแล้วที่เป็นพวกเรียจูเพอร์เฟคที่ทำอะไรก็ได้…เก่งเกินไปจริง ๆ
ระหว่างที่ผมเหม่อมองดูเคนอิจิอยู่ ก็เผอิญนึกเรื่องที่สงสัยขึ้นมาได้ ผมเลยกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อเช็กว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นนอกจากเคนอิจิ
“นี่ เคนอิจิ ฉันมีเรื่องอยากถามนิดนึง…”
“หือ? อะไรเหรอ โวะ?”
“ฟูจิซังวันนี้…ดูน่ากลัวมากเลยว่ะ ไม่คิดเหรอ?”
ใช่แล้ว…วันนี้ฟูจิซังดูน่ากลัวมาก
ปกติเธอก็เป็นคนที่สายตาเย็นชาพอตัวอยู่แล้ว แต่วันนี้แค่ถูกมองก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ถ้าพูดอะไรพลาดขึ้นมา ฉันรู้สึกได้เลยว่ามีโอกาสจะโดนเก็บเอาได้เลยทันที
แต่เคนอิจิกลับเอียงคอทำหน้างง เหมือนนึกไม่ออกเลยว่าเธอเป็นแบบนั้นตรงไหน
แล้วยังยิ้มกริ่มพูดว่า—
“ก็…ซึน ๆ แบบนั้นมันน่ารักจะตายไปไงล่ะ?”
…คือพูดตรงข้ามกับที่ผมคิดอยู่เลย
“หา…ซึนอะไรล่ะ นั่นมันออกแนวหนามแหลมมากกว่าป่ะ?”
“งั้นเหรอ? ฉันกลับมองว่าเธอกำลังอารมณ์ดีสุดๆ ซะมากกว่า”
“พูดจริงดิ?”
นี่สินะที่เขาเรียกว่า “ฟิลเตอร์แฟน”?
ถึงจะบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด แต่มองไม่เห็นความจริงขนาดนี้มันเกินไปไหม…
แถมยังทำตาละห้อยมองไปทางที่ฟูจิซังที่เดินจากไปอีก…เฮ้อ อาการหนักมาก
“ยังไงก็เถอะ เคนอิจิ ไปตรวจ CT สแกนซะหน่อยเหอะ ถึงตอนนี้จะละลายหมดแล้วจนสายไปก็เถอะ”
“เห้ย พูดซะแย่เลย!”
นี่แหละ จุดจบของคนที่ตกอยู่ในสภาวะสมองมีแต่เรื่องรัก…
ไม่นะ ๆ ช่างน่าสงสารจริง ๆ
“ว่าแต่ นายไม่คิดเหรอว่านั่นมันแค่ ‘ปิดบังความเขิน’ น่ะ?”
“…ปิดบังความเขิน? แบบนั้นน่ะนะ?”
“อือ!”
“ฉันไม่เข้าใจเลยแฮะ…”
“ฮะฮะ! นั่นแหละ เพราะความรักมันลึกซึ้งไง เลยเข้าใจได้ยังไงล่ะ!”
เขาทำหน้าหยิ่งยโส ฟันแวบขึ้นมาอย่างแวววาว…อืม อยากชกหน้ามาก
ว่าแต่…ตรงไหนของแววตาเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งนั่นคือ “เขิน”?
จะมากัดคนอยู่รอมร่อแท้ ๆ…
“ก็งานเทศกาลหน้าร้อนน่ะ เป็นวันพิเศษไงล่ะ~ แบบนี้อารมณ์ดีมันก็ช่วยไม่ได้นะ? โทวะเองก็แอบตั้งตารออยู่ใช่มะ?”
“ไม่เลย ไม่เลยสักนิด ฉันเกลียดที่คนเยอะจะตาย”
ผมตอบกลับทันทีอย่างไม่ลังเล
ความจริงคือ ก็มีส่วนที่ตั้งตารออยู่บ้าง
ก็สนใจในบรรยากาศอยู่เหมือนกัน…
แต่จะให้ไปบอกเคนอิจิทำไมล่ะ
แม้กระทั่งข้อมูลที่ผมลองไปหาข้อมูลไว้ล่วงหน้านิดหน่อย ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขา
ถ้าพูดไป เคนอิจิคงจะแสดงสีหน้าแบบ…ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น่าหมั่นไส้นั่นแหงๆ
แล้วก็จริงอย่างที่คิด เคนอิจิมองมาด้วยหน้าที่ผมจินตนาการไว้เป๊ะ
“ฮะฮะ! งั้นแหละ สรุปก็แบบนั้นนั่นแหละ~”
“หืม?”
“เหมือนกับโทวะตอนนี้แหละ—ที่อยากจะปิดไว้ไม่ให้คนรู้ไงล่ะ”
“…ก็ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย”
พูดโดนแบบเต็มๆ
เคนอิจิยังคงเป็นเอสเปอร์สายคนมีความรักเหมือนเดิม
แต่ยังไงซะก็ไม่อยากยอมรับอยู่ดี ผมเลยแสร้งทำเสียงใส่และแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป
ก็เอาเถอะ…เพราะอยากปิดบังความรู้สึก เลยแสดงออกมาในรูปแบบ “เขิน”
ถึงท่าทางจะต่างกัน แต่ประเด็นนั้นฉันก็พอเข้าใจได้อยู่
…แค่ยังไม่ค่อยเชื่อว่าท่าทางของฟุจิซังจะเข้าข่ายแบบนั้นก็เท่านั้นเอง
“อีกอย่าง ฤดูร้อนก็ต้องยูกาตะสิ! เป็นชุดที่ทำให้คนไม่มีหน้าอกดูสวยขึ้นได้…วันแบบนี้แหละที่ดีที่สุดเลย!”
“อา…เข้าใจล่ะ คนผอมเพรียวแบบฟุจิซัง—เปล่าๆ หมายถึงชุดที่ทำให้ผู้หญิงดูสวยมันยอดเยี่ยมจริงๆ! ใช่ๆ!”
“หืม? ตอบแปลกๆ นะ? ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมขนาดนั้นก็ได้ย่ะ โคโตเนะน่ะ แบนจริงอยู่แล้ว! แต่นั่นแหละ ชุดอย่างยูกาตะเลยดูดีสุดๆ ไง~”
“อะ เอ่อ เคะ เคนอิจิ…พอเถอะน่า”
“ยิ่งกว่านั้นนะ~ ก็เหมือนคำว่า ‘ม้าเตี้ยใส่ชุดสวย’ ไงล่ะ มันสุดยอดไปเลย!”
“เคะ…นอิจิ…”
“แล้วก็ ยูกาตะต้องคู่กับเล่นเป็นคุณผู้ชายจับหมุนเข็มขัดสิ…โอ้โห นั่นแหละฝันของผู้ชาย! อา แต่กรณีของโคโตเนะ ต่อให้ถอดยูกาตะพลังทำลายก็ไม่มีหรอกนะ ฮ่าๆๆ!”
เคนอิจิหัวเราะกุมท้อง ‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ อย่างสนุกสนาน
ดูจะเอนจอยมาก…
ผมได้แต่มองเขาเงียบๆ…แน่ล่ะ หน้าผมคงซีดไปแล้วแน่นอน…
เพราะว่า—
“…เคนอิจิ มานี่หน่อยสิ”
ใช่แล้ว เพราะว่ามี “ปีศาจ” ยืนอยู่ตรงนั้น
“…หะ?”
มีมือของปีศาจกำลังวางบนไหล่เคนอิจิ แล้วเขาก็ค่อยๆ หันกลับไปด้วยรอยยิ้มแข็ง ๆ
พอเห็นปีศาจที่อยู่ข้างหลัง เขาก็ร้อง “ฮี่” สั้นๆ ออกมา
“…ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่ทำอะไรหรอกน่า~”
“เอ่อ…แต่ตาของเธอมันแข็งไปนะ? แต่ก็ เอ๊ะ ฮะๆ ก็โคโตเนะผู้อ่อนโยน—”
“…ฟุฟุ ฉันจะสอนทักษะการพูดที่ได้จากคุณแม่ให้เอง”
“ฮี่!! โทวะ! ช่วยด้วยยยย!”
เคนอิจิถูกจับคอเสื้อแล้วลากตัวไปอย่างกับจะถูกพาตัวไปขัง
เขายื่นมือมาทางผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน ขอความช่วยเหลือ
แน่นอน ผมก็เป็นผู้ชาย
ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเคนอิจิอยู่บ้าง และก็คิดว่าควรตอบแทนเขาบ้าง
เพราะงั้น ผมจึงยิ้มให้เขาด้วย “รอยยิ้มขายของจอมปลอม” ที่ได้ฝึกมาในตอนทำงานพิเศษ
ใบหน้าเคนอิจิสดใสขึ้นชั่วขณะ
แต่พอเข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น สีหน้าก็เริ่มแข็งค้างทีละนิด…
“นี่ เคนอิจิ”
“โท…วะ?”
“การได้รับความรักน่ะ มันดีเนอะ~ ฝั่งนี้ปล่อยไว้ให้ฉันเอง นายไปสวีทกันให้เต็มที่เลย!”
“…ขอบใจนะ โทคิวากิคุง เข้าใจกันดีจริง ๆ”
“เดี๋ยว! โทวะ นายเป็นเพื่อนชายที่ใจดี—บึ๊ฟ!”
ผมทำท่าเคารพส่งเคนอิจิที่กำลังถูกลากเข้าไปในบ้าน
เหมือนจะได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ มาจากในบ้าน…แต่ก็คงเป็นแค่เสียงลมล่ะมั้ง
MANGA DISCUSSION