[WN]หนุ่มผู้ไม่เชื่อใจใครกับแกลสาวไร้เพื่อน - ตอนที่ 14 ชิโนซูกะ
============================
[อรุณสวัสดิ์ เนียน…ชินโจ? ทำไมนายดูเหนื่อยๆ มีอะไรรึเปล่า?]
[โอ้ โปเมะ…ไม่สิ ชิโนซูกะ มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมันเลยทำให้ผมเหนื่อยนิดหน่อย]
ผมไปโรงเรียนช้ากว่าปกติเล็กน้อย และเมื่อผมเดินออกมาจากบ้านก็ชนเข้าอย่างจังกับชิโนซูกะซัง ผู้ที่ใส่แว่น
ผมคิดว่าเธอก็ออกจากบ้านสายเช่นเดียวกับผม
[โอเค งั้นไปก่อนนะ]
[ไม่ๆ ฉันจะไปกับเธอ]
[ห้ะ?]
ชิโนซูกะร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เช่นเดียวกับที่พี่สาวเธอเคยทำ
มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่พวกเธอจะเหมือนกัน ยังไงพวกเธอก็เป็นพี่น้องกัน
[เอาเป็นว่ารีบไปกันเถอะ ไม่งั้นผมจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้นะ]
[ต…แต่ว่า ถ้าฉันไปกับนาย นายจะ…]
ไม่ว่ายังไงผมก็มีข่าวลือที่ไม่ดีอยู่แล้ว และผมก็ไม่แคร์ด้วยว่าใครจะมาเห็นผมเดินกับชิโนซูกะซัง
[มันสายแล้วนะรู้ไหม แล้วผมก็ไม่แคร์หรอกนะ…เรื่องข่าวลือนะ ตอนนี้ผมอยู่ในอารมณ์ที่…อยากไปโรงเรียนกับเธอเท่านั้น ชิโนซูกะ ว่าแต่…แว่นของเธอ–]
[น…เนียนตะ โอเค ชินโจ แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รับผิดชอบนะ]
เธอเมินคำถามเกี่ยวกับแว่น และมุ่งหน้าไปที่โรงเรียน
ผมก็เมินท่าทางสับสนของเธอและเริ่มพูดคุยแบบปกติที่เราเคยทำกัน
ผมบอกเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่พวกเราแยกย้ายกันกลับบ้าน
ผมคุยกับเธออย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ
[นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ชินโจคุงกำลังจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวแล้วสินะ ฉันอิจฉานายจัง…ตอนนี้ฉันมีปัญหากับการออกไปซื้อของคนเดียวมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยู่คนเดียว ก็จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาชวนฉันคุย]
โปเมโกะ….ไม่สิ ชิโนซูกะซังก็พูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเธอถึงใส่แว่นตามา แต่ตอนนี้เธอไม่ขมวดคิ้วแล้ว…มันเป็นไปได้ไหวว่า ที่เธอขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลานั่นเป็นเพราะ…มองไม่เห็น??
จริงๆตอนที่เธอขมวดคิ้วก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็สวยอยู่แล้ว….
[ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผมต้องย้ายออกจากบ้าน แต่…เอาจริงๆผมยังไม่พร้อมที่จะย้ายออก]
เช้านี้ แม่เลี้ยงผมเอากุญแจบ้านคุณปู่มาให้ด้วยมือที่สั่นเทา…และก็ ยังมีของขวัญปีใหม่ที่ไม่เคยได้ให้มาตลอด 16 ปี
[…ฉันคิดว่าฉันเป็นแม่ที่ดีของพวกเธอไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะคุยกับพ่อเธออีกทีและพวกเราคงได้คุยกันอีกในสักวัน แต่ไม่ว่ายังไงบ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับกลับมาเสมอนะ เข้าใจไหม? เธอจะกลับมาตอนไหนก็ได้…ว่าแต่ทำอาหารเองเป็นใช่ไหม? อย่าลืมที่จะทำความสะอาดบ้านแล้วก็ซักเสื้อผ้าด้วยละ อย่าใช้จ่ายมากเกินไปนะ ออกไปอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?]
บ้านหลังนั้นมีเฟอร์นิเจอร์อยู่เต็มไปหมดและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมากมาย รวมถึงคอมพิวเตอร์เก่าๆที่น่าจะใช้ทำรายงานหรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้สบายๆ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้นก็เพียงพอที่ผมจะสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้แล้ว
แต่ผมกลับคิดผิด…มันมีบางอย่างที่ผมหลงลืมไป และผมต้องไปซื้อมันในวันนี้
[ดังนั้นตั้งแต่เย็นนี้ไปผมก็จะอยู๋ที่บ้านของคุณปู่…ด้วยความสัตย์จริงผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น]
[หืม? ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ? นายมีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับนิยายที่นายเขียนมากขึ้น นายก็รู้ว่ามันต้องใช้สมาธิมากแค่ไหน]
[มันก็ใช่แหละนะ ว่าแต่ ทำไมเธอทำหน้าแบบนั้นละ?]
[ไม่ ไม่ ไม่ ก็แค่…นายก็จะไม่ไปที่ศูนย์อาหารร้างอีกแล้วใช่ไหม? และฉันก็ไม่อยากจะกลับบ้านก่อนเวลาด้วย…]
[…มันก็แค่…]
การที่ผมไปสิงสถิตอยู่ที่ศูนย์อาหารร้างนั้น ก็มีเพราะผมไม่อยากกลับบ้านเท่านั้นแหละ
ความจริงแล้ว เวลาที่ผมได้อยู่กับโปเมโกะ ไม่สิ ชิโนซูกะซัง เป็นเวลาที่ผมสนุกมาก มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากในชีวิตผม
ผมสลัดความคิดในหัว เมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากนักเรียนคนอื่นๆ
มันไม่ใช่สายตาแห่งความเกลียดชัง…แต่เป็นสายตาอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า
[ฉันว่าฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเธอมาก่อน…แต่นี่มันอะไรกัน? เปลี่ยนทรงผมแล้วแต่งชุดนักเรียนอย่างเรียบร้อยหรอ?]
[โอ้พระเจ้า! เธอใส่แว่น….เธอดูน่ารักมากกกก]
[ใช่ โครตน่ารักเลยแม่เ*ด]
[เธอยิ้มหรอ…แม่งรอยยิ้มนางฟ้าชัดๆ]
[พวกหล่อนเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขาตรงนั้นไหม?…เขาหักอกผู้หญิงมาหลายคนแล้วนะเว้ยแก!]
[วันนี้เขาดูหล่อมากเลยแก ผัวฉันๆ!!!]
[หล่อนน่ะหลบไปเลย ฉันจะไม่ยอมแพ้แน่! ฉันจะไปสารภาพกับเขา]
[ได้ยินหรือเปล่า เธอต้องบ้าแน่ๆที่จะไปสารภาพรักกับหมอนั่น]
โอ้…นี่มันเกิดเชี่ยอะไรขึ้นเนี่ย!?!
มันเป็นความจริงที่ชิโนซูกะเปลี่ยนไปเมื่อใส่แว่น แต่…ผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนะเห้ย??
ชิโนซูกะก็ดูสับสนมึนงงกับปฏิกิริยาของคนรอบข้างเช่นกัน
ผมไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นมากนัก ผมทำเพียงเดินต่อไป
[เข้าใจแล้ว…เธอคงเขียนนิยายไม่ได้เพราะอาจจะมีพวกผู้ชายเข้ามาชวนเธอคุยสินะ? ถ้าเป็นไปได้ละก็มาที่บ้านผมสิ มาบ้านผมก่อนก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปศูนย์อาหารด้วยกัน]
นี่ผมพูดบ้าอะไรออกไปเนี่ย!?! คำพูดนี้มันออกมาจากปากของผมได้อย่างไรกัน!!
ใช่…มีหลายคนที่เข้ามาชวนชิโนซูกะคุยแม้ว่าผมจะอยู่กับเธอ แม้ว่าผมจะพยายามกันพวกเขาออก แต่ผมก็ห่วงเช่นกันว่าเธอจะเหงามั้ยนะ?
ชิโนซูกะตอบผมด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
[ว่าไงนะ? ไปบ้านนายเนี่ยนะ? บ้ารึเปล่า! ห้ะ! ฉันไม่ได้เหงาขนาดนั้น รู้ไหม? มันไม่ใช่…ถึงแม้ว่ามันจะจริงก็เถอะที่ตอนมีนายอยู่ก็เหมือนได้ไม้กันหมา มันทำให้ฉันเขียนนิยายได้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก….เฮ้! แล้วนายแน่ใจนะ? ที่จะเชิญฉันไปบ้านนาย ไม่ใช่ว่านายไม่ต้องการยุ่งกับฉันหรอ…ฉันหมายถึง…เราไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ!]
ผมไม่ได้หวังว่าจะได้ยินความคิดเห็นเชิงบวกจากเธอ
ชิโนซูกะก็คิดเช่นกันว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญของผม
มันดูน่ารักอย่างน่าประหลาดที่เธอจะอยากมาบ้านผมทั้งๆที่ยังคงลังเล
ถึงเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่เธอจะมาบ้านผมก็ได้นะ ผมโอเคอยู่แล้ว]
[อา]
ผมมองชิโนซูกะที่ตอบคำถามผมอย่างตรงไปตรงมา
เธอดูแตกต่างจากปกติอย่างแน่นอน แค่ผมไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องการแต่งตัวขิงเธอ
เธอเปลี่ยนทรงผมของเธอ ผมสีบลอนด์ของเธอที่เคยถูกทำให้เป็นลอน ถูกมัดรวบไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ลองคิดดูสิ ว่าถ้ามันเป็นผมสีดำจะเป็นยังไง…ว่าแต่ เดิมผมเธอเป็นสีดำรึเปล่านะ? หรือว่าสีบลอนด์ทองนี่เป็นสีผมเธอตั้งแต่แรกแล้ว…
ถ้ามองที่หน้าเธอตอนนี้ จะรู้ว่าเธอไม่ได้แต่งหน้าเลย…ถึงแม้ว่าเธอจะไม่แต่งหน้า แต่เธอก็น่ารักสมกับอายุของเธอ
และเธอยังแต่งชุดนักเรียนที่ดูเรียบร้อยต่างจากทุกที
…นี่ใช่ชิโนซูกะคนนั้นหรือเปล่าเนี่ย?เธอเปลี่ยนไปมากจนผมไม่นึกว่าเป็นคนเดียวกันจริงๆ เธอดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
เธอสวยเสียยิ่งกว่านางเอกในนิยายที่ผมแต่งซะอีก ทั้ง 2 คนจะแตกต่างกันเพียงชิโนซูกะไม่มีหูแมว…
แต่สำหรับผมแล้ว ชิโนซูกะ คือ ชิโนซูกะ ไม่สิ โปเมโกะ ไม่สิ ชิโนซูกะ…โอ้….นี่มันเกิดบ้าอะไรกับความคิดของผมเนี่ยยยยย
…ผมไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นอย่างไร
ชิโนซูกะพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม
[เอาเป็นว่า! เย็นนี้พวกเราไปห้างใหม่ที่อยู่ทางกลับบ้านฉันกันเถอะ! และก็ซื้อสิ่งที่ชินโจต้องการ! ฉันจะแสดงให้เห็นด้านที่เป็นผู้หญิงของฉัน!]
[อาหะ…ว่าแต่? ด้านที่เป็นผู้หญิงนี่คือ?]
[ช่างหัวมันเถอะ…เอาเป็นว่าตกลงตามนี้]
ผมไม่สนใจคนรอบตัวอีกต่อไป
พวกเรามุ่งหน้าไปที่โรงเรียน ระหว่างนั้นก็พูดคุย(จีบ)กันจนถึงโรงเรียน
**************************
ช่วงเวลานี้ที่โรงเรียนมีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นผมจึงไม่เคยคิดว่าเธอจะมาทักผมในตอนนี้…
[ขอเวลาสักเดี๋ยวสิ….มาโกโตะ ทำไมนายถึงอยู่กับยัยนั่นละ? นายรู้ไหม…ฉันนะ…กำลังรอคำตอบนายอยู่นะ? มันนานมากแล้วนะ…นายจะให้คำตอบฉันได้รึยัง?]
อืม…เธอเป็นใครนะ? คิซารากิใช่ไหมหว่า?
น่าจะเป็นเธอแหละมั้ง? ผมก็จำหน้าเธอไม่ค่อยได้แล้ว…
เธอจ้องมองชิโนซูกะด้วยสายตาที่เหมือนมอง…ขยะหรือสิ่งที่เลวร้ายน่าขยะแขยง
[ทำไมนายถึงอยู่กับยัยนั่น…แทนที่จะเป็นฉัน? มาโกโตะคุง นายรู้ไหม? ว่านายกำลังโดนหลอกนะ! ยัยนั่นนะ…เป็นคนก้าวร้าวนะรู้ไหม? ทั้งยังมีนิสัยห้าวๆแบบทอมบอย และก็…เต็มไปด้วยข่าวลือเลวร้ายทุกรูปแบบ นายรู้ไหม? ว่านายทำแบบนี้ ข่าวลือเหล่านั้นอาจทำให้นายเสียหายด้วยนะ!]
ผมได้ลบตัวตนของเธอออกจากชีวิตของผมแล้วตั้งแต่วันที่เธอโกหกผม…
ผมไม่ใส่ใจในสิ่งที่เธอพูดอีกแล้ว
เพราะผมเคยได้ยินสิ่งนั้นมาก่อน…
ตอนที่ผมยังอยู่ม.ต้น มีครั้งหนึ่งผมลืมของไว้ในห้อง และก็กำลังจะเดินกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อที่จะหยิบมัน
[เธอนี่สุดยอดไปเลยนะ คิซารากิ เขาดูรักเธอมากเลยนะรู้ไหม?]
[ช่าย ช่าย เขาส่งข้อความให้ฉันเยอะมากเลยละ]
[ขอบคุณที่เชื่อใจผม? ขอบคุณที่วางใจผม?]
[เขาน่าตาดีเลยนะรู้ไหม? เขาเอาแต่ตั้งรอการเดทกับฉันล่ะ]
[น่าสนุกจริงๆ น่าสนุกมากๆ]
[ฉันคิดว่ามันคงจะกลับมาเป็นแบบเดิมได้นะ แค่เธอต้องทำเป็นร้องไห้ แล้วพูดว่า [มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ ฉันชอบนายจริงๆ]]
ผมไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าไปในห้องเรียนตอนนั้น
นี่ผมเชื่อยัยผู้หญิงบ้าๆนี่เข้าไปได้ยังไง? สำหรับเธอ..แม้แต่คำว่าเพื่อนก็คงไม่รู้ความหมายมั้ง?
ผมไม่ได้ใช้เวลาคิดเกี่ยวกับมันมากนัก ผมเลือกที่จะปล่อยและลืมมันไป
มันไม่มีอะไรที่จะทำร้ายผมได้อีก เมื่อผมเมินทุกๆคนรอบตัว
เธอคงไม่เคยเข้าใจจิตใจมนุษย์หรอก…เธอคงไม่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาก่อน
ผมไม่แคร์ในทุกสิ่งที่เธอพูดถึงผม
แต่….
[คิซารากิซัง…]
คิราซากิมองมาที่ผมด้วยสายตา…หยาดเยิ้ม?
มันมีบางสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้…เธอพูดยังกับว่าข่าวลือแย่ๆของชิโนซูกะเป็นจริง…
[นี่ๆ ทำไมนายไม่ไปทัศนศึกษากับฉันแทนละ? จูงมือแล้วก็ทำเรื่องสนุกๆไปด้วยกัน!….ฉันเป็นคนเดียวนะที่เชื่อใจนาย!!]
หลังจากที่ผมเข้าเรียนม.ปลาย มิยาซากิ ไซโตะซัง และน้องสาว-ใน-นาม-ของผม พยายามที่จะขอให้ผมยกโทษให้พวกเธอ
มันเป็นความจริงที่มันสายเกินไปแล้วที่จะเข้ามาคุยกับผม แม้ว่ามันจะไม่มีผลอะไรต่อผมแล้วก็ตาม แต่…ผมก็รับรู้ได้ว่าพวกเธอขอโทษผมอย่างจริงใจ
ซึ่งมันแตกต่างอย่าสิ้นเชิงกับการร้องไห้ {ปลอมๆ} ของคิซารากิซังในตอนนั้น
ผมหยุดชิโนซูกะซังที่กำลังจะพูดตอบโต้คิราซากิซัง
นักเรียนหลายๆคนจ้องมองมาที่พวกเรา พวกเราหยุดเดินชั่วคราวตรงทางเดิน
ผมพูดด้วยเสียงที่ดังเท่าที่ผมทำได้
[คิราซากิซัง คุณรู้ไหมว่า คุณเคยทำให้ผมเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกๆคน แล้วบอกว่ามันเป็นเกมลงทัณฑ์? แล้วในตอนนี้คุณยังมาบอกว่าชิโนซูกะซังเป็นคนเลวร้ายตามข่าวลืออีก ขอถามหน่อยเถอะ ต้องการอะไรจากผมอีก มาสอใส่เกือกเรื่องของผมทำไม?]
[อ…เอ๋? มาโกโตะ…นายเข้าใจผิดแล้ว! นายพูดเสียงดังเกินไปแล้วนะ รู้ไหม?]
[คุณยังจำได้ไหม? คุณเคยที่จะหัวเราะกับข้อความที่ผมส่งให้คุณ และทำให้มันเป็นเรื่องตลกน่าสะอีดสะเอียนกับเพื่อนๆ ผมอยากถามจริงๆว่าผมไปทำกรรมอะไรกับคุณไว้ คุณถึงตามมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรกับชีวิตผมขนาดนี้ ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กับคุณในชาติก่อนหรอ? คุณมาบอกผมว่ามันเป็นความเข้าใจผิด ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่า คุณเคยหัวเราะให้กับความรักที่ผมเคยมอบให้คุณ…]
[ฉ…ฉัน ไม่เคยโกหกนายนะ! อย่าทำให้ฉันดูเป็นคนเลวสิ! และ…ใช่…ฉันแค่เป็นห่วงนายและไม่อยากให้นายไปคบค้าสมาคมกับผู้หญิงแย่ๆอย่างยัยนี่]
ผมจำได้ถึงความรู้สึกที่ผมเคยมีในตอนนั้น
ผมไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไร ผมไม่อยากให้ใครก็ตามว่าร้ายชิโนซูกะซังในทางที่ผิดๆ เธอแตกต่างไปจากข่าวลือเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง
ผมจำได้แล้ว…ความรู้สึกที่ผมเคยลืมมันไป
ความรู้สึกที่ผมมีในตอนนี้คือ ความโกรธ
เสียงนักเรียนซุบซิบรอบข้างพวกเราดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เคยหยุดฟังบทสนทนาของพวกเรา
[เกมลงทัณฑ์งั้นหรอ? ถามจริง?]
[เจ้าหญิงแห่งชมรมวรรณกรรมเคยทำแบบนั้นด้วยหรอ…บ้าน่า? มันเป็นจริงหรอ?]
[นายคิดยังไงกับข่าวลือที่ว่าเขาปฏิเสธผู้หญิงมาหลายคนอย่างไม่ไยดี นายคิดว่ามันเป็นเพราะแบบนี้รึเปล่า?]
[ฉันเคยได้ยินมานะว่าข่าวลือเกี่ยวกับชิโนซุกะซังไม่จริงเลย]
[ใช่ ฉันเคยได้ยินมาจากใครไม่รู้ เขาพูดว่าข่าวลือเกี่ยวกับชิโนซูกะซังและชินโจคุงมันไม่เป็นความจริงเลย]
[ฉันก็เคยได้ยินเหมือนกัน]
[ผมด้วยๆ]
ผมเดินเข้าไปกั้นระหว่างชิโนซูกะซังและคิราซากิซังเพื่อปกป้องชิโนซูกะซัง
ผมไม่เคยแคร์เกี่ยวกับข่าวลือของผมอยู่แล้ว
[ผมไม่สนใจว่าใครจะพูดเสียๆหายๆอะไรกับผม แต่…ชิโนซูกะซังเป็นเพื่อน ค-น-สำ-คั-ญ ของผม คุณไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ! อย่ามาพูดเสียๆหายๆเกี่ยวกับชิโนซูกะซังอีก จำไว้]
คิราซากิหน้าบิดเบี้ยวไปอย่างเห็นได้ชัด
มันเป็นใบหน้าเดียวกับที่เธอเคยทำในวันนั้น
[ท..ทำไม? ฉันไม่เข้าใจ ฉันเป็นคนผิดเหรอ? นายน่าจะเป็นผู้ชายที่มืดมนแล้วตอนฉันชวนนายไปเดทกัน นายควรที่จะตอบรับมันนิ? นายเป็นคนนอกใจฉันเองไม่ใช่เหรอ?]
เสียงซุบซิบของนักเรียนรอบๆตัวผมดังขึ้นอีกครั้ง
แต่งวดนี้ดังเสียยิ่งกว่าครั้งแรก
[จริงจัง?]
[น่ากลัวชิบ…]
[ฉันว่า…ฉันเคยได้ยินเหมือนกันว่าเธอสารภาพรักปลอมๆกับใครบางคน]
[ชินโจ นายแม่งโครตเหมือนฮีโร่เลยวะ!]
[เฮ้! พวกนายอะหลบไป ฉันว่าฉันต้องรีบไปหยุดคิราซากิไว้ก่อน เธอควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว…]
[ชินโจ เท่มากกกก…เขาดูเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงเลย]
[อึก มาช่วยกันหยุดคิราซากิหน่อยสิ! พวกหล่อน!]
พวกเราไม่มีอะไรอยากจะพูดอีกแล้ว
ผมหันไปจับมือชิโนซูกะซังที่เย็นเฉียบแล้วพูดออกมา
ผมมองไปที่เธอเพื่อหวังว่าเธอจะก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปกับผม
[ผมพูดได้ไม่เต็มปาหรอกกว่าผมเชื่อใจเธอ…ผมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลยะ ผมไม่รู้ว่าผมต้องพูดอะไร แต่ผมเชื่อว่าเธอน่าจะเข้าใจมันโดยที่ไม่ต้องบอก ผมอยากจะถามเธอว่า เธอจะอยู่เคียงข้างผม และก้าวข้ามผ่านเรื่องเหล่านี้ไปกับผมได้ไหม?]
[ช…ชินโจ…อ…โอเค…ฉันจะอยู่เคียงข้างนาย…เราจะก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ไปด้วยกัน!]
ผมว่าผมมองเห็นเงาของใครบางคน แต่ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมมองเห็นคือ ชิโนซูกะ
ผมว่าผมได้ยินเสียงของคิราซากิสบถด่า แต่ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นก็จบลงอย่างรวดเร็ว
พวกเราเริ่มที่จะเดินก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง โดยไม่หันไปมองข้างหลัง
ตอนที่พวกเราเดินด้วยกัน ผมรู้สึกประหม่าและรีบปล่อยมือเธอ
[มัน..น่าอายมากรู้ไหม! น..เนียนตะ พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันสักหน่อย! ต…แต่พวกเราเป็นแค่..คู่หูนักเขียน….ที่สำคัญ…]
[อ…เอ่อ…ผมพูดอะไรที่มันดูน่าอายมากใช่ไหม? ผมขอให้เธออยู่เคียงข้างผม…]
[ย..อย่าพูดถึงมัน บาก้า ห้องเรียน..ใช่…ห้องเรียน ฉันจะกลับไปอ่านหนังสือในห้องเรียน!]
[อ…อา โอเคร]
โปเมโกะซังจ้องมองมือของเธอที่เคยกุมกับผมเมื่อก่อนหน้านี้
รอยยิ้มเล็กๆปรากฎขึ้น…มันทำให้ผมเกือบหัวใจวาย
มันไม่มีความรู้สึกแย่ๆ…ไม่สิ…มันไม่มีอะไรที่แย่เลยต่างหาก!
ผมยังจมอยู่กับความรู้สึกที่สับสนจนกระทั่งเราเดินถึงห้องเรียน
============================