ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากการสอบ และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…
ใช่แล้ว วันนี้…
ผมรู้สึกเหมือนจะอ้วกออกมาได้ทุกเมื่อจากความรู้สึกใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ผมปวดท้องและก็รู้สึกคลื่นไส้
เทพธิดาสังคมกำลังมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอกำลังถือยาที่เหมือนจะเป็นยาแก้ท้องเสียในมือ
แล้วทำไมผมถึงเป็นแบบนี้เหรอ?
คำตอบก็ง่ายๆ เลย…
เพราะวันนี้เป็น วันเกิดของวาคามิยะ ริน…
ผมเลือกของขวัญตามคำแนะนำของชายที่มีชื่อเสียงอย่างเคนอิจิละฟูจิซัง ดังนั้นผมก็ไม่ค่อยกังวลเรื่องของขวัญเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นแทนคือการให้ของขวัญกับเธอ
ผมมั่นใจว่าตอนนี้หน้าของผมแข็งทื่อไปหมด
วาคามิยะมาที่บ้านผมหลังจากเวลาเลิกงานพาร์ทไทม์ตามปกติ นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมอบของขวัญให้เธอแล้ว
แต่…
จะให้เมื่อไหร่ดี? ตอนไหนถึงจะเหมาะสม? และจริงๆ แล้วผมต้องให้ของขวัญเธอด้วยตัวเองหรือเปล่า?
ความคิดเหล่านี้หมุนวนในหัวผมอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก
“โทคิวากิซัง หน้าคุณดูซีดมากเลยค่ะ อยากให้ฉันทำข้าวต้มให้กินไหม หรือจะทานยาบางอย่างดีไหม…”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง”
วาคามิยะจ้องมองมาที่ผม เธอคงสงสัยในคำพูดของผม
ผมไม่สามารถสบตากับเธอต่อไปได้ เลยหันหน้าหนีไป
จากท่าทางของเธอ ดูเหมือนว่าเธอยังไม่สังเกตเห็นของขวัญของผมสินะ
ปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะรู้สึกตัวบ้างในวันพิเศษของตัวเอง แต่… วาคามิยะดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังอะไรเลยแฮะ
ผมนึกถึงสิ่งที่เคนอิจิพูดไว้ก่อนหน้านี้ “การทำให้เธอประหลาดใจเป็นสิ่งสำคัญนะ”
…จะทำได้ไหมนะ?
ผมกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องหลัก
“…วาคามิยะซัง ขอโทษนะ ขอรบกวนเวลาสักหน่อย มีเรื่องสำคัญที่อยากพูด”
“เรื่องสำคัญหรอคะ…?”
เทพธิดาสังคมที่มักจะนั่งในท่าทางเรียบร้อยเสมอก็จัดท่านั่งใหม่และหันมานั่งตรงหน้าาผม
ถ้าเธอสวมกิโมโนคงจะดูเหมือนหญิงสาวชั้นสูงจากตระกูลที่ร่ำรวยเลย
ผมถอนหายใจ
แล้วก็ลุกขึ้นยืนทันที หยิบถุงกระดาษที่ซ่อนไว้และยื่นมันออกไปข้างหน้า ก่อนจะวางลงบนตักของเธอ
วาคามิยะขมวดคิ้วด้วยความสับสน เธอไม่พยายามหยิบจับมันเลย
คนส่วนใหญ่คงจะเดาได้ว่าถุงกระดาษนั้นเป็นของขวัญวันเกิด แต่เธอดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวเลย
“…ฉันให้สิ่งนี้กับเธอ”
ผมอยากจะพูดคำพูดที่ดีๆ หรือแค่บอกว่า “มันเป็นของขวัญให้เธอ” แต่คำพูดเหล่านั้นไม่ยอมออกมา มันทำให้ผมหงุดหงิด
“อืม… นี่คืออะไรเหรอคะ?”
“ของขวัญ… อ่า… วันนี้วันเกิดเธอใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่… ถูกต้องค่ะ… เอ่อ ขอบคุณมากนะคะ…”
วาคามิยะที่โดยปกติแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สะดุดๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันหายากมากจริงๆ
ตอนเห็นเธอแบบนี้ ผมก็เริ่มรู้สึกสับสน
เธอคือเทพธิดาสังคม ชัดเจนว่าเธอคงได้รับของขวัญมากมายแล้ว
วาคามิยะนั่งมองถุงกระดาษอยู่สักพักแล้ว ผมจึงพูดขึ้น “อืม… ก็… ฉันรู้สึกขอบคุณที่เธอคอยช่วยเหลือทุกวันเลยอยากตอบแทนบ้าง พอดีวันนี้มันตรงกับวันเกิดของเธอเลย… อาจจะรบกวนเธอไปหน่อย แต่ขอให้รับไว้มันเถอะ… หรือไม่ก็… ขอให้ฉันบังคับให้เธอรับมันไว้ก็ได้”
วาคามิยะหัวเราะเสียงเบาๆ และแก้มเธอเริ่มเปลี่ยนสี แล้วค่อย ๆ จับของขวัญไว้ด้วยความระมัดระวัง
ผมรู้สึกโล่งใจที่เห็นแบบนั้น แสดงว่าการเซอร์ไพรส์คงสำเร็จแล้ว
ผมกำหมัดแน่นด้วยความดีใจ แต่แน่นอนว่าผมทำให้วาคามิยะไม่เห็น
“โทคิวากิซังดูเหมือนจะพูดด้วยท่าทางจริงจังมากเลยค่ะ ฉันเลยนึกว่าคุณจะ…”
“อื้อ…?”
“ฉันเลยนึกว่าคุณจะสารภาพรักกับฉันค่ะ…”
ผมไอออกมา แล้วดื่มน้ำชาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนหมด
หลังจากนั้นผมปฏิเสธด้วยท่าทางที่เกินจริง “ไม่ใช่นะ! มันเป็นการเข้าใจผิด! ฉันไม่ได้สารภาพรักกับเธอเลย!!”
“จริงเหรอคะ…”
วาคามิยะดูเหมือนจะรู้สึกผิดหวังกับคำตอบของผม ซึ่งทำให้ฉันยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น
“เอ่อ… ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีถ้าเธอทำท่าแบบนี้…”
“……”
วาคามิยะก้มหน้าลงเงียบๆ
เหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผากของผม
“คือ! จะพูดยังไงดีล่ะ… เราต่างกันเกินไป ฉันไม่คิดว่าจะเข้ากับวาคามิยะได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเดทกับวาคามิยะ แต่เป็นเพราะฉันยังขาดอะไรหลายๆ อย่าง…”
นิ้วของวาคามิยะแตะที่ปากของผม ทำให้การอธิบายที่แฝงความตื่นตระหนกของผมถูกหยุดลง
เมื่อเราสบตากัน เธอก็พูดแค่ว่า “ใจเย็นๆ นะคะ โทคิวากิซัง ฉันแค่ล้อเล่นเองค่ะ”
ผมเดาะลิ้นแล้วหันหน้าหนีไปอย่างไม่พอใจ
เมื่อผมมองไปที่วาคามิยะ เธอกำลังยิ้มด้วยท่าทางอ่อนโยน
“แต่… ก็เซอร์ไพรส์มากเลยนะคะ”
“อ้า… ฉันไม่ดูเหมือนคนที่จะมอบของขวัญใช่ไหม? นี่มันคาดไม่ถึงจริงๆ เหรอ?”
“ไม่ค่ะ ฉันแค่เซอร์ไพรส์ที่คุณ จำ วันเกิดของฉันได้เท่านั้น”
“ทำไมพูดจาหยาบคาบกันจัง…”
แต่ในความเป็นจริง ถ้าไม่ได้คำแนะนำจากเคนอิจิผมก็คงยอมแพ้ไปง่ายๆ ปกติแล้วผมก็ไม่ค่อยสนใจวันเกิดใครเท่าไหร่ และผมก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น รวมถึงไม่มีประสบการณ์กับสาวๆ เท่าไหร่…
ฉันต้องขอบคุณเคนอิจิจริงๆ…
“โทคิวากิซัง ฉันเปิดมันได้ไหมคะ?”
“ได้สิ… แต่ว่าอย่าคาดหวังมากนะ มันไม่ได้พิเศษอะไรหรอก”
วาคามิยะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงกล่องที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา ค่อยๆ แกะกระดาษห่อและคลายริบบิ้น
ผมกลั้นหายใจรอการตอบสนองของเธอ ความตึงเครียดที่แปลกประหลาดทำให้ผมรู้สึกกังวล
“นี่มัน… ตุ๊กตาคุณแมวใช่ไหมคะ?” วาคามิยะพูด พลางยกตุ๊กตาด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง ดวงตากลมๆ ของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ใช่… ตัวละครนี้ก็ค่อนข้างดังเลยนะ ตอนนี้มันเป็นกระแส… วาคามิยะคงจะไม่สนใจอะไรแบบนี้หรอก แต่ฉันคิดว่าการตามกระแสบ้างก็ไม่เสียหาย”
ใช่แล้วล่ะ นี่คือคำแนะนำของฟูจิซัง
ในย่านนี้มีสวนสนุกที่ทุกคนคงจะเคยไปมาแล้วสักครั้ง และตุ๊กตาตัวนี้ขายเฉพาะที่สวนสนุกนั้น ตอนนี้มันเป็นกระแสนิยมในหมู่นักเรียน
จะเข้าไปซื้อมันคนเดียวก็น่าอายเกินไป ผมเลยขอให้เคนอิจิและฟูจิซังช่วยซื้อให้ คิดว่าผมคงต้องตอบแทนพวกเขาในอนาคต
ผมกังวลว่าจะทำให้วาคามิยะรู้สึกไม่พอใจถ้าผู้ชายคนหนึ่งให้ตุ๊กตาน่ารักแบบนี้กับเธอ
แต่เมื่อผมรอดูปฏิกิริยาของเธอ เธอยกตุ๊กตาขึ้นสูง พลางมองหน้ามัน
“วาคามิยะซัง? ถ้าเธอไม่ชอบมันก็ทิ้งไปเถอะ ฉันไม่ว่านะถ้ามันจะกลายเป็นของที่ถูกทิ้งไว้ใต้ตู้เสื้อผ้า หรือเธอจะคืนมันให้ฉันก็ได้”
ผมไม่ทนสามารถทนอยู่กับความเงียบได้ เลยแกล้งพูดไป
วาคามิยะรีบกอดตุ๊กตาแน่น ราวกับเด็กที่ไม่อยากให้ใครมาขโมยของเล่นที่เธอรัก จากนั้นก็จ้องมาที่ผมด้วยสายตาเหมือนจะตำหนิ “ฉันจะไม่ให้ตุ๊กตานี่กับคุณหรอกค่ะ!”
“โอ๊ะ… โอเค ฉันดีใจที่เธอชอบมันนะ” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เกร็ง สงสัยจังว่าทำไมวาคามิยะถึงพูดจาแข็งกร้าวแบบนั้น
ตอนนี้ตุ๊กตาแมวกลายเป็นของรักของวาคามิยะไปซะแล้ว
วาคามิยะกอดตุ๊กตาแน่น มือของเธอสัมผัสตุ๊กตาอย่างทะนุถนอม สายตาของเธอดูอ่อนโยน แตกต่างจากปกติ มันน่ารักมากจนผู้ชายคนไหนที่เห็นเธอในตอนนี้คงไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
ผมหลงใหลในความน่ารักของเธอเหมือนกับว่าผมจะลืมเวลาทั้งหมดไปเลย
ตอนที่เธอทำหน้าแบบนั้น ผมกลับรู้สึกตัวว่าใจของผมเต้นแรงเหมือนคลื่นทะเลและ หน้าผากร้อนจนเหมือนจะไหม้…
ผมคิดในใจ ‘นี่มันโกงกันชัด ๆ … โอ้พระเจ้า’
แต่…
ผมดีใจที่เธอชอบมัน นั่นคืความรู้สึกที่แท้จริงของผม
“โทคิวากิซัง”
“หืม? มีอะไรหรอ?”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“อ้า…”
ผมเกาแก้มตัวเอง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมลืมรอยยิ้มบนใบหน้าของวากามิยะในตอนนี้ไม่ลงจริง ๆ
MANGA DISCUSSION