ตอนที่ 5 วันที่แย่จนท้อ
ผมเดินไปหาคุณลุงเจ้าของร้านและสะกิดเขา
“ผมขอไปธุระได้ไหม คุณลุง”
ผมพูดออกมาด้วยความกังวลใจทว่าเหมือนคุณลุงเจ้าของร้านกำลังคุยกับซงฮยอนอูจะกำลังตั้งหน้าตั้งตายิ้มแย้มต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ เขาเลยโบกมือผ่านๆ
ในเมื่อผมได้รับอนุญาตผมก็ไม่รีรอ ผมเดินไปข้างหลังร้านและถอดชุดผ้ากันเปื้อนพนักงานออกจากนั้นผมก็รีบเดินออกไปจากร้านทันที
ผมรับไม่ได้จริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพของคังเยรินที่มากับซงฮยอนอูและแสดงท่าทางหวานชื่นกันต่อหน้าผม ยังไงมันก็มากเกินไปที่ผมจะรับไหว
แค่นั้นยังไม่พอชามินเซยังเดินเข้ามาหัวเราะเยาะเย้ยผมอีก
ผมเดินมาอ้อมมาที่หลังร้านซึ่งเป็นพื้นที่ว่างและปิดทำให้ไม่มีใครมองเข้ามาได้แน่ๆ ผมก็ทิ้งตัวลงกับพื้นพิงกำแพงทันที
ผมนั่งเหม่อมองไปที่ท้องฟ้า ถอนหายใจออกมายาวๆ
ผมเจ็บใจมาก… มันจุกอยู่ในอกจนผมไม่รู้จะระบายมันออกมายังไง
คนที่รักที่สุดเป็นของคนอื่นไปแล้วไม่ว่าใครก็คงยอมรับไม่ได้ถูกไหม?
ยิ่งเห็นคนที่เรารักคนนั้นมีความสุขกับคนอื่น ยิ้มแย้มกว่าตอนที่อยู่ด้วยกัน มันไม่มีทางหรอกที่ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลย
ถึงผมจะปั้นสีหน้าเรียบนิ่งแต่ในใจของผมร้าวจนแทบจะแตกสลาย
ผมก้มหน้าลงและหลับตาลงแน่นสนิทในตอนนั้นเองผมก็รู้สึกถึงร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
ผมเบิกตาตกใจและหันไปมองข้างๆ
⎾Temporally Transform to Girl: 100%⏌
“…ลืมสนิทไปเลย”
ผมเหม่อมองหน้าต่างนับถอยหลังที่ตอนนี้ก็นับจนถึงศูนย์ไปแล้ว ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลอดความคืบหน้ามันเต็มตอนไหน ถ้าหากผมไม่ขอออกมาจากร้านแล้ว ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อีกอย่างผมบอกคุณลุงเจ้าของร้านไปว่าผมจะไปธุระแปปเดียวแต่ว่าตอนนี้ผมก็ดันกลายเป็นผู้หญิงพอดีอีกแล้วผมจะกลับไปทำงานยังไงดี
แถมกว่าผมจะกลับไปร่างผู้ชายได้ เดาจากครั้งก่อนผมต้องใช้เวลาหนึ่งวันถ้วนๆ เพื่อที่จะกลับเป็นผู้ชาย มันไม่มีทางทันแน่ๆ
ผมกุมขมับแน่นเพราะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ผมจะหาข้ออ้างยังไงดี…
ต้องเป็นข้ออ้างที่ดีๆ ด้วยไม่อย่างนั้นคุณลุงเจ้าของร้านได้ไม่พอใจแน่ๆ แถมผมอาจจะโดนเด้งออกจากงานพาร์ทไทม์นี้เลยด้วย
เพราะว่าคุณลุงเจ้าของร้านถึงจะใจดีแต่เขาก็อยากได้นักศึกษาที่มาทำงานและให้โอกาสตั้งใจทำงานจริงๆ ด้วย
ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ วันนี้มันวันอะไรของผมกันแน่ ไม่มีอะไรเป็นดั่งใจผมเลยสักอย่าง
“ฮึก…”
ผมยังนึกในหัวไม่ทันไร ผมก็รู้สึกถึงน้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมาแล้ว
ผมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาและสะอื้นเบาๆ เพราะมันห้ามไม่ไหวจริงๆ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ
ผมทำใจยิ้มออกมาและบอกตัวเองว่าสู้ต่อไม่ได้จริงๆ
“พี่ลี~ คุณลุงเรียกหา~”
เสียงเรียกหาผมที่คุ้นเคยดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเท้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมก็รีบเช็ดน้ำตาทันทีทว่ายังไม่ทันที่ผมจะเช็ดน้ำตาเสร็จ
“พี่ลี~ เอ๊ะ?”
นัมโนอึนโผล่เข้ามาเจอผมทว่าเธอก็สะดุ้งตกใจ
ผมเห็นแบบนั้นก็รีบเช็ดน้ำตาก่อนที่จะลุกและเตรียมจะเดินหนีออกไปแต่ผมก็โดนนัมโนอึนจับมือรั้งไว้
“เอ่อ… พี่สาวเป็นอะไรไหม?”
นัมโนอึนถามผมออกมาด้วยความเป็นห่วงในตอนนั้นเองพอได้ยินเสียงความเป็นห่วงจากนัมโนอึน น้ำตาที่ผมพยายามห้ามไม่ให้ไหลออกมาก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“…ไม่มีอะไร”
ผมพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดจะทำได้เพื่อให้นัมโนอึนเห็นว่า ‘ผมโอเคดี’ ไม่ได้เป็นอะไร
แต่ว่านัมโนอึนก็มองมาที่ผมด้วยสายตาไม่วางใจ ผมถึงกระชากแขนและรีบวิ่งหนีไปทันทีโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันหยาบคายแต่ว่าผมอยากอยู่คนเดียวจริงๆ
หลังจากที่ผมวิ่งหนีออกมาพอสมควร ผมก็หาที่นั่งพักและหอบหายใจเข้า
รู้ตัวอีกทีหลังจากที่ผมวิ่งหนีออกมาน้ำตาก็หยุดลงแล้วแต่ว่าผมยังรู้สึกแสบตาอยู่เลยและรู้สึกได้เลยว่าถ้ามีอะไรมาสะกิดใจผมอาจจะบ่อน้ำตาแตกอีกรอบก็ได้
ผมกลืนน้ำลายลงคอและหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนอื่นผมต้องหาเหตุผลอะไรไปบอกคุณลุงเจ้าของร้านดีว่าผมไปทำงานต่อไม่ได้แล้วตอนนี้
ผมจะโกหกว่าผมประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินกลับไปที่ร้านดีไหม? แต่ว่าจะโกหกว่าอะไรดีล่ะ?
โกหกว่าท้องเสีย? แต่ที่ร้านก็มีห้องน้ำแถมลูกค้าก็ไม่เยอะทำให้สลับกับนัมโนอึนดูแลร้านได้ตลอดเพราะงั้นไม่ได้มันจะดูเป็นข้อแก้ตัวห่วยๆ เกินไป… หรือว่าบอกความจริงไปเลยดี?
ผมส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง ไม่มีทาง… สุดท้ายคิดยังไงก็ไม่ออกผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดค้นหาชื่อนัมโนอึนและส่งข้อความไปหาเธอทันที
ลีจียอง: พี่ติดธุระด่วนมากๆ ไม่แน่ใจว่าจะกลับทันไหม พี่วานบอกคุณลุงเจ้าของร้านให้หน่อยนะ
ในเมื่อคิดเหตุผลอะไรไม่ออกสุดท้ายผมก็เลยบอกไปตรงๆ ว่าติดธุระสำคัญ
ข้อความที่ผมส่งไปไม่นานก็ขึ้นว่า ‘อ่านแล้ว’
นัมโนอึน: ค่ะ พี่ลี
นัมโนอึน: แล้วก็เรื่องสำคัญนะคะ พี่ลี
นัมโนอึน: คุณลุงฝากบอกว่า ‘ไม่ต้องมาทำแล้ว’
“…”
ผมมองข้อความที่นัมโนอึนส่งมา มือของผมสั่นไปหมด
อย่างที่ผมคิดเลย… ผมโดนเตะออกจากร้านแล้วน้ำตาที่หยุดไหลก็ไหลออกมาอีกครั้ง
ผมโดนให้หยุดไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านแล้วผมจะไปหางานที่ไหนที่ได้เงินดีและงานสบายแบบนั้นได้อีก
ผมไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันแย่ๆ ของผม
ตอนเช้าผมตื่นมาด้วยความอารมณ์ดีเพราะร่างกายกลับเป็นผู้ชายแต่วันนี้กลับเจอแต่เรื่องแย่ๆ เต็มไปหมด
ผมมองโทรศัพท์และพิมพ์ตอบกลับนัมโนอึนด้วยมือที่สั่นไหว
ลีจียอง: เข้าใจแล้ว
นัมโนอึน: ขอโทษนะคะ หนูพยายามขอคุณลุงแล้วแต่ก็ช่วยเปลี่ยนการตัดสินใจคุณลุงไม่ได้จริงๆ
ลีจียอง: ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ นัมโนอึน
หลังพิมพ์จบผมก็ปิดโทรศัพท์ทันที ตอนนี้ผมอยากพัก
ผมเจอเรื่องแย่ๆ มามากพอแล้ว ผมอยากพักจริงๆ ไม่อยากทำอะไรเลยหลังจากนี้
แต่ว่าผมจะกลับไปที่หอพักก็ไม่ได้เพราะร่างกายตอนนี้ที่เป็นผู้หญิง
สุดท้ายก็มีแค่ทางเดียว… ผมต้องไปพักที่โมเทลอีกแล้ว
ผมเปิดแผนที่ในโทรศัพท์หาโมเทลที่ใกล้ที่สุดและเดินทางไปโมเทลที่ใกล้ที่สุดจากนั้นก็จองห้องพัก
เมื่อได้คีย์การ์ดแล้ว ผมก็เดินไปห้องพักของตัวเอง เมื่อเข้ามาข้างในห้องผมก็กระโดดลงบนเตียงและนอนก่ายหน้าผาก
ผมพยายามจะนอนหลับเพื่อลืมทุกอย่างทว่าไม่ว่าจะทำยังไงผมก็นอนไม่ลงเพราะภาพของซงฮยอนอูแลคังเยรินที่โผล่ขึ้นมาในหัว
จากนั้นก็ตามด้วยชามินเซที่เข้ามาหัวเราะเยาะเย้ยผมตามด้วยนัมโนอึนที่บอกผมว่า ‘ไม่ต้องมาทำแล้ว’
ทุกๆ อย่างมันโผล่ขึ้นมาในหัว ผมพยายามควบคุมอารมณ์ให้คงที่ทว่าไม่ว่ายังไงผมก็ห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ในห้อง
หลังจากที่ผมร้องไห้จนพอใจแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดพอดี
ผมที่อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยก็เลยออกมาหาอะไรกินในร้านอาหารร้านหนึ่ง
แต่ใครจะคิดละว่า… ผมที่ออกมาหาอะไรกินและกำลังรอข้าวมาเสิร์ฟ
คังเยรินและซงฮยอนอูก็เดินเข้ามาด้านในร้านที่ผมมาหาของกิน
ไม่ใช่แค่สองคนนั้นชามินเซและยุนอึนบีก็ตามเข้ามาด้วย
สี่คนนั้นเดินไปจองโต๊ะและเริ่มสั่งอาหารทันทีระหว่างสั่งอาหารเสียงคุยระหว่างยุนอึนบีและชามินเซก็ดังไปทั่วร้าน
“พี่ซง สุดยอดที่สุด!”
“ใช่ๆๆ พี่ซงอะ ดีที่สุดแล้วเหมาะสมกับเยรินของพวกเรามากๆ เลยนะ พี่รู้ไหม?”
ซงฮยอนอูทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปากสองสาวเหมือนเขาจะภูมิใจแต่ว่าทันทีที่เขามองไปรอบๆ
เขาก็เห็นโต๊ะรอบๆ ที่หันมามองโต๊ะเขาทั่วทุกทิศซงฮยอนอูกระแอมไอเล็กน้อย
“พี่ซงๆๆๆ!”
เสียงเรียกยุนอึนบีและชามินเซดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเธอไม่เห็นการตอบรับจากซงฮยอนอู
ซงฮยอนอูคิ้วกระตุกก่อนที่เขาจะยกมือและบอกให้สองสาวใจเย็นทว่าดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อสองสาวมองหน้ากันและกันก่อนจะยังคงส่งเสียงดังเหมือนเดิมไม่มีผิด
“ขอโทษทีนะ ฮยอนอู”
คังเยรินยิ้มมองสองสาวและหันไปพูดขอโทษกับซงฮยอนอู
ซงฮยอนอูสะบัดมือไปมาถึงแม้ว่าบนหน้าผากของเขาจะมีเส้นเลือดโผล่ออกมาเพราะเขาได้ยินเสียงจากรอบๆ กำลังนินทาเขาแบบจงใจให้ได้ยินว่า เขาไร้มารยาทและการศึกษา
ส่วนทางด้านผมที่เห็นสภาพของซงฮยอนอูแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น
วันนี้ผมเจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะแล้วพอได้เห็นซงฮยอนอูต้องอับอายมันก็พอทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาพอสมควรเลย
พออาหารที่ผมสั่งมาเสิร์ฟผมก็ลงมือทานแบบเงียบๆ และแอบชำเลืองมองโต๊ะของพวกนั้นด้วย
ซึ่งก็ไม่นานอาหารที่พวกนั้นสั่งก็มาเสิร์ฟจานอาหารกว่าสิบชุดค่อยๆ จัดวางบนโต๊ะของพวกนั้น
ผมที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หดหู่ในใจ ซงฮยอนอูดูเหมือนจะรวยพอที่จะกินข้าวแต่ละมื้อได้ขนาดนั้นเลย
หันกลับมาที่ของผม ข้าวผัดธรรมดาๆ ราคาแสนถูกที่แม้จะถูกขนาดนี้ก็ยังทำให้ผมคิดหนักในแต่ละครั้งที่มากินในร้านอาหาร
ผมได้แต่กินเงียบๆ และลิ้มรสชาติอาหารให้มากที่สุดในการตักข้าวแต่ละครั้ง
จ๊อบแจ๊บ~
“พี่ซงคืองี้ๆ”
แม้แต่ตอนกินทั้งยุนอึนบีและชามินเซก็ยังไม่หยุดคุยและเรียกซงฮยอนอูแถมตอนเคี้ยวข้าวแต่ละครั้งของทั้งสองคนนั้นก็ส่งเสียงจ๊อบแจ๊บไม่หยุด
แถมไม่ใช่แค่เคี้ยวข้าวเสียงดัง! สองสาวไม่พอแค่นั้น!
พวกเธอยังโบกมือเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่มอีกอย่างน้อยๆ ห้าอย่างเห็นจะได้!
ซงฮยอนอูที่ได้ยินลิสต์รายการอาหารที่สองสาวสั่ง เขาก็มองที่โต๊ะที่วางอาหารสิบกว่าอย่างแต่สองสาวก็ยังสั่งเพิ่มไม่หยุด!!
ข้างในหัวของซงฮยอนอูตอนนี้เบลอไปหมดเพราะลิสต์อาหารที่สั่งเยอะมากๆ แถมมันเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด!
เพื่อนของคังเยรินแตะอาหารแต่ละอย่างแค่สองสามคำก็หยุด! หน้าอกของเขาพองขึ้นลงถี่เพราะความรู้สึกไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวในอก
คังเยรินเองก็รับรู้ถึงสถานการณ์ เธอยิงสายตาใส่เพื่อนทั้งสองคน
‘หยุดสั่งได้แล้ว! เดี๋ยวซงฮยอนอูก็ไม่พอใจและโกรธหรอก!’
เธอส่งข้อความผ่านทางสายตาให้ทั้งสองคนนั้นทว่าดูเหมือนว่าเพื่อนทั้งสองของเธอจะไม่สนใจคำเตือนทางสายตาของเธอเลยสักนิด
ทั้งยุนอึนบีและชามินเซกลับกันพวกเธอยกยิ้มมุมปากส่งสายตาให้คังเยรินกลับไปราวกับว่าจะบอกคังเยรินว่า ‘ไม่ต้องห่วง พวกฉันรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่’
คังเยรินที่เห็นแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอไว้
จ๊อบแจ๊บๆ ๆ~ ฮ่าๆ ๆ~
เสียงเคี้ยวและเสียงหัวเราะลั่นร้านจากเวลาที่ทั้งสองสาวพูดคุยกันทำให้ทุกคนในร้านส่ายหัวไปมา
ทุกคนส่งสายตายิงไปที่ซงฮยอนอูจนทำให้ซงฮยอนอูที่รู้สึกไม่พอใจตอนนี้ทำได้แต่ก้มหน้าลงมองโต๊ะเพราะความอับอาย
‘ไร้มารยาท ไร้การสั่งสอน’
คำสั้นๆ ที่ซงฮยอนอูได้ยินทำให้เขาหน้าแดงไปทั่วทั้งหน้าเพราะความอับอาย
เขาอยากจะย้ายโต๊ะสุดๆ เลยตอนนี้ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ
เขาถึงเห็นคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมสุดที่ไม่มีใครสนใจ ใบหน้าของเธอน่ารักมากๆ บางทีอาจจะมากกว่าแฟนของเขาเสียอีก!
ใบหน้ากลมๆ แก้มที่ดูนุ่มนิ่มน่าหยิกไหนจะขนาดตัวที่เล็กบางทีอาจจะเท่าๆ อกของเขาเองด้วยซ้ำ!
คนคนนั้นกำลังทานอาหารด้วยท่าทางอ่อนช้อย งดงามต่างกันกับโต๊ะของเขาโดยสิ้นเชิงที่ตอนนี้กำลังแย่งขาไก่ย่างกันและส่งเสียงดัง
แต่เธอคนนั้นนั่งกินข้าวของตัวเองเงียบๆ ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดให้ได้ยินเลยสักนิด
มันดูสงบสุข… เขาอยากเดินไปและขอนั่งร่วมโต๊ะนั้นเหลือเกิน!
พอเขาหันกลับมามองคนที่ร่วมโต๊ะกับเขา… มันราวฟ้ากับเหว!
โต๊ะของเขาราวกับซอมบี้ที่กำลังเขมือบอาหารแบบบ้าคลั่งพอหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นที่เขาไม่รู้จักเธอกำลังกินอย่างสงบเสงี่ยม เรียบร้อยแถมอาหารบนโต๊ะของเธอก็มีเพียงข้าวผัดจานเดียว ราคาถูกๆ ในขณะที่โต๊ะของเขาสั่งอาหารอย่างบ้าคลั่งแถมแต่ละอย่างก็แตะเพียงสองสามคำ
มันราวกับคนละโลกเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นตักข้าวกิน แก้มที่กลมดูนุ่มนิ่มนั่นยิ่งพองและน่าบีบเข้าไปใหญ่
เธอตักข้าวเข้าปากเคี้ยวแก้มตุยช้าๆ ราวกับหนูแฮมเตอร์
ในหัวของเขาคำว่า ‘น่ารัก!!’ ผุดขึ้นมาทันที
ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นมาเป็นคนร่วมโต๊ะของเขาแทนที่จะเป็นซอมบี้จอมเขมือบพวกนี้จะดีแค่ไหนกันนะ?
เขาได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะหันหน้ากลับมามองแฟนของตัวเอง
ตอนนี้เขามีแฟนของตัวเองอยู่แล้ว… เขาจะมองผู้หญิงอื่นไม่ได้ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะน่ารักแค่ไหนและหน้าตาดีกว่าแค่ไหนก็ตาม
เขาท่องในใจของตัวเองและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ผ่านไปพักหนึ่งในที่สุดทั้งสามสาวก็อิ่มทว่าถึงแม้ว่าสามสาวจะอิ่ม ซงฮยอนอูกลับไม่ดีใจเลยสักนิดเมื่อเขามองอาหารบนโต๊ะ
…ไม่ผิดจากที่เขาคิดเลย อาหารบนโต๊ะทุกอย่างที่สั่งมานั้นถูกสามสาวแตะไปแค่สองสามคำเท่านั้นมีบางอย่างที่สองสาวตักไปกินเยอะกว่าแต่นั่นก็เพียงแค่สามสี่คำเท่านั้น
เขาก่ายหน้าผากก่อนที่จะกวักมือเรียกพนักงานเช็คบิล
ซึ่งทันทีที่พนักงานมาเช็คบิลนั้นพนักงานคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่งและมองไปที่ซงฮยอนอู ‘เอาจริงดิ?’
สายตาราวกับสงสัยในสิ่งที่เห็นจากพนักงานคนนั้นทำให้ซงฮยอนอูแทบกระอักเลือด
“…คิดเงินเลยครับ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงหมดแรง
“ปกติแล้วทางร้านไม่มีบริการเอากลับบ้านแต่ว่า… เอากลับบ้านไปด้วยไหมครับ?”
พนักงานคนนั้นราวกับเห็นใจซงฮยอนอูเสนอทางเลือกให้ซงฮยอนอู
ซงฮยอนอูทันทีที่ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเขาก็มีสีสันเพิ่มขึ้นมาทว่าเมื่อมองจำนวนอาหารบนโต๊ะที่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางจัดการได้หมดแน่ๆ และเขาก็ไม่มีทางที่จะกินต่อจากยุนอึนบีและชามินเซแน่ๆ เพราะพวกเธอไม่ใช้ช้อนหรือส้อมในการตักอาหารเลยสักนิด!
สองคนนั้นหยิบไก่ทั้งตัวไปกัดสองสามคำและวางทิ้งไว้!
ใครจะไปกล้ากินต่อจากสองคนนั้นกัน!
คิดแบบนี้แล้วเขาก็ผายมือไปที่คนร่วมโต๊ะทันที
“ถามสามคนนี้ได้เลยครับ”
ยุนอึนบีและชามินเซทันทีที่ได้ยินแบบนั้นพวกเธอก็หูผึ่งก่อนที่จะส่ายหน้าและส่งสายตามองกันและกัน
“ไม่เอาค่ะ”
ซงฮยอนอูทันทีที่ได้ยินคำตอบจากสองสาว เขาก็สะดุ้งและไอออกมาทันที
เขามองสองสาวและกำลังจะพูดโน้มน้าวสองสาวออกไปทว่าเมื่อเห็นสีหน้าสองสาวที่ยิ้มยกมุมปากมองอาหารบนโต๊ะแล้ว เขาก็ถอนหายใจและหันกลับไปมองคังเยรินทว่าเมื่อเขาหันไปมองคังเยรินก็ส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ
เขาแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากมันซะตรงนี้ก่อนที่จะโบกมือปฏิเสธข้อเสนอของพนักงานเสิร์ฟ
พนักงานเสิร์ฟที่เห็นคำตอบเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองทันที
ซงฮยอนอูทันทีที่เห็นยอดค่าอาหารเขาก็กุมขมับอีกครั้งก่อนที่เขาจะชำเลืองไปมองผู้หญิงคนนั้นที่เขาแอบมองไปไม่นาน
เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นที่กินข้าวหมดจานเสร็จพอดี เขาเห็นเธอลูบพุงของตัวเองราวกับว่าพึ่งกินข้าวมื้อใหญ่ไปทั้งทั้งที่เธอคนนั้นกินข้าวไปแค่จานเดียวแถมเป็นจานเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มากด้วยซ้ำ
ค่าอาหารของผู้หญิงคนนั้นอาจจะน้อยกว่าค่าอาหารมื้อหนึ่งของเขาเกือบร้อยเท่าเลยสำหรับมื้อนี้
คิดแบบนี้แล้วซงฮยอนอูก็ได้แต่เศร้าใจ… ทำไมคนร่วมโต๊ะของเขาถึงไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นกัน
เขาได้แต่คิดในใจก่อนที่จะจ่ายเงินกับพนักงาน
หลังจากที่ผมทานอาหารเสร็จ ผมถึงได้รู้ว่า… ร่างกายผู้หญิงกินอาหารน้อยกว่าผู้ชายมาก!
ปกติแล้วข้าวผัดจานที่ผมสั่งมานั้นผมจะกินได้สบายๆ เผลอๆ อาจจะสามจานด้วยซ้ำทว่าพอเป็นผู้หญิง
ผมกลับทานไปแค่ครึ่งจานผมก็อิ่มแล้ว! แต่ด้วยความเสียดายผมต้องฝืนยัดส่วนที่เหลือเข้าไปจนตอนนี้ผมอิ่มจนพุงกางเลยก็ว่าได้
ผมเหลือบไปมองฝั่งของคังเยรินเพราะว่าผมมัวแต่สนใจเกี่ยวกับการฝืนยัดอาหารลงท้องที่แน่น ผมเลยไม่ได้สนใจโต๊ะฝั่งนั้นเลยสักนิดเดียว
ผมถึงเห็นว่าฝั่งนั้นเองก็ทานอาหารเสร็จแล้วและกำลังคิดเงิน ผมมองไปที่โต๊ะอาหารของฝั่งนั้นแล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้
คังเยรินและเพื่อนของเธอยังคงทำนิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด กินแค่สองสามคำก็เปลี่ยนไปอย่างอื่น!
สิ่งที่พวกเธอทำจริงๆ แล้วผมก็เคยเจอมาก่อนและนั่นก็เป็นอะไรที่ผลาญเงินมากๆ โดนเฉพาะผมที่ไม่ได้มีเงินที่เยอะขนาดนั้นเป็นเพียงนักศึกษาที่แทบจะไม่มีเงิน
ผมหันไปมองซงฮยอนอูด้วยความสงสารนิดหน่อยเพราะผมเข้าใจดีว่าการต้องจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นมันเป็นยังไง
ถึงซงฮยอนอูจะรวยมากๆ ก็เถอะแต่แค่เห็นปริมาณอาหารที่เหลือไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกว่าน่าเสียดายแน่ๆ
ผมถอนหายใจก่อนที่จะลุกไปคิดเงินเตรียมตัวกลับไปพักผ่อน
ส่วนเรื่องงานพาร์ทไทม์… ดูเหมือนผมจะต้องไปหางานใหม่แล้วสำหรับพรุ่งนี้
แน่นอนว่าผมไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความลงไปในกลุ่มแชทหอพักชาย
ลีจียอง: ไม่ได้กลับไปหอพักนะ วันนี้
พัคฮยองชิก: อีกแล้วหรอวะ?
ลีจียอง: เออ แล้วก็มีงานอะไรแนะนำเปล่าวะ? งานที่ได้เงินเยอะๆ พึ่งโดนไล่ออกมาวะ
จางยุนซอ: โดนไล่ออกหรอวะ?
ลีจียอง: อืม กูขอไปธุระแล้วก็ไล่กูออกเลย
ชเวจีวู: แย่ชิบหาย
พัคฮยองชิก: มาทำงานแบกกระสอบกับกูไหมล่ะ?
ลีจียอง: เงินดีหรอวะ?
พัคฮยองชิก: ก็ดี โหลดของเข้ารถบรรทุกได้คันละ 6,000 วอน
จองยุนซอ: ก็เหี้ยละ!! ลีจียองอย่าไปฟังไอ้พัคฮยองชิกนะ
จองยุนซอ: โหลดของขึ้นรถบรรทุกแม่งไม่ใช่น้อยๆ นะ มึงต้องแบกกระสอบหนักยี่สิบโลขึ้นรถบรรทุกทีละกระสอบ
จองยุนซอ: แล้วแต่ละคันต้องยกไปเกือบร้อยกระสอบ! อย่าไปฟังไอ้พัคฮยองชิกนะเว้ย!
ลีจียอง: เออ… เข้าใจแล้ว
ผมปิดโทรศัพท์เหลือบมองซงฮยอนอูเล็กน้อยทว่าในจังหวะนั้นเองผมก็รู้สึกเหมือนสายตาของเราสบกัน
ผมรีบละสายตาออกมาทันทีและเดินออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
ผมกลับไปนอนพักดีกว่า…
Chapters
Comments
- ตอนที่ 6 ค่าแรงพาร์ทไทม์มันดีเกินไปไหม? 1 วัน ago
- ตอนที่ 5 วันที่แย่จนท้อ 2 วัน ago
- ตอนที่ 4 วันที่เหมือนจะดีแต่ก็ไม่เคยดีหรอกนะ กรกฎาคม 2, 2025
- ตอนที่ 3 ไม่คิดเลยว่าผมจะน่ารักได้ขนาดนี้นะเนี่ย กรกฎาคม 1, 2025
- ตอนที่ 2 กลายเป็นผู้หญิงจริง! กรกฎาคม 1, 2025
- ตอนที่ 1 ผู้หญิงน่ะ ช่างโหดร้าย! กรกฎาคม 1, 2025
MANGA DISCUSSION