——หลังเลิกเรียน
หลังจากที่อาจารย์กล่าวลาและเดินออกจากห้องเรียนไปเพียงไม่กี่วินาที…
“มารับแล้วค่ะ!”
ประตูเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับเสียงสดใสของสาวสวยผู้พุ่งตรงเข้ามาในห้องเรียน
บรรยากาศในห้องเรียนเงียบงันราวกับเวลาหยุดเดิน ทุกคนต่างหันไปมองสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงประตูพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข
ในขณะเดียวกัน เด็กผู้ชายบางคนก็มองมาทางผมด้วยสายตาเคียดแค้น
……แน่นอนว่าคนที่เข้ามาก็คือริน
ทั้งที่น่าจะถูกใครหลายคนพูดถึงมากมาย แต่เธอก็ยอมรับทุกอย่างและเดินหน้าต่ออย่างไม่ลังเล เธอไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยจริง ๆ
ความมุ่งมั่นตรงไปตรงมาของเธอนี่แหละ ที่ผมควรเอาเป็นแบบอย่างจริง ๆ
“……ริน คือว่า วิ่งเร็ว…ไปไหมเนี่ย”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ โคโตเนะจัง…”
ฟุจิซังตามเข้ามาในภายหลังเล็กน้อย พร้อมกับหอบเหนื่อย
ห้องเรียนเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นที่มองเคนอิจิเต็มไปด้วยความชื่นชม ส่วนผมก็ยังโดนมองด้วยสายตาอิจฉาปนเกลียดชังเหมือนเดิม…
…ก็นะ เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้
พวกเราอยู่กันคนละโลกแต่แรกแล้ว
ดอกฟ้ากับหมาวัด…ไม่สิ กรณีของผมคงต้องเรียกว่าหมาจรจัด
“เลิกคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว คุณภรรยารออยู่นะ ไปกันได้แล้ว”
“ใครภรรยากันเล่า… แล้วเลิกอ่านใจคนแบบแม่นยำแบบนั้นได้แล้วด้วย”
ผมถอนหายใจให้กับความสามารถเหนือมนุษย์ของพวกคนมีความรัก
ผมเหลือบมองไปทางรินที่ยืนอยู่ตรงประตู เธอพูดว่า “เอะเฮะ〜 คุณภรรยาเหรอคะ〜” พร้อมทำท่าเขินอายเอามือแตะแก้มแล้วบิดตัวไปมาอย่างดีใจ
ปฏิกิริยาของรินก็ยังเหมือนเดิม…ว่าแต่ เธอได้ยินเสียงตรงมุมห้องได้ยังไงเนี่ย?
◇◇◇
พวกเราเดินกลับบ้านด้วยกันสี่คน ตามเส้นทางที่คุ้นเคย
พอมาคิดดูดี ๆ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเรากลับบ้านด้วยกันครบสี่คน
ปกติมักจะเป็นผมที่กำลังรีบไปทำงานพิเศษแล้วโดนรินดักตัวไว้ หรือไม่ก็รินตามไปกินโดนัทที่ร้านทีหลัง
“…เคนอิจิ วันนี้ฉันกับรินจะไปซื้อของกันหน่อย”
“โอเค ของที่ต้องใช้เตรียมงานกีฬาสินะ?”
“…อืม”
ฟุจิซังพูดพลางทำหน้าสลดอย่างน่าสงสาร
ก่อนอื่น ว่าแต่…
“ของที่ต้องซื้อสำหรับงานกีฬานี่มีด้วยเหรอ? อย่างรองเท้าผ้าใบหรืออะไรแบบนั้น?”
“””…………ห๊ะ?”””
“อะไรกัน…ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเนี่ย?”
รินและคนอื่น ๆ มองผมด้วยสีหน้าอึ้งราวกับไม่อยากเชื่อ
แล้วก็ถอนหายใจพร้อมกัน หันมามองผมอีกครั้ง
“ก็ถ้าเป็นโทวะ ก็ไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ก็ไม่แปลกหรอก…”
“…โทคิวางิคุงคงไม่สนใจพวกกิจกรรมโรงเรียนอะไรแบบนี้อยู่แล้วแหละ ขี้ขลาดนี่นา”
“เฮ้ เดี๋ยวสิ เรื่องขี้ขลาดมันเกี่ยวกับกิจกรรมโรงเรียนตรงไหนล่ะเนี่ย”
“โทวะคุง…”
“อย่ามองฉันเหมือนคนที่น่าสงสารขนาดนั้นสิ…”
ผมถอนหายใจ
ก็แหงล่ะ ผมไม่เคยสนใจโรงเรียนมาก่อน เรื่องแบบนี้จะรู้ได้ไง…
ว่าแต่ ริน…
ฉันไม่ได้ร้องไห้นะ?
ไม่ต้องรีบควักผ้าเช็ดหน้าออกมาก็ได้?
ผมไหล่ตกลงและพูดกับทุกคนว่า “ช่วยอธิบายให้ฟังทีเถอะ”
รินหัวเราะคิก ๆ กับท่าทีของผม
“ในงานกีฬาสี จะมีกิจกรรมแข่งขันระหว่างห้องเรียนค่ะ เราก็เลยต้องทำธงเชียร์ของห้อง ก็เลยจะไปซื้อของที่จำเป็นกันค่ะ”
“อ๋อ มีแบบนั้นด้วยสินะ”
“ทุกปีเขาว่ากันว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกมากเลยค่ะ เป็นการแข่งขันระหว่างห้องในแต่ละชั้นปี ทุกคนก็เลยตั้งใจมากค่ะ”
“อ่า~ เพราะแบบนั้นเองสินะ ฟุจิซังเลยดูเศร้า ๆ”
ถ้าเป็นการแข่งขันระหว่างห้อง เคนอิจิกับผม แล้วก็รินกับฟุจิซังก็อยู่คนละห้องกัน
ถ้าแข่งกันเอง ก็คงเชียร์เคนอิจิยากลำบากน่าดู และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เธอไม่พอใจ
เมื่อผมมองไปทางฟุจิซัง เธอก็มองมาด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง พลางทำหน้าเจ็บใจ
“…เป็นโทคิวางิคุงแท้ ๆ… ยุ่งจริงเลย”
“เดี๋ยวนะ~ ฉันแค่พูดความจริงเฉย ๆ ไม่เห็นต้องอาย————”
“……ว่าไงนะ?”
“เคนอิจิเป็นคนพูดนะครับ!”
ผมรีบขายเพื่อนอย่างรวดเร็วเมื่อเจอสายตาคมกริบของฟุจิซัง
เคนอิจิที่จู่ ๆ ก็โดนลูกหลง ก็ถูกฟุจิซังรุกเข้าหาทันที
…ขอโทษนะ เคนอิจิ
ฉันคงไม่มีทางล้อฟุจิซังได้แบบนายหรอก
“โทวะคุงเนี่ย แย่จริง ๆ นะคะ? ถ้าพูดแบบนั้นออกมา โคโตเนะจังจะคิดจริงจังนะคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ๆ สำหรับเคนอิจิน่ะ ยังไงก็ถือเป็นรางวัลอยู่แล้ว”
รินเอียงคอน้อย ๆ อย่างน่ารัก “รางวัล?”
พอเห็นบรรยากาศอบอุ่นของทั้งสองคน เธอก็พยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
“อ๊ะ ว่าแต่วันนี้โทวะคุงก็มีงานพิเศษใช่ไหมคะ?”
“อืม ตามปกติแหละ”
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นฉันจะเตรียมข้าวไว้ให้นะคะ”
“วันนี้ไม่เป็นไรหรอก? กว่าจะเสร็จคงดึกอยู่”
“ถ้าโทวะคุงใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีก็ไม่เป็นไรค่ะ… แต่ความสามารถในการทำงานบ้านของโทวะคุงนี่น่าเป็นห่วงค่ะ”
“เชื่อใจกันบ้างก็ได้นะ~ ถึงไม่มีริน ฉันก็ไม่คิดจะกินแค่มาม่าถ้วยหรือเยลลี่หรอกน่า?”
“น่าสงสัยค่ะ…ไม่ใช่ว่าไปกินมาม่าซองแทนนะคะ…”
“……ฮะ ฮะ ฮะ”
เสียงหัวเราะแห้ง ๆ หลุดออกมาจากปากผม
พอเห็นแบบนั้น รินก็จ้องผมเขม็งด้วยสายตาเฉียบคม
“…โทวะคุง?”
“ครับ”
“ตอนจะกลับจากงานพิเศษ บอกฉันด้วยนะคะ ตกลงไหม…?”
“ครับ…”
สายตาอบอุ่นแบบมีความสุขจากข้าง ๆ พุ่งเข้ามาใส่
ทุกวันนี้ ต่อให้เตรียมข้ออ้างล่วงหน้าไว้ก็โดนทำลายหมดทุกทาง…
จะเอาชนะรินได้น่ะ สำหรับผมตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนเธอรู้ล่วงหน้าไปหมดเลย…
“…ขี้ขลาดแบบนั้น เดี๋ยวโตไปก็ต้องกลายเป็นฝ่ายโดนกดแน่ ๆ”
“นั่นสิ~ แต่เขาว่าคนที่โดนกดมักจะเป็นคู่แต่งงานที่ดีนะคะ?”
“…ฉันก็จะพยายาม จะเป็นฝ่ายเหนือกว่า”
“เดี๋ยวสิ โคโตเนะ เธออย่าเอาจริงเอาจังมากไปนะ?”
“…ต้องซื้อแส้แล้วล่ะ”
“เอ่อ โคโตเนะซัง? ล้อเล่นใช่ไหมครับ…?”
“…สองพันเยนเอง ราคากำลังดี”
หน้าเคนอิจิเชียวซีดลง ไหล่ก็สั่นระริก
เขาหันมามองผมด้วยสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
ดวงตาของเขาทำให้นึกถึงลูกหมาชิวาว่าเลยทีเดียว
อา… ช่วยไม่ได้แฮะ
ปกติก็พึ่งเขาตลอดนี่นะ…
ผมมองหน้าเขาแล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ฟุจิซัง ฝากจัดการเคนอิจิทีนะ! เขาจะได้ฮึดขึ้นมามากขึ้นเลยล่ะ!”
เคนอิจิเป็นพวกมาโซของแทร่เลยล่ะ ไม่เป็นไรหรอก
ออกจะเป็นรางวัลสำหรับเขาด้วยซ้ำ แถมยังกล้าปล่อยมุกแบบนั้นใส่ฉันอีก
ตอนนี้เขาทำหน้าหมดหวังสุด ๆ แต่รู้นิสัยเขาแล้ว ยังไงก็แค่แกล้งทำแหง ๆ
“……ริน ไปซื้อของกันเถอะ ของที่ต้องซื้อมันเพิ่มขึ้นแล้ว เราต้องรีบแล้วล่ะ”
“อ๊ะ รอด้วยค่ะ! งั้นโทวะคุง คาโต้ซัง ไว้เจอกันนะคะ”
ฟุจิซังรีบเปลี่ยนสีหน้าแล้วเดินไปอย่างเร่งรีบ รินก็รีบวิ่งตามไป
เธอโค้งให้พวกเราด้วยความเรียบร้อยจนน่าประทับใจ จนทำให้เธอกับฟุจิซังห่างกันไปพอสมควร
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับรินหรอก เดี๋ยวก็ไล่ทัน
ผมมองแผ่นหลังของทั้งสองคนจนลับสายตา แล้วจู่ ๆ เคนอิจก็เอาแขนพาดบ่าผมจากข้างหลัง
“โชวะ〜 พูดอะไรเกินไปอีกแล้วนะ”
“หือ?”
“อา… หน้าทำแบบนั้น แปลว่าไม่รู้ตัวสินะ… เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้เห็นโคโตเนะในมุมที่น่ารัก ๆ บ้างล่ะนะ”
…นายมันมาโซของแท้เลยจริง ๆ
หน้าตาแฮปปี้สุด ๆ
แต่มีเรื่องเดียวที่ผมกลัว…
รินจะโดนฟุจิซังลากไปด้านมืด แล้วทำตามเธอรึเปล่านะ?
นั่นน่ะ น่ากลัวสุด ๆ เลย…
“งั้นเราไปกันเถอะ โทวะ นายก็จะเริ่มทำใช่มั้ย?”
“อา ฝากด้วยล่ะ”
“รีบยอมรับแล้วใช้ชีวิตให้สบายเถอะ นายนี่นิสัยยุ่งยากจริง ๆ นะ〜”
“เงียบไปเลย… มันไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนั้นสักหน่อย”
“ฮะ ๆ ก็เข้าใจแหละนะ ความคิดแบบนั้นน่ะ”
เคนอิจิยักไหล่อย่างเหนื่อยใจ
แต่สีหน้าของเขานั้น กลับดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
MANGA DISCUSSION