True Martial World พิภพเทพยุทธ์ - ตอนที่ 1158 พิสูจน์โอสถ
อะไรนะ? โอสถปลอมหรือ?
ทุกคนพากันมองตามเสียงไปก็พบว่าผู้พูดคือฮูเหยียนชาง
หลังจากที่ดึงดูดความสนใจจากทุกคนสำเร็จ ฮูเหยียนชางก็พูดอย่างมั่นใจว่า “อย่าเห็นว่าโอสถพวกนี้หน้าตางดงาม แท้จริงแล้วมันคือโอสถปลอม!”
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ท่านแน่ใจหรือ?”
จั่วชิวเฮ่าอวี้หน้าซีดเมื่อเห็นอี้อวิ๋นหลอมโอสถสำเร็จ เมื่อได้ยินคำพูดของฮูเหยียนชางก็รู้สึกเหมือนได้คว้าฟางเส้นสุดท้าย
“โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเป็นสีเขียว หากมีคุณภาพสูงก็จะเป็นสีเขียวมรกต ทว่าโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยนี้กลับเป็นสีฟ้า เจ้าเด็กนี่ใช้โอสถปลอมมาหลอกลวงคน ต่งเสี่ยวหวั่นที่กินโอสถเขาไปก่อนหน้านี้ก็กำลังหายใจรวยริน!”
ทุกคนพากันมองไปที่จั่วชิวปั๋วเมื่อฮูเหยียนชางพูดเช่นนี้
จั่วชิวปั๋วก็พยักหน้าพูดเช่นกันว่า “เป็นความจริงที่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเป็นสีเขียว แม้แต่ยอดปราชญ์โอสถลงมือก็เป็นสีเขียวเช่นกัน ข้าไม่เคยเห็นโอสถสีฟ้าน้ำแข็งแบบนี้มาก่อนเช่นกัน”
ขณะที่จั่วชิวปั๋วพูดก็นำขวดโอสถใบหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ หลังจากที่เปิดออกก็มีโอสถสีเขียวมรกตสองสามเม็ดกลิ้งออกมา กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทันที
“นี่คือโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยที่ข้าหลอมเมื่อหลายปีก่อน ทุกคนเชิญดูได้”
หลายคนอดชื่นชมที่จั่วชิวปั๋วพกโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยติดตัวไม่ได้ ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์โอสถชั้นยอด จั่วชิวปั๋วจึงย่อมมีโอสถมากมาย แม้แต่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยก็ยังพกติดตัว
ทุกคนมองไปที่มือจั่วชิวปั๋วก็เห็นโอสถสีเขียวมรกตสองเม็ด มันต่างจากโอสถของอี้อวิ๋นโดยสิ้นเชิง
จั่วชิวปั๋วพูดว่า “โอสถหทัยน้ำแข็งเป็นโอสถที่ใช้เลี้ยงวิญญาณ บำรุงร่างกาย พัฒนาระดับยุทธ์และหล่อเลี้ยงจุดตันเถียน สามารถใช้ในขณะบาดเจ็บหนักเพื่อช่วยชีวิต เป็นธรรมดาที่ข้าจะพกติดตัวไว้”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นภาพนี้ “อี้อวิ๋น เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม เอาดาบมา ข้าจะตัดมือเจ้าด้วยตัวของข้าเอง!”
คำยืนยันของจั่วชิวปั๋วทำให้จั่วชิวเฮ่าอวี้วางใจลงในที่สุด เขาชนะการเดิมพันครั้งนี้แล้ว
ทว่าอี้อวิ๋นที่อยู่ภายใต้สถานการณ์นี้กลับไม่ลนลาน
เขาพูดขึ้นว่า “มีโอสถบางอย่างที่ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปหลอมได้แบบไหนแล้วจะถูกต้องเสมอไป จั่วชิวเฮ่าอวี้ เจ้าพูดอยู่คำเดียวว่าโอสถที่ข้าหลอมเป็นโอสถปลอม เจ้ากล้าเพิ่มเดิมพันมากขึ้นอีกนิดไหมล่ะ จ่ายเงินเพิ่มอีกสามล้านอักขระและเดิมพันด้วยขากับตาเจ้าเพิ่มไปอีกเป็นไง?”
“เจ้า…”
เสียงจั่วชิวเฮ่าอวี้ชะงักลง เขาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้อี้อวิ๋นยังจะมีความคิดบ้าคลั่งอีก เขาบ้าไปแล้วหรือ?
แต่เมื่อเห็นท่าทีนิ่งสงบของอี้อวิ๋นเขาก็ไม่มั่นใจขึ้นมา คนพาลกลัวคนโง่ คนโง่กลัวคนไม่รักชีวิต คนไม่รักชีวิตกลัวคนบ้า
ตอนนี้อี้อวิ๋นเหมือนเป็นคนบ้าไปในแล้วในสายตาเขา เดิมพันมากขนาดนี้เชียว เขาคิดจะทำอะไรนะ?
“ทำไม ไม่กล้าหรือ?”
จั่วชิวเฮ่าอวี้มองไปที่จั่วชิวปั๋ว “ท่านอาปู่หก ข้า…”
จั่วชิวปั๋วขมวดคิ้วเบาๆ เขาไม่เข้าใจเช่นกันว่าอี้อวิ๋นเอาความมั่นใจมาจากไหน เขาเดินออกไปสองสามก้าวและยื่นมือให้อี้อวิ๋น “หนุ่มน้อย ให้ข้าทดสอบโอสถได้หรือไม่?”
ในฐานะที่จั่วชิวปั๋วเป็นปรมาจารย์โอสถระดับสูงของเมืองสรรพสิ่ง เขาจึงย่อมมีมาตรฐานในการประเมินโอสถ
อี้อวิ๋นส่ายหน้าพูดว่า “ไม่จำเป็น ที่นี่มีคนพิสูจน์โอสถได้เลยอยู่พอดี เจ้าสำนักต่ง!”
อี้อวิ๋นมองไปที่ต่งเส่าชิง “ให้ลูกสาวเจ้าลองโอสถได้หรือไม่?”
ต่งเส่าชิงตื่นตกใจ “ละ…ลูกสาวข้า?”
“วางใจเถอะ ด้วยอาการป่วยของลูกสาวเจ้าแล้ว การได้กินโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยก็มีแต่ประโยชน์ไม่มีผลเสีย”
โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยแตกต่างจากโอสถชำระร่าง โอสถชำระร่างมีไว้ชะล้างร่างกาย เมื่อไม่อาจขจัดสิ่งชั่วร้ายในร่างก็จะกลับกลายเป็นกระตุ้นแทน
แต่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยมีประโยชน์ด้านพัฒนาพลังจิตวิญญาณ บำรุงร่างกายและหล่อเลี้ยงจุดตันเถียน
ตอนนี้ต่งเสี่ยวหวั่นถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าร่าง เพลิงแห่งชีวิตอ่อนแรงอย่างยิ่ง จิตวิญญาณกับจุดตันเถียนถูกสิ่งชั่วร้ายผนึกจึงเข้าใกล้ความตาย
หากกินโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย แม้จะไม่อาจรักษาต่งเสี่ยวหวั่นได้เสมอไปแต่ก็ช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณและพลังชีวิตให้นาง ช่วยให้นางต่อต้านสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นอี้อวิ๋นจึงพูดข้อเสนอแนะเช่นนี้
เมื่อข้อเสนอนี้ตกสู่หูทุกคนก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อันวุ่นวายทันที
เดิมทีสีของโอสถที่อี้อวิ๋นหลอมก็มีปัญหา นี่เขายังจะใช้ชีวิตคนทั้งคนมาทดสอบโอสถอีก จะใจกล้ามากเกินไปแล้ว!
“อี้อวิ๋น! ต่งเสี่ยวหวั่นตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะกินโอสถชำระร่างของเขา นี่เจ้ายังคิด ใช้นางมาทดสอบโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย ต้องให้นางตายก่อนจึงจะพอใจหรือไร!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ตำหนิอี้อวิ๋นเสียงดัง
อี้อวิ๋นขี้เกียจสนใจอีกฝ่าย เขามองไปที่ต่งเส่าชิง “เจ้าสำนักต่ง เจ้าเชื่อโอสถของข้าหรือไม่?”
“คุณชายอี้ ข้าเชื่อท่านขอรับ!”
ต่งเส่าชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ มูลค่าของโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสูงกว่าโอสถชำระร่างห้าถึงสิบเท่า ทั้งยังเป็นโอสถเทพที่ใช้ช่วยชีวิต หากต่งเสี่ยวหวั่นได้กินโอสถนี้ก็เป็นโชคและบุญของนาง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าตอนนี้ต่งเสี่ยวหวั่นไม่ได้รับการรักษาก็คงมีชีวิตได้ไม่ถึงสามวัน อย่างน้อยกินโอสถล้ำค่านี้ก็ยังมีความหวัง
“เจ้าสำนักต่ง นี่เจ้า…”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ตะลึงอึ้ง แม้แต่ต่งเส่าชิงยังเชื่อ อี้อวิ๋นบ้าไปแล้วคนหนึ่ง นี่เขาก็บ้าไปอีกคนหรือ? เอาชีวิตลูกสาวตัวเองมาล้อเล่น?
“ปรมาจารย์จั่วชิว ท่านคงไม่ถือสาที่จะใช้โอสถหทัยน้ำแข็งของท่านเม็ดหนึ่งหรอกใช่ไหม?” อี้อวิ๋นถามจั่วชิวปั๋ว
จั่วชิวปั๋วหัวเราะ “เจ้าช่างมั่นใจจริงๆ ข้าย่อมไม่ถือสาที่จะใช้โอสถเช่นนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่จั่วชิวปั๋วพูดก็ดีดนิ้ว โอสถหทัยน้ำแข็งในมือเขากลายเป็นลำแสงแล้วลอยเข้าปากต่งเสี่ยวหวั่น
เมื่อโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเข้าสู่ปากก็กลายเป็นกระแสพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่เริ่มหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณและร่างกายของต่งเสี่ยวหวั่น
พลังโอสถของโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยอ่อนโยนมาก หลังจากที่ต่งเสี่ยวหวั่นกินไปก็ไม่มีสีหน้าเจ็บปวดแม้แต่น้อย นางดูดซึมพลังโอสถอย่างนิ่งสงบ
จั่วชิวปั๋วใช้การรับรู้มาติดตามพลังโอสถ แต่เขากลับต้องค้นพบอย่างตกใจว่าเมื่อพลังโอสถเหล่านี้กลายเป็นพลังที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตในท้ายที่สุด เมื่อพวกมันเข้าสู่จุดตันเถียนของต่งเสี่ยวหวั่นก็กลับละลายอย่างรวดเร็วประหนึ่งหิมะที่อยู่ใต้แสงแดด
ร่างกายต่งเสี่ยวหวั่นดูดซึมพลังโอสถเหล่านี้อย่างอยากกระหาย ทว่าพลังชีวิตนางกลับเพิ่มขึ้นไม่มาก สุดท้ายพลังทั้งหมดก็หายเข้ากลีบเมฆไป…
นี่…
จั่วชิวปั๋วตกใจ โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเป็นโอสถระดับสูงแล้ว ไม่ใช่แต่ช่วยเด็กรุ่นเยาว์ระดับรวมวิถีช่วงปลาย ต่อให้ใช้ช่วยคนระดับอรหันต์ก็ยังเพียงพอ
แต่วันนี้โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยของเขากลับมีผลลัพธ์น้อยมาก! เด็กสาวคนนี้เป็นอะไรไปกันแน่ หากนางถูกพิษ เช่นนั้นพิษนี้ต้องร้ายแรงแค่ไหน?
“ปรมาจารย์จั่วชิว ท่านจะใช้โอสถต่ออีกหรือไม่?” อี้อวิ๋นถาม
จั่วชิวปั๋วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะ”
แม้การใช้โอสถต่อจะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ได้เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ห่างไกลจากการช่วยต่งเสี่ยวหวั่นมากอยู่ดี
“เช่นนั้นก็ถึงคราวข้าแล้ว”
อี้อวิ๋นบีบโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเม็ดหนึ่ง โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยย่อมต้องเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าโอสถหทัยน้ำแข็งได้อย่างไร?
ตอนที่อี้อวิ๋นได้เทียบโอสถของโอสถตัวนี้มาเมื่อสิบวันก่อน เขาก็พบว่ามันต่างจากบันทึกในคัมภีร์ของเทพโอสถ
เนื่องจากปรมาจารย์โอสถหลายคนหวงวิชาของตัวเอง เทียบโอสถหลายตัวจึงค่อยๆ สูญหายไปตามกาลเวลาหรือเกิดความเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นตอนที่อี้อวิ๋นหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยจึงทำตามคัมภีร์ของเทพโอสถเป็นหลัก โอสถที่หลอมออกมามีสรรพคุณเลี้ยงวิญญาณ บำรุงร่างและหล่อเลี้ยงจุดตันเถียนเช่นกัน แต่สรรพคุณนี้กลับทรงพลังกว่ามาก
ส่วนเรื่องที่โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยจะรักษาต่งเสี่ยวหวั่นให้หายดีอี้อวิ๋นก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้มากนัก แต่หากแค่ช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้นางเล็กน้อยเขาก็มีความมั่นใจอยู่
ฟิ้ว!
โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยกลายเป็นลำแสงสีฟ้าและลอยไปหาต่งเสี่ยวหวั่น ลำแสงนี้ไม่ได้ลอยเข้าปากนางแต่พุ่งไปที่ท้อง
เมื่อโอสถสัมผัสกับเลือดเนื้อต่งเสี่ยวหวั่นก็กลายเป็นพลังโอสถอันบริสุทธิ์ที่ผสานเข้าสู่จุดตันเถียนทันที
อี้อวิ๋นเลือกส่งโอสถเข้าที่ตำแหน่งนี้อย่างจงใจ เพราะในการมองเห็นพลังของผลึกม่วงเขาเห็นตำแหน่งของสิ่งชั่วร้ายนั่นอย่างชัดเจน จุดที่เขาส่งโอสถอยู่หลีกเลี่ยงจากสิ่งชั่วร้ายพอดี
พลังโอสถเข้าสู่จุดตันเถียนแต่กลับไม่ได้มีเพื่อหล่อเลี้ยงจุดตันเถียน มันมีเพื่อใช้จุดตันเถียนเป็นจุดเริ่มต้นในการส่งพลังโอสถไปในเส้นลมปราณให้ไหลไปทั่วร่างและหล่อเลี้ยงร่างต่งเสี่ยวหวั่นต่างหาก
อี้อวิ๋นหลบเลี่ยงงานหนักไปทำงานเบา เขาเลือกเพิ่มความแข็งแกร่งให้เลือดลมและร่างกายของต่งเสี่ยวหวั่น เพราะอย่างไรจุดตันเถียนก็ถูกสิ่งชั่วร้ายนั่นยึดครองไปแล้ว มีสิ่งชั่วร้ายนี้ค่อยบ่อนทำลาย ส่งพลังโอสถเข้าไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ
เมื่อพลังโอสถผสานเข้ากับเลือดเนื้อต่งเสี่ยวหวั่น พลังชีวิตในร่างนางก็ค่อยๆ ละลายเป็นสายน้ำเหมือนน้ำแข็งในต้นฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่เส้นลมปราณ
หลังจากที่เวลาผ่านมาครึ่งก้านธูป ใบหน้าที่ซีดขาวเหมือนกระดาษของต่งเสี่ยวหวั่นก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างหาได้ยาก ขนตานางถึงขั้นสั่นเบาๆ ราวกับจะลืมตาขึ้น
“เสี่ยวหวั่น!”
ต่งเส่าชิงตื่นเต้นมากเมื่อเห็นว่าในที่สุดต่งเสี่ยวหวั่นก็มีการตอบสนอง
เขารีบเดินไปอยู่ข้างกายนาง แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วดวงตานางก็ไม่ลืมขึ้น
ทว่าตอนนี้เลือดลมนางแดงระเรื่อขึ้นมาก พลังจิตวิญญาณก็แข็งแกร่งขึ้น ลมหายใจกับการเต้นของหัวใจเสถียรและยืนยาวประหนึ่งกำลังนอนหลับ
“ได้ผลแล้ว ได้ผลแล้ว!”
ต่งเส่าชิงพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกุมมือลูกสาว สามวันมาแล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความอุ่นจากมือลูกสาว ก่อนหน้านี้นางมือเย็นเหมือนน้ำมาโดยตลอด
“ขอบคุณคุณชายอี้ขอรับ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้”
ต่งเส่าชิงทำความเคารพให้อี้อวิ๋น
จั่วชิวเฮ่าอวี้ตะลึงค้างเมื่อเห็นภาพนี้ ดุจดั่งวิญญาณเขาออกจากร่าง ตอบสนองอะไรไม่ถูกอยู่นาน
………………………………………….