——หลังเลิกเรียน
วันนี้ผมไม่มีงานพิเศษอย่างที่เคย เลยนั่งรอรินเงียบๆ คนเดียวในห้องเรียน
ปกติพวกนักเรียนสายป๊อปมักจะอยู่เมาท์เรื่องความรักหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลังเลิกเรียน แต่วันนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย
แทนที่จะเป็นเสียงพูดคุยในห้อง กลับมีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเล็ดลอดมาจากห้องเรียนข้างๆ แทน
“ก็แน่ล่ะ ใครจะอยากคุยเวลามีคนแปลก ๆ อยู่ด้วย”
ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วเริ่มลงมือทำการบ้านประจำวันที่เป็นเหมือนภารกิจประจำวัน
พอรินมาถึง วันนี้เราจะทำแบบทดสอบย่อยในเนื้อหานี้สินะ…
แบบทดสอบที่รินทำให้มักจะยากกว่าของครู ต้องตั้งใจให้มากหน่อย
ว่าแต่…อ่านหนังสือในห้องเรียนหลังเลิกเรียนนี่ก็เวิร์กกว่าที่คิดแฮะ
ห้องเรียนที่ไม่มีใครเหลืออยู่เลยเงียบสงบดีจนเหมือนกับเราได้ครอบครองห้องอ่านหนังสือขนาดใหญ่คนเดียว
เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาทีหลังจากเริ่มอ่านหนังสือ จู่ ๆ ประตูฝั่งกระดานดำก็เปิดขึ้นอย่างแรง
“ขอรบกวนหน่อยค่าาา!!”
“เดี๋ยวสิ! ซายากะ… เปิดประตูแรงแบบนั้นได้ไงเล่า…”
จู่ ๆ มีคนบุกรุกเข้ามา ผมก็เลยเงยหน้ามองโดยไม่ตั้งใจ
พอสบตากับสองสาวที่เดินเข้ามาในห้องก็รู้สึกเกร็ง ๆ เลยเผลอก้มหัวให้ไปก่อน
ผู้หญิงที่ยืนข้าง ๆ ซายากะก็พลอยก้มหัวตามด้วยท่าทางเกรงใจ
แต่ซายากะกลับทำหน้าทะเล้นเหมือนภาคภูมิใจในอะไรบางอย่าง
คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอ… ถ้าจำไม่ผิด…
ผมรวบรวมข้อมูลจากที่เคนอิจิบอกไว้ในคลาส
——นึกออกแล้ว
เธอชื่อ โยโกมูระ คานามิ
เธอเป็นลูกครึ่ง ผมสีอ่อนจนเกือบเป็นเงิน ความยาวประมาณระดับไหล่ ตัวสูง หุ่นเพรียว
ถึงจะดูเป็นคนเงียบ ๆ ในห้องเรียน แต่ก็ดูสนิทกับไอโนยะซังและมักจะอยู่ด้วยกัน
ทุกครั้งที่เห็นสองคนนี้ก็อดคิดไม่ได้เลยว่า…นิสัยต่างกันสุดขั้วจริงๆ
แต่ก็คงเป็นคู่หูกันได้ดี เพราะเธอดูจะคอยเป็นเบรกให้ไอโนยะซังที่ชอบพุ่งไปข้างหน้าตลอด
…เอาเถอะ เรื่องนั้นไม่สำคัญตอนนี้
ผมเก็บหนังสือหยุดอ่าน แล้วจัดการเก็บสมุดกับเครื่องเขียนลงกระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน
อยู่ตรงนี้ต่อไปก็มีแต่จะเกะกะ แถมเสียงดังขนาดนี้คงอ่านไม่รู้เรื่องแน่
เดี๋ยวต้องส่งข้อความบอกรินด้วย ไม่งั้นหายไปเฉย ๆ เดี๋ยวเธอจะเป็นห่วง
ผมเอื้อมมือจะเปิดประตูฝั่งตรงข้ามกับกระดานดำ แต่จู่ๆ ก็มีคนมาขวาง
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนน~~!!”
…หืม?
เมื่อกี้ไอโนยะซังอยู่ตรงกระดานดำไม่ใช่เหรอ?
มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย…?
ผมหน้าเหวอด้วยความตกใจ ขณะที่ซายากะเดินเข้ามาใกล้จนแทบชน
“เฮ้ เฮ้! ทกกี้!! พอฉันมาถึงก็จะรีบกลับเลยเนี่ยนะ ใจร้ายจังเลย~!”
“ทกกี้…?”
ผมขมวดคิ้วแล้วเอียงคอ ไอโนยะซังก็ชี้นิ้วใส่ผมแบบมั่นใจเต็มที่
“เพราะนายชื่อ โทคิวางิ ก็เลยเรียกว่าทกกี้ไงล่ะ! ห้ามเถียงด้วยนะ!”
“จะเรียกยังไงก็แล้วแต่เลย… งั้น บาย—”
“ห้ามกลับ!!!”
“อึก… อย่าดึงคอเสื้อสิ มันจะรัดคอเอาน่ะ…”
โอ๊ย… แรงรัดคอนี่เจ็บจริงอะไรจริง…
โรงเรียนนี้มีแต่คนแรงเยอะเหรอเนี่ย!?
แย่ล่ะ… หายใจไม่ออก…
ผมแตะที่แขนของเธอเพื่อส่งสัญญาณว่า “ยอมแล้ว”
ไอโนยะซังตกใจ รีบปล่อยมือ แล้วพนมมือขอโทษผมด้วยหน้าสำนึกผิด
“ขอโทษนะ ๆ! เผลอไปหน่อยน่ะ~”
“จะตายเอาได้นะ…”
“แต่ว่าน้า~ ก็ทกกี้ทำตัวน่ากลับก่อนเองนี่นา——โอ๊ยยย!!?”
โยโกมูระซังแทงศอกเข้าที่สีข้างของไอโนยะซัง จนเจ้าตัวร้องเสียงหลง
เธอทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้า คงเจ็บเอาเรื่อง
เธอหันไปมองโยโกมูระซังด้วยสายตาไม่พอใจ
“โอ๊ย… เจ็บชะมัด…”
“ซายากะ ห้ามก่อความวุ่นวาย เราคุยกันหลายรอบแล้วนี่ ว่าถ้าเธอเข้าหาใครแบบนี้ ใคร ๆ ก็อยากหนีน่ะ”
“แต่~ คานามิ๊~ ทุกคนก็ไม่เห็นมีปัญหานี่นา~?”
“เค้ายอมแพ้เฉยๆ ต่างหาก”
“แต่ว่า~”
“ไม่ฟังแล้วนะ”
“ฮือ… ค่ะ…”
โอ้…!?
ไอโนยะซังยอมฟังด้วย!?
มันให้ความรู้สึกเหมือนน้องหมากับเจ้าของยังไงไม่รู้…
จริง ๆ ก็น่าจะเป็นอย่างงั้นเลยแหละ
ไอโนยะซังก้มหน้าท่าทางหงอยๆ เหมือนหมาโดนดุ
“ขอโทษนะ โทคิวางิคุง”
“ไม่เป็นไรหรอก เห็นคนร่าเริงแล้วเหมือนพลังบวกมันแพร่กระจายเลย”
“เห็นมั้ยล่ะ~!”
“เงียบเลย อย่าเพิ่งได้ใจนักสิ”
“หยุดเถอะ คานามิ! เวลาเธอโจมตีทีไร มันมักโดนจุดเจ็บทุกทีเลยอะ!”
“ก็ฉันเล็งไว้แล้วนี่”
“หาาาาาาาา!?”
สองคนเถียงกันอย่างน่ารักจนผมอดหัวเราะไม่ได้
แต่ถ้าให้อยู่ต่ออาจจะเสียมารยาทกับพวกเธอด้วย
ควรเป็นฝ่ายจบบทสนทนา จะได้ให้พวกเธอขอตัวได้ง่ายขึ้น
“ดูสนิทกันดีนะ งั้นถ้าถึงเวลาพอสมควรแล้ว ฉันขอตัว—”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งกลับ! ฉันมีธุระกับทกกี้นะ!”
“อ๊าก!?”
ดึงคอเสื้ออีกแล้ววว!
พอผมหันไปจะดุ เธอก็ยัดผ้าบางอย่างใส่หน้า
“เอ๊ะ อะไรเนี่ย…?”
“อะไรกันล่ะ นี่ไง! เสื้อทีมของห้อง F!”
“เอามาให้ฉันเหรอ?”
“ใช่แล้ว! นายยังไม่ได้รับใช่มั้ย~ ทกกี้รีบกลับทุกวันเลยนี่นา! แล้วคาโต้เคนก็ไม่ยอมรับแทนอีก!”
“อ้อ อย่างนั้นเอง ขอโทษทีนะ…ว่าแต่ ทำไมเบอร์เสื้อเป็นเลข 100 ล่ะ?”
“ฟุฟุฟุ~! นี่แหละรสนิยมของฉันไง!”
“อา… หรือว่าแบบล้อว่า ‘นายอยู่นอกเหนือจากลิสต์’ อะไรทำนองนั้น?”
“มองโลกในแง่ร้ายไปละ!”
ก็…จะไม่ให้คิดแบบนั้นได้ไงล่ะ
ต่อให้เธอบอกว่า “เข้าใจเลยเหรอ!” ฉันก็คงได้แต่ตอบ “ว่าแล้วเชียว”
“ไม่ใช่นะ โทคิวางิคุง ชื่อนายคือ ‘โทวะ’ ใช่มั้ย? ก็เลยเอาเลข 10 กับวงกลม มารวมเป็น 100 ไง เหมือนเล่นคำพ้องเสียงเฉย ๆ”
“อ้อ เข้าใจล่ะ”
“เดี๋ยวสิ คานามิ! ฉันจะเป็นคนอธิบายเองนะ!”
“ก็ถ้าให้เธอพูด มันไม่จบซักทีนี่นา…แล้วเรื่องหลักล่ะ?”
“อ๊ะ จริงด้วย!”
ไอโนยะซังหน้าแดงแล้วทำตัวเขิน ๆ อย่างเห็นได้ชัด
ดูยังไงก็เหมือน “อาการก่อนสารภาพรัก” ชัดๆ…แต่รู้อยู่แล้วล่ะว่าผู้หญิงคนนี้ชอบทำให้เข้าใจผิดบ่อยๆ
อย่าทำตัวแบบนี้เลย เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า จะเข้าใจผิดกันใหญ่
“ทกกี้เป็นแฟนของรินรินใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่นะ”
“งั้นทกกี้กับรินรินนี่—”
““หาาาา!? ไม่ใช่เหรอ!?””
ผมพยักหน้า
ก็จริงนี่ เรายังไม่ได้ถึงขั้นคบกันเลย
ทั้งสองคนถอนหายใจแล้วมองผมราวกับว่าผมเป็นคนที่น่าสงสาร
“ขนาดนั้น… ยังไม่คบกันอีกเหรอเนี่ย”
“ใช่~ ดูเหมือนสามีภรรยากันแท้ ๆ”
“ก็เราสนิทกันจริง ๆ แหละ”
“เข้าใจล่ะ~ อ้อ ทกกี้! นายรู้จุดอ่อนของรินรินมั้ย? ฉันอยากชนะเธอให้ได้ในกีฬาสี~!”
“จุดอ่อน… อ๋อ เข้าใจล่ะ แบบนี้เองสินะ…”
จะชนะในกีฬาสีแบบรวมคะแนนได้ ต้องพึ่งคะแนนฝ่ายหญิงด้วย
ต่อให้ฝ่ายชายเก่งแค่ไหน ถ้าไม่ชนะห้องของรินก็คงลำบาก
แถมไอโนยะซังเองก็ลือกันว่าเก่งพอ ๆ กับริน
ถ้าสองคนแข่งกันจริง จุดตัดสินคงเป็นเรื่องดวง…กับไหวพริบ
ถ้าอย่างนั้น…ไอโนยะซังคงหมดหวังแล้วล่ะ…
“ฉันก็พอจะเดาได้นะว่า…”
“ถ้าไม่คิดให้รอบคอบก่อนเข้าไปสู้ ก็คงแพ้แหง ๆ กีฬามันก็ต้องใช้กลยุทธ์ด้วยนี่เนอะ”
“ใช่ นั่นแหละประเด็น…เลยอยากหาทางชนะบ้างซักครั้งน่ะ ถ้านายรู้จุดอ่อนอะไร ก็อยากให้ช่วยบอกหน่อย”
“เสียดายที่รินไม่มีจุดอ่อนจริง ๆ นะ ถ้าจะบอกก็แค่ดื้อ…มั้ง?”
“เอ๊ะ~ แบบนั้นไม่ใช่จุดอ่อนซักหน่อย!”
“ก็ฉันนึกออกแค่นั้นจริงๆ นี่นา”
“อ๊าาา~! ได้โปรดเถอะ ทกกี้!! ช่วยสืบให้หน่อยน้า~! เพื่อชัยชนะของห้องเรา~~!”
“อ๊ะ เดี๋ยว…อย่าเขย่าแบบนี้…”
“ซายากะ ถามแบบนั้นมันลำบากใจน่ะ โทคิวางิคุงก็…ลำบากนะ”
โอ๊ย… เขย่าจนเวียนหัวแล้ว…
แม้แต่โยโกมูระก็หยุดโหมดไฟแรงของไอโนยะซังไม่ได้แล้วสินะ
ตอนผมเริ่มจะหมดแรง ประตูห้องเรียนก็เปิดออก พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย
“ขอโทษที่มาช้านะ โทวะคุง! ฉันมาแล้วค่ะ…เอ๋?”
รินยืนนิ่งอยู่ที่ประตู
ใช่…สถานการณ์ตอนนี้มันแย่ชะมัด
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจับไหล่ผมแล้วเขย่า ใครมาเห็นก็ต้องคิดว่าเรากำลังหยอกล้อกันแน่ๆ
แต่…ถ้าเป็นริน ก็น่าจะเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที…
ไม่… ดูท่าแล้ว เธอไม่เข้าใจแฮะ…
ก็ยิ้มกว้างแบบติดค้างที่หน้าเลยนี่นา…
อา…ต้องอธิบายทีหลังแน่ ๆ
ขณะที่ผมกำลังหนักใจอยู่นั้น ไอโนยะซังกลับดีใจราวกับแฟนคลับเห็นไอดอล ก็กระโดดโลดเต้นใส่ริน
…เธอนี่ช่าง…ชิวเกินไปแล้ว
ผมยกมือกุมหน้าผาก แล้วถอนหายใจยาว
“อ๊ะ! รินริน~!”
“เอ่อ…สวัสดีค่ะ”
“ขอโทษนะที่ยืมตัวทกกี้ไป~ เธอคงมารับเขาใช่ม้า~?”
“ค่ะ ก็…แบบนั้นแหละ”
“อื้ม ๆ ถ้าอย่างนั้น…พวกเราขอตัวก่อนล่ะน้า~!!”
เธอตบไหล่ผมแล้วส่งสายตาวิบวับเหมือนจะบอกว่า “ตอนนี้แหละ โอกาสล่ะ!”
หยุดได้แล้วน่า…
“งั้นก็ฝากเรื่องที่คุยไว้ด้วยนะ ทกกี้~! ไว้เจอกันใหม่ บ๊ายบ๊าย~!”
“เดี๋ยวสิ ซายากะ! เอ่อ…ขอโทษที่วุ่นวายไปหน่อยนะ…โทคิวางิคุง เจอกันนะ”
“อ-อื้ม…”
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ห้องเรียนก็กลับเข้าสู่ความเงียบ รึเปล่านะ…
ผมกับรินสบตากัน…แล้วก็หัวเราะออกมา
“งั้น ริน…กลับบ้านกันเถอะ”
“อื้ม…ค่ะ…แต่—”
“หืม?”
“——เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ?”
“ครับผม…”
ผมเผลอตอบรับคำอย่างนอบน้อมตามแรงกดดันของรินไปแล้ว…
MANGA DISCUSSION