ผมกับรินที่ตอนนี้กลับมาสงบจิตใจได้เรียบร้อยแล้ว กำลังเริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบกันอีกครั้ง
แต่สิ่งที่กลับมาสงบได้นั้น เป็นเพียงอารมณ์ของรินเท่านั้น ส่วนพฤติกรรมของเธอนั้นจะเรียกว่าสงบก็คงยากอยู่
แม้จะไม่ได้ลนลานอีกต่อไปก็เถอะ…
แต่กลับกัน พฤติกรรมของรินตอนนี้เหมือนแมวไม่มีผิด เธอมานั่งขดอยู่ระหว่างขาของผม กลายเป็นแมวตัวเป็น ๆ ที่มาคลอเคลียเล่นด้วย
…ถึงจะบอกว่าอ้อนก็เถอะ แต่มันกระตุ้นเกินไปหน่อย
ด้วยตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่ ผมจึงต้องสูดหายใจลึกหลายครั้ง
“ริน แบบนี้มันไม่ลำบากเวลาอ่านเหรอ?”
“ฉันรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าตอนอยู่บ้านซะอีกค่ะ ออกจะตั้งใจมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“ก็พูดอย่างนั้นแหละนะ… แต่ฉันลำบากนะ?”
“ช่วงเวลาแบบนี้ควรเน้นท่องศัพท์นะคะ”
“ไม่ใช่ประเด็นนั้นน่ะสิ…”
เพราะรินอยู่ตรงหน้า ผมเลยเอื้อมถึงหนังสือเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านี้ถ้าเผลอกอดจากด้านหลังก็ไม่มีทางได้อ่านหนังสืออีกเลย
…แต่พอเป็นแบบนี้ รินก็ไม่ยอมฟังใครหรอกนะ
เธอจะพยายามรักษาท่านี้ให้ได้ และผมก็ไม่อยากทำอะไรให้สถานการณ์มันแย่ลงไปอีก
ก็เลยต้องยอมไปก่อนละกัน……หืม?
ผมรู้สึกแปลก ๆ กับโจทย์ที่รินกำลังทำอยู่ จึงเอียงคอมอง และค่อย ๆ ไล่ดูที่เธอเขียน
“ริน คำตอบข้อนี้… เหมือนจะไม่ตรงเงื่อนไขนะ?”
“…หือ? อ๊ะ จริงด้วยค่ะ…”
รินเป็นเหมือนเครื่องจักรกลที่ไม่เคยตอบโจทย์ผิด
อย่างน้อย ตั้งแต่ผมรู้จักเธอมา ก็ไม่เคยเห็นผิดเลยสักครั้ง
…รู้สึกแปลก ๆ แฮะ
พอคิดย้อนกลับไป วันนี้รินก็ดูมีท่าทีแปลก ๆ อยู่หลายจุดเหมือนกัน
ลองถามดูหน่อยดีกว่า…
“นี่ ริน วันนี้เธอดูไม่เหมือนปกตินะ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร…”
“มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ ใช่ไหม?”
“…………”
เธอก้มหน้าลงเงียบ ๆ แล้วเริ่มทำตัวกระสับกระส่าย
ซึ่งพอทำแบบนั้นในขณะที่อยู่ระหว่างขาผม มันก็ยิ่งลำบากใจเข้าไปอีก…
งั้นลองเปลี่ยนเรื่องถามดูหน่อย
“ว่าแต่ เธออยากเข้าห้องน้ำรึเปล่า? ดูท่าทางกระสับกระส่ายนี่นา”
“ม-ไม่ใช่ค่ะ! อย่าถามแบบนั้นกับผู้หญิงสิคะ!”
“ขอโทษ ๆ งั้นถ้าไม่ใช่ห้องน้ำ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?”
“…คือว่า”
“ก็เธอน่ะ มักจะเข้ามาหาแบบไม่เกรงใจตลอดอยู่แล้วนี่นา แบบนี้ไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้ามีอะไรอยากพูดก็บอกมาเถอะ วันนี้ทั้งวันเธอก็ดูแปลก ๆ อยู่ ฉันเป็นห่วงนะ…”
“เอ๊ะ… อะ ค่ะ…”
รินเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วก็หน้าแดงขึ้นมาก่อนจะทำแก้มป่องแบบไม่พอใจ
“ทำไมถึงทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นล่ะ…”
“ช่วงนี้โทวะคุงดูเข้าใจอะไรไวผิดปกติค่ะ ปกติจะหัวช้ากว่านี้แท้ ๆ…”
“คนเรามันก็ต้องมีพัฒนาการกันบ้างล่ะ”
“อืมมม… รู้สึกเสียดายยังไงไม่รู้ค่ะ…”
ผมลูบหัวรินที่กำลังทำหน้ามุ่ยเบา ๆ
เธอยิ้มแฉ่งและหัวเราะ “เอะเฮะเฮะ~” อย่างดีใจแล้วก็คลอเคลียเข้ามาอีก แต่ก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง
ดูเหมือนว่า การโดนลูบหัวแล้วทำตาหยีด้วยความดีใจจะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของรินไปแล้ว…
แม้จะน่ารักก็เถอะ
“เอ่อ… จริง ๆ แล้วฉันมีเรื่องอยากพูดค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ? พูดแบบเป็นทางการจังเลยนะ…”
“คือ…วันนี้ อยากให้คุณไปทานข้าวเย็นที่บ้านฉันค่ะ…”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถูกแม่เธอบอกให้พาไปล่ะสิ”
“ค่ะ… ประมาณนั้น…”
พอเธอตอบแบบไม่มั่นใจ ผมก็ยิ้มให้
ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยนี่นา
เราก็สัญญาไว้แล้วด้วย
แบบนี้ก็เข้าใจละ ว่าทำไมรินถึงยังไม่เริ่มเตรียมอาหารเย็นเหมือนทุกที
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ ฉันตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… โทวะคุงคะ คือว่า…”
“อะไรเหรอ พูดอ้อมค้อมจังเลยนะ”
ฉันเอียงคออย่างสงสัยเมื่อเห็นรินเริ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ
รินแอบมองสีหน้าฉันอยู่ตลอด จากนั้นก็กุมมือผมแน่นเหมือนตัดสินใจได้ แล้วเริ่มพูดออกมา
“คือว่า… นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันชวนผู้ชายมาบ้านค่ะ… ก็เลยตื่นเต้นมาก… แล้วก็ ห้อง… มันน่าอายน่ะค่ะ”
“อย่างงั้นเอง ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะไม่เข้าไปในห้องหรือดูอะไรทั้งนั้น เธอไม่ต้องกังวล”
“งืม… อยากให้มองบ้างนิดหน่อยก็ได้ค่ะ…”
“ตกลงเธอจะให้ดูหรือไม่ให้ดูเนี่ย…”
ผมถอนหายใจแล้วไหล่ตกอย่างเหนื่อยใจ
“แล้วก็ ถ้าครั้งแรกเกิดความผิดพลาดขึ้น มันอาจทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนจนไม่กล้าพูดเรื่องแบบนี้อีก แล้วมันก็จะกลายเป็นสาเหตุของการทะเลาะกันได้…”
“นี่เธอกำลังพูดถึงเรื่องไปบ้านใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ? หรือจะมีเรื่องอื่นอีกเหรอคะ?”
“…เปล่า ถ้าใช่เรื่องนั้นก็ดีแล้วล่ะ”
รินเอียงคออย่างน่ารัก
…นี่เธอไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งกันแน่นะ…
แยกไม่ออกเลยแฮะ
เธอมักจะพูดอะไรแบบไม่รู้ตัวแล้วก็เหมือนขว้างระเบิดใส่คนอื่นตลอด
“เอาเป็นว่า ไปกันเถอะเนอะ ถ้าให้รอนานจะไม่ดีเอา เดี๋ยวเตรียมตัวก่อนนะ”
“ค่ะ! งั้น กรุณาใส่นี่ด้วยค่ะ”
“นี่มัน… สูทเหรอ?”
“ใช่ค่ะ! อ้อ ไซส์น่าจะพอดีนะคะ”
เธอรู้ไซส์เสื้อผมได้ยังไงกันเนี่ย!
ผมเกือบจะเผลอพูดออกมาแต่ก็กลั้นไว้ แล้วก็ถอนหายใจเมื่อเห็นรินยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“นี่… จะใส่สูทมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”
“แปลกตรงไหนคะ? ในหนังสือเขียนไว้ว่า มื้ออาหารสำคัญต้องใส่สูทค่ะ”
“หนังสืออะไรของเธอน่ะ…”
ผมเห็นว่าเหมือนมีนิตยสารสำหรับเตรียมตัวแต่งงานโผล่ออกมาจากกระเป๋าริน… แต่คงเป็นแค่ภาพหลอนไปเอง
ใช่ ต้องเป็นแค่ภาพลวงตาแน่ ๆ
…แต่ถ้าเป็นริน ก็อาจจะจริงก็ได้แฮะ
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ชุดหางนกยูงนะคะ มั่นใจได้เลย”
“มั่นใจตรงไหนเนี่ย… รินต้องปรับความคิดและความรู้ผิด ๆ บ้างแล้วล่ะ”
“ที่ผิดน่ะคือโทวะคุงต่างหากค่ะ”
“…ขอถามไว้เป็นข้อมูลก็ได้ ว่าผิดตรงไหนบ้างเหรอ?”
“การไปเยี่ยมบ้านคนอื่น… เป็นพิธีการสำคัญมากค่ะ จึงควรสวมชุดทางการ ดังนั้นการใส่สูทก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ”
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้นได้นะ…”
มีหลายจุดที่อยากจะแย้ง… แต่คงจะแพ้ถ้าเผลอพูดออกไป
ที่รินเรียกว่า “เยี่ยม” นั้น ยังไงมันก็ไม่ใช่แค่การทักทายธรรมดาแน่ ๆ
น่าจะเป็นความเข้าใจผิดแบบสุดโต่งอีกแน่นอน
ก็นั่นแหละ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรารู้จักกันมานานแล้วล่ะ
พอคิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ และอยากพยายามต่อไปอีกหน่อย
“งั้น ไปกันเถอะริน”
“เอ๊ะ… ไม่แย้งเหรอคะ?”
“ยังไงผลก็เหมือนเดิมอยู่ดี”
แย้งไปก็โดนตอกกลับอยู่ดี หรือไม่ก็ต้องยอมจำนนแบบน้ำตาตก
เพราะงั้นไปถึงผลลัพธ์เลยไม่ต้องอ้อมให้เสียเวลา
แบบนี้แหละ—
“งืมมม… รู้สึกเหมือนวันนี้โดนโทวะคุงปั่นหัวยังไงไม่รู้ค่ะ…”
แบบนี้ผมก็ได้เอาคืนเธอบ้างเหมือนกัน
แถมยังได้เห็นท่าทางน่ารักของรินด้วย…
ผมจิ้มแก้มที่รินป่องออกมา แล้วก็ยิ้มให้เธอ
จากนั้นรินก็พึมพำว่า “โดนไปเต็ม ๆ เลยค่ะ” แล้วก็กอดแขนผมแน่นขึ้นมา
MANGA DISCUSSION