ตอนที่ 36 กลับมาปรึกษาเรื่องความรักใหม่อีกครั้ง 3
ยุทธการเครปสำเร็จลุล่วงด้วยดี
เราจะไม่พูดถึงการที่อาซาฮินะซังสั่งเครปขนาดใหญ่จนกระเป๋าสตางค์ของเรโอะเสียหายหนัก แต่การที่ผมกับอาซาฮินะซังพยายามจัดการเพื่อให้เรโอะและโอสึกิซังได้มีโอกาสพูดคุยกันสองต่อสองนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ผลลัพธ์คือ ขณะที่พวกเรากำลังทานเครปกัน โอสึกิซังก็เริ่มแสดงรอยยิ้มขณะพูดคุยกับเรโอะ การที่เธอยิ้มออกมาแบบนั้น เป็นสัญญาณที่ดีมาก
จากที่ผมมองในฐานะคนนอก ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดี และเมื่ออาซาฮินะซังไม่ได้พูดอะไรค้าน แผนการความรักระหว่างเรโอะกับโอสึกิซังก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเป็นทางการ
———
ช่วงพักเที่ยงของวันอื่น
พวกเราได้พยายามวางแผนทุกอย่างเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เหมาะสม คราวนี้เป็น “ยุทธการมื้อเที่ยง” โดยมีเป้าหมายให้เรโอะได้ลิ้มรสเบนโตะของโอสึกิซัง
(TLN: เบนโตะ = ข้าวกล่อง)
โอสึกิซังกับผมได้เตรียมเบนโตะแยกคนละกล่อง สำหรับเรโอะและอาซาฮินะซัง โดยมีจังหวะที่เหมาะสมให้เรโอะได้ลองทานอาหารฝีมือโอสึกิซัง
ที่ลานกลางแจ้งของโรงเรียน เป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครมาทานอาหารเที่ยง ส่วนใหญ่จะทานกันในโรงอาหารหรือห้องเรียนเสียมากกว่า หากมีก็เป็นคู่รักที่มานั่งพักผ่อนกันบ้าง
พวกเราปูเสื่อนั่งทานอาหารกันแบบกลุ่มสี่คนอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยคนที่หน้าตาดีจนผมแอบรู้สึกอึดอัด
ก็ลองดูสิ อาซาฮินะซังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของโรงเรียน กับเรโอะที่เป็นหนุ่มป็อปที่สุดในหมู่นักเรียน โอสึกิซังเองก็มีหน้าตาน่ารักติดอันดับต้น ๆ ของห้องเรียน ส่วนผม…แค่คนธรรมดา ยังรู้สึกไม่ค่อยเข้าพวกเลย
“นี่ค่ะ ลองชิมดูสิ”
เบนโตะของโอสึกิซังถูกจัดมาในกล่องสองชั้นที่มีปริมาณเยอะมาก ออกแบบมาให้เพียงพอสำหรับอาซาฮินะซังที่ทานเก่ง
เมื่อเปิดฝาออกมา ด้านในคือความงามที่เปรียบเสมือนกล่องอัญมณีที่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบหลากหลายชนิด
“โห โอสึกิ ฝีมือทำอาหารของเธอระดับโปรหรือเปล่าเนี่ย”
“เอ่อ…ไม่หรอกค่ะ ยังอีกไกล”
“อาหารของชิซึกุอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ! รับรองได้เลย!”
แค่ทำอาหารปริมาณมากขนาดนี้ได้ในตอนเช้า ก็นับว่าสุดยอดแล้ว แม้จะมีการเตรียมล่วงหน้าในคืนก่อน แต่การเตรียมวัตถุดิบขนาดนี้ต้องใช้เวลาและความใส่ใจในรายละเอียด
โอสึกิซังน่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบการประนีประนอมสักเท่าไหร่ ดูจากความตั้งใจของเธอในการทำสวนด้วย
ส่วนผมก็เปิดเบนโตะของตัวเอง ซึ่งทำมาแยกไว้สำหรับเรโอะ เบนโตะของผมอาจจะไม่ได้มีหน้าตาดีเหมือนของโอสึกิซัง แต่รสชาติก็ไม่ได้แย่
“นี่คือ ลูกชิ้นรสหวานเผ็ดที่ฉันทานได้ แม้จะไม่ชอบอาหารเผ็ด ไส้กรอกปลาหมึกที่มีรสชาติเข้มข้น ผักโขมผัดเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และทงคัตสึไส้ชีสรสชาติเข้มข้น!”
อาซาฮินะซังเริ่มทำหน้าที่รีวิวอาหาร พร้อมกับทานเบนโตะของโอสึกิซังไปเรื่อย ๆ
ปัญหาคือ…เรโอะจะไม่ได้ลองทานเบนโตะเลย ถ้าเธอยังทานไม่หยุดแบบนี้
“เบนโตะของโอสึกิดูน่าอร่อยจังนะ”
“…ลองชิมดูไหม? อาริสะ เอากล่องเบนโตะมานี่”
“หา…?”
อาซาฮินะซังทำท่าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมส่งกล่องเบนโตะคืนให้โอสึกิซัง ซึ่งเธอไม่ได้ส่งต่อให้เรโอะทันที แต่ใช้ผ้าเช็ดโต๊ะเช็ดทำความสะอาด พร้อมปรับตำแหน่งอาหารในกล่อง
จากนั้น เธอหยิบจานกระดาษและตะเกียบใหม่ออกมา ก่อนส่งไปให้เรโอะ
“นี่ค่ะ ลองทานดูนะ”
“ขอบใจนะ งั้น…ขอลองเลยละกัน”
เรโอะหยิบลูกชิ้นขึ้นมาทานเพียงคำเดียว ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มอย่างเต็มที่
“อร่อยมากเลย! ไม่ใช่แค่หน้าตาดูดี แต่รสชาติก็ยอดเยี่ยมสุด ๆ!”
“ขะ…ขอบคุณนะ การได้รับคำชมจากผู้ชายแบบนี้มันทำให้รู้สึกเขินจัง”
โอสึกิซังยิ้มพร้อมกับหน้าแดง เธอดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
เรโอะยังคงหยิบอาหารทานต่ออย่างต่อเนื่อง เขาเป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว และด้วยความที่ผมเคยช่วยเขาปรับนิสัยการทานตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขาเลยไม่มีอาการเลือกกิน ทานอะไรก็อร่อยไปหมด
“อาซาฮินะนี่น่าอิจฉาจริง ๆ ได้กินอาหารฝีมือโอสึกิทุกวันเลย”
“ก็ดีน่ะสิ! อาหารของชิซึกุน่ะดีที่สุดในโลกเลยนะ”
“ทำอาหารทุกวันแบบนี้ไม่ลำบากเหรอครับ?”
“อืม…ฉันชอบทำอาหารอยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยลำบากค่ะ การทำเบนโตะเหมือนงานอดิเรกของฉันน่ะ”
“ฉันเองก็อยากกินบ้างจัง”
คำพูดเบา ๆ ของเรโอะทำให้โอสึกิซังถึงกับกระพริบตาปริบ ๆ
“มื้อเที่ยงของคุณกินที่โรงอาหารทุกวันใช่ไหม? พ่อแม่คุณทำงานตลอดเวลาเหรอ?”
“อยู่ต่างประเทศน่ะ ก็ส่งค่าใช้จ่ายมาให้ เลยไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่มันไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่เลยนะ ถ้าอย่างนั้น ฉันทำเบนโตะให้ดีไหม?”
“หา! เอ่อ ไม่เป็นไร แบบนั้นมันคงลำบากเกินไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปกติฉันก็ทำให้ตัวเองกับอาริสะอยู่แล้ว ทำเพิ่มอีกกล่องก็ไม่ต่างกันมากหรอก”
“ถ้าเธอจะทำให้จริง ๆ ล่ะก็ ฉันยินดีเลย! เอ่อ…แต่แน่นอนนะ ฉันจะจ่ายค่าเบนโตะให้”
“คุณอยู่ชมรมกีฬาใช่ไหม? การกินที่โรงอาหารอาจจะไม่พอ ต้องกินของที่ดีกว่านี้หน่อย”
“ชิซึคุชอบเรื่องอาหารตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ เธออยากให้ทุกคนได้กินของอร่อยจนเต็มอิ่ม”
“เหมือนคุณยายเลยนะครับ”
“โคกุเระคุง ว่าอะไรนะ?”
“เปล่า…ไม่มีอะไรครับ”
ผมรู้สึกเหมือนโดนโอสึกิซังจ้องเขม็ง เลยรีบหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น อาซาฮินะซังก็ลุกขึ้นเหมือนรอจังหวะนี้อยู่
“ฉันก็อยากลองกินเบนโตะของโคกุเระคุงบ้าง!”
“หา?”
เบนโตะของผมงั้นเหรอ? เบนโตะที่ผมทำมาในวันนี้ก็แค่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ได้ตั้งใจทำให้เลิศหรูอะไร
ถึงแม้ว่าผมจะชอบทำอาหาร แต่ผมก็ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการลุกขึ้นมาทำเบนโตะตอนเช้าเท่าไหร่ อยากจะนอนตื่นสายมากกว่า แบบโอสึกิซังที่ลุกขึ้นมาเตรียมทุกอย่างแต่เช้าน่ะ เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผม
“เบนโตะของผมเทียบกับของโอสึกิซังไม่ได้เลยครับ ไม่ได้พิเศษอะไร”
“ไม่เป็นไร! นั่นแหละที่ฉันต้องการ”
ช่วงนี้อาซาฮินะซังทำตัวแปลกมากจริง ๆ แต่เมื่อเธอร้องขอ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้
“อร่อยจัง! ตอนนั้นที่ทำแกงกะหรี่ก็อร่อยแล้ว แต่เบนโตะนี่ก็อร่อยมากเลย”
ได้ยินแบบนั้น ผมก็รู้สึกดีใจจริง ๆ ที่มีคนชื่นชม
“ผมขอชิมอาหารในเบนโตะของโอสึกิซังสักชิ้นได้ไหม?”
ผมหยิบไก่คาราอะเกะหนึ่งชิ้นจากเบนโตะของโอสึกิซังที่เรโอะกินอยู่ ลองกัดชิมรสชาติ
“อืม…อร่อยดีครับ สมกับที่โอสึกิซังทำเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
“แต่ว่า…ถ้าเป็นซอสถั่วเหลือง หมักไว้อีกนิดจะเข้มข้นกว่านี้ครับ แบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่แค่ตามความชอบส่วนตัวผมน่ะ”
“หา?”
โอสึกิซังที่ก่อนหน้านี้ดูใจดี กลับเปลี่ยนเสียงทันที เธอคว้าเบนโตะของผมที่อาซาฮินะซังกำลังทานอยู่มาแล้วหยิบไข่ม้วนหนึ่งชิ้นมาชิม
“อืม…อร่อยนะ โคกุเระคุงก็ทำอาหารเก่งเหมือนกัน”
“เอ่อ…ครับ”
“แต่ไข่ม้วนนี้หวานมากเลยนะ ฉันคงไม่ทำให้หวานขนาดนี้ และการทอดก็มีจุดที่สุกไม่สม่ำเสมอ ฉันคงไม่ทำแบบนี้หรอก”
“หา?”
ผู้หญิงคนนี้…เธอจงใจจะยั่วโมโหผมแน่ ๆ
ผมเคารพโอสึกิซังมากนะ ความรู้เรื่องการทำสวนของเธอเยี่ยมมาก และเธอก็เป็นคนคุยสนุก แต่เรื่องทำอาหารนี่มันเหมือนกลายเป็นสนามประลองของเราสองคน
“เข้าใจแล้วครับ ครั้งหน้าผมจะระวัง แล้ว…เบนโตะของผม คุณจะทำให้บ้างไหม?”
“ฮะๆ…”
เธอทำหน้าเรียบเฉยแล้วตอบว่า
“ไม่มีทางหรอกค่ะ คุณพูดอะไรของคุณ?”
(TLN:ทำให้เรโอะได้ แต่ไม่ทำให้เรียวมะเรา😂😂😂)
ในขณะที่เรโอะและโอสึกิซังกระชับความสัมพันธ์กัน ผมกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโอสึกิซังเริ่มจะตึงเครียดขึ้น
มันชักจะเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกจริง ๆ อาจจะเหมือนกับความสัมพันธ์ของเรโอะกับอาซาฮินะซังที่ไม่ค่อยลงรอยกัน
อาจจะเป็นอาการเกลียดกันในหมู่คนประเภทเดียวกันก็ได้
พวกเรายังคงทานอาหารกลางวันด้วยกันบ้าง และในตอนเย็นก็เดินกลับบ้านด้วยกัน เรโอะกับโอสึกิซังค่อย ๆ สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีครั้งหนึ่งที่ผมกับอาซาฮินะซังช่วยกันจัดให้ทั้งคู่ได้กลับบ้านสองต่อสอง
หลังจากนั้น เราเริ่มพูดถึงขั้นตอนต่อไป ตอนกลางคืนในห้องส่วนตัวของผม ผมกับอาซาฮินะซังคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ
“สวนสนุก?”
“ใช่แล้ว สวนสนุก Amazing Land ที่พวกเราเคยไปน่ะ ฉันได้ตั๋วมาอีกแล้ว ไปกันสี่คนดีไหม?”
MANGA DISCUSSION