“วาคามิยะซัง ทำไมเธอถึงทำอาหารเก่งจัง?”
ในขณะที่ผมกำลังยัดขนมหวานหลังมื้ออาหารเข้าปาก ผมก็ถามคำถามที่พึ่งผุดขึ้นในหัว
มื้อเย็นวันนี้เป็นปลานึ่ง อาหารตุ๋น และซุปมิโสะ นอกจากนี้ยังมีผักต้มปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองที่ผสมเป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพมาก
เมื่อวานนี้เมนูหลักเป็นเนื้อสัตว์ และวันก่อนหน้านั้นเป็นปลา ส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์และปลาเป็นเมนูหลักที่สลับกันไปมา
วาคามิยะซังทำอาหารให้ผมตั้งแต่ที่ผมเริ่มสนิทกับเธอ แต่เธอทำอาหารได้หลายเมนูและไม่เคยซ้ำกันเลย ผมรู้ว่าเธอต้องทำเมนูเดิมซ้ำบ้างในอนาคต แต่การทำเมนูหลาย ๆ จานขนาดนี้มันน่าประทับใจจริง ๆ
นี่เธอยังเป็นแค่นักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายและยังไม่ได้เรียนทำอาหารนะ…
อา… แล้วก็อย่างหนึ่ง ผมจ่ายค่าวัตถุดิบให้เธออย่างถูกต้องนะ ผมไม่ได้เอาเปรียบเธอขนาดนั้นหรอกนะ… และผมก็ไม่อยากเป็นผู้ชายที่เป็นปลิงเกาะคนอื่นหรอกนะ…
“ฉันกำลังฝึกทำอาหารเพื่ออนาคตของตัวเองค่ะ”
“โห… เธออยากเป็นเชฟหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น มันแค่เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้…”
“อืม…”
วาคามิยะซังหันหน้าหนีไปทางอื่นและแก้มเธอแดงขึ้น
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเขิน แต่ถ้าเธอไม่อยากตอบ ผมก็จะไม่บังคับ
“เอาเถอะ แล้วเธอเริ่มฝึกทำอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
“ตั้งแต่ตอนฉันอยู่ในประถมค่ะ น่าจะประมาณประถมห้า แต่ก็ไม่ได้ฝึกจริงจังหรอกนะ แบบว่าทำเป็นงานอดิเรกน่ะค่ะ”
“นี่มันเป็นตัวอย่างของ ‘ความสำคัญของการทำอย่างต่อเนื่อง’ เลยนะ หลังจากที่ได้ทานอาหารของวาคามิยะซัง ฉันก็เริ่มไม่ชินรสอาหารข้างนอกแล้ว ฉันคิดว่าเธอน่าจะประสบความสำเร็จถ้าเปิดร้านอาหารนะ”
“ฟุฟุ ขอบคุณมากค่ะ ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันก็อาจจะพิจารณาเปิดร้านอาหารได้ แต่การเริ่มทำธุรกิจมันยากนะคะ เพราะมันไม่ใช่แค่การทำอาหารอย่างเดียวค่ะ”
ผมยิ้มแบบขมขื่นกับทัศนคติที่ดูสมจริงของวาคามิยะซัง
หลังจากทานขนมหวานเสร็จ ผมวางจานลงบนโต๊ะ แล้วมองไปที่วาคามิยะซังที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม
“แล้วเธออยากจะพูดอะไรกับฉันเหรอ?”
“เรามาทำตารางเวลากันเถอะค่ะ”
“เธอก็น่าจะบอกตอนที่เคนอิจิกับฟูจิซังอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
วาคามิยะแก้มป่องเล็กน้อยจากคำพูดของผม “บอกตอนนั้นก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ”
“ห๊ะ? ไม่มีความหมาย?”
“ไม่เป็นไร! โทคิวากิซังช่วยอะไรไม่ได้หรอก… ช่วยดูนี่หน่อยค่ะ” วาคามิยะซังพูด แล้วก็หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยมีอยู่ข้างตัวจนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว นี่แหละคือเหตุผลที่กระเป๋าของเธอใหญ่กว่าปกติ
“เอ่อ… นี่คือตุ๊กตาที่ฉันให้เธอใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ! นี่คือคุณแมว!”
ตุ๊กตาลูกแมวถูกกอดแน่นที่อกของวาคามิยะ เธอมองลงไปที่ลูกแมวในอ้อมแขนของเธอ และดวงตาของเธอก็เหลือบไปข้างล่างเล็กน้อย
การแสดงออกที่เต็มไปด้วยความรักของเธอทำให้ผมแทบหายใจไม่ออก
ลูกแมวกำลังซบอกเธอ… ผู้ชายคนไหนที่เห็นภาพนี้คงคิดในใจว่า “มันควรเป็นฉัน… ไม่ใช่แก!!!”
ผมรู้สึกแบบนั้น
แต่ฉันก็ควบคุมไม่ให้มันแสดงออกบนใบหน้า…
“มีอะไร? ถ้ามันขาด ฉันจะเปลี่ยนให้”
“ไม่ค่ะ! ถึงมันจะขาด… ฉันก็ไม่ให้คุณเปลี่ยนให้หรอกค่ะ นี่คือครั้งแรกที่คุณซื้อของให้ฉัน…”
“เอ่อ… ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอก…”
ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงเอามันมาที่บ้านผมล่ะ? ผมไม่เข้าใจ
เธอคงดูแลมันดีมากๆ เลยไม่ได้คิดจะบ่นอะไรกับผม
“แล้วเราจะไปเมื่อไหร่คะ?”
“…ไปที่ไหนเหรอ?”
“บ้านของคุณแมวตัวนี้!”
“อ๋อ… สถานที่ที่เต็มไปด้วยพวกเข้าสังคมใช่ไหม…”
“อืม… จากของขวัญของโทคิวากิซัง ฉันนึกว่าคุณกำลังชวนให้ฉันไปที่นั่นเหมือนกัน ฉันคิดผิดเหรอคะ?”
“ไม่หรอก มันไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งขนาดนั้น…”
สีหน้าของวาคามิยะซังเปลี่ยนไปทันที เธอก้มหน้าลงและไหล่ของเธอห่อ
“…… งั้นฉันคิดผิดเหรอคะ? ฉันตัดสินใจเร็วเกินไป… นี่มันน่าอายมากเลย…”
ผมควรทำอย่างไรดีในสถานการณ์นี้…
จะชวนเธอไปดีไหม?
หรือจะรอดี?
ผมไม่รู้เลย… ผมไม่คาดคิดว่าจะเกิดแบบนี้ ถึงแม้ว่าเราจะไปที่นั่น… การไปเป็นคู่ก็ดูจะ…
เคนอิจิจะทำยังไงถ้าเขาเจอสถานการณ์แบบนี้นะ?
ใบหน้าของเพื่อนบ้าๆ ที่ยิ้มอยู่ในหัวของผม ผมมองไปยังที่นั่งที่เคนอิจิเคยนั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว… เอ๊ะ?
นั่นคือสมุดของเคนอิจินี่! ผมไม่สามารถทนความอึดอัดได้อีกแล้ว เลยยื่นมือไปหยิบสมุดของเขามา
พอผมเปิดสมุดออก แผ่นกระดาษสองแผ่นก็ร่วงลงมาจากในนั้น บนกระดาษมีข้อความสั้นๆ เขียนติดไว้ว่า “นายนี่ช่วยไม่ได้จริง ๆ เลยน้า”
ผมถอนหายใจแล้วบีบกระดาษนั้นให้ยับ ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างแล้วมองไปที่กระดาษอีกครั้ง
“เอ่อ วาคามิยะซัง นี่มันค่อนข้างจะกระทันหันหน่อยนะ… แต่…”
“…อะไรหรอคะ?”
วาคามิยะซังลูบลูกแมวอย่างเบามือ เธอดูคิ้วขมวดน่ารักมาก แต่ว่าผมอยากหายตัวไปตอนนี้เลย
“ตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาด ฉันน่ะ บังเอิ้ญบังเอิญเจอตั๋วพวกนี้เข้าน่ะ วันหมดอายุมันคือเดือนนี้แหละ โอ้~ เสียดายจัง! ฉันใช้ไม่หมดหรอก เพราะมันมีสองใบ!”
วาคามิยะซังเบิกตากว้างเมื่อเห็นตั๋วที่อยู่ในมือฉัน
“โอ้! และมันก็บังเอิ้ญบังเอิญเป็นตั๋วไปที่ที่เราเพิ่งพูดถึง!! ยังไงมันถึงได้มีความบังเอิญแบบนี้เนี่ย~ แต่ว่าฉันจะทำยังไงดี? ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนฉันเลย ต้องไปคนเดียวสินะ…”
ผมเอามือมาวางที่หน้าผากแล้วแสดงท่าทางใหญ่โตเหมือนกำลังมีปัญหา
เหมือนตัวตลกเลย แต่ผมไม่สนหรอกถ้าเธอคิดว่าฉันเป็นตัวตลกตอนนี้
วาคามิยะซังหัวเราะและเช็ดตา เธอพยายามกลั้นขำไว้
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ… ฉันไปกับคุณได้ไหมคะ?”
“โอ้ งั้นก็ดีเลย! ขอบคุณมากนะ~”
“แล้วคุณน่ะไม่จำเป็นต้องแสดงขนาดนั้นหรอกนะคะ?”
“ฮ่า… เงียบไปเถอะ”
ผมโอเวอร์แอ็คติ้งเกินไปหน่อย… แต่มันก็ไม่มีทางเลือก การซ่อนความเขินอายของผมได้ดีที่สุดคือต้องพยายามทำให้มันดูสดใส
ผมต้องกลบเกลื่อนอารมณ์ของตัวเอง… มิฉะนั้นฉันคงตายจากความอาย
“นี่คือสัญญานะคะ ถ้าคุณลืมมัน ฉันจะเสียใจนะ เข้าใจไหมคะ?”
“ฉันจะไม่ลืมหรอก ฉันไม่ได้เนรคุณขนาดนั้น”
“เนรคุณ?”
“เปล่า… ฉันแค่พูดกับตัวเอง…”
ผมดื่มชาแล้วถอนหายใจ──────────────────────────────────────────
สารภาพว่าเมื่อคืนติดท่านเฮอร์ตาเกินไป เลยลงย้อนหลังให้เช้านี้ครับ
MANGA DISCUSSION