ตอนที่ 112 ทุกสิ่งที่ฉันทำได้ 3
วันนี้ไม่มีงานบ้านที่ต้องไปช่วย และก็ไม่มีชมรมด้วย งั้นรีบกลับบ้านไปนัวเนียกับฮิโยริดีกว่า
“นี่ เรียวมะ”
“หาาา!?”
คนที่เรียกผมว่า “เรียวมะ” มีแต่อาริสะ สึมุกิ เรโอะ แล้วก็ชิซุกุที่เรียกแบบเติม “คุง” เท่านั้น
พอคิดถึงอดีตก็มีฮินะอีกคน แต่จากผู้หญิงคนอื่นที่เรียกชื่อผมแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย ก็เลยตกใจสุด ๆ ตอนนี้ตรงหน้าผมคือเด็กผู้หญิงสองคนที่แทบไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่ก็รู้จักกันดีอยู่
“มิโยชิซัง มาโตบะซัง”
“นี่ เรียวมะ วันนี้ว่างใช่ป่ะ? พอเลิกเรียนแล้วมากับพวกเราหน่อยสิ”
“จริงด้วย~”
สองคนนี้คือมิโยชิซังกับมาโตบะซัง พวกเธอคือสาวสวยประจำห้องเรียนในกลุ่มของอาริสะ
ในวงของผมกับอาริสะ พวกเธอเป็นที่พูดถึงบ่อย
ลุคจัดจ้านของอาริสะก็ได้รับอิทธิพลจากสองคนนี้
การที่สึมุกิกลายเป็นสาวแกลก่อนแล้วกลายเป็นสาวแนว “จิไรเค” หรือแม้แต่การแต่งตัวเป็นผู้ใหญ่ของชิซุกุ ก็เป็นอิทธิพลจากพวกเธอ
ทั้งคู่เคยชอบเรโอะ แต่ตอนนี้น่าจะชอบแบบไม่เกี่ยวกับเรื่องรักแล้ว
“เรื่องสารภาพรักวันก่อน…น่ะ”
สองคนนี้เกี่ยวข้องกับอาริสะเยอะด้วย คงทำตัวตามสบายไม่ได้
“เข้าใจแล้วครับ ได้เลยครับ”
“พูดสุภาพจังเลยอ่ะ พวกเราน่ะไม่ถือเรื่องแบบนี้หรอกน้า”
“จริงด้วย~”
“ก็เพราะสัญญากับอาริสะไว้…ถึงจะถูกปฏิเสธ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมน่ะ”
“เหรอ~”
เรื่องสารภาพรักหลอก ๆ ตอนนั้น อยากให้เลี่ยงไม่ถามถึงมากนักน่ะนะ
“ว่าแต่เรียกชื่อผมแบบนั้นเลยเหรอครับ?”
“ก็คนอื่นก็เรียกกันแบบนั้นนี่นา งั้นพวกเราก็เรียกบ้างก็ไม่แปลก”
“จริงด้วย~”
ก็อย่างงั้นแหละ ด้วยเหตุนี้ ผมเลยโดนสองสาวแกลพาไปที่รถคาเฟ่ระหว่างทางกลับบ้าน
เด็กเนิร์ดที่ถูกรายล้อมด้วยสาวแกล ใจจริงก็อยากรู้ว่าสาวแกลใจดีที่รักโอตาคุนั้นมีจริงมั้ยนะ
“ความจริงแล้ว นายกับอาริสะคบกันใช่ป่ะ การสารภาพรักหลอก ๆ นั่นมันเพื่ออะไรกันแน่?”
“จริงด้วย~”
อึก…รู้กันจริง ๆ ด้วย ผู้ชายกลุ่มของเรโอะก็เคยพูดเหมือนกัน ถึงทางนั้นจะปลอบใจมากกว่าก็ตาม แต่ว่าผู้หญิงนี่เข้าใจยากแฮะ
“อาริสะเอาแต่พูดถึงเรียวมะตลอดเลย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นรักสามเส้ากับสึมุกิซะอีก…แต่ดูเหมือนเรียวมะจะมองแค่อาริสะคนเดียวนะ”
“จริงด้วย~”
“ไม่ปฏิเสธครับ…ว่าแต่ ขอบคุณที่คอยอยู่กับสึมุกินะครับ ผมเป็นห่วงในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก”
เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เป็นทางหนีทีไล่ที่พอใช้ได้
“สึมุกิตอนนี้กล้าแสดงความเป็นตัวเองออกมามากขึ้น ถือว่าโอเคเลยนะ คุยแล้วรู้สึกว่าเป็นคนสนุกดี”
“จริงด้วย~”
งั้นก็ดีใจล่ะนะ การที่สึมุกิมีเพื่อนเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องดี
“แต่บางทีก็มีคำพูดหรือการกระทำที่ทำให้หงุดหงิดเหมือนกันนะ ต้องระวังหน่อยล่ะ ได้ยินมาว่าเธอโดนเกลียดมากก็ไม่แปลกใจเลย”
“จริงด้วย~”
“อึก!”
สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นเป็นพรสวรรค์ติดตัวของสึมุกิจริง ๆ สินะ ถึงผมจะพูดยังไงก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
“ขอบใจนะที่มาคุยเป็นเพื่อน~”
“เอ๊ะ จบแล้วเหรอครับ?”
นึกว่าจะโดนซักไซ้มากกว่านี้ซะอีก
“ถามอาริสะกับชิซุกุไปแล้ว แต่ก็หลบ ๆ เลี่ยง ๆ กันหมด คงมีเหตุผลอะไรบางอย่างแหละ ถึงไม่ยอมบอก พวกเราในฐานะเพื่อนก็รู้สึกเสียใจอยู่หรอก แต่ก็เข้าใจน่ะนะ”
“จริงด้วย~”
“ขอโทษครับ มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ น่ะครับ”
“ไม่เป็นไร พวกเราขอแค่ให้อาริสะมีความสุขก็พอ ถ้ามีอะไรจะช่วยก็เรียกได้นะ”
“ขอบคุณมากครับ ช่วยได้เยอะเลยครับ”
มิโยซังกับมาโตบะซังเป็นคนดีสุด ๆ สาวแกลนี่ใจดีจริง ๆ! บางทีอาจเพราะความน่าเชื่อถือของอาริสะล่ะมั้ง ถ้ามีคนช่วยในสิ่งที่ผมจะทำนี่เยอะ ๆ คงดีไม่น้อย
ลองไปถามพวกในกลุ่มของเรโอะดูมั้ยนะ ถึงจะลำบากใจหน่อยเพราะพวกเขาเคยชอบอาริสะก็เถอะ
“แป๊บหนึ่งนะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ~”
มิโยชิซังออกไปพักนึง เหลือแค่มาโตบะซัง
“นี่ ขอถามหน่อยสิ”
“หาาาา!?”
มาโตบะซังที่เอาแต่พูดว่า “จริงด้วย~” มาตลอด พูดจริงจังขึ้นมา!? สารภาพตามตรง ผมสับสนมาก
“คือว่า เราน่ะ คิดว่าเรียวมะกับอาริสะเป็นคู่รักที่ไม่เหมาะกันเลย ไม่เห็นด้วยสุด ๆ”
“หะ?”
“พูดตรง ๆ ก็คือ เราคิดว่าเรโอะกับชิซุกุก็ไม่เหมาะกันเหมือนกัน”
…คนๆนี้พูดอะไรอยู่? แล้วจะบอกผมทำไม? หรือว่าพยายามทำให้เราทะเลาะกัน? นี่มันเพิ่มศัตรูอีกคนเหรอ ไม่เอาน่า…
“คู่รักที่ดีที่สุดควรจะเป็นเรียวมะกับเรโอะต่างหาก”
“หา?”
“หรือว่าที่สร้างเรื่องวุ่นวายนั่น ก็เพราะอยากคบกับเรโอะ? ถ้าแบบนั้นล่ะก็ เราขอสนับสนุนเต็มที่เลย!”
“ไม่ใช่เลยสักนิดครับ!”
“แย่จัง…”
ไม่อยากจะเชื่อว่าสาวแกลจะเป็นสายวาย คนเราเนี่ย มีหลายแบบจริง ๆ
“กลับมาแล้ว~ มี๊ คุยอะไรกันอยู่เหรอ~ พวกเราเป็นเพื่อนซี้กันแล้วนี่~”
“จริงด้วย~”
ปวดหัวขึ้นมาซะงั้น…แต่ก็ไม่กระทบกับแผนอะไรหรอกมั้ง
◇◇◇
วันนี้ผม ชิซุกุซัง แล้วก็สึมุกิ เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นการไปตามนัดเพื่อคุยเรื่องที่ผมได้ปรึกษาไว้ก่อนหน้านี้ และจะแชร์ข้อมูลให้สึมุกิด้วย
“เอ~ เราก็อยากไปด้วยน้า! หลังจากนั้นก็ได้ไปกินข้าวกับชิซุกุกับอาริสะด้วยใช่มั้ย”
“เรโอะก็ไปด้วยล่ะ”
“เรโอะน่ะไม่สำคัญ~ แง้ ชมรมเชียร์ลีดเดอร์งานยุ่งมากเลย ไม่มีเวลาไปเที่ยวกับทุกคนเลยอ่ะ”
เพื่อนสมัยเด็กของผมและเรโอะ—ฮิอิรางิ สึมุกิ
เธอเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวสีดำ ตาโต หน้าตาน่ารักสดใส ใครเห็นก็คิดว่าเธอเป็นคนอ่อนโยนร่าเริง ด้วยนิสัยแบบนี้เลยได้รับความนิยมจากผู้ชายอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เคยเจอปัญหาบางอย่าง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มีเพื่อนอย่างอาริสะกับชิซุกุซังเพิ่มขึ้นมา ชีวิตมัธยมปลายที่แท้จริงของเธอเพิ่งจะเริ่มต้น
“ตอนนี้กำลังเตรียมงานของชมรมเชียร์ลีดเดอร์สำหรับงานวัฒนธรรมอยู่น่ะ…ขอเวลาอีกหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่เรียวมะโอเคเหรอ? ทั้งงานของห้องเรียน ของชมรม ดูแล้วเหมือนทำเกินไปเลยนะ”
“ก็เพราะอย่างนั้นแหละ ถึงต้องรีบทำให้เสร็จ”
“เพราะงั้นเราสองคนก็ต้องช่วยลดภาระให้เรียวมะด้วย สึมุกิก็ต้องช่วยด้วยนะ”
“อื้ม! งานวัฒนธรรมที่ผ่าน ๆ มาฉันอยู่คนเดียวตลอดเลย! เพราะงั้นได้ทำงานร่วมกับทุกคนแบบนี้มันดีใจสุด ๆ เลย!”
ผมกับชิซุกุซังก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
ด้วยนิสัยที่เหมือนเกิดมาเพื่อโดนเกลียด สึมุกิจึงไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบจากผู้หญิงคนอื่น ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเธอมีเสน่ห์มากเกินไปในสายตาผู้ชาย
“โอ๊ะ ถึงแล้วล่ะ”
พวกเราสามคนมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนที่โคโนฮานะ ซาคุยะเป็นประธานนักเรียน เพื่อร่วมกันจัดงานวัฒนธรรม
เรานัดเจอกับโคโนฮานะ ซาคุยะ เพื่อหารือในฐานะคณะกรรมการจัดงานวัฒนธรรม
“งั้นก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว เข้าไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ มีแค่เราสามคนเหรอ? นึกว่าประธานนักเรียนฝั่งเราจะมาด้วยซะอีก”
ถ้าจะเจอกับประธานนักเรียนของอีกฝั่ง ฝั่งเราก็ควรจะมีประธานนักเรียนไปด้วยสิ นี่ไม่มีแม้แต่สมาชิกในสภานักเรียนเลยซะหน่อย ไม่สิ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสภานักเรียนเรามีใครบ้าง
“ฉันเป็นตัวแทนประธานนักเรียนเอง เพราะงั้นไม่มีปัญหา”
ชิซุกุซังพูด
“ฉันได้รับมอบอำนาจในฐานะว่าที่ประธานนักเรียนคนต่อไป เพราะงั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉัน โชคดีนะที่มีฉันอยู่ตรงนี้”
“ข้อมูลเยอะเกินไป งงหมดแล้ว…”
“ชิซุกุจังสุดยอดเลย~!”
…คนคนนี้พูดอะไรออกมาเนี่ย ผมไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เลยนะ
“ประธานนักเรียนปัจจุบันเป็นรุ่นพี่ปีสาม กำลังโฟกัสกับการสอบเข้ามหาลัยอยู่น่ะ แล้วสมาชิกสภานักเรียนคนอื่น ๆ ก็เป็นปีสามหมดเลย”
“แล้วทำไมถึงเป็นชิซุกุซังที่ได้เป็นตัวแทนล่ะ?”
“ก็เพราะประธานนักเรียนเป็นสมาชิกแฟนคลับของเรโอะไงล่ะ”
อ้อ เข้าใจล่ะ คนที่ได้รับความนิยมที่สุดในโรงเรียน—ฮิราซาวะ เรโอะผู้นั้น คนที่เป็นหัวหน้าแฟนคลับก็คือแฟนของเขา—โอสึกิ ชิซุกุ
“ฉันคิดว่าจะเป็นประธานนักเรียนคนถัดไปด้วย เพราะแบบนั้นจะได้สนับสนุนเรโอะได้มากขึ้นยังไงล่ะ จะตั้งทีมสภานักเรียนให้เป็นพวกที่รักเรโอะกันหมดเลย”
“เมื่อก่อนเธอยังหลบอยู่ใต้เงาของอาริสะอยู่เลย ไหงตอนนี้กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของโรงเรียนไปแล้วล่ะเนี่ย”
“ไม่งั้นจะได้นัดเจอกับโคโนฮานะซังเหรอ”
…ความจริงของเด็กผู้หญิงชื่อโอสึกิ เริ่มปรากฏขึ้นแล้วล่ะ สึมุกิก็เอาแต่บอกว่า “สุดยอด~” อยู่ได้ คนเดียวที่รู้สึกว่ามันน่ากลัวก็คงมีแต่ผม
“งั้นไปกันเถอะ รอบที่แล้วเคยหารือกันไปแล้ว คงเข้าไปได้เลย”
แม้จะเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุด แต่กลับรู้สึกว่าเธอมีไหล่กว้างที่สุดในกลุ่ม…เรโอะ นายชนะใจผู้หญิงที่สุดยอดไปเลยนะ
หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าโรงเรียน เราก็เข้าไปด้านใน โดยใส่หมวกปิดบังตัวตนไว้เผื่อมีใครจำได้
“มีเด็กน่ารักสุด ๆ อยู่ด้วยแหละ……”
“สวยระดับเดียวกับประธานโคโนฮานะเลยนะนั่น”
เมื่อเดินภายในโรงเรียน ความน่ารักของสึมุกิก็เริ่มเป็นที่รู้กันโดยธรรมชาติ
“รู้สึกเหมือนโดนจ้อง ๆ อยู่เลย ทำไมนะ”
ถ้าเป็นอาริสะล่ะก็ เธอคงจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไปแล้ว
อาริสะรู้ตัวดีว่าเธอน่ะน่ารักสุด ๆ และจะล้อเลียนคนที่ทำท่าทางประหม่าให้กับใบหน้านั้น ส่วนสึมุกิเองก็น่าจะรู้ตัวว่าเธอก็น่ารักเหมือนกัน แต่ยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองถึงขนาดนั้นเลยไม่รู้ตัว
ตรงนั้นแหละ ที่ทำให้เธอถูกใจผู้ชายทั้งหลาย
“ดีแล้วล่ะ ที่พาสึมุกิมาด้วย”
“ถ้าไม่มีอาริสะอยู่ ก็คงไม่มีใครว่าอะไรถ้าจะบอกว่าเธอเป็นสาวสวยที่สุดในโรงเรียน”
“เวลาเธอสบตากับผู้ชาย เธอจะยิ้มให้เล็กน้อยนะ มันเหมือนพรสวรรค์เลยล่ะ ฉันว่าเธอเป็นไอดอลได้เลยนะ”
“ถ้าเจ้าตัวต้องการน่ะนะ”
ผู้ชายที่ได้รอยยิ้มจากสึมุกิก็กลายเป็นตกหลุมรักเธอเข้าเต็มเปา วันหยุดเธอจะใส่ชุดแนวสาวสายดาร์ก แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนตั้งใจเรียน ก็เลยแต่งตัวเรียบร้อยในช่วงเวลาการเรียน
ถึงจะเคยมีช่วงที่เธอเปรี้ยวซ่าเหมือนพวกแก๊งสาวเปรี้ยวก็เถอะ
เรามาถึงห้องสภานักเรียนแล้ว รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เธอก็โมโหใส่เรานี่หว่า แต่ถ้าไม่พบกัน เราก็เริ่มต้นอะไรไม่ได้ จะหนีไปก็ไม่ได้
“ขออนุญาตค่ะ ท่านประธานโคโนฮานะ ดิฉันโอสึกิ ชิซุกุ เป็นผู้สมัครเป็นประธานนักเรียนคนต่อไป”
“เชิญเข้ามาได้เลย”
ชิซุกุยืนอยู่ข้างหน้า ตามด้วยสึมุกิและฉันอยู่ด้านหลัง
“ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนของเราเลยนะ ชิซุกุจังก็มาด้วย ยินดีมากเลยล่ะ”
“ครั้งก่อนเราแค่ประชุมกันที่คาเฟ่ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาโรงเรียนนี้ค่ะ เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมาก คงเป็นผลจากความสามารถของประธานโคโนฮานะเองใช่ไหมคะ”
“พูดได้ดีเลยนี่ สมกับที่ถูกคาดว่าเป็นประธานนักเรียนคนต่อไปนั่นแหละ คนที่อยู่ข้างหลังนั่นคงเป็นกรรมการดำเนินงานคนใหม่ใช่ไหม”
“ค่ะ ถูกต้องเลย ตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ฉันจะส่งตัวคุณฮิอิรางิคนนี้ไปประจำที่โรงเรียนของท่าน และช่วยเป็นตัวกลางประสานงานด้วยค่ะ”
“ฉันชื่อฮิอิรางิ สึมุกิ ฝากตัวด้วยนะคะ”
สึมุกิค้อมตัวลงอย่างสง่างามด้วยท่าทีแสนสวย
“ฝากด้วยนะคะ แต่ว่าหน้าตาของเธอมันดีเกินไป เด็กผู้ชายโรงเรียนเราคงจะใจเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ เลยนะ”
“ยังไงก็คงไม่เท่ากับท่านประธานโคโนฮานะหรอกค่ะ แต่ฉันจะพยายามให้เต็มที่เลยค่ะ!”
สึมุกิส่งท่าทางน่ารักเล็ก ๆ จนทำให้ใจเต้น
“ต่อไปก็คนสุดท้าย”
ชิซุกุดันฉันออกไปข้างหน้า
“เขาคือศูนย์กลางของคณะกรรมการจัดงานเทศกาลวัฒนธรรมของเราเลยค่ะ ตั้งใจจะใช้เขาให้ทำงานหนักเหมือนม้าลากเกวียนเลย ถ้าทางโรงเรียนของคุณจะช่วยใช้แรงเขาด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ”
ชิซุกุ! เธอพูดอะไรเนี่ย! แถมยังดูพูดจริงด้วยแน่ ๆ ฉันถอดหมวกออก แล้วเธอจะยังจำฉันได้หรือเปล่านะ
“ถ้าคุณโอสึกิว่าอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต้องเป็น— อะไรกัน!? ทำไมนายถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ!?”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ท่านประธานโคโนฮานะ”
“กล้าดียังไงถึงมาโผล่ต่อหน้าฉันอีกนะ! ฉันบอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าให้เห็นหน้าอีก ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
ผู้ที่พูดคือชิซุกุ
“ฉันได้ยินมาว่าเขากับประธานโคโนฮานะมีปัญหากันในอดีต ตอนแรกเขาก็เลยคิดจะถอนตัวจากการเป็นกรรมการจัดงาน แต่ฉันก็รั้งเขาไว้ เพราะว่าเขานั้นเป็นคนที่ขาดไม่ได้เลยในเทศกาลวัฒนธรรมครั้งนี้”
“เป็นไปไม่ได้! ผู้ชายธรรมดาแบบนั้นไม่มีทางเป็นประโยชน์อะไรได้หรอกค่ะ ประธานชั่วคราวโอสึกิ ฉันไม่สามารถยอมรับผู้ชายคนนี้ได้เด็ดขาด!”
“เขาอาจจะธรรมดาในช่วงมัธยมต้นก็ได้ค่ะ แต่ที่โรงเรียนของเรา เขาพยายามอย่างเต็มที่จริง ๆ แม้ว่าท่านประธานจะไม่ยอมรับ แต่ท่านก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธใช่ไหมคะ เรื่องนั้นท่านก็น่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว”
“…..”
ชิซุกุ พูดเก่งเป็นบ้าเลยแฮะ ประธานโคโนฮานะที่เคยเป็นเพอร์เฟ็กต์ในสมัยมัธยมต้น กำลังลังเลเพราะถูกสวนด้วยเหตุผลที่ไม่อาจปฏิเสธได้… อาจจะเป็นเพราะเรื่องของฉันก็ได้ ที่ทำให้เธอไม่อาจสงบใจได้
“สำหรับเรื่องที่ผมเคยทำไว้ในสมัยมัธยมต้น ผมไม่มีข้อแก้ตัวเลยครับ ถึงจะไม่สามารถชดใช้ความผิดนั้นได้หมด แต่ผมก็อยากจะช่วยให้เทศกาลวัฒนธรรมนี้สำเร็จลุล่วงอย่างเต็มกำลังครับ”
“อย่างที่พูดไปแล้ว การประสานงานกับโรงเรียนของท่านจะเป็นหน้าที่ของฮิอิรางิ และฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อเขา โคกุเระจะเน้นทำงานฝั่งโรงเรียนเรา ดังนั้นเขากับประธานโคโนฮานะก็จะไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันโดยตรงค่ะ”
“……ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่มีข้อแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะถูกห้ามเข้าพื้นที่โรงเรียนของเรา”
“ผมได้ยินมาว่าประธานโคโนฮานะจะลงคะแนนเสียงให้ในการประกวดมิสคอนของเทศกาลวัฒนธรรมนี้ด้วยใช่ไหมครับ?”
“…(จ้อง)”
ทันทีที่ผมพูด เธอก็ส่งสายตาดุจมีดสับมาให้ทันที
“ฉันยังจำเรื่องที่พูดไว้ในประชุมครั้งก่อนได้ค่ะ ว่าจะลงคะแนนให้กับนักเรียนที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุดในเทศกาลวัฒนธรรมนี้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
“ผมมีความตั้งใจจะเข้าประกวดมิสคอนฝั่งชาย และผมตั้งเป้าหมายว่าจะได้รับคะแนนเสียงจากท่านครับ”
“หา!? ฉันจะให้นายงั้นเหรอ!? ไม่มีทางซะหรอก! คนที่ทำร้ายฮินะอย่างนายน่ะ!”
“การได้รับคะแนนจากคนที่งดงามและชาญฉลาดอย่างประธานโคโนฮานะ จะเป็นแรงจูงใจอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนโรงเรียนของผมครับ ขอได้โปรดตัดสินอย่างเป็นธรรมด้วยครับ”
“ชิ”
โอ้ย ได้ยินเสียงขบฟันชัดเจนเลย! ปกติใครเขาทำกันตรงนี้! แต่เพราะถูกกดด้วยหลักการเรื่องความยุติธรรม เธอคงไม่สามารถตัดสินด้วยอคติส่วนตัวได้อีกต่อไปแล้ว
ถ้าเธอเลือกฉัน มันก็คงถือเป็นการชดใช้ความผิดกับตระกูลโคโนฮานะด้วย ในทางหนึ่งอาจจะสำคัญยิ่งกว่าชนะมิสคอนซะอีก… เอาเถอะ ยังไงฉันก็จะชนะอยู่ดี!
เป้าหมายหลักของฉันยังคงเป็นอาริสะ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อน แล้วเรื่องที่ตกลงกันจะนำมาแชร์ภายหลังค่ะ”
“เอาสิ ฝากด้วยนะ”
“ประธานโคโนฮานะ”
เมื่อเรียกชื่อเธอ ใบหน้าของประธานก็กระตุกนิด ๆ เธอเกลียดฉันจริง ๆ แฮะ
“…ความทรงจำของเธอยังไม่กลับมาเหรอครับ?”
“ไม่จำเป็นต้องตอบ”
จากท่าทางแบบนั้น ดูท่าจะยังไม่กลับมาจริง ๆ ถ้ากลับมาแล้ว อย่างน้อยเธอคงไม่พูดจารุนแรงแบบนั้นหรอก
หลังจากประธานโคโนฮานะกับชิซุกุคุยเพิ่มเติม เราก็ออกจากห้องสภานักเรียน อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว
เราออกจากตัวอาคาร
“ขอบคุณนะชิซุกุซัง ถ้าไม่มีเธอ ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ประธานโคโนฮานะเป็นคนเก่งก็จริง แต่ดูจะอารมณ์รุนแรงอยู่ ฉันก็แค่พูดในสิ่งที่ควรพูดอย่างใจเย็นเท่านั้นเอง”
“ชิซุกุจัง สุดยอดมากเลย! เหมาะกับตำแหน่งประธานนักเรียนจริง ๆ นะ!”
“ขอบใจนะ สึมุกิ”
เอาจริง ๆ นี่เป็นคนเดียวกับเด็กสาวที่เคยมีปมด้อยอยู่หลังอาริสะเนี่ยนะ…?
คงต้องบอกว่าได้เผยศักยภาพเพราะได้คบกับเจ้า “เรโอะ” คนนั้นล่ะมั้ง
ได้ข่าวว่าผลการเรียนก็พุ่งกระฉูด ปีหน้าคงได้กลายเป็น “ราชอาณาจักรโอสึกิ” แล้วล่ะ
“เรียวมะคุง คิดอะไรน่าหมั่นไส้อยู่อะเปล่า?”
“ไม่มีทาง ไม่มีทาง”
“ว่าแต่ฉันต้องทำอะไรในบทบาทที่เป็นตัวกลางเชื่อมโรงเรียนนี้กับโรงเรียนเราเหรอ?”
“สึมุกิ แค่เป็นตัวของตัวเองตามปกติก็พอแล้วล่ะ โชว์เสน่ห์ของตัวเองให้เต็มที่เลยนะ”
ชิซุกุยิ้มให้ และสึมุกิก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความไว้วางใจ ทำให้เธอยิ่งตั้งใจมากขึ้น
“ไม่อยากจะพูดถึงเพื่อนสมัยเด็กหรอกนะ แต่จะไหวเหรอ ถ้าเทียบกับนิสัยของสึมุกิแล้ว….”
“นั่นแหละคือเป้าหมายเลย ด้วยเสน่ห์ธรรมชาติของเธอ เด็กผู้ชายที่โรงเรียนนี้ต้องตกหลุมรักกันแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น การประกวดสาวงามฝั่งเราก็ชนะชัวร์ ประธานโคโนฮานะเองก็คงจะไม่กล้าว่ากล่าวผู้หญิงต่างโรงเรียนแรง ๆ หรอก ต้องอดทนไปจนกว่างานเทศกาลจะจบ ถึงจะโมโหแค่ไหนก็ตาม”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาวเปรี้ยวคราวก่อน หรือคำพูดของชิซุกุตอนนี้ ทำให้ฉันนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ว่าแต่ ได้ยินมาว่าเธอพาสึมุกิไปเจอกับมิซุฮาระซังใช่ไหม? เป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันไปเที่ยวกับอาริสะ แล้วก็อีกสองคนน่ะ มันสุดยอดมากเลย พวกเธอสองคนพูดตรงกันเลยว่าไม่เคยเจอผู้หญิงที่น่าหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!”
ไม่ใช่แค่สึมุกิเท่านั้น แต่มิซุฮาระ โคโคโระ เพื่อนสมัยเด็กของอาริสะกับชิซุกุก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนกัน—เป็นคนที่ผู้ชายชอบ แต่ผู้หญิงไม่ค่อยชอบ เลยลองเอาสองคนที่เหมือนน้ำกับน้ำมันมาเจอกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“สึมุกิจังจะไปเที่ยวกับโคโคโระสองคนด้วยกันเร็ว ๆ นี้ใช่ไหมล่ะ?”
“หา!? จริงเหรอ!?”
“อืม โคโคโระจังน่ะ แบบว่าเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ เวลาที่อยู่ด้วยกันเธอจะทำให้ฉันเห็นเลยว่า ‘ตรงนี้แหละที่ฉันทำผิดไป’ เพราะงั้นฉันก็เลยเข้าใจขึ้นมาหน่อยว่าทำไมคนอื่นถึงไม่ชอบฉัน”
อะไรฟะ ความเข้ากันได้นั่นน่ะ?
“โคโคโระจังน่ะ บางทีก็น่าหมั่นไส้สุด ๆ เลยนะ แต่เพราะพูดอะไรกันได้ตรง ๆ ก็เลยรู้สึกโล่งดี”
ก็คือเป็นความสัมพันธ์ที่พูดกันตรง ๆ ได้สินะ
“อ๊ะ แล้วชิซุกุจังจะไปด้วยกันไหม?”
“ไม่มีทาง ฉันไม่ไปเด็ดขาด”
อยากรู้เลยจริง ๆ ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ต้องไปถามอาริสะทีหลังให้ได้
“ว่าแต่สึมุกิก็ไปได้ดีกับชมรมเชียร์ใหม่นี่นา?”
“อื้ม! ดีกว่าที่ผ่าน ๆ มานิดนึงแหละ”
ทำไมคำตอบถึงออกมาแบบนั้นได้เนี่ย ฉันขอหยุดถามรายละเอียดดีกว่า เพื่อนสมัยเด็กของฉันนี่ช่างพิเศษจริง ๆ
แล้วในตอนนั้นเอง—ขณะที่เราสามคนกำลังเดินผ่านตรงนั้น เด็กสาวสามคนจากโรงเรียนอื่นก็เดินสวนผ่านมา คนหนึ่งในนั้น ใบหน้าและรูปร่างของเธอ ฉันจำได้ดี
“ฮินะ!”
ฉันเผลอเรียกเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เด็กคนนั้นหันกลับมา…
MANGA DISCUSSION