ตอนที่ 91 สระน้ำ 2
“พี่เรโอะ~ อรุณสวัสดิ์~”
“ฮิโยริ! ย๊าก!”
ผมพาฮิโยริไปเจอกับเรโอะที่นัดหมายไว้ก่อน
ทันทีที่ฮิโยริมองเห็นเรโอะ เธอก็วิ่งเข้าไปหา และเรโอะก็ยกตัวเธอขึ้นมากอดตามปกติ
“เรโอะ วันนี้เราจะไปสระว่ายน้ำกันล่ะ!”
“ใช่แล้วล่ะ แต่ฮิโยริก็ดูตัวโตขึ้นนะ เธอเติบโตขึ้นจริงๆ”
“ฮิโยริจะเข้าโรงเรียนประถมปีหน้าแล้วนี่นา”
“เร็วจริงๆ”
เรโอะมองเสื้อผ้าของฮิโยริ
“ชุดนี้น่ารักจัง ฮิโยริไปแต่งตัวกับเรียวมะมาเหรอ?”
“อืม~ ไม่ใช่หรอก สึมุกิจังเป็นคนเลือกให้”
สึมุกิเอ็นดูฮิโยริมาก บางครั้งก็ซื้อเสื้อผ้าให้เธอ ผมที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องแบบนี้นัก ก็รู้สึกขอบคุณสึมุกิไม่น้อย
“แต่ว่าเจ้าตัวสึมุกินั่นไม่อยู่แถวนี้เลยแฮะ”
“สึมุกิไปอยู่กับอาริสะแล้วล่ะ เมื่อวานก็ค้างที่บ้านเธอเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้”
“ชิซุกุก็พูดแบบนั้นแหละ ดูนี่สิ เธอส่งรูปนี้มา สุดยอดไปเลย”
เรโอะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปจากไลน์ให้ผมดู
เป็นรูปข้าวกล่องอาหารกลางวันที่น่าจะทำโดยโอสึกิ และดูเหมือนสึมุกิจะอยู่ด้วยในรูป พวกเขาน่าจะทำอาหารด้วยกัน
ส่วนอาริสะ ผมไม่แน่ใจว่าเธอมีส่วนร่วมไหม เธอเคยพยายามเรียนทำอาหารจากผม แต่ฝีมือก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
พวกเรานัดเจอกันที่สถานีรถไฟใกล้ๆ เพื่อจะนั่งรถไฟไปยังสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด
“รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยแฮะ”
“ตื่นเต้นเหรอ?”
“ฉันไม่เคยไปสระว่ายน้ำกับสาวๆ มาก่อนเลย ถึงจะเคยไปกับสึมุกิตอนเด็กๆ แต่ก็ไม่นับ เรโอะเองเคยไปหลายครั้งใช่ไหม?”
“โดนหลอกไปน่ะ ตอนแรกบอกว่าไปกับกลุ่มผู้ชาย แต่พอไปถึงสระว่ายน้ำ กลับเจอผู้หญิงอยู่ที่นั่นเพียบ บอกกันก่อนสิ!”
เรโอะไม่ค่อยยุ่งกับสาวๆ ยกเว้นโอสึกิ เขายังคงทำตัวเฉยชากับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งในเมื่อเป็นคนดังในโรงเรียนแบบเขา กลับทำให้ดูเหมือนว่าเขารักเดียวใจเดียวและได้ภาพลักษณ์ที่ดี
ถึงแม้จะไม่มากเท่าอาริสะ แต่เรโอะก็เจอปัญหาเรื่องสาวๆ ไม่น้อย ผมที่อยู่ใกล้เขามาตลอดก็เข้าใจดี
มีผู้ชายหลายคนที่พยายามใช้เรโอะเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าหาผู้หญิง และนั่นทำให้เขาเชื่อใจคนยาก
“ฉันจริงจังกับอนาคตของฉันกับชิซุกุนะ”
“พูดเรื่องอนาคตเร็วไปไหม?”
“ชิซุกุเองก็จริงจังเหมือนกัน เรียวมะก็น่าจะเข้าใจความสามารถของเธอ”
พูดตรงๆ ก็คือ ความสามารถด้านงานบ้านของเธอดีกว่าผมมาก ถึงแม้จะดูเป็นแนวคิดล้าสมัย แต่โอสึกิมีพรสวรรค์ในการสนับสนุนคนอื่น ซึ่งเหมาะสมกับเรโอะสุดๆ
“ตอนที่ฉันบอกว่าอยากเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพ นายรู้ไหมเธออยากทำอะไร?”
“อืม…อะไรล่ะ?”
“เธอบอกว่าเราอาจต้องย้ายไปต่างประเทศ ก็เลยเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ศึกษาโภชนาการ และเรียนเรื่องการนวดเพื่อเป็นนักกายภาพบำบัดด้วย!”
“จริงเหรอ? เธอมีแรงจูงใจขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ฉันบอกเธอว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่เธอกลับตอบว่า การเรียนเหล่านี้จะไม่เสียเปล่า และมันช่วยให้เธอมีเป้าหมายในการพัฒนา ฉันเลยอดนับถือไม่ได้”
นี่มันสุดยอดมาก การมีทักษะภาษาอังกฤษจะเปิดโอกาสงานมากมาย และความรู้ด้านโภชนาการกับการนวดก็สำคัญกับสุขภาพคน
ถึงแม้โอสึกิจะไม่ได้เป็นนักเรียนที่คะแนนดีเด่น แต่ทักษะที่เธอพัฒนานั้นถือว่ามีประโยชน์ในชีวิตจริงมาก
“ฉันคงทำแบบเธอไม่ได้แน่ เธอเก่งจริงๆ”
“…”
เรโอะมองผมด้วยสายตาที่แปลกๆ
“จริงๆ แล้ว คนที่ทำให้ชิซุกุเป็นแบบนี้ก็คือเรียวมะนั่นแหละ”
“หา? จริงเหรอ?”
นายเคยบอกว่า ถ้าอาซาฮินะอยากเริ่มธุรกิจหลังเรียนจบ นายอยากช่วยงานเธอใช่ไหม?”
“อืม ใช่”
“นั่นแหละ ชิซุกุก็เลยเริ่มหาข้อมูลเรื่องธุรกิจ ภาษี กฎหมาย และการลงทุนทั่วไปเพราะนาย”
ผมรู้สึกดีใจที่อาริสะกับชิซุรุซังชวน ผมเลยคิดว่าจะลองศึกษาเรื่องพวกนั้น ดูเหมือนกัน
ถ้าถึงขั้นที่พวกเขาชวนแล้ว ผมก็อยากมีส่วนช่วยอะไรบ้าง
อีกอย่าง ถึงสุดท้ายจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่การศึกษาเรื่องภาษีหรือกฎหมายไว้ก็ไม่เสียหายเลยนะ เคยได้ยินมาว่าการยื่นภาษีมันสำคัญมาก! ถ้าเข้าใจเรื่องการลดหย่อนภาษีก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ด้วย
“ยังไงก็ต้องเรียนรู้เมื่อตอนโตขึ้นอยู่แล้ว ฉันคิดว่าเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนนี้จะช่วยให้สบายขึ้นในอนาคตนะ”
“ทั้งชิซุกุและเรียวมะนี่สุดยอดจริงๆ นะ เห็นแบบนี้แล้วฉันรู้สึกแย่เลยที่เอาแต่ทำตามใจตัวเอง”
“แต่สำหรับฉัน กลับคิดว่านายกับอาริสะที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมนั่นแหละที่น่าทึ่ง”
สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็มักจะอยากได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี เหมือนหลักการที่ว่า “สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าของเรา” นั่นแหละ
“เรโอะกับพี่ชาย ก็ดูเท่มากเลยนะ ฮิโยริลูบหัวให้เอง เด็กดีเด็กดี”
“ฮิโยริน่ะเป็นนางฟ้าที่สุดในนี้อยู่แล้ว ไม่มีข้อสงสัยเลย”
“ใช่เลย”
ภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสในฤดูร้อน พวกเราก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างเดินไป
พวกเรามาถึงสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด ได้ข่าวว่ากลุ่มผู้หญิงก็มาถึงก่อนแล้ว พวกเธอคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้
แทนที่จะเดินหาให้เหนื่อย อาจลองมองดูสายตาคนรอบๆ ดีกว่า เพราะทั้งสามคนนั้นหน้าตาสวยโดดเด่นขนาดนั้น ต้องเป็นที่สะดุดตาแน่ๆ
“เรียวมะ! ฮิโยริจัง~!”
เสียงของสึมุกิดังมา ไม่เรียกชื่อเรโอะเลย นิสัยเธอเข้าใจง่ายจริงๆ
“สึมุกิจัง!”
ฮิโยริตอบรับด้วยความตื่นเต้น เรโอะที่อุ้มเธออยู่เลยวางเธอลง
ฮิโยริวิ่งไปทางที่เสียงมาทันที
ผมที่เดินตามไป ก็ตกใจเมื่อเห็นสึมุกิที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“เรียวมะ! อรุณสวัสดิ์~!”
“อ-อรุณสวัสดิ์ สึมุกิ วันนี้เธอ…แต่งตัวแปลกดีนะ”
ช่วงนี้ผมเห็นว่าเธอเริ่มชอบสไตล์สาวแกล แต่วันนี้มันดูต่างออกไป มันเหมือนพัฒนาต่อยอดไปอีกระดับ
“นี่มันสไตล์ ‘จิไร’ ชัดๆ แต่นะ อย่างเธอที่ดูอันตรายนิดๆ ก็เหมาะดี”
(TLN: น่ารักแบบมืดมน)
“ห๊ะ? ต่อให้นายบอกว่าเหมาะ แต่ฉันไม่ได้ดีใจเลยนะที่ได้ยินจากนายน่ะ”
เรโอะมักพูดตรงๆ กับสึมุกิ บางครั้งก็พูดสิ่งที่ผมไม่กล้าพูดออกมาได้อย่างไม่ลังเล
สึมุกิสวมกระโปรงสไตล์ดาร์กและเสื้อคลุมสีชมพูอ่อนที่ดูน่ารักเข้ากันได้ดี ผมสีดำของเธอถูกจัดเป็นทรง “ทูไซด์อัพ” ที่มัดด้วยโบว์เล็กๆ ซึ่งดูน่ารักมาก
“สึมุกิจังน่ารักมากเลย!”
“ขอบคุณนะ~! ฮิโยริจังก็น่ารักสุดๆ เลย!”
สึมุกิกับฮิโยริสนิทกันเหมือนพี่สาวน้องสาวจริงๆ
ผมเดินเข้าไปใกล้สึมุกิบ้าง
“แต่งตัวจัดเต็มมาทั้งที่เรากำลังจะไปสระว่ายน้ำเนี่ยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันใช้เครื่องสำอางกันน้ำ แถมแต่งบางๆ ด้วย ตอนช่วยอาริสะจังกับชิซุกุจังแต่งหน้า ฉันก็เลยอยากแต่งบ้าง นายว่าดูน่ารักไหม?”
“อืม สไตล์แบบนี้เหมาะกับเธอมากเลยล่ะ”
“ขอบคุณน้า~! ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มติดสไตล์นี้แล้วสิ ทำไมนะ?”
“เพราะเธอเป็น ‘จิไรออนนะ’ น่ะสิ นิสัยเธอก็มืดมนขนาดนั้น ฉันดูออกนะ”
“เดี๋ยวเถอะ! อยากโดนฉันเตะใช่ไหม?”
“ทั้งสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว!”
พวกเขาสองคนนี้ไม่มีวันหยุดเถียงกันเลยจริงๆ
MANGA DISCUSSION