ตอนที่ 117 งานเทศกาล 3
“ทำไมล่ะ? ก็เรียวมะยังไม่ได้สัญญากับใครนี่นา ชั้นได้ยินว่าชิซุกุจังจะไปกับเรโอะ กับอาริสะจังก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน จะให้ไปด้วยกันสองต่อสองก็คงไม่ได้ เพราะงั้นเพื่อนสมัยเด็กอย่างชั้นจะไปเป็นเพื่อนให้ไงล่ะ”
“เข้าใจเหตุผลนะ แต่สารภาพรักกับอาริสะแล้ว จะไปเดินดูงานกับผู้หญิงคนอื่น มันดูเลวใช่เล่นเลยนะ?”
“ก็จริงนั่นแหละ ไหนๆโอกาสนี้ก็เปลี่ยนใจมาเลือกเพื่อนสมัยเด็กเลยดีไหมล่ะ?”
“พูดอะไรของเธอน่ะ… แล้วเธอเองก็มีผู้ชายมาชวนไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ค่อยชอบไปกับคนที่ไม่รู้จักน่ะ ก็เลยบอกว่าจะไปกับเพื่อนสมัยเด็กแล้วรีบปฏิเสธแล้วหนีออกมาเลย”
ทั้งที่เป็นพวกเจ้าเล่ห์แต่ก็รักษาตัวดีชะมัด แต่แบบนั้นแหละดีแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเธอไปกับใครง่ายๆก็คงลำบากกันพอดี
“แต่สองคนคงไม่ได้หรอกนะ…”
“งืม ถ้ากังวลเรื่องสองคนนั้นมากขนาดนั้น งั้นก็ไปกันสามคนเลยสิ”
“สามคน…? แล้วใครบ้างล่ะ”
ผมหันไปตามนิ้วที่สึมุกิชี้ แล้วก็สะดุ้งโหยง เพราะที่หลังประตู มีอาริสะยืนอยู่ด้วยแววตาที่มองมาทางผมกับสึมุกิเขม็ง
“บอกว่าเป็นคนสำคัญที่สุดแล้วแท้ๆ ยังจะไปเดทกับผู้หญิงคนอื่นอีก… เจ้าชู้!”
สัมผัสได้ถึงออร่าความมืดที่ดูเหมือนจะสาปผมตายได้เลยทีเดียว
“งั้นอาริสะจังไปด้วยกันเถอะ สามคนก็ไม่เป็นปัญหาแล้วล่ะเนอะ”
แล้วก็เลยกลายเป็นว่าผมได้ไปเดินชมงานวัฒนธรรมกับอาริสะและสึมุกิสามคน เพื่อนสมัยเด็กกับเพื่อนสนิทที่แอบชอบผม เที่ยวงานวัฒนธรรมอย่างสนุกสนาน
แต่นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะภาพที่ผมอยู่ท่ามกลางสองสาวงามอันดับต้นๆของโรงเรียนอย่างอาริสะกับสึมุกิ มันดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างช่วยไม่ได้ แบบนี้ผมแย่แล้วล่ะมั้ง…
“ดูนั่นสิ เด็กผมทองคนนั้นคือคนที่ชนะมิสคอนใช่มั้ย เด็กผมดำก็น่ารักชะมัด”
“ผู้ชายตรงกลางนี่โชคดีจริงๆเลย…”
เสียงพึมพำแบบนั้นเริ่มได้ยินมาเรื่อยๆ แต่ต่างจากก่อนหน้านี้ตรงที่ไม่มีเสียงวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่แล้ว
“ผู้ชายตรงกลางนั่นคือหมอนั่นใช่มั้ย ช่วงนี้เขาดังมากเลยนะ”
“ร้านอาหารที่ยอดขายอันดับหนึ่งเมื่อวาน หมอนั่นแหละเป็นคนทำอาหาร ฉันก็ไปมาเหมือนกัน แถมคนเยอะสุดๆเลย แต่รสชาติก็ดีจริงๆนะ”
“เพราะทำได้แบบนั้นไงถึงได้มีสาวๆมาชอบเยอะแยะเลยล่ะมั้ง”
“โคกุเระคุ~น เธอมาช่วยพวกเราก็เลยได้จัดแสดงของชมรมได้ ขอบใจมาก~!”
“ช่วยแก้ปัญหาให้ได้เยอะเลย! แวะมาที่ชมรมเราด้วยนะ!”
“ขอบคุณที่ช่วยหลากหลายเรื่องเลย~!”
“เรียวมะ ได้รับคำชมจากหลายๆคนเลยนะ”
พอถูกสึมุกิพูดก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดๆ
“ก็แน่นอนล่ะ ฉันทุ่มสุดตัวเลยนี่นา แต่เมื่อวานเหนื่อยสุดๆจริงๆ ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมขนาดนั้นมันเหนื่อยมากเลยเนอะ”
“แต่ชั้นว่าส่วนหนึ่งก็เพราะอาริสะจังนั่นแหละ ตอนแรกก็มีเป้าหมายมาทานอาหารจีนของเรียวมะกับชิซุกุจัง แต่สุดท้ายพวกลูกค้าผู้ชายที่มากินซ้ำก็เยอะสุดๆเลย”
“นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอก็ได้นะ ฉันว่าเด็กโรงเรียนอื่นมาที่ร้านเพราะสึมุกิมากกว่า ว่าแต่เธอไปทำอะไรที่โรงเรียนโน้นล่ะ ถึงได้เป็นที่นิยมผิดปกติขนาดนั้น?”
“ก็แค่คุยกันธรรมดาๆเท่านั้นเอง~”
“แต่ไม่มีอะไรจากฝั่งผู้หญิงเลยนะ”
“ตอนแรกพวกเธอก็คุยดีอยู่หรอก… แต่สักพักก็ไม่ยอมคุยด้วยอีกเลย ทั้งที่ก็แค่คุยกันธรรมดาๆแท้ๆ!”
แค่คุยธรรมดาๆก็ทำให้เพศตรงข้ามชอบ และทำให้เพศเดียวกันเกลียด เพื่อนสมัยเด็กของผมนี่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันนะ…
เอาเถอะ ทั้งหมดนี้เริ่มจากความรู้สึกส่วนตัวที่อยากจะเป็นคนที่เหมาะสมกับอาริสะ งานวัฒนธรรมครั้งนี้ คงจะกลายเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมเลยล่ะ
หลังจากนั้นพวกเราทั้งสามก็สนุกกับการชมงานวัฒนธรรมให้เต็มที่เท่าที่เวลาจะอำนวย
ตอนเข้าบ้านผีสิง อาริสะที่กลัวจริงๆก็กระโดดเข้ากอด ส่วนสึมุกิที่แกล้งทำเป็นกลัวก็กระโดดเข้ากอดเหมือนกัน ได้สัมผัสเรือนร่างของทั้งสองคนทำให้รู้สึกดีมาก ผมนี่มันผู้ชายโชคดีจริงๆ
“โอ้ โคกุเระมานี่แล้ว ฉันเก็บข้าวกล่องไว้ให้พวกเธอด้วยนะ”
“ขอบคุณมากเลย ช่วยได้เยอะเลย”
เพราะอำนาจของรองประธานนักเรียน ทำให้ชั้นเรียนของผมสามารถตั้งร้านกลางลานโรงเรียนได้
แต่การขายสองวันติดกันมันคงจะหนักเกินไป วันนี้เลยหยุดขาย
แล้วพวกเราชั้นเรียนที่เมื่อวานแทบจะไม่มีเวลาทานข้าว ก็เลยเอาวัตถุดิบที่เหลือมาทำข้าวกล่องแจกเป็นการขอบคุณทุกคนช่วยกัน ตอนเช้าวันนี้ผมกับชิซึกุก็เลยตื่นเช้ามาเตรียมกันอย่างดี
ใส่ใจด้วยความรักให้เพื่อนร่วมชั้นที่ช่วยเหลือกันมา ข้าวผัดกับขนมจีบที่อร่อยแม้จะเย็นก็ตาม เชิญลิ้มลองได้เลย พวกเราสามคนนั่งกินกันที่ม้านั่งนอกอาคารเรียน
“อื้ม! อร่อยจัง”
“จริงด้วย! เรียวมะกับชิซุกุจังทำอาหารเก่งสุดๆเลยนะ~”
คำชมจากสาวๆนี่ช่างดีต่อใจจริงๆ ข้าวผัดของผมนี่สุดยอดเลยแฮะ ได้ขนาดนี้ บางทีกลายเป็นพ่อครัวมืออาชีพก็ไม่เลวนะ
แต่ได้ยินว่าทางสายอาหารมันโหด แล้วก็ถ้าเอางานอดิเรกมาทำเป็นงานจริงๆจะเหนื่อยด้วย
ตอนกำลังจะกินขนมจีบพิเศษของชิซุกุ ขนมจีบสองลูกที่อยู่ตรงหน้าอยู่ๆก็ถูกตักไปทั้งสองอัน เอ๊ะ โดนขโมย!?
“อ้าม”“เชิญเลยจ้า”
สองสาวสวยยื่นขนมจีบมาทางผมพร้อมกันด้วยท่าทาง “อ้าม”
“ตรงนี้แน่นอนว่าต้องเป็นเพื่อนสมัยเด็กสิ!”
“พูดอะไรของเธอ… ชั้นกับเรียวมะเป็นคนรักกันแล้วนะ จริงมั้ย?”
ต่อจากสระว่ายน้ำก็มาสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว ไม่น่านั่งตรงกลางเลยจริงๆ แต่คราวนี้การเลือกมันแน่นอนอยู่แล้ว
“งั่ม…”
“ดีมาก!”
“งืม~! เพื่อนสมัยเด็กแพ้ซะได้~”
“เพื่อนสมัยเด็กมักจะแพ้เสมอล่ะ”
(TLN: WHY?)
สึมุกิทำหน้าผิดหวัง ส่วนอาริสะดูภูมิใจมาก ผมไม่มีจิตใจแข็งพอจะเลือกสึมุกิในสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่เห็นต้องปฏิเสธ “อ้าม” จากอาริสะด้วยนี่นะ
“……”
สึมุกิทำหน้าเศร้า งั้น…
“งั่ม-”
“เรียวมะ!?”
ผมหยิบขนมจีบจากตะเกียบของสึมุกิใส่ปากเข้าไป อร่อยแฮะ ขนมจีบของชิซุกุนี่สุดยอดเลย ถึงจะเจ็บใจนิดๆ แต่รสชาติดีจริงๆ
“ทำไมล่ะ…?”
“ก็บอกแล้วไงล่ะ”
เพราะผมยังเคี้ยวอยู่ อาริสะเลยเป็นคนพูดแทน
“ถึงเรียวมะจะเป็นของฉัน แต่ก็ไม่ได้อยากเอาอันดับสองไปด้วยนี่ เพื่อนสมัยเด็กของเรียวมะ ฉันไม่คิดจะตัดความสัมพันธ์ของพวกเธอหรอก”
(เคี้ยวๆๆ)
พูดกันเรื่องแบบนี้เองเหรอ เพราะสงสารสึมุกิเลยกินไป แต่ดีใจนะที่อาริสะก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“ขอบคุณน้า~เรียวมะ! ฉันจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนายตลอดไปเลยนะ!”
สึมุกิโผเข้ามากอดแน่น มองขึ้นมาด้วยแววตาอ้อนๆ เห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าสึมุกิน่ารักเหมือนกัน เป็นคนอ้อนเก่งดี จุดนี้ดีกว่าอาริสะอีกนะเนี่ย…
“นี่! แต่อย่ามาเกาะแกะกันมากนักนะ! แล้วเรียวมะก็อย่ามัวแต่หลงเสน่ห์เขาด้วย!”
พวกเรากินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้วจึงย้ายไปที่อื่น ที่ต่อจากนี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าของจริง สำหรับผม… ไม่สิ สำหรับสึมุกิต่างหากที่เป็นของจริง ลานกลางแจ้งของโรงเรียนที่ตั้งเวทีไว้มีการจัดแสดงมากมายทั้งเมื่อวานและวันนี้
ผมกับอาริสะในฐานะคนเกี่ยวข้อง ได้ขึ้นไปดูจากหลังเวที สิ่งที่จะจัดแสดงก็คือ…
“ทีมเชียร์ไปกันเลย~!”
“ค่ะ!”
การแสดงของชมรมเชียร์ในงานวัฒนธรรมนั่นเอง
เพราะมีสึมุกิซึ่งเคยเป็นเอซระดับประเทศในโรงเรียนเก่ามาเข้าชมรมนี้ ทำให้ทีมนี้สามารถแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบขึ้นเยอะ
ความสัมพันธ์ของสึมุกิกับชมรมเชียร์ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ถึงจะยังแค่ “พอดีกว่าเดิม” แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้ถูกโดดเดี่ยวเหมือนเดิม
ผู้ชมที่ลานกลางแจ้งวันนี้ก็เยอะไม่แพ้มิสคอนเมื่อวานเลย
ในโรงเรียนนี้ ชมรมบาสเก็ตบอลกับชมรมเชียร์กลายเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
“สุดยอดไปเลยนะ ชั้นก็ว่าแข็งแรงใช้ได้อยู่หรอก แต่ให้เบาขนาดนั้นยังไม่ไหวหรอก”
“ตัวลอยกลางอากาศเลยนี่นา”
ตีลังกากลางอากาศก็ทำได้สบาย ย้ายที่สูงก็ไม่มีปัญหา ตอนที่มีปัญหากับเรโอะเมื่อก่อน สึมุกิก็เคลื่อนไหวสามมิติแบบนั้นเหมือนกัน แต่ที่มากกว่านั้นคือ…
“รอยยิ้มของเธอน่ารักดีนะ”
“ใช่ นั่นแหละคือจุดเด่นของสึมุกิเลยล่ะ ถ้าไม่พูดอะไรที่ทำลายบรรยากาศหรือพูดอะไรเกินจำเป็น ก็คงจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้หญิงมากกว่านี้แน่ๆ”
“อ่ะฮะฮะฮะ……”
“โคโคโระก็เหมือนกันนะ ตอนว่ายน้ำเสร็จนี่ดูเท่มาก แต่พอเปิดปากพูดแล้วน่าหงุดหงิดสุดๆ ถ้าแก้เรื่องนั้นได้ล่ะก็ คงมีคนเข้าหาเยอะขึ้นแน่นอนเลย”
“มะ… ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงยังไงพวกเราซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็ยังอยู่ตรงนี้เสมอน่ะนะ”
นิสัยของมิซึฮาระ โคโรโระกับสึมุกิคล้ายกันพอควร ผมก็เลยแอบสนใจนิดหน่อยว่าเวลาสองคนนั้นคุยกันจะเป็นยังไง
การแสดงของชมรมเชียร์ลีดเดอร์เข้าสู่ช่วงท้าย จากตรงนี้ไปจะเป็นการเต้นที่เน้นความสนุกสนานเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม เช่นการเต้นตามกระแสยอดฮิตของปีนี้ เป็นต้น
“เรียวมะ!”
“โอเค!”
สมาชิกชมรมเชียร์ลีดเดอร์ทุกคนกลับมารวมตัวกัน ยกเว้นแค่สึมุกิที่เดินมาทางฉัน เพราะถัดจากนี้จะเป็นเวทีเดี่ยวของสึมุกิ
และเพราะเป็นความต้องการของเธอ เราจึงได้เตรียมชุดพิเศษไว้ ผมมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้แหละ สึมุกิเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ แล้วก็ขึ้นเวทีกลางแจ้ง
“โลกนี้จะปลอดภัยเพราะฉัน! ฉันคือสาวน้อยเวทมนตร์ Cure Cure! เวอร์ชั่นผู้ใหญ่!”
“โอ้โฮ~!”
อนิเมะสาวน้อยเวทมนตร์เรื่อง Cure Cure ที่เคยเป็นอนิเมะสำหรับเด็ก ตอนนี้ได้มีการสร้างเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ขึ้นมา ซึ่งสึมุกิก็ใส่ชุดของเวอร์ชั่นนี้เต้นบนเวทีนั่นเอง
ไม่อยากเชื่อเลยว่ายุคนี้จะมีการทำเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ของเรื่องแบบนี้ขึ้นมาด้วย ตอนที่สึมุกิมาขอให้ช่วยก็เซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย แต่สนุกมากเลยล่ะ ถึงตอนทำชุดจะลำบากก็ตาม
“นี่มันคุณภาพอะไรขนาดนี้! รายละเอียดอันประณีตของ Cure Cure เวอร์ชั่นผู้ใหญ่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบแบบนี้ ใครเป็นคนทำกันเนี่ย คนที่ทำชุดนี้ได้จะต้องเป็นโอตาคุของ Cure Cure ขั้นเทพแน่นอน!”
มีโอตาคุ Cure Cure ที่ไหนสักแห่งกำลังพูดด้วยความคลั่งไคล้… เอาล่ะ…
“สึมุกิจังน่ารักจังเลย~!”
“สุดยอดไปเลย~!”
จริงๆ แล้วสึมุกิในชุดนั้นน่ารักมาก อยากจะพาฮิโยริมาดูด้วยจัง แต่วันนี้พามาไม่ได้ โชคดีที่อัดวิดีโอไว้ จะเอาไปให้เธอดูตอนกลับบ้าน
“น่ารักจริงๆ เลยนะ”
“อาริสะ?”
“ถ้าฉันใส่ชุดแบบนั้นแล้วเต้นบ้าง จะมีคนชมว่าน่ารักด้วยหรือเปล่านะ…”
ได้ยินเธอบ่นพึมพำแบบนั้น ผมก็หยิบชุดอีกชุดหนึ่งออกมา
“เผื่อไว้แล้วล่ะ!”
พูดพลางยื่นชุดให้อาริสะราวกับจะบอกว่า “ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว!”
อนิเมะ Cure Cure เป็นแนวคู่หู การจะเป็น Cure Cure ได้ต้องมีสองคน
“นี่นายทำไว้เผื่อฉันด้วยเหรอ!?”
“ตอนพาฮิโยริไปบ้านอาริสะ จำได้ไหมว่าเราดูกันด้วย?”
ก่อนเริ่มงานวัฒนธรรม การไปเยี่ยมบ้านอาริสะของฮิโยริที่เคยถูกยกเลิกในตอนแรก ก็ได้จัดขึ้นใหม่ในภายหลัง ตอนนั้นสึมุกิก็ไม่มีธุระพอดีเลยมาด้วยกัน สี่คนก็เลยได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนาน
เพื่อให้ฮิโยริที่ตื่นเต้นกับคฤหาสน์สุดหรูของอาริสะสนุกยิ่งขึ้น เราจึงเปิดอนิเมะ Cure Cure บนจอยักษ์ในห้องฉายหนัง ทำให้ทั้งสึมุกิและอาริสะที่ได้ดูไปพร้อมๆ กันกับฮิโยริติดใจความสนุกของเรื่องนี้ และสุดท้ายก็ดูจนจบทุกตอน
เพราะเหตุการณ์เหล่านั้น สึมุกิก็เลยอยากจะคอสเพลย์ Cure Cure แล้วเต้นบนเวทีงานวัฒนธรรม และเมื่อได้ทำชุดให้สึมุกิแล้ว ฉันก็คิดว่าชุดต้องมีสองคนถึงจะสมบูรณ์ ก็เลยเตรียมไว้ให้อาริสะด้วย
ชุดหนึ่งเป็นของสึมุกิ เด็กสาวผมดำ อีกชุดเป็นของเด็กสาวผมทองที่เข้ากับอาริสะพอดี ถึงจะไม่ได้ใส่วันนี้ ก็ยังสามารถจัดงานคอสเพลย์สองคนหลังงานวัฒนธรรมได้ แต่ถ้าอาริสะอยากใส่ตอนนี้ล่ะก็!
“ทั้งที่นายดูยุ่งมากขนาดนั้นยังอุตส่าห์เตรียมชุดของฉันด้วย… ฉันว่านายทุ่มเทเกินไปจนฉันแอบกลัวนิดๆ นะ”
“ยอมรับเลยว่าไม่มีข้อแก้ตัว”
“แต่ก็นะ… ดูเหมือนชุดของเพื่อนสมัยเด็กดูกระตือรือร้นกว่าของแฟน เลยยกโทษให้ก็แล้วกัน”
“ดีใจที่ได้รับการอภัย!”
ยังพอมีเวลาอยู่ อาริสะรีบไปเปลี่ยนชุดหลังฉากอย่างรวดเร็ว
“เป็นไงบ้าง?”
“โอ้! น่ารักมากเลย! แต่…”
“แต่?”
“รู้สึกว่ามันเร้าอารมณ์ขึ้นมาเฉยเลย ดูเซ็กซี่เกินไปนิดนึง”
“ก็เพราะตัวละครใน Cure Cure ไม่มีใครหน้าอกใหญ่เลยนี่นา”
เพราะเป็นคอสเพลย์แบบง่ายๆ เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ปรับเปลี่ยนขนาดหน้าอก
ด้วยการคอสเพลย์ของอาริสะ ทำให้ Cure Cure เวอร์ชั่นผู้ใหญ่กลายเป็นอนิเมะสำหรับผู้ใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จังๆ เลย
ถึงแม้สึมุกิจะมีหุ่นดีอยู่แล้วก็ดูจะใกล้เกินเส้นไปเหมือนกัน แต่ก็ยังสู้อาริสะไม่ได้
การเต้น Pure Pure Dance จบลง ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงร้องเพลงธีมแล้ว จังหวะพอดีเลย
“รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อยแฮะ นี่ เรียวมะ กอดฉันหน่อยสิ”
“ตรงนี้เนี่ยนะ!? ตอนประกวดมิสคอนยังทำใจดีสู้เสือได้เลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตอนนั้นไม่ต้องจริงจังไง แต่ตอนนี้…”
อาริสะเองก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกัน พอผมแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่ก็ดึงเธอมากอดเบาๆ พลางลูบผมทองอันสวยงามของเธอ
“สู้นะ อาริสะ ฉันจะดูอยู่ตรงนี้”
“อื้ม จะพยายามให้เต็มที่เลย”
น่ารักชะมัด… อยากเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการไวๆ แล้วได้อ้อนกันแบบจัดเต็ม! ผมจะตามใจอาริสะให้สุดๆ ไปเลย!
“ไปเถอะ!”
เมื่อผมพูดเช่นนั้น อาริสะก็พุ่งออกไป
“อาริสะจัง!?”
สึมุกิถึงกับตกใจเมื่อเห็นอาริสะในชุดคอสเพลย์ Cure Cure
“Cure Cure สองคน!?”
“นั่นมันเด็กผู้หญิงจากมิสคอนใช่มั้ย!? น่ารักจัง~!”
“ดูเซ็กซี่แฮะ!? แต่ก็ชอบนะ!”
บรรยากาศรอบเวทีก็ร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สองสาวในชุดคอสเพลย์ Cure Cure เริ่มร้องเพลงธีมไปพร้อมกัน
อาริสะกับสึมุกิจังหวะเป๊ะสุดๆ ตอนตอนฉายอนิเมะ พวกเธอจำท่าเต้นเพื่อเล่นกับฮิโยริไว้ด้วยสินะ นี่แหละคงทำให้เวทีนี้ประสบความสำเร็จแน่นอน ฉันหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูเวลา
เอาล่ะ ดูเหมือนจะถึงเวลาแล้ว สองคนนั้นแสดงออกมาอย่างเต็มที่และน่าประทับใจ ถ้างั้นฉันเองก็ต้องทำให้ดีที่สุดเหมือนกัน… ฉันเดินออกจากเวทีกลางแจ้ง ปล่อยให้ทั้งสองเต้นต่อไป
…ต้องไปแล้วล่ะ ไปยังโรงยิม.
MANGA DISCUSSION