“ขอคุยด้วยสักหน่อยได้ไหมคะ?”
รินกล่าวพลางยิ้มบางขณะมองออกไปยังทะเล
สายลมที่พัดมาจากทะเลทำให้เส้นผมสีบลอนด์สวยงามของเธอพลิ้วไหว
โดยปกติแล้ว ลมจะทำให้ทรงผมยุ่งเหยิง แต่ในกรณีของริน เส้นผมของเธอกลับพลิ้วตามกระแสลมอย่างสง่างาม และมันขับเน้นความงามของเธอมากขึ้น
…นี่แหละ ความเทพธิดา…
แม้อยู่ใกล้จนแทบลืมไป แต่รินก็เป็นคนแบบนั้นจริง ๆ รูปลักษณ์ที่เหมือนกับได้รับพรจากพระเจ้า และการปรากฏตัวที่สมบูรณ์แบบราวกับเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งนั้น…
ซึ่งตอนนี้ ผมเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว…
ขณะที่ผมกำลังจมอยู่ในความรู้สึกเหล่านั้น รินก็จ้องมองมาที่ผม ผมจึงกระแอมไอเบา ๆ เพื่อตั้งสติ
“อย่ามองขนาดนั้นสิ…”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“ปฏิเสธกันตรงๆ เลยเรอะ…?”
ผมถอนหายใจ ก่อนจะหยิบเปลือกหอยที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วโยนมันลงทะเล ไม่มีเสียงใด ๆ ดังขึ้น มีเพียงเปลือกหอยที่หายลับไปในความมืดของทะเล
หลังจากมองดูท่าทางของผม รินก็เริ่มพูดขึ้นมา
“ทะเลในยามค่ำคืนนี่สวยดีนะคะ ถึงจะมืด แต่บางครั้งผิวน้ำก็ส่องแสงระยิบระยับ…”
“ว่าแต่ ริน… ทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากมาเที่ยวทะเลขึ้นมาล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามธรรมดา ๆ ของผม รินก็ยิ้มด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
เธอประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า
“ก็เพราะ… ฤดูร้อนกำลังจะจบลงแล้วนี่คะ ถ้าไม่มาก็คงต้องเสียใจแน่ๆ”
“เราไปสระว่ายน้ำกันแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้ไปทะเลเลยเนอะ”
“ก็เพราะโทวะคุงไม่อยากไปนั่นล่ะค่ะ”
น้ำเสียงของรินฟังดูตำหนินิด ๆ ทำให้ผมรีบกล่าวขอโทษ
รินเพียงแค่หัวเราะเบาๆ เหมือนไม่ได้โกรธจริงจัง
“แล้วก็ เพื่อโทวะคุง ฉันเลยเลือกมาตอนกลางคืนที่ไม่มีคนเยอะด้วยค่ะ”
“ฮ่า ๆ ขอบใจนะที่ใส่ใจ”
…แต่มันไม่ใช่แค่เหตุผลนั้น
ผมเองก็เข้าใจได้
รินโดยปกติจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ค่อยมีอารมณ์ แต่วันนี้… เสียงของเธอดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย
เหมือนกำลังลังเลว่าควรจะพูดเรื่องที่อยากพูดเมื่อไหร่ดี
เพราะอย่างนั้น——
“แล้วเรื่องที่อยากพูดล่ะ? เธอไม่ได้อยากแค่คุยเรื่องทะเลหรอกใช่ไหม?”
ผมจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นกับรินที่ดูลังเล
ผมรู้ดีว่ามันเรื่องอะไร ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดจะไม่เข้าใจ
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น… ก็ไม่แปลกที่ผมจะรู้
แม้ว่าผมจะพยายามไม่คิดถึงมันก็ตาม…
รินพึมพำว่า “ใช่ค่ะ…” ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วจ้องผมด้วยแววตาคมกริบ
แววตาที่ราวกับบอกว่า “จากตรงนี้ไปจะลุยแล้วนะ”
ผมกำหมัดแน่นในที่ที่รินมองไม่เห็น
“ช่วงนี้… ฉันรู้สึกว่าระหว่างเรามีระยะห่าง ก็เลยคิดว่าควรจะเคลียร์ให้ชัด ๆ ไปเลยค่ะ”
“เคลียร์ให้ชัด ๆ งั้นเหรอ… ถ้าแค่นั้น ไปคุยที่บ้านก็ได้ไม่ใช่รึไง?”
“บรรยากาศก็สำคัญนะคะ มากกว่าที่บ้านที่รู้สึกปลอดภัย ที่ข้างนอกแบบนี้ทำให้ใจเต้นแรงขึ้นด้วย แล้วถ้าเกิดฉันเผลอพูดอะไรด้วยอารมณ์ไป น้ำเสียงของคลื่นก็จะช่วยกลบเสียงได้บ้าง”
“อารมณ์เหรอ? ฟังดูไม่เหมาะกับรินเลยนะ”
“ฟุฟุ จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้เยือกเย็นขนาดนั้นหรอกนะคะ?”
“เหรอ… แปลกใจจริง ๆ นะ”
ภาพที่รินแสดงอารมณ์ออกมานั้น แทบจะไม่มีให้เห็นเลย ถ้ามีก็คงแค่ตอนเทศกาลฤดูร้อน วันที่เธอโกรธเพราะผมอยากเว้นระยะห่าง…
“จริงๆ แล้วยังมีอีกเหตุผลที่เลือกมาที่นี่นะคะ”
“หืม? อะไรอีกล่ะ?”
“เพราะกับคนอย่างโทวะคุง ที่พยายามปิดบังหรือหลบหนีทุกอย่าง ไม่มีที่ให้หนีจะดีที่สุดค่ะ”
“วางแผนมาอย่างดีเลยแฮะ… ที่นี่ไม่มีที่ให้หนีจริงๆ ด้วย”
ชายหาดกว้างไกล แทบไม่มีคนเดินอยู่
จะวิ่งหนีก็ไม่มีแรงพอ จะกลับบ้านก็ต้องนั่งรถไฟ
ยังไงก็จนมุมชัด ๆ
รินก้มหัวขอโทษเล็กน้อย
“ขอโทษนะคะ… แต่อยากให้โทวะคุงฟังเรื่องของฉันจริงๆ ก็เลยต้องทำแบบนี้”
“เฮ้อ… เข้าใจล่ะ สมกับเป็นเธอจริงๆ ริน…”
“ฟุฟุ เพราะฉันถนัดเรื่องการอ่านใจคนค่ะ ก็เลยรู้ว่าโทวะคุงคิดอะไรอยู่ด้วย”
“ไม่หรอก… คงไม่ขนาดนั้นมั้ง?”
“ตอนนี้โทวะคุงกำลังคิดหาวิธีแก้ตัวสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อยู่ใช่ไหมคะ?”
“ไม่รู้สิ พูดเรื่องอะไรเนี่ย?”
“การแก้ตัวแบบนั้นน่ะ เป็นใครก็ดูออกหรอกค่ะ… โทวะคุงแกล้งทำเป็นคิดหนักบ่อยเกินไป แล้วก็นะ… โกหกก็ไม่เก่งด้วย”
รินมองหน้าผมใกล้มากจนเกือบจะชนกันถ้าขยับศีรษะ
ผมถอนหายใจอีกครั้งและลดไหล่ลง
“ก็ปล่อยให้ฉันคิดหน่อยไม่ได้รึไง…”
“ไม่ได้ว่าหรอกค่ะ เพราะเวลาโทวะคุงครุ่นคิดเงียบๆ ดูน่ารักดีออก”
“นี่ ริน… อย่าใช้คำนั้นกับผู้ชายนะ ไม่ดีหรอก”
“แต่ว่าโทวะคุงหน้าตาออกจะเด็ก ๆ นะคะ? ถ้าจัดประเภทก็คงอยู่ฝั่ง ‘น่ารัก’ มากกว่า”
“อึก… เธอนี่ตีจุดอ่อนเก่งจังแฮะ…”
ผมเองก็รู้ดีแหละ ไม่ได้ตัวสูงเหมือนเคนอิจิ แถมหน้าตาก็ยังดูเด็กกว่าคนทั่วไป
รู้ตัวเองกับโดนคนอื่นพูดใส่มันคนละเรื่องกัน
รินยังยิ้มสดใสพูดเรื่องนั้นออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร ทำให้ใจผมแทบแตกสลาย
“เฮ้อ…”
“ถึงกับช็อคเลยเหรอคะ!?”
รินจับไหล่ผมที่คอตกอยู่แล้วเขย่าเบาๆ อย่างร้อนรน
“โทวะคุง! อย่าเสียใจไปเลยนะคะ!”
“จะไม่เสียใจได้ไงล่ะ…”
“ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ! สำหรับฉันน่ะ โทวะคุงแบบนี้โอเคมากเลย!”
“จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ! อันที่จริง ฉันชอบแบบ ‘น่ารัก’ มากกว่า ‘หล่อ’ ซะอีก! ถ้าแบบนั้นล่ะก็… โทวะคุงก็ตรงสเป็กพอดีเลยค่ะ! พูดแบบสั้น ๆ ก็คือชอบโทวะคุงค่ะ!”
เมื่อก่อนรินมักจะหน้าแดงหลังจากพูดอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอพูดด้วยความมั่นใจเต็มที่
น้ำเสียงก็ตื่นเต้นผิดปกติ…
ชักแย่แล้วสิ…
พอเจอการรุกตรง ๆ แบบนี้ ก็หลอกตัวเองไม่ได้เลย…
——การแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวเวลามีคนชอบเรา มันง่ายมาก
แค่ทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกเขินจนพูดไม่ออกอีกครั้งก็พอ
…ถึงเป็นการกระทำที่ต่ำตมก็เถอะ แต่ความไม่รู้ทำให้สบายใจได้
เพราะถ้าไม่รู้สึกอะไรตั้งแต่แรก ก็จะไม่เจ็บปวดเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถ้าไม่มีอะไร… ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นคือโลกใบนี้ และเป็นความจริงแท้
แต่ว่าสุดท้าย——
นั่นมันก็แค่ความคิดขี้ขลาดที่ไม่อยากเจ็บตัว
ผมคุกเข่าลงกับพื้นทรายแล้วถอนหายใจหนัก ๆ
“ดูเหมือนรินจะไม่คิดจะพูดอ้อมค้อมอีกแล้วสินะ…”
“ไม่มีค่ะ ฉันเข้าใจแล้วว่าวิธีนี้ดีที่สุด”
“งั้นเหรอ… โดนเข้าเต็ม ๆ เลยนะ จริง ๆ เลย…”
ก่อนหน้านี้ เราก็สามารถใช้ข้ออ้างว่าเป็นไข้ ทำเหมือนไม่เคยพูด ไม่เคยได้ยินอะไรกันมาก่อน แล้วก็ทำเรื่องทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องคลุมเครือไปได้
บอกอะไรลวกๆ อย่างเช่น ‘ตอนนั้นเบลอ ๆ เลยไม่รู้เรื่อง’ แล้วก็ลากไปเป็นการโต้เถียงที่ไร้สาระว่าใครบอกใครไม่ได้บอกก็ได้…
มันเป็นวิธีที่ค่อนข้างบังคับอยู่หรอก แต่ก็สามารถทำให้ความทรงจำช่วงหนึ่งในวันนั้น “หายไป” ได้…
“พูดแบบนั้นดีแล้วเหรอ…”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ถ้าเลือกทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แล้วเกิดเสียใจขึ้นมาจะทำยังไง…”
“ฉันจะไม่เสียใจค่ะ”
“ไม่… ความรู้สึกของคนน่ะ เปลี่ยนแปลงได้ง่ายมากนะ… ถ้าเผลอไหลไปตามอารมณ์ชั่ววูบ ก็มีแต่จะเสียใจเท่านั้นแหละ”
“อาจจะใช่ค่ะ ฉันก็ไม่ปฏิเสธ”
ผมเอียงคอมองหน้าริน
นึกว่าจะโดนปฏิเสธตรงๆ ว่า “ไม่หรอก” ซะอีก…
แต่พอรินไม่ปฏิเสธ ผมก็เริ่มสับสน คำพูดที่คิดจะพูดก็ดันจางหายไปตามสายลม
“ทำหน้าสงสัยจังนะคะ?”
“ก็… คือ มันเกินคาดน่ะ…”
“เพราะว่าความรู้สึกย่อมเปลี่ยนแปลงได้เป็นธรรมดาค่ะ เหมือนกับสมัยเด็ก ๆ ที่เราชอบอะไรบางอย่าง แล้ววันหนึ่งก็เปลี่ยนไปสนใจสิ่งใหม่ นั่นคือธรรมชาติของความรู้สึกและอารมณ์”
“ใช่เนอะ…”
“ความรู้สึกของฉันก็อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้”
เหมือนถูกบอกแบบนั้น หัวใจก็เจ็บปวดเหมือนโดนบีบแน่น
——อยากหนีจากความรู้สึกนี้
แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ และความอบอุ่นก็โอบล้อมตัวฉันไว้
รินโผเข้ากอดผมจากตรงหน้า ลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
“เพราะอย่างนั้น ฉันถึงได้เปลี่ยนแปลงได้ก็เพราะคุณนะคะ”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ…”
“สำหรับคุณอาจจะเป็น ‘ไม่ได้ทำอะไร’ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ค่ะ”
“งั้นเหรอ…”
ความรักน่ะ ก็เหมือนกับโรคภัย
เป็นโรคทางใจ
สักวันมันก็จะจางหายไป
และตอนที่รักษาหายแล้ว เราอาจถึงขั้นถ่มน้ำลายใส่มันด้วยซ้ำ
โรคที่ติดได้ง่าย และน่ารำคาญ พอเป็นแล้วก็เหมือนมันกัดกินเราไปทั้งตัว
ผมน่ะ เป็นลูกของพ่อแม่พวกนั้น
พ่อแม่ที่เรียกได้ว่าเป็นพวกคลั่งเรื่องกามก็ไม่ผิด
เพราะอย่างนั้นแค่พลาดนิดเดียว ก็อาจจะกลายเป็นเหมือนพวกเขาได้… มันน่ากลัว
ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น
ผมอยากเชื่อว่าตัวเองจะไม่เป็นแบบนั้น
แต่บนโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่า 100%
แค่มีอะไรมาสะกิดนิดเดียว ตัวตนหรือสัญชาตญาณที่หลับใหลอยู่ก็อาจโผล่ออกมาได้
——ไม่สิ มันไม่ใช่อย่างนั้น
ที่จริง ผมแค่ไม่มีความกล้าเท่านั้นเอง
เอาแต่หาเหตุผลสวยหรูมาปิดบัง
แค่กลัวที่จะเจ็บปวด
รู้ตัวดี
ผมก็รู้ดี
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่สามารถก้าวออกไปได้
มันน่าเศร้าจริง ๆ…
“คนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทันทีค่ะ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้… เหมือนกับที่ฉันทำได้”
คำพูดของริน ราวกับเธอเข้าใจจิตใจของผมทั้งหมด ทำให้หัวใจสั่นสะท้าน
“ตัวคุณที่ฉันรู้จักน่ะ เป็นคนซื่อ ๆ พูดห้วน ๆ ชอบแดกดัน และมักจะมองโลกในแง่ลบเสมอ เรียกว่าลบสุด ๆ เลยก็ได้ค่ะ”
…นั่นไม่ได้ชมเลยสักนิด
รู้สึกเหมือนโดนโรยเกลือลงแผล แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังและอ่อนโยนของริน ความรู้สึกแบบนั้นก็หายไปทันที
“แต่จริงๆ แล้ว โทวะคุงเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุด พยายามมากที่สุด… และโดดเดี่ยวมากที่สุด”
“…………”
“เพราะอย่างนั้น ฉันจะไม่ไปไหนค่ะ แล้วก็ รู้ไหมคะ? ฉันน่ะ อดทนเก่งมากด้วย ต่อให้เปิดเทอมใหม่แล้ว ฉันก็จะยังไปที่บ้านคุณต่อไปค่ะ”
“แต่ถ้าแบบนั้น ริน—”
“อย่างที่บอกไปแล้ว ฉันไม่สนความเห็นของคนอื่นค่ะ ถ้าคุณสามารถปฏิเสธฉันอย่างเต็มกำลัง หมดใจจริง ๆ แล้วทำให้ฉันพังพินาศได้ล่ะก็ บางทีอาจจะทำให้ฉันเลิกได้ก็ได้ค่ะ”
“…แบบนั้นมันทำได้ที่ไหนกัน”
ถ้าทำได้ขนาดนั้น ป่านนี้ก็ทำไปแล้ว
แต่ผมทำไม่ได้
ทำไม่ได้แน่นอน
ถ้าทำได้จริง ๆ ป่านนี้ก็คงปิดกั้นตัวเอง ตัดขาดจากทุกสิ่ง และเลือกใช้ชีวิตในความโดดเดี่ยวไปแล้ว
แต่รินน่ะ ไม่มีทางปล่อยให้ผมทำแบบนั้นได้
“อย่างที่บอกไปแล้วในวันงานเทศกาล ฉันไม่มีทางโกหกความรู้สึกนี้ค่ะ ต่อให้คุณไม่เข้าใจ ฉันก็จะทำให้คุณเข้าใจ ถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันก็จะพยายามจนกว่าคุณจะยอมรับ ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น!”
“รินนี่แข็งแกร่งจริงๆ นะ…”
“แน่นอนค่ะ ก็ผู้หญิงที่กำลังตกหลุมรักน่ะ ไม่มีวันแพ้ใครได้อยู่แล้ว!”
รินพูดอย่างหนักแน่น
ผมรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมาเลยว่าเธอช่างเท่จริง ๆ
อยากจะมีชีวิตที่ซื่อตรงและเท่แบบนี้บ้าง
ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
แค่ขยับศีรษะนิดเดียว ปากก็จะสัมผัสกันแล้ว หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
รินเอง ก็ดูเหมือนจะเผลอประกบปากลงมาเพราะแรงอารมณ์
แต่สุดท้าย เธอก็ถอยห่างจากผมหนึ่งก้าว วางมือลงบนหน้าอกผมเบา ๆ แล้วยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
MANGA DISCUSSION