บทที่ 6 : สมรภูมิแห่งปัญญา
ทันทีที่แสงขาวบริสุทธิ์สว่างวาบเปิดทางให้พวกเขา ไคน์บุกทะลวงด้วยหอกอันแหลมคม ลินน์คอยสนับสนุนบ้างใช้ธนู บ้างใช้หมัดและเข่า อคินระบุจำนวนศัตรูทันที ‘ทั้งหมดมีเก้าคน หนึ่งในนั้นดูเหมือนเป็นคนสั่งการอยู่แนวหลัง ส่วนฝั่งนี้มีแนวหน้าแค่สองคน แนวหลังสองคนที่คอยป้องกันเกวียนที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เพราะม้าโดนจัดการไปแล้ว’ เขาเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว ‘เสียเปรียบเห็นๆ ด้านกำลังพล หนึ่งต่อสอง และกำลังถูกตีโอบล้อม’
ในตอนที่ความคิดกำลังวนเวียนอยู่ในหลุมลึกไร้ทางออก มือเรียวบางก็ได้โอบกอดเขาจากด้านหลัง “อย่ามองนะ…” ลูน่ากระซิบกับเขาเบาๆ สายตาหวาดกลัวปรากฏอยู่ทั่วใบหน้าศัตรู ร่างกายสั่นสะท้านเหมือนจะโดนสาปให้เป็นหินก็ไม่ปาน เขาจับกระชับมือของลูน่าที่โอบกอดเขาไว้อย่างมั่นคง เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา ไม่ใช่ความฝัน ความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่โอบรอบตัวเขานั้นคือของจริง คือสัมผัสที่คุ้นเคยและเป็นที่พึ่งเดียวในความวุ่นวายนี้ ยามนี้เขาเพิ่งตระหนักว่า ลูน่ามิได้เป็นเพียงผู้ชี้นำ หากแต่เป็นแสงสว่างเดียวที่ฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากห้วงความสิ้นหวัง “ลูน่า ตอนนี้พวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย เพื่อที่จะปกป้องทุกคน ผมต้องการ..ข้อมูล” เขาตอบกลับโดยไม่หันกลับไปมองเธอ ความเด็ดเดี่ยวฉายอยู่ในแววตา ลูน่าที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกและการปกป้องจากอคิน เด็กน้อยผู้มุ่งมั่นทำให้หัวใจของเธอสงบลงอีกครั้ง “โจรพวกนี้แต่ก่อนนั้นคือทหาร ย่อมต้องทำงานร่วมกันเป็นแบบแผน นั่นคือจุดแข็ง…”เธอต่อปริศนาส่วนสุดท้ายให้เขา ‘ทำงาน!? เป้าหมายไม่ใช่การปล้น!’ ในช่วงเวลาที่เข้าตาจน อคินออกคำสั่งทันที “จัดขบวนเป็นเส้นตรง! เราจะโจมตีกลับ!”
ไคน์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมามองลินน์ข้างหลัง เธอพยักหน้าตอบเป็นการอนุญาติ “เป้าหมายคือผู้บัญชาการฝ่ายศัตรู! ไคน์บุกทะลวง สร้างจังหวะและเปิดทาง! ลินน์คอยสนับสนุนผม!” อคินสั่งย้ำอีกครั้งแล้วหันกลับไปหาลูน่า แววตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอที่เปลี่ยนไปจากเดิม สายตาของเธอนั้นนิ่งสงบแต่กลับเดือดดาลอยู่ภายในด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งโกรธ กลัว เสียใจ และเศร้าหมอง “เหมือนที่เธอบอกไว้ ผมจะปกป้องเธอเอง อยู่ใกล้ๆผมไว้นะ” เขากระซิบเบาๆเหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่มีผ่านคำพูดแล้วคว้าถุงกระสอบเจ้ากรรมหยิบหินอัญมณีออกมาใส่กระเป๋ากางเกงไว้จำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงไล่ตามประกบไคน์และลินน์ โดยคอยเฝ้าระวังแนวหลัง “อื้อ…” เธอเดินตามหลังเขาไปในช่วงที่บรรยากาศนั้นช่างดูโกลาหนวุ่นวาย เธอกลับมีรอยยิ้มบางๆฉายอยู่เท่านั้น ราวกับรู้แจ้งว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ
ตอนนี้พวกเขาประจำตำแหน่งเหมือนที่เคยเดินทางเมื่อตอนเช้า แต่ต่างตรงที่ มีศัตรูด้านหน้าอยู่หกคนและด้านหลังสองคน “ไอ้พวกโง่! ล้อมแล้วดันมันเข้าไปสิวะ มันมีกันแค่สี่คนเองนะโว้ย!” เสียงดังแว่วขึ้นจากด้านหลัง ตัวหัวหน้าที่สั่งการเริ่มหงุดหงิด
“จัดการตัวหน้ามันพร้อมกันเลย!” มันชี้นิ้วสั่งหมายจะทำให้ไคน์สิ้นสภาพ ภาพคนหกคนกำลังวิ่งมาจากด้านหน้าเป็นแถวกระดานพวกมันง้างมีดในมือพร้อมจะฟันทันทีเมื่อถึงระยะ มืออีกข้างถือโล่พอจะบังส่วนลำตัวและหัวได้ “ไคน์พุ่งเข้าไปตรงกลาง! ลินน์ ใครเปิดช่องก็ยิงสกัดมันเลย!” เสียงสั่งการอคินดังลั่น ทำให้พวกโจรป่าเริ่มที่จะยกโล่ขึ้นบัง และทันทีที่ถึงระยะของมีดจะสำฤทธิ์ผล ปรากฏก้อนอัญมณีสีแดงวาวพุ่งเข้าหาพวกมันพร้อมกับเสียงตะโกะ “ระเบิด!!” โจรป่าพลันเปลี่ยนท่ากลับเข้ามุมใช้โล่บดบัง แต่มันสายไป ลินน์ยิงเข้าลำคอไปหนึ่งศพ และไคน์ที่แทงหอกออกไปอย่างไม่ลังเลโดยไร้ซึ่งการป้องกันทำให้พวกของมันลดลงไปอีกหนึ่ง “ดันเข้าไปเลย!” อคินไม่รอช้าสั่งการต่อทันที
“โอ้ว!!” ไคน์ระเบิดเสียงเบ่งพลัง มีเพียงศัตรูที่ยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาผ่านไปเพราะเศษพลอยธรรมดาเพียงก้อนเดียวอย่างโง่งม สร้างความอารมณ์ขันให้เขามาก โจรที่หวาดผวากับระเบิดแสงที่แปลกตา อาวุธเช่นนี้ไม่เคยพบเห็น แต่ถ้าแค่มันระเบิดนอกสายตาก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว แต่ทว่าผ่านไปชั่วอึดใจดั่งกลืนน้ำลายลงคอ กลับไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่มีแสงวาบ ไม่มีแรงระเบิด มีเพียงลูกธนูที่พุ่งแสกหน้าสิ้นชีพไปอีกศพ เมื่อตอนนั้นจึงรู้ว่าตนโดนหลอก “ตามพวกมันไป!” หนึงในโจรที่โดนหลอกตวาดอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นว่าแนวแถวของตนโดนตีแตกด้วยอุบายที่งี่เง่าเกินกว่าจะเอ่ยถึง หากพรรคพวกรู้เข้าคงโดนล้อเลียนไปจนดินกลบหน้า เมื่อคิดเช่นนั้นต่างก็วิ่งตามหลัง อคินและลูน่าหมายจะจัดการอย่างร้อนใจ “ปรับขบวน! ไคน์กลับมาอยู่แนวหน้าจัดการศัตรูที่พยายามจะตีอ้อมฝั่งขวา! ลินน์หาทางเบี่ยงออกขวาพยายามโอบไว้!” อคินสั่งอย่างรวดเร็วและถอยหลังไปอยู่ตรงศูนย์กลาง! ‘ตอนนี้เราแก้ไขเรื่องโดนล้อมได้แล้ว เหลือแค่จัดการความได้เปรียบเรื่องจำนวน’ เขาคิดคำนวณอยู่ในใจพลางมองสังเกตตำแหน่งของศัตรู ‘ด้านหลังมีตัวสั่งการซึ่งดูแล้วไม่น่ามีพิษภัยอะไร ในมือมีแค่มีดเท่านั้น ลินน์ที่อยู่ข้างหลังน่าจะรับมือได้’ เขากลับมาให้ความสำคัญกับกำแพงมนุษย์อีกห้าคนที่เหลือ ลินน์วิ่งออกทางขวาพร้อมกับเล็งจังหวะ หากมีใครที่เผลอลดการป้องกันเธอจะยิงทันที
“ไคน์! รับ!” อคินขว้างขวดยาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงอีกข้าง ‘ถึงมันจะเป็นยาสมานแผล ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้อาการเหนื่อยหอบได้ไหม แต่มีไว้ก็ดีกว่า’ เขาคว้ารับขวดยาที่ลอยเข้ามาเหนือหัว โจรป่าเห็นสบโอกาส รีบฟันแขนเขาโดยพลัน แต่ภาพก็วูบดับไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะลินน์นั้นง้างสายธนูรออยู่ก่อนแล้ว “โอ้! ขอบใจนะ ไอ้เปี้ยก!” เขายิ้มกรุ่มกริ่มยกซดยามือเท้าสะเอวอย่างสบายใจ ยั่วยวนพวกมันได้ผลนัก พวกโจรที่ได้แต่ยืนมองอย่างกล้าๆกลัวว่าลูกศรจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ตามที่ตนเผลอ ก็ทำได้แต่โมโห
“แม่งเอ้ย! ไม่ได้แล้ว! เอ็งคอยบังนังนั่นไว้ ที่เหลือจัดการไอ้หอกนี่!” หนึ่งในสี่คนเริ่มบันดาลโทสะ เพราะโดนตัดสายบังเหียนจากอีกฝั่งเลยทำอะไรกันไม่เป็นที่เป็นทาง เช่นนั้นเขาก็คงต้องขึ้นนำ ไคน์เห็นท่าไม่ดีเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อมทันที “ไคน์ถอยหลังออกไปทางปีกซ้าย!” อคินสั่งการพร้อมกับวิ่งเข้าไปสมทบปลายดาบที่ลากจรดไปกับพื้นสร้างความสนใจลอกล่อศัตรู “ย้ากก!!” อคินแผดเสียงตั้งท่าจะตวัดดาบขึ้นฟันจากฝั่งซ้าย โจรซะล่าใจยกโล่ขึ้นบัง พลันดับวูบไปอีกหนึ่งด้วยลูกศรบนคอที่พุ่งมาจากข้างขวา
“เหลือสามแล้ว! ลินน์รักษาระยะห่าง ล้อมมันไว้จากด้านหลัง!” อคินสั่งการอีกครั้งพร้อมถอยมาอยู่ทางขวา กลายเป็นโจรป่าซะเองที่ถูกล้อม และพวกมันรู้ตัว ตั้งโล่หันหลังชนกันทันที แต่ถึงแม้จะรู้ตัวว่าสถานการณ์กำลังค่อยๆเสียเปรียบ แต่ก็ไม่ได้วิตกกังวลมากมายพลางคิดในใจ ‘กำลังก็สามต่อสามเท่ากัน และพวกเราก็มีโล่ ถ้ามองในเรื่องการป้องกันแล้วไม่ใช่ปัญหาเลย!…แต่ไอ้เวรนั่น!’ เมื่อสายตาของมันมองไปที่หัวหน้า ปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นมา เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
“พวกมึง พอแค่นี้แหล่ะ!” หัวหน้าโจรตะโกนลั่นอย่างสะใจในสภาพที่กำลังล็อคคอลูน่าจากข้างหลัง อคินเสียววาบไปทั้งตัวเหมือนโดนไฟช็อตเหงื่อไหลจรดคาง เขามองเข้าไปในดวงตาของเธอ แต่ลูน่ายังคงตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเคยเหมือนปกติทุกเมื่อเชื่อวัน ‘ไม่เป็นไร’ ความเชื่อผุดขึ้นในหัวอย่างไร้ที่มาและเหตุผล ว่าเธอจะต้องปลอดภัย อคินวางดาบลงตรงหน้า คุกเข้าอย่างเชื่องช้า ไคน์จองมองภาพนั้นด้วยสายตายากจะเชื่อ แต่เมื่อราชาโดนรุกฆาต เบี้ยอย่างเขาจะเดินต่อได้อย่างไร ไคน์จึงได้แต่ทำแบบเดียวกัน พลันฉงนในแววตาของลูน่า ที่ไร้ซึ่งกังวล ถึงแม้เขาจะเป็นคนโง่ แต่สัญชาติญาณก็พอมี ‘บางอย่างมันไม่ใช่!’ คำๆนั้นวนเวียนอยู่ในหัว สายตาจดจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเจ้าเด็กน้อย ส่วนลินน์ที่อยู่ไกลออกไปได้แต่ง้างสายธนูอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็หาได้มีช่องโหว่ไม่ ทุกอย่างหยุดลง มีเพียงโจรสองคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาเพื่อชำระแค้น อีกคนคอยกันท่าหันหลังปกป้องเพื่อนหนึ่งในสอง ทำให้ทางฝั่งของลินน์นั้นไม่มีโอกาสจะแก้ตัว “เก็บไอ้เด็กนี่ไว้! แม่งทำแสบนัก กูจะคิดบัญชีมันเอง!” หัวหน้าโจรชี้อย่างเดือดดาลตั้งใจจองเวรเขาโดยเฉพาะ จึงเหลือแค่ฝั่งไคน์ที่จะถูกปลิดชีวิตเป็นรายแรก รอยยิ้มโจรชั่วเด่นชัดขึ้นบนใบหน้า หวังล้างความอับอายทั้งหมดด้วยดาบนี้ มีดยกสูงเป็นการประกาศศักดา
ในทันที ก่อนที่ยมทูตจะได้จดชื่อของไคน์ลงบัญชีคนตาย คำสั่งพลันดังขึ้น “ยิงขามัน!” เสียงลูกศรพุ่งฝ่าอากาศเพียงอึดใจ ปักลงบนร้อยหวายของโจรอย่างแม่นยำ มันล้มคะมำลงไปทันที ไคน์ฉวยโอกาสหยิบหอกตรงหน้าแทงเข้าไปกลางลำตัว อคินหันมาดึงโล่หลุดจากมือโจรข้างหลังในขณะที่สายตาของมันกำลังมองเพื่อนที่พึ่งจากไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงพริบตาโล่ของมันก็ถูกชิงไปแล้ว อคินจับโล่ไว้แน่น พุ่งกระแทกหลังโจรป่าที่ยืนหันหลังชนกับเพื่อน กำลังระแวดระวังลูกธนูจากด้านหน้าอย่างไม่รอช้า “ยิงคุ้มกัน!” ลินน์เปรียบดั่งอินทรีจ้องหนูนาที่ไร้ซึ่งกำบังก็ปล่อยศรออกไปอย่างจับวาง ส่วนไคน์วิ่งตามเข้ามาก็รับช่วงต่อจากอคินจัดการโจรที่ล้มทันใด
ตอนนี้เหลือเพียงตัวหัวหน้าที่ยังคงยืนหลบด้านหลังของลูน่าอย่างไม่ท้อแท้ “มึงไม่ห่วงนั่งนี่เลยใช่มั้ย!? ทิ้งอาวุธซะ! เดี๋ยวนี้!” มันตวาดอย่างโกรธแค้น จากเก้าเหลือแค่หนึ่ง ถึงตายไปตอนนี้คงโดนเพื่อนที่รออยู่ต้อนรับด้วยหมัดและฝ่าเท้าแน่
“เอ่อ…นั่นนะ จอมเวทย์ขั้นห้าเลยนะ” ไคน์เอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติ และดูจะไม่กังวลในความปลอดภัยของเธอเลยจริงๆ “ได้! งั้นก็ลองดู!” มันกดมีดลง ปาดลึกเข้าไปในลำคอ ภาพหวาดเสียวปรากฏขึ้นแก่สายตา แต่ทว่า…ไม่มีเลือด ไม่มีเสียงร้อง ราวกับว่ามีดนั้นตัดผ่านอากาศไปเฉยๆ ตัวของเธอเริ่มเลือนลาง แตกสลายกลายเป็นธุลีแสง ล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า เหลือเพียงโจรป่าที่ยืนเหมือนคนบ้าอย่างโดดเดียวกับมีดหนึ่งเล่มในมือ “เอาหล่ะ เมื่อกี้แกว่าไงนะ?” ไคน์และลินน์ที่ได้โอกาส ระบายความในใจก็ลงมืออย่างไม่เสียดายแรง
อคินที่กำลังมองละอองแสงที่ล่องลอยอยู่กลางราตรี ถึงจะรู้และเชื่อมั่นอยู่ในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น ว่าเธอจะหายไปตลอดกาล แต่เพียงไม่นาน ร่างกายเขาก็หนักขึ้น เริ่มมีละอองแสงโผล่ออกมาจากตัวเขา ร่ายรำรอบตัวราวกับหิ่งห้อยเล่นแสงไฟ ก้อนแสงสว่างก่อตัวรวมกันกลายเป็นลูน่าในสภาพที่ยังโอบกอดเขาจากด้านหลังเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน ความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เข่าทรุดตัวล้มลงนอนกับพื้น สติค่อยๆเลือนหายล่องลอยไปกับความฝัน
หลังจากที่ไคน์และลินน์นั้นสมใจปรารถนาแล้ว ขณะที่ไคน์จะส่งมันไปหาเพื่อนๆ ลินน์ก็ห้ามเขา “เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างแปลกๆ …เก็บมันไว้ก่อน” เธอพูดพลางมองหาทางกลับไปที่เต็นท์ “จู่ๆเราก็ทิ้งสินค้าออกมาเลย ทั้งๆที่หน้าที่หลักของเราคือคุ้มกันสินค้า” “เออ…จะว่าไปก็ใช่แฮะ” ไคน์ที่กำลังมัดโจรไพล่หลังแล้วผูกติดกับต้นไม้ตอบเป็นเชิงเห็นด้วย “กลับไปรวมตัวที่เต็นท์กันก่อนเถอะ” ลินน์เอ่ยพลางเดินไปอย่างเชื่องช้า ทั้งคู่พบอคินในสภาพนอนน้ำลายไหลบนตักของลูน่าที่นั่งพิงต้นไม้ ทั้งสามมองกันอย่างเอ็นดู ไคน์แบกอคินขึ้นพาดบ่า และทั้งหมดก็เดินกลับเต็นท์เพื่อฟื้นฟูความเหนื่อยล้าทั้งกายใจ
Chapters
Comments
- บทที่ 7 : มหาภัยแห่งเทพและปีศาจ (จบ Arc 1) 17 ชั่วโมง ago
- บทที่ 6 : สมรภูมิแห่งปัญญา 1 วัน ago
- บทที่ 5 : บททดสอบแรกและพลังที่ซ่อนเร้น 3 วัน ago
- บทที่ 4: มิติใหม่แห่งการผจญภัย มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 3 : ก้าวแรกแห่งพันธ มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 2 : ตำนานเอกโลกา มิถุนายน 19, 2025
- บทที่ 1: พันธสัญญาแห่งผู้กล้า มิถุนายน 19, 2025
- ตอนที่ 0 บทนำ: ภาระของน้ำตาเทียน มิถุนายน 19, 2025
MANGA DISCUSSION