ตอนที่ 38 Special Episode: Legend of the Seven Heros III (DLC: Claussell Incident)
|ตอนนี้จะเปิดเผยถึงเบื้องหลังของเรื่องราวในเกมที่ไม่ได้กล่าวถึงในบทแรก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะยังคงอยู่ในขอบเขตของบทแรก
นอกจากนี้ จะมีการประกาศกำหนดการอัปเดตเนื้อหาหลักในตอนท้าย ดังนั้น หากคุณสนใจ โปรดอ่านจนจบ|
###
“ถึงผู้เล่นทุกท่านที่เคลียร์เกม ‘ตำนานเจ็ดวีรบุรุษ I, II, III’ เราขอมอบ ‘[เนื้อหาพิเศษ: การเปลี่ยนแปลงของเคลาเซล]’ คุณต้องการที่จะเริ่มดาวน์โหลดหรือไม่? <<ใช่>>/ไม่”
――――
――
“ดาวน์โหลดเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณต้องการเนื้อหาพิเศษหรือไม่? <<ใช่>>/ไม่”
――――
“กำลังเริ่ม ‘[ตำนานเจ็ดวีรบุรุษบทพิเศษ <การเปลี่ยนแปลงของเคลาเซล>]'”
—
นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่เร็น แอชตันจะเกิด
ในห้องสมุดหลวงอันน่าภาคภูมิใจของเลโอเมล มีสถานที่ที่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ในชั้นใต้ดินสุดของห้องสมุดหลวงและสถานที่แห่งนั้นมีชื่อว่า คลังหนังสือต้องห้าม ซึ่งเป็นสถานที่พิเศษที่เก็บเอกสารที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง และ ตำรเวทมนตร์ ที่มีค่า ปกติแล้วไม่มีใครแวะเวียนมาที่นี่เลย แต่มีคนหนึ่งที่ย่างกรายเข้ามาเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
และเขาคือ ไวเคานต์กิฟเวน ขุนนางจากฝ่ายวีระบุรุษและผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบเอกสารบางอย่างตามคำสั่งของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
“นี่… อะไรกัน?”
แต่เขากลับพ่ายแพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็นและหยิบหนังสือหลายเล่มในคลังหนังสือต้องห้ามมาอ่าน
และหนังสือเล่มหนึ่งสะดุดตาเขาด้วยชื่อเรื่องว่า ‘การเดินทางของนักผจญภัย…แอชตัน…’
มันเป็นหนังสือที่เก่ามากอยู่ในชั้นวาง ดูสกปรกและทรุดโทรมจนแทบจะอ่านเนื้อหาข้างในไม่ได้เลย
แต่เขาก็ยังคงอ่านมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หน้าส่วนใหญ่ถูกปิดทับด้วยสีดำจนอ่านไม่ออก
ชื่อเรื่องก็ธรรมดามาก แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เขาสงสัย แต่ก็อ่านต่อไม่ได้เพราะมีแต่หน้าสีดำ
ขณะที่ไวเคานต์กิฟเวนกำลังจะเลิกอ่านและปิดหนังสือ…
“หืม?”
ในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าที่มีตัวอักษรที่สามารถอ่านได้
แต่กลับมีเพียงชื่อสถานที่หลายแห่งเรียงต่อกันโดยไม่มีความหมายอะไรเลย
ไวเคานต์กิฟเวนจดจำชื่อสถานที่ที่เรียงต่อกันทั้งหมด นี่เป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของเขา เขาจดจำเนื้อหาในหนังสือที่อ่านได้อย่างรวดเร็ว
…อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นหนังสือต้องห้าม เขาก็ไม่ได้สนใจชื่อสถานที่ที่เรียงต่อกันมากนัก
ท้ายที่สุด เขาก็ปิดหนังสือและพึมพำว่า “ไร้สาระ” แล้ววางมันกลับคืนที่เดิม
หลายเดือนหลังจากที่เขาอ่านหนังสือลึกลับในคลังหนังสือต้องห้าม สถานการณ์รอบตัวของไวเคานต์กิฟเวนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนก่อนพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทางการเมืองและถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ด้วยเหตุนี้ ไวเคานต์กิฟเวนจึงสูญเสียตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และเขาตัดสินใจออกจากเมืองหลวงและกลับไปยังดินแดนของตนเอง
เขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถต่อสู้ในเมืองหลวงในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของฝ่ายวีระบุรุษ แต่เขาก็ตระหนักว่าการอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร จึงยอมรับความจริงและพยายามสร้างฐานะใหม่ด้วยการพัฒนาที่ดินของตนเองให้มั่งคั่ง
“…แบบนี้มันจะดีเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม ไวเคานต์กิฟเวนยังคงมีข้อสงสัย
เขาพึมพำขณะมองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนตกหนักในห้องทำงานในคฤหาสน์
ท้องฟ้าสีเทาเริ่มมืดลงเมื่อเข้าใกล้ตอนกลางคืน
“ไม่สิ มันต้องไม่ดีแน่”
เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของฝ่ายวีระบุรุษที่ให้ความสำคัญกับการขยายอำนาจเป็นพิเศษ และเชื่อว่าเพื่อแบ่งปันความเท่าเทียมกัน ที่แท้จริงกับประชาชนในที่สุด จะต้องทำให้ฝ่ายของราชวงศ์นั้นเสื่อมอำนาจลง แต่เขากลับมาทำอะไรอยู่ที่นี่?
“ถ้าเพียงแต่… เรามีโอกาสที่จะเสริมสร้างอำนาจของฝ่ายวีระบุรุษ…”
เขาแน่ใจว่าขุนนางคนอื่น ๆ ในฝ่ายเดียวกันเองก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
แต่พวกเขาคงกำลังกังวลเฉยๆ และยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นอย่างไร
เขาต้องการหลีกเลี่ยงการเสียเวลาไปเปล่าๆ เหมือนคนส่วนใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มาร์ควิสอิคนาต ซึ่งเป็นหัวหอกใหญ่ของฝ่ายราชวงศ์ กำลังมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งฝ่ายวีระบุรุษจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะสามารถถอดเขี้ยวของมาร์ควิสอิคนาตได้
“ขออนุญาตครับ ท่านไวเคานต์ นี่ครับ”
งานก็เข้ามาหาไวเคานต์กิฟเวน
อัศวินยื่นรายงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินให้เขา เขาจึงหันไปที่โต๊ะทำงาน
เขาทำงานที่คุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว และตามปกติก็แค่ถอนหายใจเมื่อเสร็จสิ้น
—วันนี้ก็ควรจะเป็นแบบนั้น—
“หืม?”
แต่เขาต่างจากปกติ เขาไม่ได้วางปากกาเมื่อทำงานเสร็จ แต่จ้องมองตัวอักษรที่เขียนในรายงานอย่างตั้งใจ
ชื่อสถานที่ที่ระบุไว้ก็เหมือนเดิม เป็นชื่อที่ปรากฏในแผนที่ตามปกติ
แต่เขากลับจ้องมองเอกสารนั้นอย่างตั้งใจ ความรู้สึกของตัวเอง และเหตุผลทั้งหมดนั้น เขาก็ไม่เข้าใจ
เมื่อใดไม่รู้ เขาก็จ้องมองชื่อสถานที่ที่เขียนในเอกสารอย่างเหม่อลอย และสติของเขาก็พุ่งเป้าไปที่สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว
“ใช่… แล้ว”
เขาตระหนักถึงเหตุผลที่ทำเช่นนี้หลังจากนั้นประมาณสิบกว่านาที
เขาคิดถึงสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือที่อ่านในคลังหนังสือต้องห้ามในห้องสมุดหลวงเมื่อไม่นานมานี้
เขาจำชื่อสถานที่ที่เรียงต่อกันซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงการเรียงลำดับที่ไม่มีความหมายได้
เหตุผลที่เขาไม่สังเกตเห็นมาก่อนก็เพราะชื่อสถานที่เหล่านั้นได้เปลี่ยนไปหลายครั้งในประวัติศาสตร์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครอง
เมื่อเขาดูแผนที่และนึกถึงชื่อสถานที่เก่า ๆ เขาก็เข้าใจในที่สุด
“จากเมืองหลวงไปใกล้ภูเขาบาลดอร์ ลงใต้… แล้วไปทางตะวันตกอีก…”
เมื่อใดไม่รู้ ไวเคานต์กิฟเวนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและหยิบแผนที่ขนาดใหญ่บนชั้นวางหนังสือ
เขากางแผนที่ออกและมองไปที่เขตแดนของบารอนคลาวเซลซึ่งอยู่เลยภูเขาบาลดอร์ไปอีก
เขาดึงเอกสารที่มีข้อมูลชื่อสถานที่เก่า ๆ ออกมา และเปิดมันไปพร้อมกับเทียบกับแผนที่
“จากตรงนี้ไปทางตะวันตกอีก…สินะ”
เขานึกถึงชื่อสถานที่ที่เขียนไว้ในหนังสือต้องห้าม และเลื่อนนิ้วไปตามแผนที่ขณะฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัว
…ในที่สุด นิ้วของเขาก็หยุดลง
เขานึกถึงชื่อสถานที่ที่สามารถยืนยันได้จากหนังสือต้องห้ามทั้งหมด และสุดท้ายก็วางนิ้วลงบนสถานที่แห่งหนึ่ง
เขายังใช้ปากกาทำเครื่องหมายไว้ให้เห็นชัดเจนอีกด้วย
ที่นั่นคือ ‘ป่าสุดขอบโลก’ ในอดีต ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลที่หายากแม้แต่ในเลโอเมล
แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในเขตแดนของบารอนเคลาเซล แต่ก่อนหน้านั้นมันไม่ใช่ที่ดินของใครเลย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดินแดนจักรวรรดิเลโอเมลเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ เหตุใดจึงมีการกล่าวถึงสถานที่แห่งนี้ในหนังสือต้องห้าม
และทำไมป่าสุดขอบโลกจึงถูกกล่าวถึงเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทางที่เริ่มต้นจากเมืองหลวงและค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ห่างไกล
“ทำไมกัน…? นักผจญภัยที่ชื่อแอชตันคนนั้นทำไมถึงมุ่งหน้าไปที่นั่น?”
โดยปกติแล้วเขาจะไม่สนใจ
นักผจญภัยก็เป็นเพียงแค่คนผจญภัยที่สังกัดกิลด์เท่านั้น
เขาไม่สนใจเรื่องราวการผจญภัยที่คนแบบนั้นเขียนขึ้นเป็นพิเศษ
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนังสือที่อยู่ในคลังหนังสือต้องห้าม
ดังนั้น ไวเคานต์กิฟเวนจึงสนใจและอยากรู้ที่มาที่ไปของนักผจญภัยแอชตันคนนั้นมากจนทนไม่ไหว
“ไม่เข้าใจเลย”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลมีน้อยเกินไปที่จะคิดต่อ
ในที่สุดเขาก็เหนื่อยจากการคิดมากเกินไป ไวเคานต์กิฟเวนจึงนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งและถอนหายใจ
เขาสั่นกระดิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ และเรียกอัศวินมาเพื่อมอบเอกสารที่เขาตรวจสอบเสร็จแล้ว
—
หนึ่งปีผ่านไปไวเคานต์กิฟเวน ได้รับจดหมายที่น่ารำคาญจากหัวหน้าฝ่าย เนื้อหาโดยสรุปคือ ให้จัดการกับตระกูลเคลาเซล มีการระบุว่า บารอนเคลาเซล เป็นขุนนางที่มีความสามารถเกินกว่ายศศักดิ์ของตนเอง และแม้ว่าจะเป็นกลาง แต่ก็อาจจะกลายเป็นอุปสรรคในอนาคตได้
ไวเคานต์กิฟเวนถอนหายใจและเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรดี
—สุดท้ายแล้ว วิธีที่เขาเลือกคือ วางแผนใส่ร้ายตระกูลเคลาเซล
แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่แผนนี้จะทำให้ฝ่ายของเขาไม่ถูกสงสัยว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง และยังอาจดึงตระกูลเคลาเซลเข้ามาในฝ่ายวีระบุรุษได้อีกด้วย เพื่อการนี้ เขาใช้เวลาสร้างความร่วมมือกับเอลฟ์คนหนึ่ง เอลฟ์ผู้ถูกเนรเทศนามว่า ‘เยลคุคุ’
การได้พบกันกับ เยลคุคุ นั้นเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแท้จริง อัศวินของไวเคานต์กิฟเวนได้ออกจากเขตปกครองของเขาและเดินทางไปยังกิลด์นักผจญภัย ที่นั่น เขาได้ปกปิดตัวตนว่าเป็นคนของไวเคานต์กิฟเวน และก็กำลังหานักผจญภัยที่จะเป็นกำลังสำคัญในการโค่นล้มตระกูลเคลาเซล
แต่โดยปกติแล้ว การจะหาคนแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แม้จะหาได้ง่าย ก็จะยังน่าสงสัยว่าจะเชื่อถือได้หรือไม่
แต่เยลคุคุได้ติดต่อกับอัศวินของไวเคานต์กิฟเวน โดยบังเอิญ เพราะเยลคุคุที่พยายามเอาชีวิตอัศวินคนนั้นเกิดสนใจขึ้นมาและขอให้เล่าเรื่องให้ฟัง อัศวินยอมเปิดเผยตัวตนด้วยความหวังจะรอดชีวิต และนั่นคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง
“ท่านไวเคานต์ ข้าชอบการฆ่า”
อัศวินถูกข่มขู่ให้พาเยลคุคุไปหาไวเคานต์แทนการไว้ชีวิต เขาก็ทำตามอย่างเชื่อฟังและพาเยลคุคุกลับไปหาไวเคานต์กิฟเวน ที่นั่น เยลคุคุได้กล่าวเช่นนี้:
“เมื่อตอนเด็กๆ ข้าเคยเหยียบแมลงจนตาย และรู้สึกถึงความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่ความสนใจนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงเริ่มฆ่าสัตว์เล็กๆ แต่ไม่นานมันก็เบื่อ ข้าจึงลงมือกับลูกหลานของเผ่าพันธุ์เดียวกัน”
เยลคุคุบอกว่าเขารู้สึกถึงความสุขยิ่งกว่าที่เคยสัมผัสมา เมื่อใดไม่รู้ เขาก็เริ่มคิดว่า “ข้าเกิดมาเพื่อฆ่า!” และพบความหมายของการมีชีวิตอยู่เพียงแค่นั้น ไม่มีเป้าหมายอื่นใด แค่อยากฆ่าเท่านั้น เมื่อเยลคุคุเล่าความรู้สึกนี้ ไวเคานต์กิฟเวนก็ยิ้มมุมปาก
“การฆ่าโดยมีขุนนางเลี้ยงดูจะมีค่าอะไร?”
“อาจจะมี ข้าไม่เคยสัมผัสประสบการณ์นั้นมาก่อน แต่ข้าอยากลองสัมผัสความสนุกนั้นให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้าจะรับค่าตอบแทน”
“เจ้าต้องการอะไร?”
“เงิน และก็ข้อมูล”
เยลคุคุต้องการเงินและข้อมูลจำนวนมหาศาล ข้อมูลนั้นคือวิธีการถอนคำสาปที่สลักไว้บนร่างกายของเขา ไวเคานต์กิฟเวนลังเลและเสนอให้ลองปรึกษาอาจารย์ใหญ่ของสถาบันของจักรวรรดิ แต่เยลคุคุไม่ต้องการให้คนนั้นๆจับตาดู เขาจึงขอแค่ข้อมูลเท่านั้น
“ดังนั้น วางใจได้เลย ตราบใดที่ท่านไวเคานต์ยังคงหาข้อมูลให้ข้า และยังคงให้ค่าตอบแทน ข้าก็จะรับงานภายใต้ท่านไวเคานต์ และข้าจะไม่ทรยศ”
“…เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อใจคนที่ข่มขู่ลูกน้องข้าจนพามาถึงที่นี่ได้ง่ายๆ รึไง?”
ไวเคานต์กิฟเวนกล่าวเช่นนั้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับตรงกันข้ามกับคำพูด
“ท่านไวเคานต์จะเชื่อใจข้าแน่ เพราะการที่ข้าไม่ได้ฆ่าท่านไวเคานต์ที่นี่นั้นคือหลักฐานไง”
“—ใช่แล้ว เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าข้าที่นี่ ปล้นเงินข้า แล้วหนีไปไหนก็ได้ แต่เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะเจ้าพบสิ่งที่น่าสนุกกว่า”
ทั้งสองเข้าใจกัน
อย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเรื่องตลกที่วิเศษจริงๆ ที่ท่านขุนนางจากฝ่ายวีระบุรุษจะจ้างนักฆ่า”
“ทั้งหมดคือการเสียสละที่จำเป็น เพื่อนำอิสรภาพที่แท้จริงมาสู่เลโอเมล ฝ่ายวีระบุรุษจะต้องผงาดขึ้นมา เพื่อการนั้น สิ่งที่เป็นอุปสรรคจะต้องถูกกำจัด”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ให้ข้าลอบสังหารบารอนเคลาเซลซะสิ”
“ไม่ได้! ชายคนนั้นมีค่ามากเกินไป การฆ่าเขาเร็วเกินไปอาจจะได้ผลเสียมากกว่า”
กล่าวแล้ว ไวเคานต์กิฟเวนก็ตบมือเรียกอัศวิน
คนที่มาคืออัศวินที่ถูกเยลคุคุข่มขู่และพามาที่นี่ด้วยความหวังที่จะรอดชีวิต
“ท่…ท่านเรียก…ข้า…รึครับ…?”
“ใช่ มีงานให้ทำ”
อัศวินคิดว่าเขาได้รับอภัยแล้ว เขาโล่งใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘มีงานให้ทำ’ จึงเดินไปข้างไวเคานต์กิฟเวนและคุกเข่าลง
แต่ก็ไม่มีคำสั่งใดตามมา
ขณะที่เขาสงสัยและเงยหน้าขึ้น ในชั่วพริบตานั้น
“เยลคุคุ นี่คืองานแรกของเจ้า”
ภาพในสายตาของอัศวินก็สั่นไหวและสติก็ดับลง
เขาไม่เห็นตอนที่เขาเสียชีวิต แต่เขาถูกมานาอีเตอร์ที่อยู่บนเพดานกัดกินส่วนบนของร่างกาย และถูกกินจนหมดทั้งตัวก่อนที่เลือดจะหยดลงพื้น!
—
ในที่สุด ทายาททั้งสองคนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในเจ็ดตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่
และอีกหนึ่งปีผ่านไป ทายาทอีกสองคนก็ถือกำเนิดขึ้น
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ขุนนางฝ่ายวีระบุรุษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาชนส่วนใหญ่ของเลโอเมลต่างเปล่งเสียงแห่งความยินดี
สำหรับพวกเขา การต่อสู้ระหว่างฝ่ายของเหล่าขุนนางนั้นไม่สำคัญเท่ากับการให้กำเนิดของทายาทของตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับผู้กล้าหาญ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบุคคลพิเศษถือกำเนิดขึ้นในตระกูลเคลาเซลเช่นกัน
นั่นคือ ลิเซีย ซึ่งเธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังในภายหลัง
ผลกระทบจากการกำเนิดของทายาทของตระกูลขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ได้ปลุกเร้าฝ่ายวีระบุรุษให้คึกคักอย่างมาก
แต่ในขณะเดียวกัน การกำเนิดของลิเซียเองก็ดึงความสนใจไปที่เธอด้วย
—เป็นการประมาณช่วงเวลานี้เองที่ไวเคานต์กิฟเวนได้ค้นพบสิ่งหนึ่ง
“เยลคุคุ ตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งว่าชื่ออัศวินที่ดูแลหมู่บ้านที่ล้มเหลวในการโจมตีเมื่อปีที่แล้วชื่ออะไร?”
“หืม? ดูเหมือนจะชื่อ รอย แอชตัน แต่มีอะไรเหรอ?”
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันในห้องทำงาน
ไวเคานต์กิฟเวนถือกระดาษหนังที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เขาเพิ่งสืบค้นมาจากเมืองหลวง
“นักผจญภัยแอชตัน… เจ้าคงถูกลบออกจากประวัติศาสตร์สินะ”
ไวเคานต์กิฟเวนหัวเราะอย่างมีความสุขในขณะที่เขากำกระดาษหนังแน่น
คำพูดของเขาไม่ได้เข้าหูของเยลคุคุ
อย่างไรก็ตาม เยลคุคุเห็นว่าไวเคานต์กิฟเวนกำลังหัวเราะ
“ดูสนุกดีนะ แต่จะดีเหรอ? ยังมีเรื่องยุ่งยากของนักบุญเหลืออยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่เป็นไร โชคดีที่ข้าได้ไพ่ตายที่ไม่คาดคิดมาอยู่ในมือแล้ว”
“ไพ่ตาย…?”
“ไม่ต้องกังวล แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อทำลายหมู่บ้านที่ตระกูลแอชตันดูแลอยู่”
“หมู่บ้านนั้นมีค่าอะไรกัน? สำหรับข้ามันก็แค่หมู่บ้านชายแดนธรรมดาๆ เท่านั้นเอง”
“คนส่วนใหญ่… ไม่สิ ทุกคนยกเว้นข้าคงคิดแบบนั้นแหละ แต่ข้าไม่ใช่ สำหรับข้าแล้ว ตระกูลแอชตันมีค่ามากกว่าทองคำและอัญมณีเสียอีก”
เยลคุคุเอียงคอขอคำอธิบาย แต่ไวเคานต์กิฟเวนไม่ยอมบอก
เขากล่าวเพียงว่า “แค่ข้ารู้ก็พอแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ อย่างไรก็ตาม อัศวินที่ดูแลหมู่บ้านนั้นก็มีความสามารถพอสมควร ถ้าแค่ระดับ D ก็คงจะถูกกำจัดเหมือนครั้งก่อนนั่นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นล่ะ? ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดพิเศษล่ะ? ระดับ D น่าจะควบคุมได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ทำได้… แต่”
“ถ้าต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น ข้าก็จะจ่ายเงินให้มากกว่าเดิม ดังนั้น จงหาทางทำลายหมู่บ้านนั้นซะ แต่ให้ฆ่าแค่หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันกับภรรยาเท่านั้นของเขาเท่านั้น ส่วนลูกชายที่เพิ่งเกิดมาเมื่อเร็วๆ นี้ ให้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวมาให้ได้”
ไม่ว่าจะคิดกี่ครั้ง เยลคุคุก็ไม่เข้าใจเป้าหมายของไวเคานต์กิฟเวน
แต่เจ้านายของเขาดูเหมือนจะคิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง และเรื่องเงินก็ได้รับการรับรองแล้ว
และเขาก็พยายามอย่างเต็มที่ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อคลายผนึกมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะมีข้อมูลที่น่าสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงได้รับข้อมูลที่สามารถทดลองได้หลายอย่าง
ดังนั้น เยลคุคุจึงเชื่อใจไวเคานต์กิเวนและไม่ได้ถามอะไร
ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงเหมือนเดิม เป็นเพียงนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น
—
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
การเตรียมการพิจารณาคดีที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น และแม้จะใช้เวลา แต่เยิร์คคูก็สามารถควบคุมชีฟวูล์ฟเฟนได้สำเร็จ
ในไม่ช้า แผนการก็ถูกนำไปปฏิบัติจริง
หมู่บ้านของตระกูลแอชตันถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ตามแผนที่วางเอาไว้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เสียชีวิต รอย แอซตั้น อัศวินผู้ดูแลหมู่บ้านก็เสียชีวิต เช่นเดียวกับย่าริกหมอยาปราจำหมู่บ้านและมิเรย์ ภรรยาของรอยและแม่ของเร็น ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ได้สติ
อย่างไรก็ตาม การจับกุม เร็น แอชตัน นั้นล้มเหลว
รายงานนี้มาจากเยลคุคุที่รอดจากการต่อสู้กับไวซ์มาได้
“ท่านไวเคานต์ ท่านมั่นใจหรือ?”
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเคลาเซล ไวเคานต์กิเวนกล่าวอย่างใจเย็น
“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งกว่านั้น รายงานของเยลคุคุระบุว่าพวกเขากำลังจะกลับมาที่เคลาเซลในไม่ช้า เมื่อการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง เราก็แค่พาเร็น แอชตันและมิเรย์ แอชตันไปยังอาณาเขตของเราก็เท่านั้น”
อัศวินที่ถามไวเคานต์กิเวนสงสัยในเหตุผลนั้นมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง ไวเคานต์กิเวนก็ดูเหมือนจะไม่บอก เพียงแต่แสดงออกถึงความมั่นใจในชัยชนะเท่านั้น
“ได้เวลาไปแล้ว”
ไวเคานต์กิฟเวนที่เพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกขึ้น สวมเสื้อคลุมและออกจากห้อง
เขาออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมกับอัศวินที่ติดตาม และเดินไปตามถนนสายหลักพร้อมกับอัศวินคนอื่นๆ ที่รออยู่ข้างนอก
—คณะนั้นมุ่งหน้าตรงไปยังวิหาร
แม้จะถูกชาวเมืองเคลาเซลจ้องมองด้วยความเป็นปฏิปักษ์ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย เขาลงจากม้าและเดินเข้าไปในวิหารด้วยรอยยิ้มจางๆ
เขาถูกบารอนเคลาเซลที่มาถึงวิหารก่อนหน้าจ้องมอง แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน
“อัศวินที่มักจะอยู่ข้างๆ เขา ชื่อไวซ์ใช่ไหม? ทำไมไม่อยู่ล่ะ?”
“ท่านลืมไปแล้วหรือ? เขาคืออัศวินที่เยลคุคุต่อสู้และพ่ายแพ้มา ตอนนี้จึงอาจจะยังไม่กลับมาที่เคลาเซล”
ไวเคานต์กิฟเวนกล่าวอย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก ในใจของเขามีแต่ภาพชัยชนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
เขามั่นใจว่าเขาจะยุ่งมากทันทีหลังจากที่เขาจับกุมเร็น แอชตัน
ขณะที่เขากำลังจินตนาการถึงอนาคตอันสดใส เจ้าหน้าที่พลเรือนที่รับผิดชอบการพิจารณาคดีก็ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวว่า
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน โปรดเงียบสงบ”
เจ้าหน้าที่พลเรือนดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเอง และกล่าวถึงเหตุผลที่การพิจารณาคดีในวันนี้เกิดขึ้น ปัญหาของบารอนเคลาเซล และเหตุผลที่เขาต้องมายืนอยู่ที่นี่
หลังจากคำอธิบายที่เป็นทางการยาวนาน การพิจารณาคดีในตอนเช้าก็เริ่มขึ้น
ไวเคานต์กิฟเวนไม่สามารถตอบสนองต่อการพิจารณาคดีนี้ด้วยความกระตือรือร้นหรือความมุ่งมั่นใดๆ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการพิจารณาคดีที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
เขามาที่นี่เพียงเพราะมันเป็นขั้นตอนที่จำเป็น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็คงไม่มีความคิดที่จะเดินทางมาถึงชนบทแห่งนี้เลย
…อย่างไรก็ตาม เขาเปลี่ยนความคิดตั้งแต่ช่วงบ่าย
เพราะไวซ์ และลิเซีย ที่กลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้ และได้พาเร็นเดินเข้ามาในวิหาร
“ฉันได้ยินมาว่าเร็น แอชตันเป็นคนขี้อายและอ่อนแอ แต่เขาคงจะมีความแข็งแกร่งภายในที่ไม่คาดคิดสินะ”
เขาคิดเช่นนี้เพราะเร็นแม้จะเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่ก็ยังมีแรงพอที่จะเดินมาที่นี่พร้อมกับลิเซียได้
แม้จะสูญเสียพ่อ บุคคลสำคัญคนอื่นๆ และบ้านเกิด แต่การที่เขายังเดินได้ก็สมควรได้รับการยกย่องแล้ว
“เด็กชายคนนั้นชอบอ่านหนังสือมากกว่าดาบใช่ไหม?”
“ได้ยินมาอย่างนั้นครับ เมื่อก่อนเคยส่งลูกน้องไปแฝงตัวเป็นนักผจญภัย ก็ได้ยินว่าเขาตามการฝึกที่พ่อให้ไม่ได้ และร้องไห้ด้วยซ้ำ”
“เป็นลูกของอัศวินแท้ๆ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ”
“แต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็งนะครับ ได้ยินว่าถึงแม้จะล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังคงลุกขึ้นสู้ และต่อสู้กับพ่อด้วยดาบพร้อมกับน้ำตา”
เร็นกำลังพิงลิเซียในขณะที่ไวเคานต์กิเวนเฝ้ามอง
พวกเขากลับดูเหมือนพี่น้อง
“ไม่เป็นไรหรอกนะ แผนของฉันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
ชัยชนะที่เขามั่นใจจะไม่สั่นคลอนอย่างแน่นอน
เขาคิดอยู่ตลอดว่าการพิจารณาคดีแบบนี้ควรจะจบลงเร็วๆ
แต่โชคดีที่เขาไม่ได้รู้สึกเบื่อเหมือนตอนเช้า เพราะเมื่อมองไปที่เร็นที่นั่งอยู่ในวิหารเดียวกัน เขาก็อดคิดถึงอนาคตหลังจากพาเร็นกลับมาไม่ได้
—
เขามั่นใจว่าไม่มีช่องโหว่ใดๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายราชวงศ์ที่น่ารำคาญ และเขาก็คิดว่าความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเขากำลังจะสำเร็จ
แม้จะตกใจเมื่อได้ยินว่าเยลคุคุพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับไวซ์ แต่เขาก็ยังคิดว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้ว
“ตระกูลเคลาเซลจบสิ้นแล้ว เร็น แอชตันก็จะเป็นของฉัน และเลโอเมลก็จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว—ทั้งหมดนี้ด้วยมือของฉัน”
ไวเคานต์กิฟเวนหวนนึกถึงการพิจารณาคดีในวันนี้ในห้องพักของโรงแรม
แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึง มันเป็นไปตามแผนที่วางไว้
เจ้าหน้าที่พลเรือนที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ดูเหมือนจะประทับใจในความสามารถของบารอนเคลาเซลที่ไม่หยุดคัดค้าน แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง
บารอนเคลาเซลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด และจะถูกส่งตัวไปยังเมืองหลวงภายในไม่กี่วัน
“มีใครอยู่ข้างนอกไหม? วันนี้อารมณ์ดี อยากจะให้มาดื่มเป็นเพื่อนหน่อย”
เขาไม่เคยมีประสบการณ์ให้อัศวินมาดื่มเป็นเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เคยมีเยลคุคุเป็นเพื่อนดื่มบ้าง แต่ก็แค่นั้น
“—ไม่มีใครเลยรึไง?”
เขาเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย และตบมือเรียกอัศวิน
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
อย่างไรก็ตาม ไวเคานต์กิฟเวนที่รู้สึกแปลกๆ ก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่เขานั่งอยู่ และกำลังจะออกจากห้อง ทันใดนั้น
ประตูเปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด…
“มาช้าไปนะ”
“…………”
อะไรกัน ก็อยู่ตรงนี้นี่นา
ไวเคานต์กิฟเวนไม่ได้มองหน้าอัศวินที่มา แต่กลับมองออกไปนอกหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ
“มานี่สิ ดื่มเหล้าพร้อมชมวิวกลางคืนก็เป็นเรื่องสนุกนะ”
วิวกลางคืนของเคลาเซลไม่เลวเลย
เมืองนี้ได้รับคำชมจากชาวเมืองหลวงเป็นอย่างมาก
สิ่งที่น่าเสียดายคือฝนที่เริ่มตกในตอนนี้ ทำให้มองวิวกลางคืนไม่ชัดเจนนักเพราะฝนตกกระทบกระจกหน้าต่าง
แม้จะไม่ชอบ แต่สภาพอากาศก็ช่วยไม่ได้
ในขณะที่เขากำลังยอมแพ้ —
เสียงฟ้าร้องคำรามก้องฟ้า และไฟในห้องพักก็ดับลง…
“ไปดูอุปกรณ์เวทมนตร์หน่อย ดูเหมือนอัญมณีหรืออะไรบางอย่างจะหลุดออกไป”
“…………”
“ถ้าเข้าใจแล้ว ก็รีบไปทำซะ”
ไวเคานต์กิฟเวนสั่งอัศวิน แต่ไฟก็ไม่มีทีท่าว่าจะติด
ยิ่งไปกว่านั้น อัศวินที่ควรจะอยู่ข้างหลังก็ไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวเลย
ตั้งแต่แรก การตอบรับคำเรียกก็ใช้เวลานาน ทำให้ไวเคานต์กิฟเวนที่กำลังอารมณ์ดีก็เริ่มโกรธจัดในที่สุด
“ทำไมเงียบมาตลอด—”
ในชั่วพริบตาที่เขากำลังจะขึ้นเสียงและลุกขึ้นยืน
แสงฟ้าผ่าที่ผ่ากลางฟ้าก็ได้ส่องสว่างห้องพักที่มืดมิดในชั่วขณะ
ไวเคานต์กิฟเวนจึงได้เห็นสิ่งนี้ต่อหน้าต่อตา
สุภาพบุรุษสูงอายุในชุดเสื้อคลุมหางยาวที่สะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่าง
เสื้อเชิ้ตของสุภาพบุรุษผู้นั้นเปื้อนเลือดสีแดงฉาน
“อั่ก—ฮ่า!”
ในชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงแรงกระแทกที่หน้าอกแล้วตามมาด้วยความร้อน
ของเหลวหนืดๆ ที่อุณหภูมิเท่าร่างกายมนุษย์ไหลย้อนกลับในลำคอ
ในขณะที่เปลือกตาของเขาหนักขึ้น เขาก็เห็นน้ำแข็งทะลุหน้าท้อง… และเมื่อเขาล้มลงจากโซฟาลงบนพื้น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านเมื่อเห็นดวงตาที่เย็นชาจับจ้องมาที่เขา
“เจ้า…คือ…!”
“กระผมชื่อเอ็ดการ์ครับ อย่างไรก็ตาม ท่านไม่จำเป็นต้องรู้จักกระผมหรอกครับ สำหรับตระกูลเรา ท่านก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่บังเอิญมาจัดการเก็บกวาดเท่านั้นเองครับ”
เสียงลมหายใจเล็ดลอดออกจากปาก “คัก… คัก…”
ไวเคานต์กิฟเวนที่เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มเย็นลง
“ท่านไวเคานต์กิฟเวน การที่ท่านเสียชีวิตเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ครับ”
เอ็ดการ์กล่าว
หลังจากที่มาร์ควิสอิคนาต ผู้เป็นเจ้านายของเขาต้องสูญเสียลูกสาวคนเดียวไป เขาก็เกลียดชังและอาฆาตเลโอเมล
และเมื่อเขากำลังจะทำลายเลโอเมล เขาจึงพยายามจัดการกับพวกฝ่ายวีระบุรุษที่ขวางหูขวางตาอยู่ และในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยของไวเคานต์กิฟเวน
“แต่โปรดอย่าลืมว่า นี่ไม่ใช่การมุ่งเป้าไปที่บุคคลเล็กๆ อย่างท่าน แต่เมื่อเจ้านายของผมกำลังตรวจสอบฝ่ายวีระบุรุษข้อมูลของท่านก็บังเอิญปรากฏขึ้นมาเท่านั้นเองครับ”
“เจ้านี่…!”
“และผมก็แค่แทงท่านระหว่างทางเท่านั้นครับ”
สายตาพร่ามัว เสียงของเอ็ดการ์ก็ห่างไกลออกไป
เขาจะตายแล้ว
ไวเคานต์กิฟเวนที่ตระหนักได้ ก็รู้สึกกลัวในคำพูดนั้นและพยายามวิงวอนขอชีวิต แต่เสียงของเขาก็ไม่ออกมาเลย
“แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบท่านเลยครับ แต่ผมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ในตัวนักบุญผู้สูงศักดิ์ และเด็กชายผู้นั้นที่ยังคงเข้มแข็งแม้จะเสียพ่อไปแล้วก็ตาม”
แล้วเอ็ดการ์ก็หันหลังให้ไวเคานต์กิฟเวน
เขาโยนกระดาษหนังหลายแผ่นออกจากอกเสื้อคลุมหางยาวลงบนพื้นห้องพัก เช็ดเลือดที่ติดมือแล้วก็ออกจากโรงแรมไป
…ไวเคานต์กิฟเวนที่เหลือลมหายใจอยู่น้อยนิดไม่นานก็สิ้นใจเมื่อร่างของเขาหายไปจากสายตา
—เช้าวันรุ่งขึ้นบารอนเคลาเซล ตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในโรงแรม
ไม่เพียงแต่เรื่องที่ไวเคานต์กิฟเวนถูกฆ่าเท่านั้น แต่ยังมีเอกสารมากมายที่เปิดเผยการทุจริตของเขาตกอยู่รอบๆ ด้วย
ในตอนแรก แน่นอนว่าบารอนเคลาเซลถูกสงสัยว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องในโศกนาฏกรรมนั้น
แต่ในขณะเดียวกัน การทุจริตของไวเคานต์กิฟเวนก็ถูกสอบสวน และเจ้าหน้าที่พลเรือนที่มาพิจารณาคดีก็เปิดเผยว่าเขาให้ความร่วมมือ ทำให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเขาบริสุทธิ์
ขุนนางจากฝ่ายวีระบุรุษก็ไม่พูดอะไรเกินเลย และไม่ได้พยายามเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุตัวนักฆ่าที่ฆ่าไวเคานต์กิฟเวนและหลังจากนั้นอีกหลายปี ผู้คนที่ออกไปนอกบ้านในเวลากลางคืนในเมืองเคลาเซลก็ลดน้อยลง
—
เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างบารอนเคลาเซลและไวเคานต์กิฟเวน รวมถึงการลอบสังหารไวเคานต์กิฟเวนโดยใครบางคน ก็จะถูกเรียกว่า”การเปลี่ยนแปลงของเคลาเซล”
หลังจากนั้น นักเรียนอัศวินฝึกหัดตัวน้อยคนหนึ่งก็เข้ามาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเคลาเซล
ฝีมือดาบของเขาไม่น่าชื่นชมเท่าไหร่ แต่เขาเป็นคนขยันและมุ่งมั่น และมีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่จะลุกขึ้นสู้แม้จะถูกไวซ์เอาชนะกี่ครั้งก็ตาม
…เด็กชายคนนั้นกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแม่ของเขาที่ยังไม่ตื่น
—นอกจากนี้ ยังมีอีกคนที่สภาพชีวิตเปลี่ยนไปเช่นกัน
เอลฟ์นามว่าที่มีนามว่า เยลคุคุ
“ท่านไวเคานต์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่เลวเลยนะ!”
เขากล่าวเช่นนั้นแล้วก็จากอาณาเขตของไวเคานต์กิฟเวนที่คุ้นเคยมาอย่างดี
ขณะที่เขานั่งม้าข้ามผ่านที่ราบ เขาก็คิดถึงอนาคต
“เกาะ โครโนอา เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ก็ไม่สามารถกลับบ้านเกิดเพื่อหาข้อมูลได้เพิ่มเติมได้”
นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเริ่มหาข้อมูลใหม่ทั้งหมด
การถอนคำสาปที่กัดกินกระดูกนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฮ่าๆๆ… ไม่เป็นไรหรอกนะ”
เขาลากบังเหียนและขับม้าไป
“สายลมที่พัดผ่านแก้มและกลิ่นของทุ่งหญ้าก็ไม่เลวเลย ถ้ามีกลิ่นเลือดผสมอยู่ด้วยจะดีกว่านี้”
เมื่อคิดเช่นนั้นและหัวเราะอย่างชั่วร้าย และไม่นานเขาก็ลืมเรื่องราวที่เกี่ยวกับไวเคานต์กิฟเวนไปหมดเสียแล้ว
“วิธีถอนคำสาปนั้นก็แค่หาไปเรื่อยๆ ในขณะที่สนุกกับการฆ่า อ่า ใช่แล้ว แค่ทำแบบนั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไง? —ว่าไง เยลคุคุ”
เยลคุคุที่บอกตัวเองเช่นนั้น ก็เสียชีวิตลงในอีกสี่ปีต่อมา
แน่นอนว่าเขาไม่เคยคาดการณ์ถึงเรื่องนั้น
การพ่ายแพ้ต่อทายาทของเจ็ดวีรบุรุษ และถูกอาจารย์ใหญ่ของสถาบันของจักรวรรดิปลิดชีพ—เขาไม่มีทางรู้เลยว่าวันนั้นจะมาถึง!
—
#ข้อความจากนักเขียน#
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
ต่อไปนี้คือกำหนดการอัปเดตบทที่สองของเนื้อหาหลักครับ
กำหนดการกลับมาอัปเดตคือ ช่วงคริสต์มาส ครับ!
ขออภัยที่ล่าช้ากว่าวันที่แจ้งไว้ในบันทึกกิจกรรมเล็กน้อยครับ เพื่อให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินยิ่งขึ้น ผมได้เตรียมเนื้อหาให้มีปริมาณไม่แพ้บทแรกเลยครับ ดังนั้นเมื่อกลับมาอัปเดตแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินนะครับ
นอกจากนี้ คิดว่าจะมีข้อมูลที่สามารถแจ้งให้ทราบได้ในไม่ช้าอีกด้วย ดังนั้นเมื่อถึงเวลานั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะติดตามนะครับ!
จบบทพิเศษ: ส่วนเสริมของตำนานเจ็ดวีระบุรุษ ภาค III การเปลี่ยนแปลงของเคลาเซล
Chapters
Comments
- ตอนที่ 44 Hopefully one Day we will find a style that suits us 19 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 43 Missing Skill 19 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 42 Go Shopping and the Right Knights พฤษภาคม 30, 2025
- ตอนที่ 41 On the night after swinging his sword for the first time in a long while พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 40 It's been a while since that Incident พฤษภาคม 28, 2025
- ตอนที่ 39 Fiona Ignat พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 38 Special Episode: Legend of the Seven Heros III (DLC: Claussell Incident) พฤษภาคม 27, 2025
- ตอนที่ 37 Epilogue of Act 1: Reincarnation พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 36 Return to Claussell พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 35 an Elf named "Yelkkuk" พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 34 REUNION พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 33 Just before reaching Claussell พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 32 Even as the situation worsens พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 31 Information Obtained พฤษภาคม 24, 2025
- ตอนที่ 30 What we need to do in the future! พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 29 ESCAPE พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 28 It unknow place พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 27 ASSAULT พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 26 Discoveries and perspectives พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 25 SHEWASILL พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 24 Second invitation พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 23 Knowledge of camping พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 22 Thank you from the commander of the knight พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 21 A Saint who blends in strangely well พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 20 The Hero faction, The Royal faction, and The Neutral faction พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 19 A new invitation has arrived พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 18 What happened that night seemed like a break, but in fact nothing had happened พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 17 Regretting your reckless behavior พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 16 With some unexpected loot พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 15 A strange girl พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 14 After autumn comes พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 13 Sifu Wlofen (2) พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 12 Sifu Wolfen (1) พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 11 My father's condition พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 10 As the eldest son of a knight family พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 9 My first resolve พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 8 First Fight พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 7 The knights leave the village พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 6 The name of someone you should never meet พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 5 An unexpected visitor พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 4 First Level UP! พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 3 A little time passed. พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 2 What you need to become stronger. พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 1 Shortly after birth พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 0 Prologue พฤษภาคม 23, 2025
MANGA DISCUSSION