“““จะกินแล้วนะครับ/ค่ะ”””
“จ้า~ ทานให้อร่อยนะ~”
หลังจากเหตุการณ์ในห้องอาบน้ำจบลง สิ่งที่รอผมอยู่คืออาหารมากมายที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ
อาหารที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามในถ้วยเล็ก ๆ
แค่เห็นบรรดาอาหารน่ากินที่เรียงกันอยู่บนโต๊ะใหญ่ก็ทำเอาน้ำลายแทบไหลแล้ว
ทั้งหมดนี้… ลิซ่าซังเป็นคนทำหมดเลยเหรอ…
ถ้าฝีมือทำอาหารของรินเก่งขนาดนี้ ก็คงได้มาจากแม่โดยตรงล่ะมั้ง
ขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้น ลิซ่าซังก็รินชาให้พลางกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงหวานว่า “เรื่องพวกนี้ เดี๋ยวจะฝึกให้รินอย่างดีเลยนะ”
ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบเอามือปิดหู
ลิซ่าซังหัวเราะคิกด้วยรอยยิ้มเย้ายวน
…ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นแม่คนนะ
ผิวพรรณละเอียดเนียน หุ่นก็สุดยอด
ปกติแล้วพออายุมากขึ้นก็จะดูโรยรา แต่นี่ไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลยซักนิด
อย่าบอกนะว่าเธอเป็นอมตะ
หรือว่าเป็นแวมไพร์ เลยไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
…ถึงจะโกหกยังไง ผทก็อาจจะเชื่ออยู่ดี
ว่าแต่… อย่าอ่านใจคนอื่นแบบธรรมชาติสิครับ!
เฮ้อ… ครอบครัวนี้เนี่ย…
“…โทวะคุง? มองอะไรอยู่เหรอคะ?”
“หือ? อะไรเหรอ?”
ผมตอบแบบเฉไฉโดยไม่เปลี่ยนน้ำเสียง
เมื่อก่อนคงลนลานไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมเติบโตขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก—แต่…
“มู่… น่าสงสัยจริง ๆ ด้วย!”
รินขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ มองหน้าผมอย่างตั้งใจ
…ใกล้ไปแล้วนะ เฮ้…
ห่างกันแค่ปลายจมูก…
ถ้าฉันเอียงคอสัก 15 องศา มีหวังโดนกันแน่
ผมหลบตาลงพื้นด้วยความรู้สึกอึดอัด
“หลบตาอีกแล้วนะคะ…”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ใครก็ต้องหลบทั้งนั้นแหละ แล้วอีกอย่าง อย่าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าพ่อแม่สิ”
“ไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ”
“เอ๋…”
ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินการปฏิเสธอันหนักแน่นนั้น
ตั้งแต่ขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ก็เป็นแบบนี้ตลอดเลยแฮะ
ไม่อายบ้างเหรอ ทำแบบนี้ต่อหน้าพ่อแม่?
จะไม่กลัวว่าทีหลังจะโดนถามนู่นนี่เหรอ… ไม่สิ รินตอนนี้คงไม่สนใจเรื่องแบบนั้นแล้ว
แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็…
“ริน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันก็กินไม่ได้นะ”
“ฉันจับตะเกียบได้อยู่นะคะ?”
“ไม่สิ ฉันอยากกินเองด้วยมือตัวเอง…”
“แต่ฉันอยากป้อนค่ะ”
“…คุยกันไม่รู้เรื่องเลยเนอะ”
“คุยกันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
““…………””
รินคีบอาหารด้วยตะเกียบแล้วจ่อมาที่ริมฝีปากผมแบบเงียบ ๆ
ยังไงรินก็ไม่ยอมถอยอยู่แล้ว…
ถึงจะรู้สึกเขินอายกับสายตาอันอบอุ่นที่มองมา ผมก็จำต้องอ้าปากกินมันเข้าไป เคี้ยวตามที่เธอป้อนมา
“อุ๊ยตาย~ น่ารักจังเลยเนอะ แบบนี้ฉันก็ขอแจมบ้างดีไหม อยากให้ชินจังบ้างนะ~”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้ลูก ๆ เอาน่ะสิ”
“แหม~ น่าเสียดายจัง~ งั้นรินจัง~ ระหว่างมื้ออาหารต้องวางตัวดี ๆ นะจ๊ะ~”
“แ-แต่…”
“ริน พอแค่นั้นเถอะ โทคิวางิคุงกินลำบากแล้วนะ?”
“งืออออ!!”
โดนพ่อแม่ดุเข้าไป ยิ่งทำให้เธอพองแก้มขึ้นกว่าเดิม
ผมเผลอจะเอานิ้วไปจิ้มแก้มที่พองนั้นตามความเคยชิน แต่ก็หยุดไว้ทันก่อนจะทำจริง
ผมกระแอมเบา ๆ แล้วหันไปมองริน
“ไม่หรอก ฉันไม่ได้ลำบากอะไรหรอก… แต่ก็ เอ้า ริน ถึงเวลาถอยห่าง—”
“ไม่!”
“อ-อย่าเกาะฉันแน่นแบบนี้สิ… ฉันไม่หนีไปไหนหรอก”
“ถึงจะเชื่อใจโทวะคุง แต่ตรงหน้าเรามีฉลามเจ้าเล่ห์อยู่ค่ะ ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้! คราวนี้ฉันไม่โดนหลอกแน่นอน!”
ใช่ รินที่ดูรุกแรงขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะกำลังตื่นเต้นที่อยู่ต่อหน้าครอบครัว
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ผมอาบน้ำแน่ ๆ…
คงมีบางอย่างไปกระตุ้นเธอเข้า
เลยทำให้เธอแสดงท่าทีแบบนี้
ไม่อยากเสียของสำคัญไป ไม่อยากให้ใครแย่งไป
เป็นพฤติกรรมแบบเด็ก ๆ จริง ๆ
“อื๊ออ~!”
“ลิซ่า… เธอล้อเล่นแรงไปแล้วล่ะ รินเริ่มครางเสียงออกมาแล้วนะ”
“เหรอ~ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยสักหน่อย แค่สอนรินจังนิด ๆ หน่อย ๆ เอง~”
“…สอนแบบนั้นไม่ฟังยังจะดีกว่าเลยล่ะมั้ง”
พ่อของรินถอนหายใจพร้อมกับไหล่ตก ดูเหมือนจะยอมแพ้ไปแล้วเล็กน้อย คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้
“คุณแม่ควรคิดก่อนพูดและทำมากกว่านี้นะคะ! ถ้าแตะต้องโทวะคุงล่ะก็ ฉันไม่ให้อภัยแน่!”
“แหม~ พูดแบบนั้นก็เกินไปน้า~ แล้ว ‘แตะต้อง’ นี่หมายถึงแบบนี้รึเปล่า~?”
“หือ?”
ลิซ่าซังเคลื่อนมาอยู่ข้างหลังผม ก่อนจะโอบรัดผใจากด้านหลัง
แล้วก็ลูบหัวผมเหมือนกับกำลังโอ๋สัตว์เลี้ยงว่า “ดีจังเลย~ เก่งมากนะ~”
ทั้งจั๊กจี้ ทั้งอาย…
แถมด้านหลังศีรษะฉันยังรู้สึกถึงสัมผัส…บางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้…
“ถอยออกไปจากโทวะคุงนะคะ!! แล้วก็ โทวะคุง! อย่าทำหน้าฟินแบบนั้นสิคะ! ลามก!”
“เปล่านะ ร่างกายคนเราไม่ได้ยืดง่ายขนาดนั้นหรอก…”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวค่ะ! ถ-อ-ย-ออกไปค่ะ!”
“ไม่เอา~ ของสนุก ๆ แบบนี้ ใครจะยอมเลิกล่ะ~”
“สนุกอะไรกันคะ… อายุเท่าไหร่แล้วยังจะพูดแบบนั้นอีก—”
“รินจัง~? ถ้าพูดมากไป…รู้นะ?”
“ค…คะ!?”
รินพูดเสียงหลงไม่เหมือนตัวเอง แล้วก็รีบมากอดแขนผมแน่น
โดนรอยยิ้มกดดันของลิซ่าซังเข้าไป เลยสะท้านไปทั้งตัวเลย
ผมลูบหัวรินที่กำลังสั่นเบา ๆ
เธอก็กลับมายิ้มระรื่นเหมือนเดิมทันที
…เปลี่ยนท่าทีไวเกินไปแล้วนะ
“นี่~ ปอนจัง~”
“…อะไรหรอครับ?”
“ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้~ แค่อยากถามเฉย ๆ ว่า ฉันดูอายุเท่าไหร่เหรอ~?”
“ดูจาก…รูปลักษณ์ใช่มั้ยครับ?”
“ใช่เลย~”
ถ้าไม่พูดประชด ก็น่าจะประมาณยี่สิบปลาย ๆ…
ไม่สิ สามสิบต้น ๆ…?
ก็คงประมาณนั้น
ถ้าจะทายจริงจัง ก็คิดตามอายุของรินกับตอนที่แต่งงาน ก็คงแคบลงมาก
แต่คำถามที่ได้คือ “ดูเหมือนอายุเท่าไหร่” เท่านั้นเอง
แถมครอบครัววาคามิยะยังจับโกหกเก่งด้วย แบบนี้พูดตรง ๆ ดีกว่า—
“น่าจะประมาณยี่สิบเก้าหรือสามสิบเอ็ดครับ ดูยังไงก็ไม่ใช่เด็กมหาลัยเพิ่งจบ แต่ดูมีความนิ่งมากกว่านั้น ก็เลยเดาไว้ประมาณนี้น่ะครับ”
ทันทีที่ผมพูดความเห็นออกไปแบบซื่อตรง พ่อของรินที่ดูเหมือนเป็นคนปกติที่สุดในบ้านนี้ก็พ่นน้ำออกมาอย่างแรง
จากนั้นก็เริ่มไอสำลัก แล้วหัวเราะออกมาพร้อมกับกุมท้อง
แต่คนที่ดูสนุกก็มีแค่พ่อคนเดียว…
ผมกับรินต่างก็คิดตรงกันว่า “อา ซวยแล้ว (ตายแน่ ๆ)”
“ฮะฮะ โทคิวางิคุงนี่ ตลกจังเลยน้า~ จริง ๆ แล้วลิซ่าน่ะ—แค่ก!”
“แหม~ หรือว่าจะเมาโดยที่ยังไม่ได้ดื่มกันนะ~?”
“ผมเมาแล้วครับ~ (เสียงเลียนแบบของลิซ่า)”
“อ๊ะ~ อย่างที่คิดเลยเนอะ~”
““…………””
ผมกับรินได้แต่ยิ้มแห้งค้างไว้แบบนั้น
ร่างกายของพ่อที่เหมือนหุ่นเชิดไร้ชีวิต แขนขาห้อยลงอย่างหมดแรง…
…ไม่เป็นอะไรแน่นะ?
คิดถึงเรื่องที่เขาเคยช่วยฟังตอนเรื่องในห้องอาบน้ำแล้ว ผมควรจะช่วยไว้สินะ…
ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วหันไปมองริน
รินกำมือไว้ตรงอกเหมือนให้กำลังใจผม
“เอ่อ ตอนนี้…ลิซ่าซัง… ช่วยเบา ๆ หน่อยนะครับ…”
“ช่วงนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เห็นภาพซ้อนด้วยเหรอเนี่ย~”
“เอ่อ…ดูเหมือนจะสลบไปแล้วแบบสมบูรณ์—”
“เทคโนโลยีสมัยนี้มันก้าวหน้าเนอะ~ ใช่มั้ย~ ปอนจัง?”
“ครับ ใช่เลยครับ แน่นอนที่สุด”
“ท-โทวะคุง!?”
“ว่าแต่…นี่แหละมื้ออาหารพร้อมหน้าครอบครัวสินะ…ดีเหมือนกันแฮะ”
“แต่ขาดไปคนหนึ่งแล้วนะคะ…”
เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไม่น่าเบื่อเลย
ต่างจากเวลาที่กินกับรินแค่สองคน มื้อนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น
…นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง
ผมมองไปยังพ่อของรินที่ถูกลากออกไป แล้วคิดแบบนั้นขึ้นมา
MANGA DISCUSSION