——น่าอายเกินไปแล้ว…
ผมนั่งลงที่ม้านั่ง แล้วถอนหายใจแรงขณะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
เคยเห็นคู่รักที่กำลังสวีทกันอยู่ตรงสถานีช่วงรถไฟเที่ยวสุดท้ายมั้ย?
พวกเขาไม่แคร์สายตาคนอื่นเลย และหลายคนก็ถอนหายใจเมื่อเห็นภาพแบบนั้น
ผมเอง เวลาเห็นคนพวกนั้นก็จะคิดอยู่เสมอว่า “เลือกที่ให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ”
แต่…สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้กับผมน่ะ เหมือนจะกลับมาทำร้ายตัวผมเองเข้าแล้วล่ะ
แม้เราจะไม่ใช่คู่รัก แต่ถ้าใครผ่านมาเห็นเข้า ก็คงเข้าใจผิดแน่นอน
อ๊าา…แค่นึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเหมือนหน้าจะลุกเป็นไฟแล้ว…
ยังดีที่ไม่มีใครผ่านมาเลย นั่นคือสิ่งเดียวที่พอจะช่วยเยียวยาได้
ผมพัดหน้าตัวเองด้วยมือเพื่อลดความร้อน
ทั้งหน้าร้อน ทั้งอากาศก็ร้อน
เหงื่อเหนียวเหนอะหนะไหลท่วมเพราะสองอย่างนี้ผสมกัน
ต่างจากฉัน รินดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย แถมใบหน้ายังดูเย็นเฉียบจนเหมือนกับว่าอยู่ในอีกอุณหภูมิหนึ่ง
แค่ดูจากมุมปากที่ยกขึ้นนิด ๆ ก็บอกได้ว่าเธออารมณ์ดี และไม่มีเค้าโศกเหมือนก่อนหน้านี้
งั้นก็ดีแล้วล่ะมั้ง…
——หรือว่าคนที่คิดมากมีแค่ผมคนเดียว?
ผมถอนหายใจลึกอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นจากม้านั่งด้วยความลังเล
“ว่าแต่ รินนี่…ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวหรือออกไปข้างนอกเหรอ? เมื่อกี้ก็บอกว่างานเทศกาลหน้าร้อนน่ะ เคยไปเมื่อตอนเด็กใช่ไหม?”
“ค่ะ…เริ่มออกไปเที่ยวจริงจังก็น่าจะเพิ่งไม่นานมานี้เองค่ะ ทั้งสวนสนุก ทั้งสระว่ายน้ำ แล้วก็…เทศกาล”
“ไม่อยากไปเหรอ?”
“ฉันเคยฝันถึงมันอยู่ค่ะ แต่นึกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อยากไปค่ะ”
“อ๋อ…เข้าใจละ…”
รินเป็นจุดสนใจของผู้คนเสมอ แม้จะไม่ได้ตั้งใจ
ดังนั้น โอกาสที่จะเจอเรื่องวุ่นวายจึงยิ่งสูงขึ้นโดยปริยาย
โดยเฉพาะในสถานที่ที่คนเยอะ ๆ แล้วทุกคนอยู่ในอารมณ์คึกคัก อาจมีคนเข้ามาทักด้วยความ ‘ตามกระแส’ หรืออะไรแบบนั้น
รินก็คงพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนั้นมาตลอด
ใครจะอยากหาเรื่องให้ตัวเองลำบากล่ะ…
พอนึกแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าการเป็นคนเด่นคนดังเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน
แต่ผมไม่มีประสบการณ์แบบนั้น เลยไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของเธอได้ทั้งหมด
…แค่คิดแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆ แล้ว
รินอาจจะจับความรู้สึกนั้นได้ เธอจึงพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“เพราะแบบนี้แหละค่ะ การได้ออกไปแบบนี้ มันเลยรู้สึกสดใหม่ แล้วก็มี ‘ประสบการณ์ครั้งแรก’ อยู่เยอะเลยค่ะ”
“ฉันก็ไม่ค่อยออกไปไหนเหมือนกัน เพราะงั้นตรงนั้นเราคงเหมือนกันแหละ”
“แล้วถ้าเป็นกับโทวะคุงล่ะก็ ฉันอยากออกไปทุกวันเลยค่ะ สถานที่ที่อยากไปก็มีเยอะมากเลย”
“สถานที่ที่อยากไปเหรอ… ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ฉันไปได้ ฉันก็ไปด้วยได้นะ…แค่เท่าที่ทำได้น่ะนะ”
“ฟุฟุ ขอบคุณค่ะ เพราะงั้นจากนี้ไป ทุกครั้งที่ได้ออกไปกับโทวะคุง ฉันคงได้เจอกับ ‘ครั้งแรก’ อีกเยอะเลยนะคะ”
คำพูดของรินทำให้ผมรู้สึกสะดุ้งด้วยเหตุผลสองอย่าง
อย่างแรกคือความเข้าใจผิดกับความคาดหวังบางอย่างที่เกิดขึ้น
อีกอย่างหนึ่งคือ… ‘ไม่มีใครได้ยินใช่ไหมเนี่ย?’ ความกังวลแบบนั้นแหละ
ท้องฟ้าที่ก่อนหน้านี้ยังสว่างอยู่ เริ่มขมุกขมัวขึ้นมา และลมที่พัดผ่านระหว่างเราทั้งสองในตอนนี้ กลับเย็นเยียบอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับหน้าร้อน
“เฮ้ ริน…ประโยคเมื่อกี้น่ะ มันฟังแล้วเข้าใจผิดง่ายสุดๆ เพราะงั้นอย่าไปพูดต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาดเลยนะ…?”
“แต่ก็เป็นเรื่องจริงนี่คะ?”
“ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ!!”
รินทำหน้าท่าทางเคลิ้มฝัน หน้าแดงเรื่อ…
ถ้าใครผ่านมาเห็น คงไม่มีใครไม่เข้าใจผิดแน่ๆ
เดี๋ยวนะ?
ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกไม่ดีแบบนี้ล่ะ…?
“เอ่อ ริน ขอยืนยันอีกอย่างนะ…”
“อะไรเหรอคะ?”
“เรื่องแบบเมื่อกี้นี่…เธอยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังใช่ไหม?”
ถ้าเป็นฟูจิซังหรือเคนอิจิก็คงยังไม่เป็นไร
แต่——
“ฉันเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังแล้วค่ะ”
“มะ…จริงเหรอ…?”
“แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันคิดถึงความรู้สึกของโทวะคุงด้วยเลยพูดแบบที่ไม่ทำให้เข้าใจผิดค่ะ”
“…จริงเหรอ?”
ฉันจ้องหน้ารินอย่างจับผิด
เธอกลับหน้าแดง แล้วทำหน้าเขินๆ ว่า “เอเฮะเฮะ〜”
แต่ก็ส่ายหน้าช้าๆ แล้วกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าเดิม
“เอ่อ…โทวะคุงดูจะไม่ค่อยเชื่อเลยนะคะ ถึงจะเป็นพ่อแม่ แต่เรื่องแบบนี้มันก็เขินเหมือนกันค่ะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเกินเลยหรอกค่ะ”
“…เหรอ?”
ผมเคยกังวล เพราะรินมักจะทำอะไรหลุด ๆ แปลก ๆ แบบไม่คาดคิด แต่ดูท่าจะเป็นห่วงเกินไปสินะ…
งั้นก็ดีแล้วล่ะ
“ใช่ค่ะ ฉันสรุปเรื่องทั้งหมดให้กระชับแล้วบอกท่านไปค่ะ”
“หืม? อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาแล้วสิ…พูดว่าอะไรไปเหรอ?”
“บอกว่า ‘ได้มีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว’ ค่ะ”
“หาาาาาา!? เธอพูดอะไรเนี่ย!?”
ไหนบอกว่า “ไม่ให้คนเข้าใจผิด” ไง!?
เล่นโยนเชื้อไฟใส่เองแท้ ๆ…
คืนความรู้สึกโล่งใจที่มีแม้เพียงเสี้ยวนาทีมาเลยนะเฟ้ย!!
“มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ? ก็ฉันไม่เคยไปสวนสนุกเลยนี่นา ทุกเครื่องเล่นก็ถือเป็น ‘ประสบการณ์ครั้งแรก’ หมดเลยค่ะ?”
“เธอนี่นะ…”
“ไม่รู้ว่าทำไมโทวะคุงถึงดูหมดแรงไปเลย แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ สักหน่อย”
“เธอเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหนฟะ!? แปลกสุดๆ เลยต่างหากล่ะ!!”
ผมกุมหัวแล้วแหงนหน้าขึ้นฟ้า
แค่คิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็ถอนหายใจแล้ว…
รินนี่นะ บางทีก็เล่นพูดอะไรแบบนี้เสมอ…
ปกติก็เป็นคนรอบคอบแท้ ๆ แต่ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่ใช่เลยนะ
“ไม่รู้ว่าโทวะคุงกังวลเรื่องอะไร แต่คุณพ่อก็ไม่ได้โกรธเลยนะคะ น่าจะไม่เป็นไรค่ะ?”
“เอ่อ…จริงเหรอ?”
“ค่ะ! ท่านบอกว่า ‘ไว้คุยกันแบบลูกผู้ชาย’ ด้วยนะคะ”
“แบบนี้เจอกันเมื่อไหร่…เลือดสาดแน่…”
ผมถอนหายใจ แล้วไหล่ก็ทรุดลง
ควรเริ่มฟิตร่างกายไว้ตอนนี้เลยดีมั้ยนะ…?
จะได้มีร่างกายที่ทนทานต่อทุกหมัด…
“เฮ้ออออ…”
“ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้นะคะ คุณพ่อใจดีมากเลยค่ะ”
“ใจดีแค่ไหนเหรอ?”
“ถ้าถามแบบนั้นก็ยากจะวัดค่ะ…แต่คุณแม่บอกว่า ท่านมักจะพกภาพฉันติดตัวไว้ตลอดเลยค่ะ”
“อา…นั่นแหละ แปลว่าท่านเลี้ยงเธอมาด้วยความรักสุด ๆ เลยเนอะ…”
“ฟุฟุ…ก็น่าเขินอยู่นิดๆ ค่ะ”
รินยิ้มเขินอย่างอ่อนโยน
แค่มองก็รู้เลยว่าครอบครัวของเธอน่ารักและสนิทกันมาก
แต่มองอีกแง่ก็หมายถึงคุณพ่อที่รักลูกสาวแบบสุดๆ…
แล้วถ้าทราบว่าเธอกำลังถูกหนุ่มแปลกหน้ามายุ่งด้วยล่ะก็…อ่า แค่นึกภาพตามก็รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น…
“เอาไงดีเนี่ย~”
“มีอะไรลำบากใจเหรอคะ? ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้นะ?”
“ไม่ล่ะ…ถ้าให้รินช่วย คงยิ่งราดน้ำมันลงกองไฟแน่นอน ขอผ่านดีกว่า…”
ผมเหลือบมองรินที่เอียงคออย่างน่ารัก แล้วเงยหน้ามองฟ้า
…หวังว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันเร็วๆ นี้นะ
“เอาล่ะ งั้นไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
เราสองคนเดินเคียงข้างกันไปอย่างเงียบ ๆ เสียงฝีเท้าดังแผ่วเบาไปกับถนนร้อนระอุยามบ่าย
ตอนที่เดินผ่านร้านค้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมทาง กลิ่นหอมของปลาหมึกย่างกับข้าวโพดย่างลอยมาตามลม
ทำให้ท้องของผมร้องออกมาเบา ๆ จนรินหลุดหัวเราะ
“หิวแล้วเหรอคะ?”
“เอ่อ…นิดหน่อยน่ะ แหะ ๆ”
“เดี๋ยวซื้ออะไรให้ทานระหว่างทางก็ได้ค่ะ เรายังมีเวลานิดหน่อยก่อนจะถึงที่นัด”
“งั้น…กินไอติมกันมั้ย?”
“ยินดีเลยค่ะ”
รินตอบพร้อมรอยยิ้มที่สดใสราวกับแสงอาทิตย์ฤดูร้อน ทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
ระหว่างที่เราเดินไปยังร้านขายไอศกรีมเล็ก ๆ ผมก็อดเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของรินไม่ได้ สีหน้าเธอดูผ่อนคลายกว่าตอนที่เราพบกันใหม่ ๆ มากนัก
คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ — ใช่แล้ว…เธอเคยระวังตัวกับผมมาก ตอนนั้นแค่เดินเข้าใกล้ก็ดูเหมือนเธอจะตั้งกำแพงขึ้นทันที
แต่ตอนนี้…แค่หันไปมองก็ได้รอยยิ้มกลับมา
“นี่ ริน”
“คะ?”
“ขอบคุณนะ ที่มาด้วยกันในวันนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ต้องเป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ”
“เพราะว่าถ้าไม่ใช่โทวะคุง…ฉันคงไม่ได้มีความทรงจำแบบนี้เลย”
น้ำเสียงเธออ่อนโยนราวกับสายลม และคำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะละลายไปพร้อมกับไอศกรีมในมือ
—ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร
แต่รอยยิ้มของเธอ กลายเป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้องไปเสียแล้ว
เรายืนใต้ร่มไม้ กินไอศกรีมพลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา
แสงแดดอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อลมพัดมาเย็น ๆ
แม้จะเป็นฤดูร้อนที่ร้อนระอุ แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด
“ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
และพวกเราก็เดินเคียงกันไปอีกครั้ง สู่สถานที่นัดหมาย
ภารกิจซื้อของสำหรับบาร์บีคิวก็ยังไม่เริ่ม แต่ความทรงจำของวันหนึ่งหน้าร้อนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
——และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหน้าร้อนที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
MANGA DISCUSSION