“นี่คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่าเกมวิดีโอเกมสินะคะ”
รินกำลังทำความสะอาดห้องของผม แล้วก็ไปพบเครื่องเกมเก่าๆ ที่หลับใหลอยู่เป็นพันปีในซอกมุมของตู้เก็บของ เธอถือมันขึ้นมาแล้วพึมพำกับตัวเอง
เธอจ้องมองเครื่องเกมราวกับกำลังพิจารณามันอย่างละเอียด
เครื่องเกมนี้เป็นรุ่นเก่าหน่อย ออกมาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นเด็กประถม มันเป็นเครื่องที่สามารถเล่นได้ทั้งเกมแบบตลับและแบบแผ่นซีดี
แต่เพราะใส่ฟังก์ชันมากเกินไป ทำให้เครื่องนี้เต็มไปด้วยปัญหาจุกจิกและเสียบ่อย จนถูกขนานนามว่าเป็น “เครื่องเกมที่น่าเสียดาย” ซึ่งจบลงด้วยชะตากรรมที่ไม่น่าภูมิใจนัก
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังทำให้ผมรู้สึกคิดถึงวันเก่าๆ อยู่ดี
และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ผมรู้สึกถึงการสูญเสียบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก…
“รินเคยเล่นเกมมาก่อนไหม?”
“ไม่เลยค่ะ ฉันไม่เคยเล่นเลยสักครั้งเดียว เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของฉัน”
“งั้นเหรอ?”
ผมเอนตัวลงนอนบนพื้น มองดูรินอย่างผ่อนคลาย
ตอนที่เธอลองกดปุ่มเปิดเครื่อง แล้วฝาเปิดออกอย่างกะทันหัน เธอก็สะดุ้งโหยงไปเล็กน้อย แล้วก็เริ่มกดปุ่มอื่นๆ ทีละปุ่มด้วยความระมัดระวัง
พอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก
…อะไรกัน น่ารักเป็นบ้าเลย
ต่อจากนั้น เธอเริ่มค้นกล่องลัง แล้วก็เจอตลับเกมกับแผ่นเกมหลายอัน ก่อนจะหยิบคู่มือออกมาอ่านอย่างตื่นเต้น
หืม? เดี๋ยวก่อนนะ…
“อย่าบอกนะว่าเธออยากลองเล่น?”
“คุณดูออกเหรอคะ…?”
“ก็ดูจากดวงตาที่เป็นประกายของเธอไงล่ะ”
“อืม… จริงๆ แล้ว ฉันสนใจค่ะ”
รินพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเขินอาย น่าจะเป็นเพราะฉันจับความรู้สึกเธอได้ตรงเป๊ะ
“งั้นลองเล่นดูไหมล่ะ? แต่ไม่รู้ว่าเครื่องจะเปิดติดรึเปล่านะ”
“ค่ะ! ฉันอยากลองค่ะ!”
รินส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ ผมมองดูเธอจ้องเครื่องเกมแล้วรออคอยอย่างใจจดใจจ่อขณะที่ผมกำลังตั้งค่า
บางที ด้านไร้เดียงสาแบบนี้ของเธออาจเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของรินก็ได้
ปกติแล้ว เธอมักจะดูเป็นผู้ใหญ่และสง่างาม แต่เมื่อแสดงด้านเด็ก ๆ แบบนี้ออกมา มันก็ยิ่งทำให้เธอน่ารักขึ้นไปอีก
แต่ก็ไม่นึกเลยว่าเธอจะอยากเล่นเกมขนาดนี้…
เธอลองเปิดเครื่อง
โลโก้บริษัทเกมปรากฏขึ้นบนหน้าจอ แล้วก็เข้าสู่หน้าจอเริ่มเกม
ฟู่… ดูเหมือนจะยังใช้การได้อยู่
“ติดแล้วค่ะ โทวะคุง! จากนี้ไปต้องทำยังไงเหรอคะ!?”
รินดูตื่นเต้นสุดๆ เธอวางมือบนไหล่ผมแล้วโน้มตัวเข้ามาดูหน้าจออย่างใกล้ชิด
ใกล้ไปแล้วนะ แถมกลิ่นหอมจากตัวเธอก็ลอยมาแตะจมูก…
อีกทั้งสัมผัสที่รู้สึกได้จากตรงไหล่…
ผมพยายามควบคุมตัวเอง แล้วตอบกลับไปอย่างใจเย็น (ถึงแม้จริงๆ แล้วผมจะไม่สงบเลยก็เถอะ)
“ใจเย็นก่อนสิ”
“งั้นฉันควรเล่นเกมไหนเหรอคะ?”
“เธออยากลองเล่นแบบไหนล่ะ?”
“เอาเกมที่โทวะคุงแนะนำมาก็ได้ค่ะ!”
“เกมแนะนำงั้นเหรอ… แต่ที่ฉันมีอยู่ส่วนใหญ่เป็นเกมขยะนะ”
“เอ๊ะ? เกมขยะ นี่หมายถึงอะไรเหรอคะ?”
“อืม… จะอธิบายยังไงดี…”
ผมหยิบเกมออกมาวางเรียงหน้าริน
ทั้งหมดนี้คือเกมที่ถูกจัดอยู่ในหมวด “เกมขยะ” [クソゲー kusoge (ย่อมาจาก kuso ;ขยะ กับคำว่า game) คือหมวดหมู่เกมที่ใช้เรียกเกมที่มีคุณภาพต่ำ น่าเบื่อ บั๊กเยอะ เกมเพลย์แย่ เล่นแล้วไม่สนุก]
“เกมพวกนี้เรียกว่า ‘เกมขยะ’ เพราะมีข้อบกพร่องเยอะ บ้างก็ระบบแย่ หรือบางเกมก็เล่นแล้วรู้สึกแย่สุดๆ … ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คงประมาณนี้”
“เข้าใจแล้วค่ะ… งั้นแสดงว่าเกมที่อยู่ตรงหน้านี้ทั้งหมดก็คือ ‘เกมห่วย’ สินะคะ?”
“ใช่ ประมาณนั้น”
รินเอียงคอมองตลับเกมเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง แล้วเธอก็พูดขึ้นว่า—
“ว่าแต่… โทวะคุงซื้อมันหลังจากที่รู้ว่าเป็น ‘เกมห่วย’ ใช่ไหมคะ?”
“โอ้! เธอดูออกด้วยเหรอ!?”
“ก็ที่ตัวตลับมีชื่อ ‘ทาคาชิ’ เขียนไว้ ฉันไม่คิดว่าโทวะคุงจะไปขโมยมาแน่ ๆ ค่ะ”
จริงด้วย… ทั้งหมดนี้เป็นเกมที่ผมซื้อมือสองเมื่อนานมาแล้ว
รินสังเกตได้ไวจริงๆ แฮะ…
“ตอนนั้นฉันติดพวก ‘เกมขยะ’ อยู่ เลยซื้อมาเล่น”
“แต่ถึงจะเป็น ‘เกมขยะ’ ก็ยังสนุกเหรอคะ?”
“อืม สนุกสิ! ความไม่สมบูรณ์แบบ ความไร้เหตุผล และความไม่สมดุลของมันทำให้รู้สึกบันเทิงดี มันเหมือนสังคมมนุษย์นั่นแหละ”
“เอ่อ… โทวะคุง โอเคอยู่ใช่ไหมคะ?”
รินวางมือบนไหล่ฉัน แล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นห่วง
เอ๊ะ? ผมพูดอะไรแปลกๆ ไปงั้นเหรอ…?
“ไม่เป็นไรน่า ตอนนี้ฉันไม่ได้ติดเกมพวกนั้นแล้ว”
“แต่ตอนนั้นเคยติดอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ก็นะ… แต่เป็นเรื่องของอดีตแล้วล่ะ”
ผมพยายามทำให้ตัวเองดูร่าเริงขึ้น แต่รินกลับจ้องผมอยู่นิ่งๆ
แล้วเธอก็พูดออกมาว่า—
“ตอนนี้ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนะคะ”
จากนั้น เธอยิ้มให้ผมด้วยแววตาอ่อนโยน
ราวกับว่าเธอเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับผมแล้ว…
เธอเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิ…”
ผมพูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ จริงๆ แล้วผมแค่เขินจนไม่รู้จะตอบกลับยังไงต่างหาก
เพราะผมรู้ดีว่า คนเราสักวันก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี…
แต่พอเห็นรอยยิ้มของริน ผมก็เลิกคิดมาก แล้วพูดขึ้นว่า—
“งั้นมาเล่นเกมกันเถอะ เกมแข่งรถนี่เป็นไง?”
“ค่ะ!”
แล้วพวกเราก็เริ่มเล่นเกมไปด้วยกัน
ผมเป่าฝุ่นออกจากตลับเกมก่อนจะใส่มันเข้าไปแล้วเปิดเครื่องเล่น
“เกมแข่งรถเกมนี้นะ ถ้าชนอะไรเข้าไปล่ะก็จะระเบิดแล้วจบเกมทันที แถมแต่ละรอบใช้เวลาตั้ง 5 นาที แล้วยังมีสิ่งกีดขวางมากมายที่คอยขัดขวางอีกด้วย”
“สำหรับมือใหม่มันจะไม่ยากไปหน่อยเหรอคะ? ไม่มีโหมดสำหรับมือใหม่บ้างเหรอ?”
“ที่ฉันอธิบายไปเมื่อกี้ก็คือโหมดสำหรับมือใหม่นั่นแหละ”
“เข้าใจเลยค่ะว่ามันยากมากแน่ๆ”
ผมกับรินเล่นเกมไปพร้อมกัน
ทุกครั้งที่รถชน รินจะส่งเสียง “ว๊าย!” ออกมาเบาๆ ซึ่งมันน่ารักมาก
แถมเวลาเลี้ยวรถ เธอก็เอียงตัวตามไปด้วย หรือบางทีก็ขยับตัวไปพร้อมกับคอนโทรลเลอร์…
รินเล่นเกมไม่เก่งเลยแฮะ
ผมได้แต่ถอนหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก และค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกนี้ไปพร้อมกับสนุกกับมัน
MANGA DISCUSSION