*ข้อความจากผู้เขียน*
ด้วยการสนับสนุนอันล้นหลามจากทุกท่าน ทำให้นิยายเรื่อง “Monogatari no Kuromaku ni Tensei shite” ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือไลท์โนเวลแล้ว!
ในตอนนี้เองตัวผมก็ยังไม่สามารถแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ได้ แต่เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ผมได้อับโหลดเนื้อหาพิเศษของลิเซีย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่แตกต่างจากเนื้อเรื่องหลักเล็กน้อย แต่ก็หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับมันนะครับ…!
—
ภายในรถม้าขากลับ ลิเซียกำลังเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง เวลาล่วงเลยไปสิบกว่าวันแล้วนับตั้งแต่จากหมู่บ้านแอชตัน ตอนนี้เมืองคลาวเซลก็อยู่ไม่ไกลแล้ว แต่เธอก็ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่างแม้รถม้าจะก้าวผ่านประตูเมืองเข้าไปแล้ว
(…น่าเจ็บใจ)
ความคิดของเธอวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ ลิเซียเธอยังไม่เคยเจอการต่อสู้ที่ทำให้เธอแพ้ราบคาบได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากการที่เธอท้าสู้กับ เร็น แอชตันถึงสองครั้ง และเรื่องพวกนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดกับความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์กับมันมาก่อน
(ครั้งหน้า ฉันจะต้องชนะให้ได้!)
เธอยังคงคิดไม่หยุด แต่เธอก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะชนะได้อย่างไร ก็เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆ ตรงกันข้ามกับ เร็นที่ดูเหมือนว่าเขาจะยังออมมือให้เธอด้วยซ้ำ… เธอยังคงมีช่องว่างมากมาย แม้ว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ตาม
“…อ๊าาาาา!”
เธอทุบกรอบหน้าต่างดัง ปัง! ด้วยสองมือของเธอ เมื่อเห็นดังนั้น ไวซ์ก็เดินเข้ามาใกล้รถม้าจากด้านนอก
“เป็นเรื่องเจ้าหนุ่มคนนั้นหรือครับ?”
“ค่ะ! เป็นแบบนี้มาตลอด—ตลอดเลยค่ะ! ภาพความน่าสมเพชนั้นยังคงอยู่ในหัวไม่หายไปไหนเลยค่ะ! เขาแข็งแกร่งเกินไปจนหนูไม่เข้าใจเลยค่ะ!”
ท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของลิเซียในยามปกติกลับกลายเป็นเด็กน้อยสมวัยในตอนนี้ ซึ่งดูน่ารักน่าเอ็นดู ไวซ์ที่ยังอยู่บนหลังม้า มองดูลิเซียจากหน้าต่างและยิ้มโดยไม่ให้เธอรู้ตัว แต่ไวซ์ก็มั่นใจว่าลิเซียจะไม่มีทางยอมแพ้ และเพื่อพิสูจน์สิ่งนั้น เธอก็กล่าวว่า
“วันนี้หนูขอเข้าร่วมฝึกจนถึงตะวันตกดินเลยนะคะ หนูรู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่รีบฝึกตอนนี้ในอนาคตหนูคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้แน่”
“ครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ!”
ไวซ์ที่ปกติยุ่งมากและไม่ค่อยเข้าร่วมการฝึกกับเธอ กลับตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำให้ลิเซียอารมณ์ดีขึ้นมาก และพึมพำกับตัวเองว่า “ต้องพยายามให้มาก” แต่เมื่อเงียบไป ความทรงจำถึงการต่อสู้กับเร็นก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที
…แต่คราวนี้แตกต่างจากครั้งก่อนเล็กน้อย สิ่งที่ลิเซียจำได้คือการต่อสู้ครั้งแรก
“—ฉันชนะแล้ว”
เธอจำได้ว่าเร็นประกาศชัยชนะอย่างชัดเจน และเขาอยู่ใกล้มากจนเธอสัมผัสลมหายใจของเขาได้
“…”
เธอจำได้ ไม่สิ มันผุดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ตอนนั้นพวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมาก ดวงตาที่จ้องมองลงมาที่เธอ ใบหน้าที่ออกไปทางกลางๆ ของเด็กผู้ชาย แต่กลับมีพลังที่ไม่ได้สัดส่วนกับรูปลักษณ์นั้น
“…”
หลายครั้งที่เธอพ่ายแพ้ให้กับดาบของเขา และเกือบจะหลงใหลในฝีมือดาบของเขา เธอคิดว่าทักษะของเธอน่าจะเหนือกว่า แต่กลับต้องอ้าปากค้างกับความแข็งแกร่งและความดุดันที่เหนือกว่านั้น การที่มันเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวกันกับเธอก็สร้างความตกใจอย่างมาก
“—ฉันชนะแล้ว”
ทันใดนั้น คำพูดของเร็นก็ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง และท่าทางในตอนนั้นก็ผุดขึ้นมาด้วย ทำให้แก้มของเธอร้อนขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว แต่ลิเซียก็ส่ายหัวอย่างแรงและตบแก้มตัวเอง
“อ๊ะ! อะไรเนี่ย! คราวนี้ฉันจะต้องเป็นคนพูดประโยคเดียวกันนั้นให้ได้!”
ในที่สุดฤดูหนาวก็มาถึง ลิเซียที่กลับมาจากหมู่บ้านที่เร็นอาศัยอยู่ ก็ยังคงมุ่งหน้าไปฝึกซ้อมทันทีที่กลับถึงบ้านในวันนี้ เรซาร์ดผู้เป็นพ่อของลิเซียก็ยิ้มเจื่อนๆ พลางคิดว่า “อากาศหนาวขนาดนี้แต่ก็ยังมุ่งมั่นเหลือเกินนะ”
จากนั้น ไวซ์ที่เพิ่งกลับมาถึงคฤหาสน์ไม่นานก็เดินมาหาเขา
“นำรายงานมาส่งแล้วขอรับ”
“เดี๋ยวค่อยอ่าน แล้วคราวนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ลิเซียดูเหมือนจะพัฒนาฝีมือขึ้นมากนะ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พอจะเข้าใกล้ได้บ้างไหม?”
ไวซ์ถูกถามแล้วยิ้มเจื่อนๆ ด้วยท่าทางที่บอกยาก จากนั้นก็ส่ายหน้าและตอบว่า
“เจ้าเด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมากกว่าคุณหนูเสียอีกครับ”
“…หมายความว่าอย่างไร? ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เข้าข้างลูกสาวตัวเอง แต่ฉันก็คิดว่าลิเซียเธอนั้นแข็งแกร่งจนไร้คู่ต่อสู้ในวัยเดียวกันเลยไม่ใช่หรือ?”
“เป็นอย่างที่ท่านกล่าวครับ แต่เจ้าเด็กคนนั้นกลับเหนือกว่านั้นอีกขอรับ”
เรซาร์ดตกใจ เขาลุกขึ้นจากที่นั่งข้างหน้าต่างด้วยความไม่เข้าใจนัก มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นลูกสาวของเขา ลิเซียกำลังฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่นกับอัศวิน
ไวซ์กล่าวว่า “ผมก็กำลังจะไปร่วมด้วยเช่นกันครับ” ทำให้เรซาร์ดพยักหน้า “อืม”
…ว่าไปแล้ว ท่าทางของลิเซียในตอนนี้คุ้นตามาก เธอเองก็คงจะจมอยู่กับการฝึกซ้อมแบบเดียวกันนี้ ตอนที่กลับมาถึงคฤหาสน์หลังจากพบเร็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าความแตกต่างของพลังจะเพิ่มขึ้นตามที่ไวซ์กล่าวไว้ จากท่าทางของลูกสาวที่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกซ้อม เขาพอจะจินตนาการได้ว่าเธอแพ้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างง่ายดาย
“สักวันหนึ่ง ฉันเองก็อยากจะเจอเขาเหมือนกัน”
เขาอยากพูดคุยกับเด็กหนุ่มผู้ที่เหนือกว่าฝีดาบของนักบุญลิเซีย เคลาเซล แม้จะชัดเจนว่าการพบกันเป็นเรื่องยากเนื่องจากความแตกต่างของสถานที่อยู่อาศัย แต่เมื่อคิดว่าอาจจะมีโอกาสได้พบกัน เรซาร์ดก็รู้สึกตื่นเต้น ลิเซียได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงความขอบคุณด้วย
เรซาร์ดมองลูกสาวที่ยังคงพยายามต่อไปไม่ว่าจะหิมะตกหนักเพียงใด และภาวนาว่าความพยายามนั้นจะได้รับผลตอบแทนในสักวันหนึ่ง
—
การฝึกซ้อมที่เริ่มต้นทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน มันดำเนินไปจนถึงกลางคืน ลิเซียที่ฝึกซ้อมเสร็จแล้วก็ดูพึงพอใจ เธออาบน้ำและให้สาวใช้เป่าผมให้
“แพ้ยับอีกแล้วล่ะ แทบจะหัวเราะออกมาเลยนะเนี่ย”
“ถึงอย่างนั้น คุณหนูก็ดูสนุกดีนะคะ”
“…เหรอ? ทั้งที่ฉันก็ยังรู้สึกโมโหตัวเองที่ไร้ประโยชน์อยู่นะ”
“คุณหนูอาจจะไม่คิดอย่างนั้นก็ได้นะคะ ลองมองกระจกดูสิคะ”
ลิเซียมองกระจกตามที่สาวใช้บอก ใบหน้าของเธอในกระจกยิ้มแย้ม ไม่มีร่องรอยความโกรธที่เธอพูดถึงเลย แม้จะถูกบอกว่าอารมณ์ดี เธอก็ปฏิเสธไม่ได้
“คุณหนูอาจจะไม่ทันสังเกต แต่เวลาคุณหนูพูดถึงท่านเร็น คุณหนูดูมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ”
“…ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า”
จากนั้น ลิเซียก็หันหน้าหนีด้วยท่าทางขุ่นเคือง สาวใช้หัวเราะเบาๆ พลางไดร์เวทมนต์เป่าผมให้ลิเซียและรู้สึกเอ็นดูในท่าทางของเธอ
“แต่ว่าสนุกใช่ไหมคะ?”
“นั่นก็—อืม การสู้กับเขามันสอนอะไรหลายๆ อย่าง เลย และมันก็ช่วงเป็นเวลาที่มีความหมายกับฉันมากด้วย”
“ได้ยินมาว่าเขาแข็งแกร่งมากเลยนี่คะ ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่คุณหนูจะสนใจ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แบบนั้น!”
ลิเซียพูดเสียงเบาๆ ว่า “อีกอย่างนะ—”
“ฉันไม่ได้…ต่อสู้กับเขาหลายครั้งเพราะเขาแข็งแกร่งหรอกนะ”
เธอพึมพำด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดู ทำให้สาวใช้รู้สึกประทับใจ นี่ต้องขุดคุ้ยให้ลึกกว่านี้!
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณหนูถึงต้องการต่อสู้กับเขาบ่อยๆ ล่ะคะ?”
“…ความคิดของเด็กคนนั้นน่ะน่าชื่นชม…ถึงจะฟังดูเหมือนวางตัวเหนือกว่า แต่เขาสุภาพกว่าลูกชายของพวกขุนนางที่เคยมาจีบฉันเสียอีก และฉันก็คิดว่าเขาน่าเคารพน่ะ”
“—โอ้โห ว้าวเลยนะเนี่ย”
เมื่อเห็นสาวใช้หัวเราะอย่างสนุกสนานผ่านกระจก ลิเซียก็ทำปากจู๋
“มีอะไรเหรอ?”
“มีอะไรเหรอ? ไม่ใช่แบบนั้นสิคะ คุณหนูจะล้อเล่นใช่ไหมคะ”
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรแบบนั้นเลยค่ะ”
“โกหก! นี่ไง! เธอยิ้มมากกว่าปกติไม่ใช่เหรอ!”
สาวใช้หรี่ตาลงเมื่อเห็นลิเซียหน้าแดงในกระจก ผมของลิเซียที่แห้งแล้วก็พลิ้วไหวอย่างนุ่มนวล เผยให้เห็นความเงางามราวกับผ้าไหม
“บอกมาตามตรงนะ เธอแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเลยค่ะ”
“…ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงยิ้มตลอดเวลาเลยล่ะ?”
ลิเซียที่ยังคงไม่แน่ใจนัก ใบหน้าและลำคอของเธอกลายเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จอย่างแน่นอน แต่มันเป็นเพราะความเขินอายที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้
“ถ้าอย่างนั้น ขออนุญาตนะคะ”
สาวใช้ถามพลางใช้หวีสางผมให้ลิเซีย
“มันไม่ใช่ ‘แบบนั้น’ จริงๆ เหรอคะ?”
‘แบบนั้น’
ลิเซียใช้เวลาหลายสิบวินาทีคิดถึงความหมายของคำนั้น เธอยังคงทำหน้าตาประหลาดใจในขณะที่สาวใช้สางผมให้ แต่ในชั่วพริบตาที่เธอเข้าใจความหมายนั้น เธอก็—
“อ๊าาาา! ก็บอกว่าไม่ใช่ ‘แบบนั้น’ ไง!”
เธอพูดปฏิเสธอย่างอ่อนแรง ใบหน้าและลำคอก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
—
*ข้อความจากผู้เขียน*
ตั้งแต่การอับโหลดครั้งหน้าเป็นต้นไป ผมจะอัปเดตเนื้อหาหลักของบทที่ 2 ต่อไปครับ
ผมจะพยายามทำให้ตัวละครที่ปรากฏตัวไปแล้ว รวมถึงตัวละครใหม่ๆ ที่กำลังจะออกมา น่าสนใจยิ่งขึ้นครับ
ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกท่านติดตามผลงานของผมต่อไป ดังนั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ…!
นอกจากนี้ หากไม่เป็นการรบกวน ก็สามารถติดตาม Twitter ของผมได้นะครับ ผมอาจจะมีการแจ้งข้อมูลอัปเดตงานเขียน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการตีพิมพ์หนังสือบน Twitter ของผมด้วยในอนาคต ดังนั้นโปรดติดตามด้วยนะครับ
*ข้อความจากผู้แปล*
จะพยายามแปลเรื่องนี้ให้จบบทที่ 2 ก่อนนะครับ ส่วนใครที่รอเรื่อง ‘โรลเพลย์เป็นแม่มด’ ก็รอก่อนนะครับ!
MANGA DISCUSSION