ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ดินแดนบารอนเคลาเซลถูกคุกคามอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นั่นคือการกระทำของไวเคานต์กิฟเวน ผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลดินแดนข้างเคียงจากองค์จักรพรรดิ เพราะเขากำหนดให้บารอนเคลาเซลเป็นเป้าหมายของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ
หมู่บ้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลแอชตันซึ่งตั้งอยู่ชายแดนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และในเวลานั้น ลิเซีย เคลาเซลล ธิดาผู้เป็นลูกสาวคนเดียวของเรซาร์ด บารอนแห่ง เคลาเซล ก็ได้อยู่ในหมู่บ้านนั้น
ลิเซียถูกลักพาตัวไปโดยแผนการร้ายของไวเคานต์กิฟเวน เธอป่วยหนักและเกือบจะเสียชีวิต แต่สุดท้าย…เธอก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความพยายามของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า เร็น แอชตัน
บางครั้งเขาใช้ไหวพริบ และบางครั้งก็ใช้พลังที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เพื่อปกป้องลิเซียไว้เพียงลำพัง
แต่เร็นก็ต้องแลกมาด้วยบาดแผลฉกรรจ์ที่ติดตัวเขา เรซาร์ดสัญญาว่าจะให้เร็นพักฟื้นอยู่ที่คฤหาสน์เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาปกป้องลูกสาวของตน
ด้วยความพยายามนั้น หลังจากผ่านไปสองเดือนกว่าๆ เร็นก็มั่นใจว่าเขานั้นหายดีแล้ว
“ดีล่ะ น่าจะโอเคแล้ว”
เร็นพึมพำขณะอยู่บนเตียง ผมสีดำปนน้ำตาลของเขาสยายไปตามลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่าง พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีโครงหน้าเป็นกลางๆ
เขาพอใจและลุกขึ้นยืน เดินไปใกล้ๆหน้าต่างของห้องรับรอง เมื่อมองออกไปข้างนอกเขาก็เห็นลิเซียกำลังฝึกซ้อมตอนเช้าอย่างขะมักเขม้น
(ต้องรักษาสัญญา)
เขายังมีสัญญากับลิเซีย เร็นยังกลับหมู่บ้านไม่ได้จนกว่าจะสู้กับเธออีกสองสามครั้งตามสัญญา แม้ว่าตอนนี้จะผ่านเดือนมิถุนายนไปแล้ว และวันเกิดของเร็นก็ผ่านไปแล้วโดยไม่รู้ตัว และเขาก็ไม่อยากเป็นคนโกหก
(ขอบคุณยาฟื้นฟูและอุปกรณ์เวทมนตร์)
ขอบคุณสิ่งเหล่านั้นที่ช่วยให้กล้ามเนื้อของเร็นเสื่อมถอยน้อยที่สุด และเขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว ด้วยเหตุนี้ เร็นจึงเดินไปรอบๆ คฤหาสน์เพื่อทำกายภาพบำบัด และบางครั้งก็ได้ไปเดินเล่นในสวนตามคำแนะนำของลิเซีย
“จะทำอะไรดีนะ?”
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า เร็นก็ออกจากห้องรับรองเพียงลำพัง และเดินไปตามทางเดินที่เขาคุ้นเคยเมื่อไม่นานมานี้ ต่างจากคฤหาสน์ที่เร็นเคยอยู่ พื้นของคฤหาสน์แห่งนี้ให้สัมผัสที่นุ่มนวลเวลาเดิน นั่นเป็นเพราะพื้นพรมที่ปูอยู่ทั่ว ซึ่งนุ่มนวลต่อเท้าของเร็นที่บาดเจ็บ
“หืม หนุ่มน้อย?”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเร็น เจ้าของเสียงคือไวซ์ที่เดินมาจากอีกฝั่งของทางเดิน แม้ว่าเขาจะยุ่งอยู่กับงานประจำวันในฐานะหัวหน้าอัศวินของตระกูลเคลาเซล แต่เขาก็ยังช่วยเร็นทำกายภาพบำบัดทุกวัน
“ท่านไวซ์ สวัสดีครับ”
“อ่า สวัสดี…แต่หนุ่มน้อย ร่างกายเจ้าดีขึ้นแล้วหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ ผมได้รับการวินิจฉัยว่าใกล้จะหายดีแล้วตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันก่อน และตอนนี้ร่างกายผมก็เบาเหมือนเดิมแล้วครับ”
“…อ่า นั่นดีแล้วล่ะหนุ่มน้อย!”
ไวซ์พยักหน้าด้วยความโล่งใจอย่างแท้จริง เขายังคงเสียใจกับวันที่หมู่บ้านของเร็นถูกโจมตี และแม้ว่าเร็นกับลิเซียจะรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ยังต้องการให้มีการลงโทษตนเองอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นไวซ์ไม่ได้อยู่ใกล้ลิเซียเพราะคำสั่งของเธอ ลิเซียเองก็บอกเล่าเรื่องราวต่างๆด้วยตัวเอง และยืนยันว่าไม่มีทางที่จะมีการลงโทษใดๆ
“แล้ว…กินอาหารเช้าหรือยัง?”
“ครับ ผมทานในห้องตามปกติครับ ตอนนี้เลยว่าจะออกไปออกกำลังกายข้างนอกครับ”
“ออกกำลังกายอะไร?”
“ถ้ายังไม่เริ่มขยับร่างกายตอนนี้ผมว่าอนาคต ผมคงดูไม่จืดแน่ๆครับ”
ไวซ์ทำหน้างง “หืม?” แต่ก็สังเกตเห็นเร็นที่มองออกไปนอกหน้าต่างทันที
“อ๋อ เข้าใจแล้ว จะไปสู้กับคุณหนูหรือ? แต่เจ้าไม่ต้องฝืนตัวเองนะ ท่านเจ้าบ้านเองก็พูดแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไม่ฝืนตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว… ”
“อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ท่านลิเซียนานกว่านี้แล้ว”
จริงๆ แล้วเร็นดูการฝึกของลิเซียทุกวัน ที่ด้านล่างของหน้าต่างห้องรับรอง มีลานที่เธอฝึกซ้อมเป็นประจำทุกเช้า เร็นที่เฝ้าดูอยู่ก็มักจะสบตากับเธอและโบกมือให้กันทุกวัน
“—ผมสัญญากับเธอไว้ว่า ถ้าเรากลับมาเคลาเชล ด้วยกันได้ เราจะต้องสู้กันอีกครั้ง ครับ!”
เร็นพึมพำเช่นนั้น และลิเซียก็สังเกตเห็นเขา หลังจากฝึกเสร็จช่วงหนึ่ง เธอก็โบกมือให้เร็น
—
เมื่อออกจากคฤหาสน์และเดินเข้าไปใกล้ลานกว้าง ลิเซียก็วิ่งเข้ามาหาด้วยฝีเท้าเบาๆ กระโปรงของชุดสีขาวที่เธอสวมตอนฝึกซ้อมสะบัดเล็กน้อยตามลม ชุดนั้นเป็นชุดเดียวที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์เมื่อตอนที่คฤหาสน์แอชตันถูกไฟไหม้
เมื่อเร็วๆ นี้ รอยและมิเรย์มาที่เคลาเซล และด้วยเหตุผลนั้น ชุดนี้จึงถูกส่งคืนให้กับลิเซีย …ชุดนั้นเป็นของที่ระลึกจากแม่ของลิเซีย เธอจึงดีใจมาก—แต่
“อึก—”
ลิเซียหยุดเท้าทันทีและถอยห่างจากเร็น เมื่อเร็นสงสัยว่าทำไม เธอก็หยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บนม้านั่งใกล้ๆ และเริ่มเช็ดเหงื่อ
ท่าทางที่น่ารักของเธอทำให้อัศวินที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะเบาๆ
“หืม…เป็นภาพของคุณหนูที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะครับ”
ไวซ์พูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีความสุข
เร็นยิ้มอย่างขมขื่นและสูดอากาศภายนอกเข้าไปเต็มปอด สวนของคฤหาสน์แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี การสูดหายใจลึกๆ ก็ทำให้รู้สึกสบาย นอกจากนี้ สีเขียวเองยังช่วยบำรุงสายตาได้ดี และการฝึกที่นี่คงจะรู้สึกดีไม่น้อย
“เร็น!”
จากนั้นลิเซียที่เช็ดเหงื่อเสร็จแล้วก็วิ่งเข้ามาหาเร็นด้วยก้าวเล็กๆ ผมของเธอที่มีสีเงินบริสุทธิ์แซมด้วยสีม่วงเหมือนควอตซ์อะเมทิสต์ ก็กลับมาเงางามดุจแพรไหม ไม่เหมือนกับตอนที่กำลังหลบหนี
ใบหน้าที่ประณีตงดงามของเธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากการผจญภัยครั้งนั้น เธอพูดกับเร็นด้วยรอยยิ้มที่น่ารักราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า
“สบายดีแล้วเหรอ? ไม่ได้ฝืนตัวเองใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ช่วงนี้ผมเดินได้เองโดยไม่ต้องมีใครช่วยแล้ว แถมยังวิ่งได้สบายๆ เลยด้วย”
“ก็…ก็จริงนะ!”
ลิเซียทำหน้าบึ้งและเบะปาก
“แค่เป็นห่วงน่ะ แล้วออกมาข้างนอกทำไม? มาเดินเล่นเหรอ?”
“เปล่าครับ ไม่ได้มาเดินเล่น แค่อยากจะขยับตัวหน่อยครับ”
“ขยับตัว ทำอะไรเหรอ?”
“ก็…เพื่อเตรียมตัวสู้กับท่านลิเซียไงครับ เลยคิดว่าต้องจับดาบอีกครั้งหลังจากไม่ได้จับมานานแล้วล่ะครับ”
พูดจบ เร็นก็เดินผ่านลิเซียที่อึ้งไปข้างๆ และเดินตรงไปยังลานกว้าง ที่มุมหนึ่งของลานมีชั้นวางดาบฝึกซ้อมวางอยู่หลายเล่ม เร็นเลือกดาบที่มีความยาวเหมาะสมกับร่างกายของเขาจากชั้นวางนั้น
“จริงเหรอ! จะสู้กับฉันจริงๆ เหรอ! ไม่ได้โกหกใช่ไหม!?”
“ผมสัญญากับท่านลิเซียไว้แล้วนี่ครับ แต่คงต้องรอให้ผมกลับมาคุ้นเคยกับดาบก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงแพ้ง่ายๆ”
“เหรอ? แต่ฉันว่าเร็นก็เก่งพอแล้วนะ”
“คือ…ท่านลิเซียไม่ได้เร่งผมใช่ไหมครับ?”
“แน่นอนสิ เมื่อกี้แค่พูดถึงความแตกต่างของฝีมือเท่านั้นเอง”
คำพูดของลิเซียทำให้อัศวินที่อยู่ใกล้ๆ งุนงง
…คุณหนูพูดแบบนั้นโดยไม่เสียใจเลยเหรอ!
…อืมม นั่นหมายความว่าเร็นแข็งแกร่งมากสินะ
…ท่านไวซ์ก็ยอมรับไม่ใช่เหรอ? น่าสนใจจริงๆ
เหล่าอัศวินต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นเร็นฟันดาบไม่แพ้ลิเซีย พวกเขาอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่า เร็น แอชตัน ที่ร่ำลือกันว่านั้น จะเก่งกาจขนาดไหน
เร็นจับดาบเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ข้างๆ พวกเขาที่กำลังคุยกันอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยถนัดนัก ความรู้สึกตอนจับดาบแตกต่างจากดาบเวทไม้และดาบเวทเหล็กสิ้นเชิง มันมีความรู้สึกแปลกๆ
(ช่วยไม่ได้)
เร็นทนเอาแล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนที่สวมกำไลสำหรับเรียกดาบเวท
“ทำไมถึงมีกำไลเหมือนเดิมเลยล่ะ?”
“พ่อแม่หาของที่คล้ายกันมาให้น่ะครับ เลยเป็นของปลอมน่ะ”
“อืมม…อย่างนั้นเหรอ”
แน่นอนว่านี่เป็นคำโกหก แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถสวมกำไลนี้ได้ ส่วนกริชที่ลิเซียเคยบอกว่าจะมอบให้เรน ดูเหมือนจะไม่มีของแบบนั้นในโกดังของคฤหาสน์ เธอจึงกระตือรือร้นที่จะหาของชิ้นอื่นมามอบให้แทน
(เอาเป็นว่า ลองดูนิดหน่อยก่อน)
เร็นคิดจะฟันดาบจึงถอยห่างจากลิเซียเล็กน้อยและแกว่งแขนเบาๆ การจับดาบของเขายังไม่ถนัด แต่ความรู้สึกตอนฟันดาบก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก
เขาก็ยังคงเคลื่อนไหวราวกับว่ามีคู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า โดยนึกภาพเป็นหมาป่าและใช้เท้าเคลื่อนไหวพร้อมกับฟันดาบอย่างคล่องแคล่ว ทันใดนั้น เสียงแหวกอากาศก็ดังไปทั่วลาน
สนามหญ้าสีเขียวขจีที่ปูอยู่บนพื้นลานสั่นไหวตามแรงลมที่เกิดจากแรงดาบ
“อึก…โอ้”
ไวซ์ร้องคราง เหล่าอัศวินพากันอึ้งไปเมื่อรู้ว่าเร็นแข็งแกร่งเกินกว่าที่คิด และจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ ส่วนลิเซียยืนกอดอกมองด้วยความพอใจ
(ไม่ได้เฉื่อยชาอย่างที่คิด)
ในขณะที่หลายคนประหลาดใจ เร็นก็เพิ่มความเร็วในการฟันดาบอีก การฟันดาบก็คมขึ้น และปล่อยแรงกดดันที่เข้าปะทะผิวหนังของทุกคนอย่างชัดเจน
“เร็น”
เมื่อดาบของเขาหยุดนิ่ง ลิเซียก็เดินเข้ามาใกล้และเรียกเขา
“อาการเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ต่างจากตอนก่อนที่จะล้มเลยครับ…ยังไม่เข้าที่เต็มที่ แต่ก็ขยับตัวได้ดีพอสมควรแล้วครับ”
“ดีแล้ว…สงสัยเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ของฉันก็คงมีผลด้วยสินะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เร็นก็นึกย้อนไป
ตอนที่เขานอนพักอยู่บนเตียง ลิเซียที่มาเยี่ยมห้องรับรองบ่อยๆ ก็ใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ให้เขาอย่างขยันขันแข็ง และด้วยผลของเวทมนตร์นั้น ประกอบกับยาฟื้นฟูต่างๆ ทำให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้น
(แล้วก็พลังกายเพิ่มขึ้น (เล็กน้อย) ด้วยสินะ)
ด้วยความที่ร่างกายของเขาขยับได้มากกว่าที่คิด เร็นจึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น—”
“ถ้าแค่เบาๆ ผมจะลองสู้กับท่านลิเซียสักครั้งไหมครับ”
“…เอ๊ะ?”
“แต่ขอเป็นแค่กายภาพบำบัดนะครับ เพราะผมยังขยับตัวได้ไม่เท่าเดิม”
ในขณะที่ลิเซียที่ประหลาดใจพูดไม่ออก ไวสก็เปิดปากพูดแทน
“หนุ่มน้อย! ยังเร็วไปไม่ใช่รึ!?”
“ผมไม่เป็นไรครับ แค่เบาๆ เท่านั้นเอง”
เขาบอกว่าจะไม่ฝืนตัวเอง และพร้อมที่จะสู้กับลิเซีย ลิเซียที่ทั้งดีใจครึ่งหนึ่งและประหลาดใจครึ่งหนึ่งจากคำพูดของเร็น ก็ยิ้มอย่างขมขื่น
“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรจริงๆ?”
เร็นพยักหน้าตอบ
“งั้นวันนี้ก็เป็นการกายภาพบำบัดเบาๆ นะ ไม่ใช่การต่อสู้ แค่ออกกำลังกายเล็กน้อยเท่านั้น ดีไหม?”
เร็นที่ถูกตำหนิอย่างใจเย็น กลับทำหน้าไม่พอใจและเกาแก้ม แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปหลังจากนั้นเอง เมื่อทั้งสองคนจับดาบฝึกซ้อมกัน และก่อนที่ไวซ์จะให้สัญญาณเริ่มต้น
“ขอเบาๆ …นะครับ”
ลิเซียมองเร็นที่พูดแบบนั้น และประหลาดใจที่เขาแสดงพลังออกมาไม่ต่างจากเมื่อก่อน…ไม่สิ มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก เธอตระหนักว่าเขาเติบโตขึ้นอีกขั้นหลังจากศึกครั้งนั้น
และเธอก็คิด ในขณะที่เพิ่มความตึงเครียดต่อหน้าแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากเขา
“… ‘ขอเบาๆ นะคะ’ นั่นน่าจะเป็นคำพูดของฉันมากกว่านะคะ”
ความแข็งแกร่งของเขาที่ปกป้องฉันไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้จะผ่านไปนานแล้วก็ตาม!
MANGA DISCUSSION